อลิซ เจ้าหญิงผมทอง - อลิซ เจ้าหญิงผมทอง นิยาย อลิซ เจ้าหญิงผมทอง : Dek-D.com - Writer

    อลิซ เจ้าหญิงผมทอง

    ภาคพิเศษของ Princess of Time ตอนอลิซยังเด็กค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    5,583

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    5.58K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ม.ค. 49 / 23:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ชี้แจง : เนื่องจากมีผู้ขอภาคนี้มาค่อนข้างเยอะและการส่งเมล์มีปัญหาตามมามากเลยเอามาลงในนี้อีกครั้งโดยใช้ชื่อเรื่องเดิม แต่ในนี้จะไม่มีการจัดหน้ากระดาษ ไม่มีตัวหนา ตัวเอียง ให้นะคะ

      -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                                                                  เรื่อง อลิซ เจ้าหญิงผมทอง


      บทที่ 1 งานเลี้ยงชาวฟ้า

      ทุกๆปีเจ้าหญิงจากเมืองต่างๆ และเจ้าชาย จะถูกเชิญให้ไปร่วมงาน ที่ตื่นเต้นก็
      ตรง ที่จัดปีละครั้งและแต่ละเมืองจะได้พบกัน เป็นการกระชับมิตรไปในตัว และ
      จะได้พูดคุยกับเหล่านางฟ้าด้วย

      ฉัน - อลิซซิน่า ครูเว่น หรือที่ใครๆทั่วไปเรียกว่า อลิซ ได้ฉายาว่า เจ้าหญิงผม
      ทอง เพราะในบรรดาทั้งคนทั่วไป และ ในบรรดาเจ้าหญิง หรือ เชื้อกษัตริย์ทั้ง
      หลาย ไม่มีใครมีผมสีทองแบบแตกต่างอย่างฉัน
      นอกจากนี้ฉันยังมีดวงตาสีฟ้า และความลับที่น้อยคนจะรู้ หนึ่งในนั้นก็คือ การ
      เปลี่ยนผมสีทอง และ ดวงตาสีฟ้าสดใสของฉันให้เป็นสีต่างๆตามต้องการ ถ้าจำ
      เป็นหรือฉันเรียนรู้มากพอ ตอนนี้ฉัน เปลี่ยนได้แค่สีดำเท่านั้น

      วันที่จัดงานจัดวันศุกร์ เริ่มตั้งแต่เวลา 9.00 น. จะมีรถมารับ รถที่มารับเป็นรถ
      ม้าวิเศษณ์ เพราะต้องพาเราไปถึงที่อยู่ของนางฟ้า งานเลี้ยงจะมีเจ้าหญิงเจ้าชาย
      อายุ 7 ปีขึ้นไปเท่านั้น จะจัดเป็นรุ่นอายุ ทุกคนที่เป็นเชื้อกษัตริย์ จะได้ไป ร่วม
      งานแม้พวกกษัตริย์เอง แต่จะจัดต่างวันกันโดยจะมีสารเชื้อเชิญ
      วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปงาน เพราะฉันอายุครบ 7 ปีแล้ว

      ฉันจะได้พบเพื่อนเก่าของฉัน นี่เป็นเหตุผลที่ฉันอยากไปมากที่สุด เพราะหลาย
      ปีมานี้ฉันได้แต่อยู่ในพระราชวัง มอนต้าเป็นคนคอยดูแลประจำตัวฉัน ( คล้ายๆ
      แม่นมแต่ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ให้นมแค่ดูแลอย่างใกล้ชิด ) แน่นอนทุกอย่างมอน
      ต้า และคนอื่นๆเป็นคนจัดการให้ และเธอก็จู้จี้เพื่อให้คุณหนู
      หรือเจ้าหญิงของเธอเด่นและเลิศที่สุด ( จนบางครั้งฉันก็เบื่อ แต่ก็เข้าใจ )

      \" อลิซ ไปเข้านอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้างานเริ่ม 9 โมงเช้านะ \" มอนต้า
      พูด
      \" ค่ะ \" แล้วฉันก็เข้านอน ป้ามอนต้า จะพูดกับฉันด้วยภาษาธรรมดา เหมือนพ่อ
      แม่ของฉันพูดกับฉัน นี่เป็นข้อดีที่ฉันชอบคุยกับมอนต้า อีกข้อ คือ มอนต้า เข้าใจ
      ฉันทุกอย่าง และทุกเรื่อง มอนต้ามักเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันเสมอ

      เช้าวันศุกร์ที่เป็นวันงาน ฉันตื่นด้วยเสียงปลุกที่ทำให้ฉันต้องตื่น ( จากฝัน
      หวาน ) และบรรยากาศแสนอุ่นสบายและน่านอนเป็นอย่างยิ่ง
      “ อลิซตื่นเร็วไปอาบน้ำ และจะได้รีบแต่งตัวเดี๋ยวไปงานไม่ทันนะจ๊ะ “ เสียงมอน
      ต้าพูดอย่างสดใสเหมือนทุกๆเช้าที่เธอรู้ ว่าจะได้แต่งตัวให้ฉัน เธอชอบแต่งตัว
      ให้ฉันมาก ไม่ว่าฉันจะอยากหรือไม่ เธอก็ไม่สนใจ เพราะการที่ได้แต่งตัวให้ฉัน
      เป็นความสุขมากที่สุดของเธอ ( แม่ของฉันบอกว่า เป็นเพราะตอน เด็กๆ มอนต้า
      ชอบเล่นตุ๊กตามาก )

      ฉันตอบอย่างงัวเงียว่า “ ป้าจำเวลาผิดรึเปล่าคะ งานเริ่ม ตอน 9 โมงเช้านะคะ
      ไม่ใช่ 6 โมงเช้า ป้าถึงมาปลุกหนูตั้งแต่ตี 4 อย่างนี้ ”

      ป้ามอนต้าตอบด้วยเสียง สดใส ( ลงกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย ) ว่า “ จำไม่ผิดหรอก
      รีบตื่นได้แล้ว “ แล้วป้ามอนต้าดึงผ้าห่มจากตัวฉันแล้วพับ

      ” ป้าไม่ต้องพับให้หนูก็ได้ค่ะเดี๋ยวหนูพับเอง …หนูทำเองได้นะคะป้า “ ฉันพูด
      อย่าง เกรงใจ
      “ ไม่ต้องพูดมากหรอกจ้ะรีบไปอาบน้ำก็พอ “ มอนต้าพูด
      “ ค่ะ “ ฉันตอบอย่างว่าง่าย

      ฉันรีบคว้าผ้าขนแกะเนื้อนุ่มที่หอมกรุ่นไอแดดที่ฉันใช้ เป็นผ้าเช็ดตัวไปที่ห้อง
      น้ำอย่างเร็วที่สุด
      แต่ก็ไม่เร็วเท่าใจมอนต้า เธอไปถึงห้องน้ำที่อยู่ในห้องก่อนฉันซะอีก เธอบอก
      ให้
      ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าและรีบลงอ่างน้ำ วันนี้เธอจะอาบน้ำให้ฉัน เพื่อความรวดเร็ว
      เพราะมอนต้ารุ้
      ดีว่าถ้าฉันอาบน้ำจะต้องนานเป็นหนึ่งชั่วโมงแน่ ( เพราะฉันชอบเล่นฟองสบู่ใน
      ห้องน้ำ )
      มอนต้าหยิบแปรงขัดตัวที่แสนนุ่มอ่อนขัดลงบนแผ่นหลังของฉันอย่างนุ่มนวล
      เวลาผ่านไป 15
      นาที ฉันก็อาบน้ำเสร็จ ( เร็วเป็นประวัติศาสตร์ )

      ป้ามอนต้าจัดการแต่งตัวให้ฉัน ด้วยชุดที่สวยงามชุดหนึ่ง มันเป็นสีชมพูอ่อนด้าน
      ในด้านนอกเป็นสีทองเป็นประกาย มีลูกไม้อ่อนๆสีทองคลุมลงมาเล็กน้อย ด้าน
      ล่างเป็นขลิบชมพูที่ชายกระโปรงที่พองเหมือนใส่สุ่มแต่จริงๆแล้วมันพองเพราะ
      ผ้านุ่มๆชั้นในที่มากไปหน่อยแต่ไม่ร้อนเลยซักนิด
      ป้ามอนต้าให้เหตุผลว่าชุดนี้เหมาะ กับฉันมากที่สุด และ เธอรู้ว่าเป็นชุดที่ฉัน
      ชอบมากที่สุดด้วย

      อีก 10 นาทีต่อมาหลังจากแต่งตัวฉันมองดูนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้า
      แล้ว ป้ามอนต้า
      แต่งตัวให้ฉันนานมากเพราะเธอชอบเลือกชุดนานๆ เพื่อความสวยงามตรงตาม
      ใจของเธอ ตอน
      นี้มอนต้ากำลังบอกกับ แม่ครัวของวังให้เตรียมอาหาร และ กำลังปรึกษากับนาง
      กำนัลในวังว่า
      จะทำผมของฉันแบบไหนดี การทำผมให้ฉันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของมอนต้า
      ไม่แพ้การ
      แต่งตัวเลยทีเดียว ( เหตุผลก็เนื่องมาจากตอนเด็กเวลามอนต้าเล่นตุ๊กตา เธอก็
      มักจะทำผมให้ตุ๊กตาด้วยเช่นกัน )

      ในที่สุดหลังจากนั้น 15 นาที มอนต้าก็ปลุกให้ฉันตื่นจากความคิดเรื่องความฝัน
      ของฉัน ด้วย
      การบอกกับฉันว่าเธอคิดออกแล้วว่าจะทำผมให้ฉันแบบไหน อีกครึ่งชั่วโมงต่อ
      มา มอนต้าก็ทำ
      ผมเสร็จ ทรงผมที่เธอเลือกก็คือ ทรงที่ภาษาของเมืองกระจกของเราเรียกว่า
      ฟรานเชีย คือการ
      แบ่งผมเป็น 2 ข้าง แล้วถักเปียก้างปลา ( ในภาษาเมืองกระจกเรียกเปียก้างปลา
      ว่า ฟราน ) ถัก
      จนเกือบถึงท้ายทอยแล้วมัดเข้าด้วยกัน โดยจะมีผมบางส่วนปล่อยยาวสยาย เพื่อ
      อวดผมอันเงา
      งาม ป้ามอนต้าใช้ริบบิ้นสีชมพูเป็นประกายขลิบฟ้าอมเขียว ที่สีเหมือนน้ำทะเล
      ผูกผมให้ฉัน แล้ว
      ใช้โบสำเร็จรูปสีชมพู ( เป็นประกายขลิบฟ้าอมเขียวน้ำทะเล ) อันใหญ่ ติดบน
      ผม ( ตรงที่ใช้ริบบิ้น
      ผูกก่อนหน้านี้ ) มันเข้ากันได้อย่างดีและสมดุลกันเมื่ออยู่บนผมของฉัน

      เมื่อป้ามอนต้าตรวจทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันจึงลงมาข้างล่างเพื่อรับประทาน
      อาหาร
      เมื่อเสร็จแล้วก็เป็นเวลา 8 โมงเช้าพอดี อีกไม่นานรถจากงานเลี้ยงก็จะมารับฉัน
      ไป
      ไม่นานเกินรอ 10 นาทีหลังจากนั้นก็มีรถม้ามารับ ฉัน และ มอนต้า ในการไป
      งานคราวนี้
      ป้ามอนต้าต้องไปด้วย เพราะ เธอเป็นนางฟ้า แต่ไม่เหมือนนางฟ้าทั่วไป เพราะ
      เธอเป็นนางฟ้าพี่เลี้ยง หรือ นางฟ้าประจำตัวนั่นเอง และ นางฟ้าประจำตัวก็ต้อง
      ไปอบรมทุกปี เริ่มปีที่มีงานเลี้ยง
      ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่มอนต้าได้ไป และ มันก็เป็นปีแรกของฉัน เช่นกัน

      รถม้าที่มารับนั้นเป็นรถม้าบินได้ มีรถม้า 2 คัน คันหนึ่งสำหรับเจ้าชาย เจ้าหญิง
      ส่วนอีกคัน
      สำหรับนางฟ้าประจำตัว ( เนื่องจากไปคนละทาง )
      ฉันสังเกตเห็นวีน ( วีนัส คัดสรร )เพื่อนเก่าของฉัน นั่งอยู่ในรถม้านั้นด้วย วีน
      เป็นเจ้าหญิง
      เมืองแห่งความงาม และ ฉันสังเกตเห็น ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ ฉันมองหน้า
      เขาไม่ชัด แต่เหมือนกับว่าเคยรู้จักกับเขามาก่อน

      ฉันโบกมือลามอนต้าแล้วเดินไปที่รถ นางฟ้าคนหนึ่งเปิดประตูให้ฉัน ฉันไปนั่ง
      ข้างๆวีน ฉันกล่าวทักทายวีน และหันหน้าจะไปสวัสดีเจ้าชายที่นั่งตรงข้ามเรา ฉัน
      จำเขาไม่ได้แต่เมื่อมองในตาของเขาฉันรู้สึกคุ้นอย่างประหลาด
      และริมฝีปากของฉันก็ขยับโดยที่ฉันไม่รู้ตัว และฉันก็เผลอพูดออกมาว่า
      \" สวัสดี เอ๊ด \" ฉันรู้สึกคุ้นปากเหมือนกับว่าเมื่อก่อนเคยพูดคำนี้บ่อยครั้ง และ
      ฉันรู้สึกงงว่าฉันรู้จักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

      เขาตอบกลับมาว่า \" สวัสดี อลิซ \" เสียงและหน้าตาเขาดูสดชื่นมากเมื่อฉัน
      ทักทาย
      และฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ชื่อของฉันได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ เขาอาจจะช่วยฉัน
      ได้ก็ได้
      ฉันต้องลองดู

      ฉันเสียความทรงจำไปตอนอายุ 4 ขวบ เสียความทรงจำไปเพียงปีเดียวเท่านั้น
      ฉันจำเรื่องราวตอนอายุ 1-3 ขวบของฉันได้ดี และจำตอนอายุ 5 ขวบจนถึง
      ปัจจุบันได้ด้วย
      และฉันก็รู้ดีว่าฉันเสียความทรงจำของฉันไป...เพราะอะไร
      เพราะ ฉันขอแลกบางสิ่งบางอย่างกับอำนาจในการช่วยเหลือประชาชน
      เมืองกระจก
      ( มิลเลอร์ มัลเลน )
      ฉันถึงได้มีผมสีทองและดวงตาสีฟ้า เดิมมันเป็นสีดำทั้งคู่ ผมสีทองมีอำนาจในการ
      ภาวนา
      ฉันเคยหย่อนผมสีทองลงไปในน้ำ และ ภาวนา บ่อน้ำนั้นก็กลายเป็น
      บ่อน้ำวิเศษที่เมื่อดื่มน้ำในนั้น แล้วก็หายจากโรคร้าย

      มันก็ไม่เลวทีเดียว และ ฉันก็ได้อำนาจทางสายตา นางฟ้าที่ให้อำนาจเหล่านี้บอก
      ฉันไว้แค่นี้
      เธอมีชื่อ ( ที่ยาวมาก )ว่า มาราเร่ อาเรย่า ฟรานเซสการ์ วีนีซาน
      เธอขอแลกกับความทรงจำ 1 ปี ช่วงอายุ 4 ขวบของฉัน เพราะมันเป็นเวลาที่ฉันมี
      ความสุขมากที่สุด
      เพราะฉันได้พบคนคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ ฉันจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
      เธอกล่าวทิ้งท้ายก่อนไปว่า ซักวันฉันจะได้ความทรงจำนั้นคืน...เมื่อฉันได้พบ
      คนคนหนึ่ง
      ฉันคิดว่าจะใช้อำนาจดูความทรงจำของ เอดิสัน จากดวงตา เผื่อเขาอาจจะช่วย
      ฉันได้
      เผื่อว่าเขาจะใช่คนนั้น ฉันมีความรู้สึกมั่นใจอย่างนั้น

      ฉันมองตาของเขาแม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร ได้แต่
      จ้องฉันตอบ
      สายตาของเขาแลดูอ่อนโยน และฉันรู้สึกดีที่จ้องดูอย่างนี้
      และวีนก็รู้ว่าฉันกำลังทำอะไร เธอจึงไม่ถามฉัน

      ฉันมองเข้าไปในจิตใจ ความทรงจำส่วนลึกของเขา ฉันมองตอนเขาอายุ 4 ขวบ (
      ฉันรู้สึกอย่างนั้น )
      ฉันเห็นแล้ว! ฉันจำได้แล้วว่าฉันรู้จักเขาได้ยังไง และฉันก็รู้แล้วว่าทำไมนางฟ้า
      ถึงเลือกเวลาช่วงนี้ไป
      ฉันเห็นความทรงจำระหว่างเรา ฉันกับ เขา เอดิสัน
      ช่วงเวลาที่เราเรียนด้วยกันที่โรงเรียน
      เราเรียนด้วยกันเพียงปีเดียวเท่านั้นแต่ฉันรู้สึกสนิทกับเขามากจริงๆ

      ฉันไม่รู้จักเขาตอนอายุ 5 ขวบ ถึงปัจจุบัน เพราะหลังจากที่เราเรียนด้วยกัน
      ตอน 4 ขวบ
      จบปีนั้น... เราก็ไม่ได้พบกันอีกเลย ฉันได้แต่อยู่ในพระราชวัง
      และตอนนั้นฉันก็จำไม่ได้ด้วย แต่ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว

      ฉันเลิกมองเขา และหันไปพูดคุยแทน \" เธอรู้เรื่องที่ฉันเสียความทรงจำรึ
      เปล่า...เอ๊ด \"
      ฉันจำได้ว่าฉันเรียกเขาว่าอย่างนี้ประจำทั้งที่เขาชื่อ เคน แต่ฉันจะเรียกเขา
      อย่างนี้

      \" ฉันรู้ \" เขาตอบ
      \" และเธอก็คงรู้ว่าฉันได้อะไรแลกเปลี่ยน \" ฉันพูด
      \" ฉันรู้ \" เขาตอบอีกครั้ง
      \" และฉันก็รู้ว่าเธอจ้องฉันทำไม ยินดีด้วยนะ อลิซ ในที่สุดเธอก็จำได้ \" เขาพูด
      อย่างรู้ทัน
      \" เธอรู้ทันฉันเหมือนเดิมนะ มีบ้างไหมนะ ที่เธอจะไม่รู้ \" ฉันพูดยิ้มๆ
      \" ก็อาจมี...แต่คงน้อย \" เขาพูดและยิ้มให้ฉัน
      \" อะแฮ้ม!!! ในรถนี้มีอีกคนนั่งอยู่นะ อลิซ เคน \" วีนพูดขึ้นมาบ้าง
      และฉันก็พึ่งจำได้ว่าวีนนั่งอยู่ข้างฉัน
      \" ขอโทษนะวีน \" เราสองคนพูดพร้อมกัน
      \" ฉันล้อเล่นน่ะ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว \" วีนพูด
      \" 8 โมง35 นาที \" ฉันตอบ ฉันจ้องเขานานถึง 20 นาทีเชียวหรือนี่
      \" ว่าแต่ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา เธอไปอยู่ไหนทำไมไม่มาเยี่ยมเราบ้าง \" วีนถามเอดิ
      สัน
      \" ฉันต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีของอาณาจักร แต่ฉันก็รู้
      ข่าวสารของพวกเธอตลอดเวลานะ \" เขาพูด ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก มีแววตา
      เศร้าในดวงตาของเขา
      \" อีกไม่นานเธอก็ต้อง มากระชับมิตรกับเมืองของเรา 2 คนไม่ใช่เหรอ \" ฉันพูด
      \" ใช่ \" เขาตอบ และ ดูสดชื่นขึ้นมาบ้าง
      \" แต่ฉันไปแค่เมืองของวีนเท่านั้น เพราะ พ่อฉันเป็นคนกำหนด \" เขาพูดและดู
      ยิ้มเล็กน้อย
      \" เพราะอะไร \" วีนถาม
      \" เพราะฉันต้องไปเมืองเขา \" ฉันตอบวีนแทนเอ๊ดแล้วฉันก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
      วีนทำสีหน้างงๆ แล้วเธอก็เข้าใจแต่เธอก็ถามขึ้นมาอีกอยู่ดีนั่นแหละ

      \" ปกติ เคน จะต้องเป็นคนไปเมืองเธอไม่ใช่เหรอ \" วีนถามด้วยความงง
      ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอแกล้งรึเปล่า

      แต่...ดูจากความรู้สึกที่ฉันสัมผัสได้จากการมองดวงตาของเธอ ฉันก็รู้ เพราะ
      นอกจากตา จะรู้ความทรงจำแล้วฉันยังรู้ความรู้สึกได้อีก

      \" เธอก็น่าจะรู้ว่าเมืองของเราเป็นเมืองที่มีความสัมพันธ์กันมานาน และ เพื่อ
      แสดงไมตรีบ้าง พ่อก็เลยให้ฉันไปเมืองเค้าบ้างหนะสิ \" ฉันตอบและมองหน้าวีน
      เธอดูเข้าใจอะไรขึ้นเยอะ เมืองของเราเป็น
      เมืองมหาอำนาจทั้งคู่ รวมทั้งเมืองของวีนด้วย

      เมืองของโลกเรา เรียกว่าชาวสปิลล์ โลกธรรมดาเรียกโลกมนุษย์ โลกเวทมนต์
      เรียกพ่อมดแม่มด แต่โลกของเรามีทั้งเวทมนต์ทั้งสิ่งประดิษฐ์ มนุษย์รวมทั้ง
      ไฟฟ้า เรียกว่า สเปเชี่ยล วิช คนในโลกเราเรียก สปิลล์

      เมืองมหาอำนาจคือเมืองที่มีเมืองอยู่ในนั้น ( เหมือนกับประเทศหนึ่งมีจังหวัด
      แล้วมีตำบลอยู่ในจังหวัด )
      เมืองมหาอำนาจในโลกของฉันมี 3 เมือง คือ
      1. แอลนิวซิต ( เมืองของเอ๊ด เมืองแห่งสัตว์และสิ่งวิเศษ )
      2.มิลเลอร์ มัลเลน ( เมืองของฉัน เมืองกระจก )
      3.บิวติ้งสิชเวิต ( เมืองของวีน เมืองแห่งความงาม )

      วีนถามขึ้นอีก ( ไม่น่าถามเลย ) ว่า \" แล้วเคนรู้ได้ยังไงว่าอลิซมีดวงตา ที่มีความ
      สามารถพิเศษ ทั้งที่มันเป็นความลับ \"
      ฉันตอบกลับว่า \" ลองเดาดูสิ เดาไม่ยากหรอกนะวีน \"
      \" อย่าบอกนะว่า เคน..เธอก็เหมือนอลิซ \" วีนพูดอย่างตกใจและไม่อยากเชื่อ
      \" ใช่ \" เราตอบพร้อมกัน และเอ๊ดก็เสริมว่า
      \" แต่ไม่เหมือนกัน อำนาจไม่เท่ากัน อลิซจะมีอำนาจมากกว่าฉันเพียง 1 อย่าง
      เพราะวิธีได้มาของเราต่างกัน ของอลิซใช้การแลกเปลี่ยนเป็นเดิมพัน ส่วนฉัน
      ใช้การให้พร \" ฉันพูด
      วีนถามขึ้นอีกว่า

      \" มันต่างกันยังไง\" แล้วฉันก็ตอบ ( จากความรู้ที่มี ) ว่า
      \" เพราะ อำนาจ วิธีใช้ และ สิ่งเดิมพันที่จะได้คืน \" ฉันเสริมต่อ เพราะรู้ว่าวี
      นต้องถามว่า
      \" อำนาจก็อย่างที่เอ๊ดบอกไป วิธีใช้ฉันยังต้องเรียนรู้ แต่ของเอ๊ดใช้ได้เลย ( ฟัง
      เหมือนซื้อของมาใช้ )
      ฉันใช้ระยะเวลาที่มีความสุขที่สุดเป็นเดิมพัน แต่เอ๊ดมีนางฟ้าให้พร อืม...ที่จริง
      ไม่ถือว่าเดิมพันหรอกนะถือว่าเป็นของแถมจากผมสีทองนี้แล้วกัน เพราะ ฉันจะ
      ได้ใช้เป็นสิ่งให้ความทรงจำกลับคืนมาได้ง่าย แต่ก็อีกนั่นแหละ แค่ฉันจ้องตา
      พวกเธอก็ใช่ว่าจะได้ความทรงจำทั้งหมดหรอกนะ \" ฉันหยุดพูด

      แล้ววีนก็ถามต่อ ( อย่างไม่น่าถามเลย ) ว่า \"ทำไม ฉันไม่เข้าใจ \"
      ฉันตอบอย่างเหนื่อยๆ ( มากๆ ) ว่า \" นางฟ้า มาราเร่ ที่ฉันไปขอแลกเปลี่ยน
      เป็นนางฟ้าที่มีอำนาจมากที่สุด แต่ …ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นนางฟ้าที่ชอบ
      แกล้งมากที่สุดด้วย เธอช่วยฉันแค่ครึ่งเดียวความทรงจำที่เหลือเธอบอกว่าจะ
      เป็นประโยชน์กันฉันในอนาคต ฉันต้องค้นหากลับคืนมาด้วยตัวเอง และ อาจมี
      คนช่วยได้ \" ฉันเล่าให้วีนฟัง

      วีนทำหน้าตาแบบไม่เชื่อ และ หลังจากอึ้งอยู่นานเธอก็พูดออกมาว่า \" ฉันว่าไม่
      ใช่หรอกนะ \"
      วีนดูมั่นใจมาก \" เธอคงไม่รู้ว่าระยะเวลา ที่ขาดหายไปของเธอ ช่วงนั้นมีอะไร
      เกิดขึ้นบ้าง
      มีการประกวดนางฟ้าดีเด่น แล้วสิ่งที่ใช้ประกวดกันก็คือ...
      หัวข้อ เวทมนต์ที่เป็นประโยชน์ กับข้อแลกเปลี่ยนแสนสุข ฉันไม่ค่อยมั่นใจหัว
      ข้อเท่าไหร่นะ
      นางฟ้าแต่ละคนต้องตีความเอาเอง นางฟ้ามาราเร่ คงจะขอบใจเธอ เพราะ เธอ
      ทำให้ชนะไงล่ะ \" วีนพูดอย่างมั่นใจ

      \" จริงเหรอ ... งั้นเราก็แลกเปลี่ยนกันคนละอย่าง นางฟ้าไม่เคยบอกฉัน ฉันเลย
      เข้าใจผิดไง \" ฉันพูด

      \" แล้วมันมีอำนาจอะไรได้บ้างล่ะ ดวงตาของเธอทำอะไรได้บ้าง มันไม่มีวิธีปกปิด
      ความลับเลยเหรอ \"
      วีนถาม ฉันใช้เวลาคิดซักพักแล้วตอบวีนว่า

      \" มีมันก็มีอยู่ คนที่มีพลังทางดวงตาอย่างฉันกับเอ็ด สามารถปกปิดความรู้สึกบาง
      ส่วนที่...
      ไม่อยากให้คนอื่นรู้ได้ ส่วนคนที่ไม่มีพลังแบบนี้ก้ต้องหาวิธีเอา เพราะฉันไม่รู้ \"
      \" แย่จังเลย งั้นฉันก็ปิดเธอ 2 คนไม่ได้เลย มันก็น่าเบื่อสินะแต่ไม่เป็นไร \" วี
      นพูด
      \" เวลาเท่าไหร่แล้วนะ \" เอ๊ดถาม
      \" 8 โมง 50 นาที ใกล้ถึงแล้วอีก 5 นาที \" ฉันตอบ
      \" งานนี้จะได้เจอ คนอื่นๆที่เรารู้จักบ้างรึเปล่านะ \" วีนถาม
      \" อย่างเช่นเจ้าชายแห่งเมืองอะไรนะที่ชื่อ...เดรโก \" ฉันล้อวีน
      \" ไม่ใช่เขาซะหน่อย คนอื่นที่เป็นผู้หญิงต่างหากล่ะ \" วีนพูดแล้วหน้าแดง
      \" เอาเถอะแล้วเราจะพิสูจน์กัน \" ฉันพูด
      \" ไม่ต้องหรอกอลิซ... ใกล้ถึงแล้วนี่ เอ๊ด เคยได้ยินเรื่องน้ำแข็งต้องห้ามรึเปล่า \"
      วีนเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ได้ผล
      \" ก็เคยรู้มาว่าอยู่ที่ใคร 7 วันจะแข็งตายก็เลยเก็บไว้อย่างดีที่ที่อยู่ของนางฟ้า
      เพราะอะไรนั้นฉันไม่รู้ \" เอ๊ดตอบ
      \" แล้วอลิซรู้อะไรบางเกี่ยวกับเรื่องนี้ \" วีนถามฉัน

      \" รู้ว่าใครๆก็อยากได้ไว้ในครอบครองเพราะมีวิธีบางอย่างที่ ช่วยให้น้ำแข็งต้อง
      ห้าม นี้อยู่แล้วคนที่เก็บไว้ไม่ตาย ใครๆอยากได้มันเพราะ...มันมีอำนาจพิเศษ
      บางอย่างทำให้เกิดปฏิหาร อย่างที่เกิดขึ้น เมื่อ 100 ปีก่อน \" ฉันตอบ

      \" เธอสนใจมันด้วยเหรอแล้วเธอรู้ได้ยังไง \" เอ๊ดถามฉัน
      \" เนลลี่บอกว่า ถ้าศึกษาไว้มันจะเป็นประโยชน์กันฉันในอนาคต เพราะเนลลี่ว่า
      ศึกษาไว้ก็ไม่เสียหาย \" ฉันตอบ
      \" เนลลี่..ใครเหรอ \" เอ็ดถาม ฉันลืมไปเลยว่านอกจากวีนและญาติสนิทของฉัน
      อลิเซีย กับแคร์ตี้แล้ว แม้แต่เอ๊ดก็ไม่รู้เรื่องเนลลี่

      \" ภูติในสมุดบันทึกที่มาพร้อมกับตอนฉันเกิด อยู่ในจี้ของฉันหนะ \" ฉันตอบ
      \" ทำไมเธอต้องปิดความทรงจำเรื่องนี้ในดวงตาของเธอด้วย \" เอ๊ดถาม
      \" เพราะ ไม่ได้มีคนที่หวังดีกับฉันเท่านั้นที่มีพลังทางดวงตา บางคนที่เราไม่รู้อาจ
      ใช้บางอย่าง
      จากเรื่องนี้เล่นงานฉัน เลยกันไว้ก่อน ดีกว่าเดือดร้อนทีหลังไงล่ะ \" ฉันตอบ
      และหลังจากเราคุยต่ออักไม่นาน
      ในที่สุด...เราก็มาถึงงานเลี้ยงชาวฟ้า

      เราเดินเข้าไปตรงทางเข้างาน เจอนางฟ้าที่เป็นน้องสาวของป้ามอนต้าที่ชื่อ มา
      ร่า
      เธอเป็นคนที่นิสัยดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ใจดีกับฉันมาก

      ที่จริงเธออยากดูแลฉัน แต่ถูกให้ทำหน้าที่อื่นก่อน ป้ามอนต้าเลยรับหน้าที่นี้
      ฉันเรียกเธอว่าน้า ถึงแม้ว่าเธอจะอายุมากกว่า แม่ของฉัน มากก็ตาม แต่ว่า
      พวกนางฟ้าจะอายุยืนและแก่ยาก เช่น ป้ามอนต้าอายุ 900 ปีแล้วยังเหมือน
      อายุ 45 ปี และน้ามาร่า อายุ 600 ปี ก็เหมือน 30 ปี
      ( คิดง่ายๆคือเอาอายุของ นางฟ้า หาร ด้วย 20 ก็จะได้อายุปกติ )

      ฉันลองคิดเล่นๆว่าถ้าฉันเป็นนางฟ้า ตอนนี้อายุ 7 ปีถ้าเป็นนางฟ้าคงมีอายุ
      ประมาณ 140 ปี คงจะผ่านอะไรมามากมาย แต่ถึงชาวสเปช จะมีอายุไม่ยืนยาว
      เท่าพวกนางฟ้าแต่ก็คงราวๆ 200 กว่าปี
      หรืออาจมากกว่านั้น แต่ไม่เคยมีใครเกิน 500 ปีซักที

      แต่พวกชาวสเปช ไม่แก่ง่ายๆหรอกนะ อายุ แรกเกิด ถึง 25 ปีจะเจริญเติบโต
      ตามปกติ
      นอกนั้นก็จะไม่แก่ง่ายๆ จะแก่ช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะ ชาวเมืองแห่งความงาม
      เมืองของวีน จะแก่ช้ากว่าเมืองอื่น 1 ปี

      \" สวัสดีจ้ะลิซ วีน แล้วนั่น เคนใช่มั๊ยจ๊ะ \" น้ามาร่าทักทายเรา
      \" ใช่ครับ \" เอ๊ดตอบ น้ามาร่าถามเอ๊ดเพราะไม่แน่ใจ

      น้ามาร่าไปเยี่ยมฉันกับวีนอยู่บ่อยครั้ง วีนมักไปพักที่เมืองฉัน อยู่บ่อยๆ เมือง
      ของเราห่างกันไม่มากนักแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากราชวังของวีน มาที่ราชวังของ
      ฉันได้ โดยไม่ต้องผ่านด่านเพราะ
      วีนมาบ่อยจนคนตรวจผ่านด่านจำ หน้าตา รถ คนขับรถ หรือ แม้กระทั่งทะเบียน
      รถของเธอได้ แค่ขับผ่านอย่างสบาย และ ไม่เข้าใจทาง หรือทางลัดก็ถามได้อย่าง
      สบาย

      \" ไปลงชื่อทางนั้นนะจ๊ะ แล้วก็ประตูทางเข้าอยู่ทางขวา แล้วเจอกันนะจ๊ะ \" น้ามา
      ร่าบอกพร้อมกับเดินจากไป เราเดินไปลงชื่อ แล้วเดินไปในงาน

      เอ๊ดเจอ เจ้าชายทาสมอน เจ้าชายแห่งเมืองกาลเวลา เลยแวะไปคุย ฉันกับวีนก็
      ทักทายเจ้าหญิง
      เมืองต่างๆที่เรารู้จัก ซารารีน่า บิลบัวล่า มารีน่า อลิเซีย และ แคร์ตี้ ญาติของฉัน
      เดินมาทักทายเรา
      และนางฟ้าที่เป็นเพื่อน และ คนรู้จักของเรา เช่น นางฟ้า แห่งฤดู นางฟ้าแห่ง
      อากาศ นางฟ้า แห่งสายลม นางฟ้า แห่งแสงแดด และนางฟ้าคนอื่นๆอีก ขณะที่
      ฉัน วีน อลิเซีย และ แคร์ตี้ ยืนคุยกันอยู่นั้นก็มี
      คนหนึ่งเดินมาทักวีน เขาคือ …

      เจ้าชายแห่งเมืองปริศนา ( เมืองที่ทำให้คนนอกเดาใจไม่ถูก อะไรก็ดูลึกลับ
      และ ถ้าเข้าไปก็ออกมาได้ยากมาก เข้ายากเช่นกัน ฉันยังไม่เคยไปเมืองนี้เลย
      ซักครั้งเดียว และ ไม่คิดไปด้วย )
      …….เดรโก เอ - เคดิโลส…….

      \" สวัสดี วีน อลิซ และ ทุกคน \" เขากล่าวทักทาย
      \" สวัสดีเดรโก \" ทุกคนกล่าวทักทายเขาพร้อมกัน
      \" แล้วเคนไปไหนล่ะ \" เขาถาม
      \" อ๋อ รายนั้นนะหรอ ไปทักทายเพื่อนเก่าซะเกือบทั่วงานแหนะ \" ฉันตอบ
      \" เธอก็เลยมายืนคุยคนเดียวโดยยังไม่เลือกคู่เต้นรำงั้นเหรอ \" เขาถาม
      ฉันตอบไปว่า \" ใช่ฉันคนเดียวที่ไหนล่ะ วีนก็ยังไม่มีคู่เหมือนกันนะ แล้วฉันก็
      เดาออกด้วยว่า วีน จะคู่กับใคร \" ฉันแซววีน กับ เดรโก
      \" มันก็แหงอยู่แล้ว รู้แล้วยังจะพูดอีกนะ อลิซ \" เขาพูดตอบกลับ
      ทั้ง เดรโก และ วีน หน้าแดงทั้งคู่ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้
      ฉันเห็นวีนพยักหน้าแล้วก็หน้าแดง แล้วทั้งคู่ก็กลับสู่สภาวะปกติแล้วยืนคุยกัน
      ต่อ 2 คน

      ฉันยืนมองเพลินไป จนไม่รู้ว่าใครอยู่ข้างๆ จนเขาทักฉัน
      \" ยืนมองอะไรเหรอ อลิซ \" เอ๊ดถามฉันทั้งที่เขารู้อยู่แล้ว ( ยังจะถามอีก )
      \" ก็อย่างที่เห็นไงล่ะ \" ฉันตอบ ( กวนนิดหน่อย )
      \" เอ่อ…เธอเต้นรำคู่กับฉันได้ไหม \" เขาถาม ( ดูหน้าแดงนิดๆด้วย )
      \" ได้สิ \" ฉันตอบง่ายๆอย่างไม่ลังเล
      \" ถามหน่อยสิ อลิซ ทำไมเธอถึงคู่กับฉันล่ะ \" เขาถามอย่างลุ้นในคำตอบ
      \" ก็ … อืม…. เพราะเธอเป็นเพื่อนฉันไงล่ะ \" ฉันตอบ
      เพราะฉันคิดอย่างนั้นจริงๆ เขาดูผิดหวังในคำตอบเล็กน้อย ฉันเดาไม่ถูก
      หรอกว่าเขาอยากให้ฉันตอบยังไง แต่จริงๆ อีกอย่างก็เพราะ เวลาเต้นรำกับเขา
      แล้วสนุก ฉันมีความสุข เต้นกับคนอื่นค่อนข้างหน้าเบื่อ บทสนทนา ก็เช่นกัน
      พวกเขาจะถามอ้อมค้อม แต่เอ๊ดจะถามตรงๆ เพราะ เขารู้จักนิสัยฉันดีว่าเป็นยัง
      ไง
      \" ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ชอบคำตอบฉันเหรอ งั้นเปลี่ยนเป็น เพราะ… เธอ
      ไม่น่าเบื่อเหมือนคนอื่นแล้วก็ เต้นกับเธอสนุกกว่าเต้นกับคนอื่นก็แล้วกัน \" ฉัน
      พูด

      \" ค่อยดีหน่อยนะคำตอบนี้ จะยังไงก็ช่างเถอะ แค่เธอคู่กับฉันก็พอ แล้ว \" เขาพูด
      แล้วดูมีความสุขขึ้นมาอีกหน่อย

      \" แล้วทำไมเธอคู่กับฉันล่ะ \" ฉันถามเขาอย่างไม่คิดว่าเขาจะตอบยังไง
      \" เหตูผลเดียวกับเธอละมั้ง \" เขาตอบ
      \" ทำไมต้องมี มั้ง ด้วยล่ะ \" ฉันถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
      \" ลองคิดสิ ซักวันในอนาคตอันใกล้นี้เธออาจจะรู้ก็ได้ \" เขาตอบ
      เหมือนเป็นปริศนาที่ให้ฉันค้นหาเอาเอง

      \" งานเริ่มแล้วล่ะ ไปเต้นรำกันเถอะ \" เอ๊ดบอก แล้วเราก็จับมือกันไปรวมกลุ่ม
      กับคนอื่น แถวๆกลางฟลอเต้นรำ
      \" วีน ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องคู่กับตานี่ \" ฉันแซว
      \" ฉันก็ว่า แล้วว่าเธอต้องคู่กับนายนั่น \" วีนแซวฉันคืน คู่ของเราเต้นรำข้างๆ
      กัน
      \" แล้วฉันกับเคน กลายเป็นตานี่ กับ นายนั่น ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ \" เดรโกถาม
      \" เมื่อกี๊ไงล่ะ \" ฉันกับวีนตอบพร้อมกัน แล้วเราก็ยิ้มนิดๆ
      \" อลิซ แข่งกันมั๊ย คู่ของใครจะเต้นไปรอบฟลอได้ก่อนกัน \" วีนท้าฉัน
      \" เอาสิ เธอมั่นใจนะ ที่ท้าฉัน อย่าลืมสิวีนฉันกับเอ๊ดแชมป์เต้นรำเก่า 2 สมัย
      นะ \" ฉันตอบ
      \" มั่นใจสิ แต่ฉันไม่รู้ว่า เดรโก กับ เคนจะสู้รึเปล่า \" วีนพุดเป็นเชิงถาม
      \" สู้สิ แล้วแต่พวกเธอแล้วกัน \" ทั้ง 2 พูด
      \" งั้นเริ่มที่เพลงต่อไปแล้วกัน ไปเริ่มจากริมฟลอคนละด้านนะ เริ่ม \" วีนพูดจบ

      เราก็เข้าประจำที่แล้วรอให้เพลงเก่าจบ พอเพลงใหม่ขึ้นเราทั้ง 2 คู่ก็เริ่มแข่งกัน
      เพลงยังบรรเลงต่อไปเรื่อยๆ ฉันกับเอ๊ดเต้นรำไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน เรา
      ค่อนข้างสนุกสนานกับจังหวะและเสียงดนตรีมากกว่า ไม่นานเราก็ไปรอบๆฟลอ
      ได้ก่อนวีนและเดรโกประมาณ อีก 7 ก้าวได้

      \" ฉันชนะแล้วนะวีน จะเอายังไงดีล่ะ \" ฉันถามวีน
      \" แล้วแต่เธอ แล้วกันอลิซ เธอชนะนี่นา \" วีนพูดอย่างตามใจ
      \" เอาอย่างนี้แล้วกันหลังจากงานนี้ฉันให้เธอเตรียมตัว 1 วัน เลี้ยง ฉัน กับเอ๊ด
      ซักมื้อที่ปราสาทของเธอ มีข้อแม้ว่าเธอต้องมารับนะ ไม่อย่างนั้น พ่อฉันไม่อนุ
      ญาติแน่ จะเชิญใครไปอีกคนก็ได้นะ \" ฉันพูด

      \" อีกคนที่ว่าหมายถึงฉันรึเปล่า อลิซ \" อัฟฟอร์ด เจ้าชายเมืองแห่งความรู้
      ( จอมยุ่ง ) พูดขึ้น เขามีชื่อเล่นว่า อัฟ เขาค่อนข้างชอบยุ่งเวลา
      ฉันกับวีนคุยกัน หรือคุยกับคนอื่น เราจึงไม่ชอบเขาเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่เลวร้าย
      นักหรอก

      \" ฉันหมายถึงเดรโก ต่างหากล่ะ \" ฉันพูด
      \" อ้าว นึกว่าชวนฉันซะอีก \" เขาพูดอย่างผิดหวังนิดๆ
      \" ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะ แต่งานนี้ฉันขอเถอะนะ ไม่เกี่ยวซักเรื่องจะได้มั๊ย \"
      วีนพูด
      \" ก็ได้ แล้วคราวหน้าหวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ ฉันกลับแล้ว บ๊าย บาย \" อัฟพูด
      แล้วเขาก็เดินจากไป
      \" เค้าไม่น่าเชิญให้หมอนี่มาเลย \" ฉันพูด
      \" ช่างเขาเถอะ ว่าแต่ เดรโกไปได้ไหมล่ะ ว่างรึเปล่า \" วีนถามเขา
      \"ได้แต่มีข้อ แม้เดียวกันกับอลิซนะ แต่ให้เธอไปรับฉันที่เมืองของเคนดีกว่า \"
      เขาพูด
      \" ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พ่อกับแม่ฉันออกจะใจดีพวกท่านต้องอนุญาติแน่ๆ \" วี
      นตอบ

      \" วีน แล้วหลังจากนั้นซัก 2 วัน เธอไปพักที่เมืองฉันได้มั๊ยพ่อของฉันบอกว่าญาติ
      ของฉัน ทั้ง อลิเซีย แคร์ตี้ ซาร่า มารีน่า และ บิลบัวล่า จะมาพักที่เมืองด้วย \" ฉัน
      พูด

      \" แล้ว แองเจิ้ล ลูกของ ป้าเจลล่า ,อันนา กับ อเล็กซ์ น้องของ อลิเซีย เคลล่า กับ
      คาลล์ น้องของแคร์ตี้
      เซตท์ พี่ชายของซาร่า และ มารีน น้องของ มารีน่าไม่มาเหรอ \" วีนพูด ใช้เวลา
      นานเหมือนกันกว่าจะ
      นึกได้ว่ามีญาติคนไหนบ้าง วีนสนิทกับฉันมากเธอรู้จักญาติของฉันทุกคน ( และ
      ฉันก็รู้จักญาติของเธอทุกคนเช่นกัน ) เพราะเธอมาพักที่เมืองของฉันบ่อยๆ

      \" ป้าเจลล่าพาแองเจิ้ลไปเที่ยวโลกมักเกิ้ลที่ยุโรป อันนา กับ อเล็กซ์ ยังเล็กเกิน
      ไป อาอเล็กซานดร้า
      อยากให้อยู่ที่บ้านก่อน เคลล่า ไปเที่ยวยุโรป กับป้าเจลล่า เพราะ อาคิลเลต
      อนุญาต
      ส่วนคาลล์ อาแคทเธอรีนพาไปเมืองต้นไม้ เซตท์ พี่ชายของซาร่า ก็ไปเมืองแห่ง
      สายน้ำ
      มารีนก็ไปเที่ยวยุโรปกับป้าเจลล่าอีกเพราะ เธออยากไปและอามาเรีย
      อนุญาต “ ฉันตอบ

      \" อลิซ เธอดูสนิทกับวีนมากกว่าญาติเธออีกนะ น่าแปลก \" เดรโกพูดเป็นเชิง
      ถาม
      \" ไม่แปลกหรอกก็เมืองเราอยู่ข้างๆกัน เราโตมาด้วยกัน เราผลัดไปพักที่เมือง
      ของเราบ่อยๆ
      เราเรียนที่เดียวกันแล้วก็ยู่ห้องเดียวกันทุกปีด้วยถ้าเราไม่สนิทกันสิน่าแปลก
      แต่ไม่ถึงกับมากกว่าญาติหรอกมั้ง คงเท่าๆกัน \" ฉันตอบ

      \" ดูพวกเธอเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะแต่ว่า พวกเธอไม่กลัวเหรอ \" เอ๊ด
      ถาม
      \" กลัวอะไร \" ฉันกับวีนถามเอ๊ดพร้อมกัน

      \" ก็ที่พวกเธอสนิทกันมันไม่แปลกก็จริงแต่ที่ฉันกลัวก็คือ อาจมีคนอิจฉา ไม่พอ
      ใจอะไรซักอย่างพวกเธอแล้วอาจจะแกล้งโดยใช้อีกคนก็ได้ หรือไม่ก็ใช้เพื่อ
      อย่างอื่น \" เอ๊ดพูด

      \" ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเราก็แก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากพยายามไม่ห่างกัน
      เพราะ ถ้าจะมีใครทำอย่างนั้นจริงๆ เค้าก็ต้องสะกด เราคนใดคนหนึ่ง และคนที่มี
      แนวโน้มมากกว่าคือฉัน เพราะ ฉันถูกสะกดได้ง่าย กว่าอลิซ \" วีนพูด

      \" เราก็ต้องระวังตัวให้ดีโดยเฉพาะเธอวีน แต่ตอนนี้เรายังไม่ต้องพูดอะไรมาก
      เพราะฉันคิดว่าเรา คงต้องเตรียมตัวหลังจากงานเลี้ยงนี้อีก 1 เดือนเราต้องเข้า
      เรียนโรงเรียนเดิมอีกแล้ว \" ฉันพูด

      ในโลกของเราจะมีโรงเรียนที่ให้พวกเชื้อพระวงศ์เรียนจะเว้นช่วง เรียนครั้ง
      แรก 2 – 4 ปี เว้น2 ปี คือ ช่วง5 – 6 และตอนนี้เราอายุ 7 ปีแล้ว เราก็ต้องเข้า
      เรียนอีก 3 ปี จนเราอายุ 10 ปี จึงเลิกเรียนที่นี่
      และเข้าเรียนตามโรงเรียนสอนเวทมนตร์และคาถาที่โรงเรียนในโลกเวทมนตร์
      แทน หรือไม่ก็ที่โลกของเรา แต่บางคนก็ไม่ได้เข้าเรียน ( เป็นส่วนน้อย แค่ 1
      เปอร์เซ็นต์ ) บางคนก็ไม่อยากเรียนจึงเดินทางเชื่อมสัมพันธไมตรี ที่ต่างๆแทน
      แต่ฉันอยากเข้าที่ๆพ่อกับแม่ของฉัน วีน เอ๊ด ( และเดรโก )
      จบมาคือ ที่ อ๊อกซ์เวิร์ด ที่อยู่ในเมืองดอกไม้

      \" แล้วคราวนี้ 2 ชมรมที่เธอเลือก คืออะไรล่ะ อลิซ \" เอ๊ดถาม
      \" เหมือนเดิม ชมรมกังฟู กับ เต้นรำ \" ฉันตอบ
      \" วีน กับ เอ๊ด จะเข้าชมรมเดียวกับฉันรึเปล่า ปีนี้ \" ฉันถาม
      \" แน่นอน \" วีน กับ เอ๊ด ตอบพร้อมกัน
      \" แล้วไม่ถามฉันบ้างหรอ อลิซ \" เดรโกท้วงขึ้น
      \" ฉันรู้ว่า วีน เข้าชมรมไหน เธอก็เข้าชมรมนั้นนั่นแหละ \" ฉันตอบอย่างรู้ทัน
      \" ฉันก็รู้ว่าพวกเธอก็เข้าชมรมเดียวกันทุกปีนั่นแหละ \" เดรโกพูด
      \" แล้วเธอก็เข้าชมรมเดียวกับเราทุกปีเหมือนกัน \" ฉันพูด
      \" พูดแล้วเข้าตัวเองทุกครั้งแหละเดรโก ถ้าเธอคิดจะเถียงกับอลิซขอบอกว่าเสีย
      เวลาเปล่า
      เธอก็น่าจะรู้นะ \" วีนพูด

      \" วีน เธอไม่ต้องพูดเตือนเขาขนาดนั้นก็ได้ เธอพูดเหมือนกับว่าฉันเถียง
      เก่งอย่างนั้นแหละ\" ฉันพูด
      \" เปล่าหรอก ฉันพูดเล่น เวลาเธอเถียงก็มีเหตุผลดีถึงได้เถียงชนะทุกครั้งต่าง
      หากล่ะ \" วีนพูดปลอบ
      \" พอเถอะ ว่าแต่…ปีนี้คงจะมีการแข่งในชมรมเหมือนทุกปีใช่มั๊ย \" เอ๊ดถาม
      \" ก็คงใช่ ปีนี้ อลิซจะลงแข่งรึเปล่า \" วีนถามฉัน
      \" แน่นอน ปีนี้ฉันจะต้องเอาแชมป์สมัยที่ 3 ให้ได้ \" ฉันตอบ
      \" ออมมือให้คนอื่นบ้างก็ดีนะอลิซ เธอเล่นซะคนอื่น น่วมไปตามๆกันเลย \" เด
      รโกพูด เพราะ ปีที่แล้ว
      เขาลงแข่งและก็โดนไปไม่น้อยเลย

      พูดถึงการแข่งกังฟู ฉันก็เริ่มลืมๆแล้วเหมือนกันก็ไม่ได้เล่นมาตั้ง 2 ปีแล้ว และวี
      นก็ปฏิเสธที่จะเป็นคู่ซ้อมให้ ( ก็แหงล่ะ ใครจะอยากเจ็บตัว )
      “ นี่ ฉันว่า ก่อนเปิดเราน่าจะไปหาอะไรสนุกๆทำที่โลกเวทมนตร์ กับโลกมนุษย์
      นะ ” วีนพูด
      “ ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ น่าจะไปที่โลกเวทมนตร์ก่อนนะ ” เดรโกออกความคิด
      เห็น
      “ โดยเฉพาะร้านหนังสือใช่มั๊ยล่ะ ” วีนพูด
      “ แต่ฉันอยากไปซื้ออุปกรณ์ที่ร้านคนรู้จักก่อนนะ ” ฉันออกความคิดเห็น
      “ ไปซื้ออุปกรณ์อะไรหรอ ” เอ๊ดถามฉัน
      “ เป็นความลับ ” ฉันกับวีนพุดออกมาพร้อมกัน เอ๊ดกับเดรโกมองหน้ากันแล้ว
      ทำสีหน้างงๆ
      ฉันกับวีนหัวเราะออกมา
      “ ที่จริงก็ไม่ถึงกับเป็นความลับหรอก บอกพวกเขาดีมั๊ย อลิซ ” วีนถามฉัน
      “ ก็ได้ คือเราวางแผนจะไปซื้ออุปกรณ์ ในการปรุงยา แล้วก็ อะไรนิดหน่อย ” อลิ
      ซบอก
      “ พวกเธอจะปรุงยาอะไรอีกล่ะ คราวนี้ ครั้งที่แล้วก็ทำให้ คิราร่า ญาติของเธอ
      กลายเป็น หมีแพนด้าไปตั้งอาทิตย์ ” เอ๊ดพูด ( คิราร่าเป็นญาติทางพ่อของฉัน )
      “ ก็ ไม่มีอะไรมากหรอกนะแล้วพวกเธอจะรู้เอง ” ฉันตอบเป็นปริศนา
      หลังจากนั้น อลิเซีย แคร์ตี้ ก็เดินมาคุยกับเรา และโทมัส กับ เดวิช ญาติของเอ๊ด
      ( คู่เต้นรำตลอดกาลของอลิเซียกับแคร์ตี้ )

      เวลาผ่านไปจนกระทั่งงานเลิก อลิเซียกับแคร์ตี้กลับรถม้าคันเดียวกับโทมัส (
      ทอม ) และ เดวิช ( เช )
      อลิเซียกับแคร์ตี้ จะมาพักที่บ้านฉันในอีก 1 วัน( ที่จริงฉันมักจะเรียกพระราชวัง
      ว่าบ้าน เพราะเรียกง่ายกว่ากันเยอะเลย ) ชาวสเปชจะใช้คำสุภาพ ไม่ว่าจะเรียก
      กับใครเราจะไม่ใช้คำราชาศัพท์กันหรอก เพราะ แค่นี้ภาษาในโลกของเราก็
      มากพอแล้ว มีทั้งภาษาทั่วไป ( ใช้ติดต่อกับโลกอื่นได้ ) ภาษาที่ใช้ในเฉพาะโลก
      ของเรา ภาษาที่รู้กันเฉพาะในเมือง

      และที่มีภาษาเดียวในโลกกระจก เป็นสิ่งสืบทอดกันมาทางสายเลือด ไม่จำเป็น
      ต้องเรียน คนในเมือง
      กระจกทุกคนมีความสามารถพิเศษในภาษานี้ คือ ภาษาที่รู้กันแค่ 2 คน เราจะ
      พูดอะไรออกมาก็ได้ คนอื่นจะฟังไม่ออกจะรู้กันแค่ 2 คน เท่านั้น หรือตาม
      จำนวนที่ผู้พุดอยากให้รู้

      แล้วฉันก็กลับรถคันเดิมต่างจากเดิมเพียงแค่คราวนี้ เดรโกขอกลับด้วย เพราะ
      รถม้าของเขาเสีย
      ( ฉันคิดว่า เป็นข้ออ้าง ที่จริงอยากจะนั่งกับวีน ต่างหากล่ะ )แล้วพอกลับมาถึงเรา
      ก็กล่าวคำอำลา
      “ แล้วเจอกันนะ อลิซ ” ทุกคนกล่าว
      “ แล้วเจอกันจ้ะ ” ฉันตอบ
      แล้วงานวันนี้ก็จบลงด้วยดี

      --------------------------------------------------

      บทที่ 2 ฉันและบันทึกเล่มนี้

      บันทึกนี้เป็นบันทึกของฉัน อลิซซิน่า ครูเว่นฉันมีชื่อเล่นว่า อลิซ เป็นเจ้าหญิง
      แห่งเมืองกระจก

      พ่อของฉันชื่อ ฟรานซิส และแม่ของฉัน อะเดลล่า
      ฉันมีพี่ชาย 1 คนและพี่สาว 1 คน คือ
      เฟเดอร์ริก ครูเว่น ( พี่ชาย ) หรือ เฟิร์ซ
      และ เบลล่า ครูเว่น ( พี่สาว ) หรือ เบล
      เฟิร์ซ พี่ชายคนโตห่างกับพี่เบล คนกลาง 2 ปี และพี่เบล ก็อายุห่างกับฉัน 2 ปี
      เช่นกัน

      ครอบครัวครูเว่น มี

      1. ป้าเจลล่า ลูกสาวคนโตของปู่และย่าของฉันลูกสาวของป้าเจลล่า อายุเท่าฉันชื่อ
      แองเจิ้ล

      2. พ่อของฉัน

      3. อาอลัน แต่งงานกับ อา อเล็กซานดร้า และมีลูก 3 คน คือ อลิเซีย อันนา และ
      อเล็กซ์

      4. อาคิลเลต แต่งงานกับ อา แคทเธอรีน และมีลูก 3 คน คือ แคร์ตี้ เคลล่า และ
      คาลล์

      5. อาโซลมอน แต่งงานกับ อาทีน่า มีลูก 2 คน คือ เซตท์ และ ซารารีน่า ( ซาร่า )

      6. อาแมทธิว แต่งงานกับ อามาเรีย มีลูกสาว 2 คน คือ มารีน่า และ มารีน

      ทุกคนถือเป็นครอบครัวครูเว่น แต่คนอื่นๆไม่ใช้นามสกุลครูเว่นกันเพราะ ชาว
      สเปช ในเชื้อพระวงศ์ จะให้ผู้ครองบัลลังก์ เป็นผู้ใช้นามสกุลคนอื่นให้ใช้นาม
      สกุลของคู่สมรส ป้าเจลล่า เป็นผู้หญิง แน่นอนว่าไม่ได้ใช้นามสกุลครูเว่น แต่ใช้
      นามสกุล โบเวลต์

      ครอบครัวของ อลิเซีย ใช้นามสกุล เวคเทอร์
      ครอบครัวของ แคร์ตี้ ใช้นามสกุล วิล
      ครอบครัวของ ซาร่า ใช้นามสกุล โฮเวท
      ครอบครัวของ มารีน่า ใช้นามสกุล คาลิน
      ซาร่ามีญาติทางแม่ชื่อ บิลบัวล่าใช้นามสกุล
      โฮเวท เช่นกัน ( ที่ฉันกล่าวถึงเพราะว่าสนิทกัน
      ญาติคนอื่นยังไม่กล่าวถึงดีกว่า มีอีกเยอะ )

      ฉันเกิดวันที่ 19 ตุลาคม ( วันศุกร์ )
      เกิดที่เมือง แอลนิวซิต ( เมืองของเอ๊ด เมืองแห่งสัตว์และสิ่งวิเศษ )
      ที่เกิดที่นั่นเพราะ แม่ของฉันไป เยี่ยมแม่ของเอ๊ด แล้วแม่ก็คลอดฉันที่นั่น

      โรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่ที่เมืองแห่งความรู้ เมืองของ อัฟฟอร์ด เจ้าชายผู้น่าเบื่อ
      และสิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ
      ที่มาของฉายา เจ้าหญิงผมทอง ของฉัน คือ ผมสีทองที่มีพลังอำนาจในการภาวนา
      แต่ทุกครั้งที่ใช้จะทำให้สูญเสียพลังไปมาก ขึ้นอยู่กับว่า สิ่งที่ภาวนา ยิ่งใหญ่มาก
      แค่ไหน
      ผมสีทองของฉัน ยาวจรดเอว ต่างกับผมสีดำ ผมที่แท้จริงของฉัน ยาวประมาณ
      กลางหลัง
      ผมสีดำและดวงตาสีดำ จะเป็นสิ่งที่เป็นตัวฉันจริงๆ

      พลังที่ใช้ตอนนั้น จะเป็นพลังของฉันจริงๆ ผมสีทองและดวงตาสีฟ้า มีพลังอำนาจ
      บางอย่าง
      ที่ยิ่งใหญ่ แต่น่ากลัว ซึ่งฉันไม่ค่อยอยากใช้ เพราะ ฉันยังควบคุมไม่ค่อยได้
      หรือ ได้ไม่ดีพอ
      แต่นางฟ้า มาราเร่ฯ ผู้ที่แลกเปลี่ยนผมสีทองกับ ความทรงจำ ช่วงหนึ่งของฉัน
      บอกเพียงแต่ว่า
      ไม่ใช่แค่ผมสีทองเท่านั้นที่ฉันเปลี่ยนได้ ถ้าฉันมีประสบการณ์มากพอ และ เก่ง
      ขึ้น
      ฉันจะสามารถเปลี่ยนผมหลายสีได้ ( ตามเชื้อสายทางแม่จากเมืองแห่งพลัง
      เพราะเมืองนี้การเปลี่ยนได้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะ ทุกคนที่มีเชื้อสายแท้ๆ
      สามารถทำได้ )

      และแน่นอนว่าต้องควบคุมพลังได้ ตลอดเวลา ฉันไม่ค่อยที่จะกล้าใช้พลัง
      เวทมนตร์
      ของตัวเองที่ได้มาซักเท่าไหร่ ฉันกลัวเกิดข้อผิดพลาด ฉายาอีกอย่างที่รู้จักกันดี
      ในหมู่เพื่อนและคนรู้จักของฉันคือ เจ้าหญิงนักปรุงยา ฉันมักปรุงยาเพื่อ
      ประโยชน์บางอย่าง ที่จำเป็นหรือเพื่อจุดประสงค์
      ที่ดี แต่บ่อยครั้งพอๆกันที่เพื่อกันคนอื่นไม่ให้กล้าแกล้งฉัน


      แต่ก็ไม่ร้ายแรงอะไรมาก และ ล่าสุดอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า ฉันแกล้งทำให้ คิราร่า
      ญาติของฉัน
      เป็นหมีแพนด้า ไป 1 อาทิตย์ แต่นั่นก็สาสมแล้วที่ คิราร่า ทำกับฉัน มันทำให้ฉัน
      รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันทุกครั้งที่ต้องทำอย่างนี้ แต่มันก็ดีกว่าให้เกิดเหตุการณ์ใน
      อดีต

      เหตุการณ์ที่ไม่มีใครรวมทั้งตัวฉันที่อยากให้เกิดขึ้นอีก นับตั้งแต่ฉันได้พลังที่น่า
      กลัวนี้มา…
      หลังจากที่ฉันได้พลังมาแค่ 3 เดือน ( ฉันได้พลังมาตอนวันเกิดอายุ 6 ปี ) ฉันก็
      เริ่มใช้และพยายามควบคุม แต่ก็เกิดข้อผิดพลาด…

      เจ้าชายแห่งเมืองแห่งความรู้สึก ชื่อ สตีเฟ่น ( สตีฟ ) ยั่วโมโหฉัน โดยการเอา
      สมุดบันทึกเล่มนี้ไปและทำท่าจะโยนลงหน้าต่าง ทำให้ฉันโกรธมาก ( เพราะ
      ความเป็นเด็ก ยังไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ ) และนำไม้กายสิทธิ์ประจำตัว ( ตอน
      เกิด ) ออกมา และก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป ก็ 3 วันรุ่งขึ้นที่ฉันตื่นที่ห้อง
      ของฉัน

      ป้ามอนต้าบอกว่าฉันสลบไปและกอดสมุดบันทึกไว้แน่นพอฉันถามถึงสิ่งที่เกิด
      ขึ้น เธอก็อ้ำอึ้งและบอกฉันว่าให้ไปถาม อลิเซีย และ แคร์ตี้ แล้วฉันก็จะรู้ วันรุ่ง
      ขึ้นที่โรงเรียนฉันถาม อลิเซียและแคร์ตี้ไม่กล้าบอก วีนบอกฉันว่า สตีฟ อยู่ที่โรง
      พยาบาลบาดเจ็บมากหมอกำลังรักษาอยู่ตอนนี้
      และหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ เขาก็กลับมาเรียนโชคดีที่โลกของเราการแพทย์ทัน
      สมัย ประกอบกับ
      หมอที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เก่งกาจ ฉันเคยไปเยี่ยมเขาครั้งหนึ่ง หมอบอกว่า
      ถ้าเป็นโลกมนุษย์ หรือ แม้แต่โลกเวทมนตร์เองก็เถอะไม่ตายก็พิการ


      หลังจากที่เขากลับมาเรียนเขาไม่ใช่แค่ไม่ยั่วโมโหฉันอีกแต่ เขายังไม่พูดกับฉัน
      เลยด้วย
      ฉันตามขอโทษเขาตั้งนานตั้ง 1 อาทิตย์กว่าจะยอมพูดด้วย โชคดีที่ ปรกติ สตีฟ
      เป็นคนนิสัยดี
      เขาจึงยกโทษให้ และ ขอโทษฉันด้วยเหมือนกัน

      ถึงแม้มันจะทำให้ฉันได้เพื่อนใหม่ แต่ฉันก็สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ให้เกิด
      เรื่องแบบนี้อีก
      เพราะ คราวหน้า ฉันคงไม่โชคดีอย่างนี้แน่ ฉันจึงพยายามไม่ใช้พลังนี้และต้อง
      ควบคุม
      ความโกรธของตัวเอง ฉันจึงต้องใช้พลังที่แท้จริงและ ต้องพยายามควบคุมให้ได้
      จะได้ไม่เกิดเรื่อง
      เรื่องนี้พรสวรรค์ในการปรุงยาก็ช่วยได้มากทีเดียว ฉันปรุงยาแทน จึงไม่ต้องใช้
      พลังอะไรมากมาย
      และบางครั้ง ฉันก็ปรุงยาระบายอารมณ์ ซึ่งก็ช่วยได้มากทีเดียว เวลามีอะไรไม่
      สบายใจ ถึงแม้ว่าจะต้องเก็บไว้ระบายทีหลัง
      แต่มันก็ดีกว่า และแน่นอน สะใจกว่าด้วย แต่ข้อดี คือ มันทำให้ฉันรู้จักเก็บ
      อารมณ์ มากขึ้น ไม่วู่วาม
      และข้อเสียของมันก็คือ มันทำให้บางครั้ง ฉันเก็บกด เก็บเรื่องไม่สบายใจไว้คน
      เดียว จนทำให้เพื่อนไม่สบายใจ ที่ฉันเก็บไว้คนเดียว โดยไม่บอกใคร ( กลัว
      ฉันประสาทน่ะสิ )

      นอกจากนี้ความสามารถ ( อันหน้าปวดหัว และน่าสนุก )
      ของฉันก็คือ ความสามารถในการแยกร่าง…

      การแยกร่างก็ไม่ต่างอะไรกับการโคลนนิ่งของพวกมักเกิ้ล แต่มันต่างกัน ตรงที่
      ว่า ทำได้ยาก และ เป็นอันตรายกว่า ขอกล่าวถึงเรื่องนางฟ้าก่อนแล้วกัน…

      ชาวสเปชและชาวฟ้าถือกันว่า ถ้านางฟ้า หรือ เทวดา คนไหนเป็นคนมอบพรให้
      เจ้าหญิง
      จะได้เป็น นางฟ้า / เทวดา ประจำเมืองนั้น และจำนวน นางฟ้า / เทวดาประจำ
      เมืองก็ขึ้นอยู่กับ
      เจ้าชาย เจ้าหญิง ( คงไม่มีกระเทย อย่างไม่ต้องสงสัย ชาวสเปชไม่มีพวกวิปริต
      หรอก )

      ต้องมีนางฟ้า / เทวดาประจำทุกเมือง บางเมืองอาจมีมาก บางเมืองอาจมีน้อย
      และบางเมือง
      ก็อาจไม่มีเลย แต่การนับจะนับจากลูกที่เกิดจากมารดาที่เป็นชายาคนสำคัญที่สุด
      ของกษัตริย์ นั่นก็เรียกได้อีกอย่างว่า ควีน แต่ชาวสเปชไม่เรียกอย่างนั้น เรามัก
      จะเรียก
      ตำแหน่งนี้ว่า ไดมอนควีน เช่น แม่ของฉัน ก็จะเรียกว่า
      ไดมอนควีน อะเดลล่า ครูเว่น แห่งมิลเลอร์ มัลเลน
      แต่ให้สั้นที่สุดก็เรียกว่า พระราชินี นั่นแหละ ( พึ่งนึกออกเลยบอกช้าไปหน่อย )

      โลกสเปเชี่ยล วิช จะมีเพียงสองเมืองเท่านั้นที่มีนางสนม และมีแค่คนเดียว นอก
      นั้นก็มีชายาเพียงแค่คนเดียว ชาวสเปชจึงขึ้นชื่อว่าเป็นคนดี ( ภาพรวมนะ ) รัก
      เดียวใจเดียว โดยเฉพาะที่ได้รับการยืนยัน ( นั่นยัน นอนยัน ฯลฯ ) ว่าเป็นคน
      ดีกันทั้งเมือง คือ เมืองกระจกของฉันไง เมืองของฉัน ( เรียกว่าเมืองของเราจะ
      สะดวกกว่านะ ) ไม่ต้องมีจราจร ตำรวจแบบพวกมักเกิ้ล หรือ แบบเมืองอื่น
      เพราะว่าทุกคนมีระเบียบวินัยน่ะสิ พวกคนในกรมฯ กระทรวงต่างๆจึงไม่ต้อง
      ปวดหัวเรามีกรมฯ มีกระทรวง เอาไว้บริหารให้เจริญยิ่งขึ้น ( แม้ว่าจะเจริญมาก
      แล้วก็ตามทีเถอะ )

      ทำให้เป็นเมืองมหาอำนาจอย่างสมบูรณ์แบบ เมืองกระจกประกอบด้วย 8 เมือง
      ด้วยกัน

      1. เมืองกระจก ( เป็นเมืองหลวง )
      2. เมืองแห่งพลังเวทมนตร์ ( พิเศษ )
      3. เมืองบาดาล
      4. เมืองแห่งเขาวงกต
      5. เมืองแห่งความสนุกสนานและการละเล่น
      6. เมืองนิทาน
      7. เมืองแห่งความกล้าหาญ
      8. เมืองแห่งความฉลาด
      เมืองแห่งพลังเวทมนตร์ ( พิเศษ ) เป็นเมืองที่แม่ฉันอยู่ก่อนแต่งกับพ่อ ปัจจุบัน
      เลยรวมกันโดยปริยายไง ฉันและพี่ๆเลยได้พลังพิเศษมาบ้าง นี่ก็เป็นข้อดีข้อ
      หนึ่ง

      ที่เมืองกระจกของเรานั้นก็มีนางฟ้าและเทวดาอยู่ 3 องค์ประจำเมือง
      1. เทวดาแอ๊คทีส
      2. นางฟ้าเบนาลีน ( ซีวิลด์ )
      3. นางฟ้ามาราเร่ ( อาเรย่า ฟรานเซสก้า วีนีซาน )
      ( ฉันเคยเถียงกับ นางฟ้ามาราเร่ว่า มันเป็นการแลกเปลี่ยนไม่ใช่การให้พร
      แต่…
      เธอก็เถียงว่า พรพลังทางดวงตาไงล่ะ )

      ในวันเกิดอายุครบ 6 ปีของฉันเป็นวันที่ฉันแลกเปลี่ยนความทรงจำกับผมสีทอง
      และ เธอก็ให้พรฉันอย่างลับๆ กลัวคนอื่นตำหนิว่าให้มากไปไงล่ะ
      เธอให้กล่องใบหนึ่งห่อสวยมากเป็นของขวัญวันเกิดโดยไม่ยอมบอกว่าเป็นอไะร
      และแน่นอนเป็นเรื่องที่ฉันกล่าวถึง เพราะว่า มันทำให้ฉันสามารถแยกร่างได้
      มันเป็นความลับที่ไม่ค่อยลับเท่าไหร่ ( คือ บางคนรู้ บางคนไม่รู้ แต่ที่จริงควร
      เป็น
      ความลับ จนกระทั่ง… )

      มีคนบอกปากต่อปากจนรู้ไปทั่ว ฉันแยกได้อีก 8 ร่างแต่มันไม่ง่ายเลย ในโน้ต
      เขียนว่า
      “ มันอาจเป็นประโยชน์กับเธอ ” พอเปิดดู
      มันเหมือนเป็นกล่องเก็บอะไรบางอย่างข้างใน แค่กล่องก็สวยแล้ว
      สมเป็นของขวัญจากนางฟ้าจริงๆ ด้านหน้าของกล่องเป็นสัญลักษณ์ต่างกัน 9
      อย่าง
      คือ รูป หัวใจที่อยู่บนดวงจันทร์ , ดวงอาทิตย์ , ดาว , ใบไม้ , ดอกไม้ , ดาบ ,
      หนังสือ
      ไม้กายสิทธิ์ , ควีนของหมากรุก

      ทีแรกฉันก็งง แต่ดูไปมันก็สวยดี แต่ที่ชอบที่สุด คงเป็นสีชมพูแวววาวของกล่อง
      พอเปิดกล่องดู มันเป็นแสงจ้าบาดตา และเสียงดนตรีอันไพเราะ ซักพักก็หยุดไป
      ฉันเห็นไพ่ 9 ใบที่เป็นสัญลักษณ์ของกล่อง ไพ่มีลักษณะยาวไม่เหมือนทั่วไป
      ใบที่เป็นรูปหัวใจที่อยู่บนดวงจันทร์ มีชื่อเขียนไว้ว่า Arissina มันเป็นชื่อของฉัน
      นี่นา
      แต่ไพ่ใบอื่นก็มีชื่อเขียนไว้เหมือนกันเหมือนกัน แต่ละใบสวยงามมาก แต่ฉันก็
      ไม่เข้าใจ
      ว่าเอามาทำอะไรจนกระทั่งฉัน ได้อ่านจดหมายของนางฟ้ามาราเร่ฯ ที่บอกวิธีใช้
      ไว้ว่า …

      “ นำไพ่ใบที่มีรูปดวงอาทิตย์ เขียนคุณสมบัติเพื่อนที่เธออยากได้ 3 ข้อ ใบอื่นไม่
      ต้อง ( เพราะ กำหนดได้แค่ใบเดียว ) นำทั้งหมดไปติดไว้ที่ประตู ในห้องนอน
      ของเธอ พยายามใส่จิตวิญญาณเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันอาจจะ
      อันตราย แต่ก็เป็นประโยชน์” เธอทิ้งท้ายไว้ว่า

      “ และนี่คือของขวัญจากฉัน นางฟ้าประจำตัว คนที่ 2 ของเธอ ” เธอนับตัวเธอรอง
      จากป้ามอนต้า

      ฉันเขียนในไพ่ใบที่มีรูปดวงอาทิตย์ว่า
      1. รักเพื่อน 2. เสียงเพลง 3. ความเข้าใจ
      ไพ่แต่ละใบมีชื่อเขียนไว้ คือ
      ไพ่รูปดวงอาทิตย์ – Alameria และมีวงเล็บว่า aria ( เอลามีเรีย – เอเรีย )
      ไพ่รูปไม้กายสิทธิ์ – Rose ( โรส )
      ไพ่รูปดาว – Ida ( ไอด้า )
      ไพ่รูปใบไม้ – Silvia ( ซิลเวีย )
      ไพ่รูปควีนของหมากรุก - Sandra ( แซนดร้า )
      ไพ่รูปดอกไม้ - Iris ( ไอริส )
      ไพ่รูปดาบ – Nadine ( นาไดน์ )
      ไพ่รูปหนังสือ – Amelia ( เอมีเลีย )

      ฉันสังเกตุตัวอักษรตัวหน้าของทุกตัวมัน คือ A , R , I , S , S , I , N , A
      ซึ่งก็คือ ARISSINA ชื่อของฉัน ป้ามอนต้าบอกฉันว่า
      คนที่ตั้งชื่อให้ฉัน คือ นางฟ้ามาราเร่ฯ ( ซึ่งมันผิดหลักพจนานุกรมของโลก
      เวทมนตร์และโลกมนุษย์
      แต่ชื่อของสเปชอยากจะเขียนยังไงก็ได้ )

      ตอนกลางคืน ฉันทำตาม และ เมื่อพยายามใส่จิตวิญญาณ ของฉันเข้าไป
      ในไพ่ทุกใบโดยเฉพาะใบที่มีรูปดวงอาทิตย์ ส่วนใบของฉันแปะไว้ที่หัวเตียง
      มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาด ยิ่งกว่าดื่มยาใดๆที่ฉันเคยดื่ม มันเป็น
      ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้มากนัก มันไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ไม่รู้สึกสบาย
      แล้วหลังจากนั้น 1 ชม. ฉันก็หลับไป เช้าวันรุ่งขึ้น
      ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วฉันก็เห็น …

      ประตูแต่ละบานเปลี่ยนไป จากประตูไม้สักขัดเงาอย่างดี และ ลูกบิดทองเหลือง
      กลายเป็นสีชมพู ( ฉันชอบมาก ) ลายตามไพ่และมีชื่อสลักอยู่ลูกบิดมีสีต่างกัน คือ
      สีแดง - เอเรีย , ส้ม – โรส , ฟ้า - ไอด้า , เขียว – ซิลเวีย ,
      ขาว – แซนดร้า , ม่วง – ไอริส , น้ำเงิน - นาไดน์ และ สีโอรส – เอมีเลีย

      ฉันอยากจะลุกไปเปิดแต่ก็ล้าเหมือนว่ายน้ำรอบโลก ( แค่เปรียบเทียบนะ ฉันไม่
      เคยแล้วก็ว่ายน้ำไม่เก่งด้วยแค่พอไปรอด ) ฉันจึงเรียกป้ามอนต้ามาช่วยพยุง
      ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้นักหรอก
      ( เพราะฉันไว้ใจป้ามอนต้านะเนี่ย ) ป้ามอนต้าขึ้นมาในอีก 5 นาทีต่อมา

      ป้าพยุงฉันไปใกล้ประตูลูกบิดสีแดงจะเปิดแต่ ป้าก็ต้องรีบเอามือออก
      ป้าบอกว่ามันร้อน ฉันลองเปิดดูก็เปิดได้ ( ไม่เห็นร้อนเลย )

      แล้วฉันก็เห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง ผมสีดำ นอนอยู่บนเตียง เธอหน้าตาเหมือนฉัน
      มาก
      ฉันลองเรียกชื่อของเธอ ( ฉันคิดว่าคงใช่ )
      “ เอเรีย ” แล้วเธอก็ตื่นขึ้นพร้อมกับ
      ทักทายฉันว่า “ สวัสดี อลิซ ” มันให้ความรู้สึกแปลกๆเหมือนตัวเราทักทายตัว
      เอง
      “ เธอเป็นใครเหรอ ” ฉันถาม

      “ เพื่อนของเธอไง เรียกอีกอย่างว่า ร่างที่แยกมาจากตัวเธอก็ได้ แต่ดูเธอโทรมๆ
      นะ เออใช่สิแยกตั้ง 8 ร่างไม่โทรมก็เวอร์แล้ว ” เธอพูด ฉันสังเกตุว่า เราดู
      เหมือนกันมากก็จริงอยู่
      แต่เสียงของเราต่างกัน แต่ก็คล้ายกันอยู่เหมือนกัน ฉันถามว่า…

      “ ทำไมป้ามอนต้าเปิดประตูห้องเธอไม่ได้ ”
      “ แต่เธอเปิดได้มันไม่แปลกหรอก เธอเป็นคนสร้าง เธอเปิดได้ แต่คนอื่นก็เปิด
      ไม่ได้ แต่ห้องอื่นคนอื่นเปิดได้ แล้วอีกอย่าง เรามีนิสัยต่างกัน แล้วอีกหน่อยเธอ
      ก็จะรู้ ” เธอตอบฉันและพาฉันไปดูห้องของคนอื่น

      ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เริ่มเรียนรู้นิสัยของพวกเธอทุกคน ฉันแนะนำให้ญาติและคน
      อื่นๆรู้จักทุกคน ชาวสเปชจึงรู้จักพวกเธอ และพ่อก็ตั้งเป็นเจ้าหญิงเมืองต่างๆที่
      อยู่ในเมืองกระจกของเรา
      ฉันก็แยกออกด้วย คือ เสียงและนิสัยแตกต่างกัน

      เอเรีย – เหมือนฉันมากที่สุด แม้กระทั่งสามารถเปลี่ยนสีผมได้เหมือนฉันด้วย
      ไม่ว่าจะเป็นสีดำ หรือ สีทอง ( สีอื่นจะเปลี่ยนได้ไง ฉันยังทำไม่ได้เลย ) มีพลัง
      อำนาจมากกว่าร่างทั้งหมด และพลังจะมากที่สุดในตอนกลางวัน และเธอยังมี
      ความสามารถทางตาเหมือนฉัน แต่ ผมสีทองของเธอ ไม่ได้มีความสามารถ
      เหมือนฉัน และ แววตาเธอมุ่งมั่นมากกว่าฉัน เธอเป็นเจ้าหญิงเมืองกระจกคู่กับ
      ฉันด้วย

      โรส – เธอผมยาว หยิกด้วย แต่มันดูเป็นลอนสวยมากกว่า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
      ผมสีน้ำตาล มีพลังพิเศษต่างจากคนอื่น แต่ไม่มากเท่าเอเรีย แต่มีบางอย่างที่เอ
      เรียไม่มี เช่น เธอสามารถคุยกับสัตว์ได้ทุกประเภท เป็นต้น – เจ้าหญิงเมือง
      พลังเวทมนตร์พิเศษ

      ไอด้า – ผมยาว ตรง ดวงตาสีน้ำทะเล ผมสีดำออกน้ำตาล ว่ายน้ำเก่ง ( แยกมา
      จากฉัน แต่ทำไมไม่เหมือนกันเลยนะข้อนี้ ) เธอจะมีพลังมากที่สุด ( เท่าที่เธอทำ
      ได้ ) ในวันที่มีดาวระยิบระยับ – เมืองบาดาล

      ซิลเวีย – เป็นคนเดียวที่ผมสั้น ( คนอื่นเค้าผมยาวกันหมด ) แต่ไม่สั้นมาก
      ถือว่าสั้นที่สุดในบรรดาทั้งหมด ผมของเธออยู่แค่ไหล่ คนอื่นประมาณ
      กลางหลังเกือบถึงเอว ( รวมถึงฉันด้วย ) เธอชอบคุยกับต้นไม้ ( ทีแรกพวกเรา
      คิดว่า เธออาจเป็นบ้าก็ได้ แต่เราก็มารู้ทีหลังว่าเธอคุยกับต้นไม้ได้ เป็นความ
      สามารถพิเศษที่หาได้ยากแต่ไม่เท่าของ โรส ) ผมสีน้ำตาลทองเช่นเดียวกับสีตา-
      เมืองแห่งเขาวงกต

      แซนดร้า – ผมสีน้ำตาลแดง ดวงตาสีออกน้ำเงิน เก่งเรื่องเกมการละเล่นมากๆๆ
      ( เก่งกว่าฉันอีก ไม่อยากเชื่อเลย เธอเป็นร่างของฉันแท้ๆ…แต่ป้ามอนต้าบอกว่า
      ถ้าฉันมีประสบการณ์ และ ดึงความสามารถของตัวเองออกมาได้ก็จะชนะได้ ส่วน
      ร่างที่แยกออกมาจากตัวฉันก็มีความสามารถของฉันอยู่ไม่ต้องรอ ฝึก หรือดึงออก
      มาใช้แบบฉัน เฮ้อ…น่าอิจฉา ) ใจเย็นและมีสมาธิเป็นเลิศ ( แน่ล่ะ ข้อนี้เธอต่าง
      กับฉันซึ่งฉันมีสมาธิบางเวลา เธอสมาธิดีแน่วแน่ขนาด ทุกคนแกล้งรบกวนเวลา
      อ่านหนังสือของเธอยังไม่ละคายซักนิดถ้าเป็นเอเรียคงไล่ตะเพิดเราไปแล้ว
      ล่ะ ) – เมืองแห่งความสนุกสนานและการละเล่น

      ไอริส – ดวงตาสีฟ้าอมเขียว ( คล้ายสีน้ำทะเลแบบไอด้า แต่เข้มกว่า ) ผมสีดำ
      ออกน้ำตาลเข้มกว่าไอด้า ( เธอกับไอด้าเหมือนกันมากๆ สนิทกันมากด้วยใน
      บรรดาทั้งหมด - ไม่รวมฉันกับเอเรียนะ )
      เป็นคนที่มีความคิดและจินตนาการดีเลิศ – เมืองนิทาน

      นาไดน์ – ดวงตาสีชา ผมสีน้ำตาลไหม้เป็นคนที่กล้าหาญ ( และบ้าบิ่นนิดหน่อย )
      ที่สุดในบรรดา ร่างที่แยกจากฉันเธอมีจิตใจที่เข้มแข็งมาก – เมืองแห่งความ
      กล้าหาญ

      เอมีเลีย – ผมสีดำ ดวงตาสีดำ ( ถ้าไม่รวมเอเรียเธอก็คล้ายฉันที่สุด ) รอบรู้เรื่อง
      การเรียนที่สุดในบรรดาร่างที่แยกออกมาทั้งหมด( เรียกว่าเก่งเรื่องนี้ที่สุดว่างั้น
      เถอะ ) – เมืองแห่งความฉลาด

      หลังงานเลี้ยงชาวฟ้าประมาณ 1 เดือน นางฟ้ามาราเร่ฯ ปรากฏตัวขึ้นแล้วบอกว่า
      บอกว่า
      “ ถ้าเมื่อไหร่เธอควบคุมพลังได้ ความสามารถในตัวเธอ ก็จะออกมาทั้งหมด ซึ่ง
      ต้องใช้เวลา แล้วอีกอย่างก็คือ ความทรงจำที่เอาไปประกวด ขอบคุณเธอมาก เธอ
      จะเอาคืนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีความผิด
      แต่ต้องฝ่าด่านไปเอาเอง ที่ใดที่หนึ่งบนสวรรค์นะ ตอนนี้เธอยังไม่จำเป็นต้องใช้
      มันหรอก มันอยู่บนสวรรค์ต้องฝ่าด่านเอาคืนมาและ ค่อนข้างอันตรายนิดหน่อย
      อาจจะกลายเป็นสนุกก็ได้ ถ้าอยากได้เมื่อไหร่ก็ไปเอามาแล้วกัน เพราะด่านไม่
      ยาก แค่เอาไว้ให้เล่นๆเฉยๆ ” ฉันก็พยายามคิดอยู่เหมือนกัน
      แต่ความคิดใหม่ก็ผุดขึ้นมาว่า ได้ใช้แล้วค่อยไปเอาแหละ ดีแล้ว

      ฉันสามารถให้ทุกคนกลับเข้าไปอยู่ในร่างได้ และ สามารถบังคับไม่ให้ออกมาก็
      ได้ ยกเว้นคน 1 คือ
      เอเรีย เธอไม่เคยฟังคำสั่งฉันหรอก แต่เธอก็มีข้อดีอยู่เยอะ ในบรรดาร่างทั้ง
      หมด ฉันสนิทกับเอเรียมากที่สุด
      เธอเป็นห่วงทุกคน และ แน่นอน เธอค่อนข้างจะห่วงฉัน มากที่สุด ฉันปรึกษา
      เธอได้ทุกเรื่อง และ แน่นอนอีกนั่นแหละ ฉันเป็นคนที่ชอบเสียงเพลง ฉันมัก
      จะร้องเพลงบ่อยๆ เอเรียก็มีความสามารถทางด้านนี้ดี เสียงของเราต่างกันไม่
      มาก ถ้าไม่ฟังดีๆก็แยกไม่ออกหรอก เสียงของเธอเวลา ร้องเพลงจึงเข้ากับฉันได้
      ดีที่สุด เรามักจะร้องเพลงด้วยกันเสมอ

      เอเรียเป็นคนที่ฉลาด ( แต่การเรียน หรือ เรื่องอื่น ๆ ฉลาดสู้ฉันกับเอมีเลียไม่
      ได้ ) เธอมักอารมณ์ร้อน
      ( หรือร้ายไปเลย ) แต่เธอก็ควบคุมได้ดีกว่าฉันในบางครั้ง

      เธอมักจะใช้เวทมนตร์รุนแรงไปในการทำโทษคนที่ทำให้เธอโกรธโดยเฉพาะ
      คนที่เล่นงานพวกเราคนใดคนหนึ่ง เธอจะไม่ไว้หน้า และไม่สนใจที่จะลดพลัง
      ในการทำโทษเลย จึงไม่มีใครอยากทำให้เธอโกรธ พอๆกับที่ไม่มีใครอยากทำ
      ให้ฉันโกรธ และ เธอก็เกลียดใครได้ ไม่ยากด้วยสิ ( โดยเฉพาะ คนที่ยั่วโมโห
      เธอ )

      การที่มีเอเรีย ทำให้ฉันควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นมาก แต่ข้อเสีย คือ ฉันไม่ได้ฝึก
      ควบคุมพลังตัวเอง ก็ฉันไม่อยากเสี่ยงนี่นา ทุกคนจะมีลูกแก้วประจำตัวซึ่งรวบ
      รวมอยู่ใน ล็อกเกต ( บางครั้งฉันก็เรียก ล็อกเกอร์ ) หรือ จี้ห้อยคอ ประจำตัวรูป
      หัวใจของฉัน

      มันทำหน้าที่เก็บของได้ไม่อั้นเหมือนกระเป๋าโดเรมอนเลยทีเดียว วิธีเอา
      ของออกมาจากล็อกเกต มีฉันคนเดียวที่ทำได้ เพราะมันตอบสนองกับความคิด
      ของฉัน สร้อยสีทองที่ห้อยจี้หรือล็อกเกตรูปหัวใจนี้ไม่มีตะขอหรืออะไรสำหรับออก
      เลย ฉันใส่ติดตัวแต่เกิดไม่เคยเอาออกเลย ( ก็มันออกไม่ได้นี่นา พอจะเอาออก
      แบบออกทางหัวมันก็หดลงแบบไม่อยากออก ฉันว่ามันก็คงมีภูติประจำ แบบ
      เดียวกับสมุด
      บันทึกของฉันนั่นแหละ )

      มาถึงเรื่องลูกแก้วดีกว่านะ ลูกแก้วประจำตัวทุกคนอยู่ที่ฉันรวมถึง ของเอเรีย
      ฉันจึงยืมพลังเอเรียมาใช้เวลาที่ฉันไม่มั่นใจว่าจะควบคุมพลังของตัวเองได้ ฉัน
      ก็เลยไม่ได้ฝึกควบคุมเลย

      ฉันเกิดมาพร้อมกับ 3 อย่าง คือ
      1.จี้รูปหัวใจ ( ดูผิวเผินเหมือนล็อกเกตธรรมดา แต่มันมากความสามารถที
      เดียว )
      2.สมุดบันทึก ( หลายคนสงสัยว่า เล่มก็ไม่เล็กแล้วมันออกมาได้ไงไม่เปื้อนเลยก็
      คือ มันอยู่ในล็อกเกตนั่นแหละ )
      3. ไม้กายสิทธิ์ ( มันเป็นสีชมพูด้ามจับสีทอง ชอบตรงสีชมพูมากเลยฉันพบว่ามี
      ตอนอายุ 3 ขวบ )
      สมุดบันทึกนี้มีภูติประจำ เธอชื่อ เนลลี่ เป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อสายของ ภูติ สเปช
      แฟรี่ และ นางฟ้า
      สมุดบันทึกจะถูกเก็บในจี้ถ้าไม่เรียกใช้หรือ ไม่ก็ถ้าเธออยากออกมา แต่ฉันก็
      บังคับได้เหมือนกัน
      หลายคนสงสัยอีกว่าบันทึกยาว ทนเขียนได้ไง นั่นเป็นเพราะว่า…

      ฉันไม่ได้เขียนมันขึ้นทั้งหมดน่ะสิ ใครจะทนเขียน ค่อนข้างละเอียดด้วยบางครั้ง
      ฉันก็เขียน แต่บางครั้ง สมุดก็บันทึกเอาเองโดยอัตโนมัติ และ ก็ไม่ได้มีแต่เรื่อง
      ของฉันคนเดียวที่บันทึกลง บางครั้งก็มีบันทึก ความคิด หรือ จากไดอารี่ของคน
      อื่นด้วย แต่นั่นก็นานๆครั้ง และแน่นอน มีความคิดของฉันอยู่ด้วย บางครั้งมันก็
      ลงบันทึกคนอื่น เช่น ของ อลิเซีย กับ แคร์ตี้

      การมีพลังพิเศษไม่ได้ดีเสมอไป ฉันรู้สึกอยู่บ่อยๆว่าต้องไม่ใช้บ่อย เพราะมันจะ
      ควบคุมเรา บางคนไม่รู้และคิดว่ามันดีเลิศ แต่… นางฟ้ามาราเร่ บอกฉันว่า เคย
      มีคนได้พลังคล้ายๆอย่างนี้โชคดีที่เขาเป็นคนธรรมดาที่นางฟ้าคนหนึ่งเกิดสงสาร
      เขากลายเป็นคนละคน ไม่ใช่เพราะ หลงอำนาจ
      แต่เพราะอีกร่างควบคุม
      ฉันรู้สึกทุกครั้งที่ใช้ผมสีทอง และ ต้องพยายามที่จะควบคุมมันไม่ใช่ให้มันควบ
      คุมฉัน

      พวก ปีศาจ ( ในโลกของเราก็มี แต่มีน้อยมาก เกือบ สูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่ได้หน้า
      ตาน่าเกลียด แต่มีอำนาจ และ ชอบแก้แค้น แล้วตาย เป็นเหตุผลที่เกือบสูญ
      พันธุ์ ที่นิสัยดีๆ ไปเป็นนางฟ้ากันหมด
      จากการพิจารณาของเบื้องบน )
      ชอบแกล้งให้พลังโดยไม่บอกทำให้มีคนไม่ดีเกิดขึ้น ( แม้จะทำให้มันเสียพลังจน
      ตาย หรือ เกือบตายก็ตาม ) แต่ในเมืองกระจกปีศาจเข้ามาไม่ได้ อย่าว่าแต่ผ่าน
      เลย เพราะกระจก สมมารถสะท้อนพลัง และ ป้องกันปีศาจได้

      บางครั้งความคิดน่ากลัวก็ผุดขึ้นมาบ่อยในสมองว่า ถ้าถูกครอบงำอะไรจะเกิดขึ้น
      แค่พวกเอเรียฉันก็ยุ่งแล้ว แล้วถ้าถูกครอบงำ ฉันจะกำจัดเธอได้มั๊ยนะ ( แล้วจะ
      เปลี่ยนเป็นเป็นเพื่อนได้รึเปล่า ) นางฟ้ามาราเร่ เคยบอกว่ามีคนทำได้น้อย
      มากจริงๆ

      ฉันเคยเจออีกคนในร่าง ที่ไม่ใช่พวกเอเรียหรือคนอื่นๆ เธอบอกว่าชื่อ ลิน เธอ
      ต้องการร่างของฉัน
      ฉันคนเดียวที่มองเห็นเธอ แล้วตอนนี้ ฉันก็พยายามจัดการกับเธออยู่ฉันตอน
      เด็กๆไม่ค่อยได้เจอใครมากนัก ตอนเรียน อายุ 3 ขวบเป็นแค่ขั้นเตรียม บาง
      คนก็ไม่เรียน แต่ฉันไม่มีอะไรทำแล้วมันก็ทำให้ฉันรู้จักวีน

      ฉันเห็นวีนตอน 4 ขวบ เธอเข้าตอนเทอม 1 ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกัน แต่ก็รู้สึก
      ถูกชะตากัน เราได้ประลองกัน เพราะ ได้ยินของความเก่งของอีกฝ่าย แล้วเราก็
      ประทับใจกันมาก เราก็เลยตกลง เป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา

      ตอน 4 ขวบ ฉันก็เจอ อลิเซียที่โรงเรียน เธอดูแปลกๆ และยังไม่มีเพื่อน ฉันคุย
      กับเธอ
      และก็ทำให้เรารู้ว่าเป็นญาติกัน เข้ามาแรกๆเธอดูเศร้าๆแต่ฉันก็ทำให้เธอสดใส
      ร่าเริงขึ้น เธอก็เลยดูดีขึ้นมากแล้วเราก็เป็นเพื่อนกัน ( อันนี้เท่าที่เธอเล่าให้ฟัง
      เพราะ ความทรงจำที่ดีจะถูกเก็บไว้ส่วนลึกมากๆ บางครั้งก็ไม่สามารถใช้ตาดู
      ได้ )

      และหลังจากนั้นฉันก็ได้พบแคร์ตี้ เธอก็ดูเศร้าๆและมีอดีตฝังใจ ซึ่งฉันก็คุยกับ
      เธอ เธอดูร่าเริง
      แจ่มใสขึ้นมาก แล้วก็อารมณ์ดีอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ( เธอเล่าแค่นี้ แต่ฉันว่า
      ต้องมีอะไรมากกว่านั้น เธอบอกแล้วพูดว่าไม่อยากเล่าเหตุการณ์ตอนนั้น มัน
      กระตุ้นความทรงจำบางอย่าง ฉันก็เลยเลิกถาม )

      แล้วเราทั้งสี่คนก็เป็นเพื่อนสนิทกัน สนิทกันมากๆ เราไม่ค่อยปิดบังอะไรกัน มี
      อะไรเราก็จะพูดกันตรงๆ และจนปัจจุบัน เราก็ยังไม่เคยโกรธกันเลย ( เป็น
      เพื่อนแท้ที่หาได้ยากมากที่จะไม่เคยโกรธกันเลย ) ฉันกับวีนมักจะแข่งขันกัน
      บ่อยๆ แต่เราก็ไม่คิดอะไรมาก ต่างฝ่ายก็ต่างทำให้ดีที่สุดและไม่ออมมือให้กัน
      เพราะเรารู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องโกรธแน่ๆ เพราะ มันเหมือนกับการดูถูก ฝีมือกัน ซึ่ง
      เป็นสิ่งที่พวกเราเกลียดเป็นที่สุด

      พวกเรามีเรื่องที่เราไม่เคยถามกัน เพราะไม่อยากขุดคุ้ยขึ้นมา เราจะรอให้อีก
      ฝ่ายพร้อมและทำใจได้และเป็นฝ่ายบอกเราเอง แคร์ตี้และอลิเซียไม่เคยเอ่ย
      เรื่องนี้ และ ฉันกับวีนก็ไม่บอกเหมือนกัน
      มันเป็นเรื่องอดีตที่ฝังใจของแต่ละคน

      ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเรามีความสุขดีอยู่แล้วทำไมต้องหาเรื่องกลุ้มใจ ฉันเปลี่ยน
      ทุกคนและทุกคนก็เปลี่ยนฉัน เรียกง่ายๆว่าเราเปลี่ยนนิสัยกัน ทำให้มีความสุข
      สดใส ร่าเริงขึ้น ( อลิเซียร่าเริงจนเกือบติงต๊องแล้ว )แล้วเราก็สนิทจนเกือบมีคน
      อิจฉา ( หรืออิจฉาไปแล้ว )
      ซาร่า ( ซารารีน่า ) กับญาติของเธอ บิลบัวล่า และ มารีน่า สนิทกันมาก
      ญาติของซาร่าอีกคนที่เข้ากันไม่ค่อยได้ คือ คิราร่า เชื้อพระวงศ์
      เมืองแห่งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ที่ได้รับอิทธิพลมากจากญี่ปุ่น ( ประเทศของ
      มนุษย์ )

      เธอชอบแกล้งฉัน และ เธอก็เป็นเป้าหมายในการแกล้งปัจจุบันของฉัน นับว่า
      กล้ามาก แต่ก็ดูโง่เง่าไปหน่อย ใครก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ ไม่นานมานี้เธอ
      แกล้งแพนด้าตัวโปรดของฉัน ( ในสวนสัตว์ที่บ้าน ) ฉันเลยปรุงยาและแอบใส่ลง
      ในอาหารของเธอ ตั้งแต่เธอแกล้งก็ระวัง อย่างดีเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิด แต่เธอก็
      รู้ว่าไม่มีประโยชน์ ถ้าฉันคิดจะเอาคืน เธอไม่มีทางหยุดฉันได้ ฉันทำสำเร็จ คิรา
      ร่า กลายเป็นหมีแพนด้าไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เป็นการแกล้งที่เป็นที่น่าภูมิใจ
      อย่างยิ่ง และ คนที่ไม่ชอบเธอก็
      พลอยขอบคุณฉันไปด้วย คนนั้นคือ เนรีน หรือ นีน คู่ปรับและคู่แข่ง ของ คิรา
      ร่า หรือ คีย์ ( ชอบอัฟผู้แสนน่าเบื่อกันทั้งคู่ )

      ฉันเริ่มลดความกังวลใจเรื่องลิน ฉันเล่าให้ทุกคนฟังทุกคนดูแปลกใจไม่เว้นแต่
      เอเรีย เธอก็ยังไม่เคยรู้
      ว่ามีลินอีกคนที่อยู่ในร่างฉัน ( น่าปวดหัว ) แต่บางครั้งเธอก็บอกว่าเคยรู้สึกได้
      แต่น้อยมากจริงๆ

      เอเรียแนะนำให้นำลินไว้ใน กำไลโกสมิลล์ ซึ่งเป็นกำไรที่ปู่ทวดให้ไว้เก็บ
      วิญญาณ เราสามารถใช้
      ถ่ายทอดวิญญาณสู่กระจกได้ ซึ่งเป็นความสามารถของเมืองกระจก ที่มีความ
      สามารถมากมาย แต่มีประชากรน้อยที่สุดใน บรรดาเมืองใน สเปเชี่ยล วิช ของ
      เรา
      แต่ทุกคนมีความสามารถ จึงเป็นเมืองที่แทบจะเจริญที่สุด แต่เมืองที่น่าอยู่ที่สุด (
      ในหนังสือการโหวตของชาวสเปช ) คือ เมืองของเอ๊ด

      ฉันก็คิดเช่นนั้น แต่ฉันรักเมืองของฉัน ทุกคนรักเมืองของตัวเอง ( ชาวกระจก )
      เราเลยไม่คิดจากไปไหน ยกเว้นเวลาเที่ยว เมืองอื่นจะต้อนรับชาวกระจกอย่าง
      ดี แค่ยื่นใบแสดงตัวก็เข้าได้ ผิดกับชาวเมืองอื่นๆ เพราะ ใครก็รู้ว่าเมืองกระจก
      มีแต่คนดี ( อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ) จึงมีหลายคนที่อยากเข้ามา และ ส่วนมาก
      ชาวสเปช จะอยากเลือก คู่ครอง ไม่ว่าชายหรือหญิง จากเมืองกระจก ใครได้คู่
      ด้วย ถือว่าโชคดีที่สุดเพราะ เราค่อนข้างจะเลือก เนื่องจาก…

      มี ( ข้อที่ไม่รู้ว่าดี หรือ เสีย ) ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นนิสัยของทุกคนที่เป็นชาวกระจก (
      ชาวมัลเลน ) คือ
      การมีหัวใจให้ใครซักคน แล้วยากที่จะลืมอาจใช้เวลานาน และไม่เคยต่ำกว่า 5
      ปีเลยซักครั้ง
      เนื่องจากการระวัง การเจ็บช้ำจึงเป็นเรื่องที่เกิดน้อยมากไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์

      --------

      บทที่ 3 สู่โรงเรียน

      กำหนดการไป ( เที่ยว ) เชื่อมสัมพันธ์ ยังมาไม่ถึง หลังจากงานเลี้ยงชาวฟ้า
      ผ่านไปไม่นาน
      บรรดาเชื้อพระวงศ์ก็ต้องเข้าโรงเรียน โรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนประจำ อยู่ที่
      เมืองแห่งความรู้
      หลังจากจบก็เรียนที่โรงเรียนอ๊อกซ์เวิร์ด ที่อยู่ในเมืองดอกไม้ ช่วงอายุ 12 ปีถึง
      อายุ19 ปี เรียน 8 ปี
      และออกจากโรงเรียน ถือว่าจบการศึกษา ในประวัติยังไม่มีใครเคยสอบตกเลย
      ( พวกเชื้อเจ้า )

      ที่อ๊อกซ์เวิร์ด ( มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลกของเรา ) และโรงเรียนปัจจุบันใน
      เมืองแห่งความรู้ เป็น
      โรงเรียนประจำทั้งคู่ แต่โรงเรียนของเชื้อพระวงศ์ ที่ชื่อซันเบิร์ส เป็นโรงเรียนที่
      คัดเลือกเฉพาะ
      เชื้อพระวงศ์ แต่อ๊อกซ์เวิร์ดนั้นไม่เลือกแต่มีการสอบเข้า บางคนสอบไม่ได้ก็เข้า
      โรงเรียนอื่นแทน ใน
      โลกชาวสเปชมีเยอะมาก ถ้าไม่นับเรื่องนี้ก็ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น ระบบการจัด
      ที่อยู่ การเรียนการ
      สอนที่อ๊อกซ์เวิร์ดต่างจากซันเบิร์ส ( ในช่วงอายุอย่างเช่น 7 ปี คือ ต้องอายุ 7 ปี
      ในปีนั้นปีอื่นๆก็
      นับแบบเดียวกัน )

      การเรียนก็เหมือนปกติ เหมือนช่วง 2-4 ปี แต่น้อยคนที่จะเข้าเรียนช่วง 2
      ปี รวมทั้งอลิซด้วย
      ในปีนี้จึงปรากฏว่า ทางโรงเรียนยกเลิกช่วง 2 ปีไป ( ก็ยังเล็กนี่นา เลิก 3 ปีไป
      ด้วยก็ดี )
      ปีนี้อลิซอยู่ช่วงเจ็ดปี ซึ่งถ้านับใหม่แล้วก็คือ ชั้นที่ 3 ( เมื่อก่อนเป็นช่วงชั้นที่ 4 )
      เบล เรียนช่วง 9 ปี
      อยู่ช่วงชั้นที่ 5 ( ช่วงสุดท้ายคือ 10 ปี ช่วงชั้นที่ 6 ) ส่วนเฟิร์ซ ปีหน้าก็สอบเข้า
      อ๊อกซ์เวิร์ด การสอบ
      เข้าว่ากันว่าเป็นการสอบสัมภาษณ์ ไม่มีใครโกหกได้อลิซคิดว่าน่าจะเป็นน้ำยา
      จับเท็จ
      ( น้ำยาที่ทำให้ผู้ดื่มอาเจียนออกมาเมื่อโกหก ) และต่อด้วยการสอบข้อเขียน และ
      การสอบปฏิบัติ
      เรียกได้ว่ากว่าจะเข้าได้เลือดตาแทบกระเด็นเพราะจะคัดแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
      แล้วแต่โรงเรียนจะกำหนดในแต่ละปี

      ใครก็อยากเข้า เพราะ การศึกษาดี ที่พักดี บรรยากาศดี มีคนดูแล ( ยิ่งกว่า
      โรงแรมดัง ) มีมาตราฐาน
      มีการอบรมที่ดีกว่าที่อื่น มีอนามัย และ ความสะอาดเป็นเลิศ อาหารรสชาติอร่อย
      มีเครื่องอำนวย
      ความสะดวก และราคาค่าเข้า ค่าที่พัก ค่าเรียน และค่าอื่นๆ แพงมาก จึงเป็น
      โรงเรียนในฝันของ
      หลายๆคน และคนที่เข้าก็ต้องเก่ง หรือไม่ก็รวย ส่วนมากเป็นเศรษฐีกับเชื้อพระ
      วงศ์

      โรงเรียน ซันเบิร์ส เป็นโรงเรียนที่รับเฉพาะเชื้อพระวงศ์ มีอุปกรณ์การ
      เรียน และทุกๆอย่างขาย
      ที่โรงเรียน ข้างโรงเรียนมีร้านค้ามากมายที่อนุญาติให้นักเรียนเที่ยวได้ในวัน
      หยุด โรงเรียนเปิด 1
      พฤศจิกายน และปิด 31 สิงหาคม หลังจากปิดจึงได้เยี่ยมบ้าน หรือ อาจเป็นช่วง
      เทศกาล หรือ ภาค
      เรียนที่ 1 และในปีนี้ ก็เหลือ อีก 1 อาทิตย์เท่านั้นนับแต่วันนี้ที่จะถึงวันเปิด
      เรียน

      ในการเลือกห้องพักจะให้เลือกจำนวนคนในแต่ละห้อง ห้องของอลิซเลือก
      พัก 4 คน คือมี อลิซ
      วีน อลิเซีย และ แคร์ตี้ ห้องพักนั้นมีห้องน้ำในตัว มีแม่บ้านทำความสะอาด และ
      เมื่อมีคนไม่สบายก็
      จะมีอาหารเสิร์ฟ บางคนขี้เกียจก็โทรบอกว่าไม่สบายซึ่งก็เป็นส่วนน้อย เพราะ
      ห้องโถงนั้นคึกคัก
      และ อาหารรสเลิศ มีให้เลือกมากกว่าที่เสิร์ฟ โต๊ะเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมไม้สักขัดเงา
      โต๊ะเข้าชุดกับเก้าอี้
      มีผ้าปูโต๊ะเนื้อดี มีที่รองแก้วที่รองจาน จาน ช้อน ส้อม แจกัน กระดาษทิชชู่ไว้
      พร้อม ช้อนและส้อม
      เป็นเงิน ด้ามจับทอง จานเป็นจานแก้ว แก้งน้ำเป็นแก้วลายสลักเนื้อดี แต่ถ้าตก
      ก็แตกทันทีเหมือน
      แก้วทั่วไป การรับประทานอาหารต้องรักษากิริยามารยาทสุดๆ เป็นการฝึกไปใน
      ตัว ถ้ามีใครทำ
      อะไรแตก หรือ ทำให้เกิดเสียงดังจากการกระทบกัน จะถูกมองด้วยสายตาคม
      กริบและดุของบรรดา
      อาจารย์ และ ถูกอบรม อาจารย์ใหญ่ของที่นี่ชื่อ มิสแซนนารี่ ซันเบิร์ส เป็นโหล
      นของเหลน ของ
      หลาน ของ มิสเตอร์เซิร์ส ซันเบิร์ส

      อาทิตย์ที่เหลือผ่านไปอย่างรวดเร็ว และ น่าเสียดายสำหรับอลิซ เพราะ
      หมดไปกับการเที่ยว
      อย่างสนุกสนานกับเพื่อน และ ญาติๆ รวมทั้งช่วงปิด ที่สนุกกับการเรียนต่างๆ ทั้ง
      คาราเต้ เทควันโด
      และกังฟู เฟิร์ซ เก่งคาราเต้ที่สุดในบรรดาทั้ง 3 คน เบล เก่งเทควันโด อลิซเก่ง
      กังฟู และก็เริ่มหา
      อะไรใหม่ๆเรียน ช่วง 2 ปีที่หยุด ทั้ง 3 เรียนเพิ่มเติมด้านต่างๆ เช่น ดนตรี ร้อง
      เพลง การเต้นบัลเลย์
      ( บัลเลย์นั้นในกรณี ของ อลิซ และ เบล ) ยิงปืน ปามีด และอื่นๆ เรียกได้ว่าใช้
      เวลาคุ้มค่า และ เรียน
      เกินวัยเพื่อ เพิ่มความสามารถและป้องกันตัว อลิเซีย แคร์ตี้ วีน และญาติๆ ของอ
      ลิซ เรียนคนละนิด
      ละหน่อย แต่ …

      อลิซ เบล และ เฟิร์ซ คิดว่าจำเป็น จึงเรียนมากกว่าคนอื่นๆ และไม่อยากให้เปิด
      ซักเท่าไหร่เพราะจะ
      ได้ศึกษา และ เที่ยวมากขึ้น แต่พรุ่งนี้โรงเรียนจะเปิด จึงเป็นหน้าที่ของป้ามอน
      ต้า ที่จะจัดเตรียมให้
      เรียบร้อย เฟิร์ซมีเทวดาพี่เลี้ยงที่ชื่อ ลุงโจเซฟ จัดการให้ ( อายุมากกว่าป้ามอน
      ต้า 2 ปี ) และ เบล
      ที่มีน้ามาร่า น้องสาวป้ามอนต้าที่มาทำหน้าที่แทน เพราะ คนก่อนถูกเรียกไปทำ
      หน้าที่สำคัญ

      ซึ่งเรื่องนี้ทำให้น้ามาร่าปลื้มสุดๆ วีนมาพักที่ราชวังของอลิซ และ นำพี่เลี้ยงที่ชื่อ
      เฮเลน ( อายุเท่าป้า
      มอนต้า ) ที่จริงมีห้องพักสำหรับแขกผู้มาเยือน แต่วีนเลือกที่จะนอนห้องเดียวกับ
      อลิซมากกว่า ซึ่ง
      กว้างมากพอที่จะตั้งเตียงขนาด 9 ฟุตได้อีกเตียง การนอนที่จริงนอนเตียงเดียว
      กันก็ได้ แต่ป้ามอนต้า
      ว่าแยกเตียงจะสะดวกกว่า วีนชอบห้องอลิซ เพราะ มันน่าสนใจ มีประตูบาน 1 ซึ่ง
      เปิดไปจะมีประตู
      เปิดไปสู่ห้องลับต่างๆของอลิซ ซึ่งต้องมีรหัส และถ้าเข้าไปต้องจำให้ได้เพราะ
      สามารถหลงได้ง่ายๆ
      ทีเดียว และจะมีห้องพิเศษห้อง 1 สำหรับทุกคนที่เป็นห้องเก็บ เงิน หรือ สมบัติ
      ซึ่งต้องใช้รหัส
      กดรหัสผิด 2 ครั้งผู้กดรหัสจะถูกทำร้ายและถูกจับไม่ว่าเป็นใครก็ตาม หรือ แม้
      แต่เจ้าของ จึงจำเป็น
      อย่างยิ่งที่จะจำให้ได้ และเย็นนี้หลังจากงานเลี้ยงส่ง ทุกคนก็เข้านอนเพื่อสำหรับ
      การเดินทางวัน
      พรุ่งนี้ ซึ่งจะไปโดยเครื่องบินที่จอดที่ท่าเมืองแห่งเทคโนโลยี ซึ่งการเดินทางไป
      อลิซจะไปพร้อมกับ
      วีน อลิเซีย แคร์ตี้ เอ๊ด ทอม และ เช ส่วนญาติ และพี่ๆของอลิซ จะไปพร้อม
      เพื่อนๆ

      เช้าวันรุ่งขึ้นมาถึงทุกคนวุ่นวายกันแต่เช้า เครื่องบิน ออก 9 โมงเช้า และ
      ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงถึง
      ที่จอดของโรงเรียนที่มีไว้สำหรับเครื่องบินของโรงเรียนโดยเฉพาะ และจาก
      เมืองกระจกจะไปเมือง
      เทคโนโลยีใช้เวลาครึ่งชั่วโมง และต้องใช้เวลาขนของขึ้นเครื่องบินและหาที่นั่ง
      อลิซและเพื่อนที่ไป
      พร้อมกันจึงจะไปถึงที่นั่นเวลา 8 โมงเช้า ( เผื่อไว้เพราะเผื่อขัดข้องและอาจเกิน
      ไปบ้าง คงไม่มีใครตรงเป๊ะหรอก )

      กำหนดเดินทางนัดกันที่หน้าพระราชวัง เมืองกระจก ( อลิเซียและแคร์ตี้ก็อยู่ที่
      ห้องของตัวเอง )
      เวลา 7 โมง ครึ่ง และจะสายนิดหน่อยคงไม่เป็นไรเพราะเผื่อเวลาไว้เยอะ แต่
      กำหนดที่บอกนักเรียน
      ทุกคนให้รู้ คือ 8 โมง 45 นาที ต้องไปรายงานตัว และไปไม่ทันก็คือ ตกเครื่อง
      บิน ( ต้องหาทางไปเอง ไปไม่ทัน 11 โมงโดนลงโทษ )

      อลิซและคนอื่นๆ ( ที่นัดไว้ ) จึงต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมง เมื่อตื่นทุกคนก้จัดแจงทำธุระ
      ให้เรียบร้อย การ
      เดินทางใช้รถของพระราชวังเมืองกระจก รถที่ใช้ที่เลือกในการเดินทางครั้งนี้
      เป็นรถเบ๊นซ์สีดำแบบ
      ยาว ล็อกละ 3 คน รถนี้นั่งได้สบายๆ ที่นั่งกว้าง คนขับ 1 ข้างคนขับ 1 ด้านหน้า
      และที่เหลือ ล็อกละ
      3 อีก แถว และท้ายรถมีที่เก็บของที่ต้องกว้าง ยาวและใหญ่มากๆ ดูจากภายนอก
      จะไม่รู้ และอ่าน
      แล้วคนกะประมาณได้ว่ารถจะยาวขนาดไหน ( ที่แน่ๆ ยาวกว่าตู้ 1 ของรถไฟ )
      และแต่ละคนต้องเอา
      สัตว์เลี้ยงไปด้วยที่ไม่จำกัดว่าเป็นอะไร ( แต่ขนไปที่เครื่องบินให้ได้แล้วกัน ) ทั้ง
      อลิซ อลิเซีย วีน
      เอ๊ด ทอม เลี้ยงนกฮูก มีแต่เชที่เลี้ยงกระรอก และ แคร์ตี้ที่เลี้ยงแมว เป็นไปได้
      อลิซคงอยากเลี้ยง

      กระต่าย แต่นกฮูกมีประโยชน์มากกว่าโดยเฉพาะการส่งจดหมาย และ เหมาะ
      กับนกของเธอ

      คือ นกฟีนิกซ์ที่ชื่อ ฟลอเรนซ์ ซึ่งใช้ความช่วยเหลือนิดๆหน่อยๆจากการปรุงยาที่
      ทำให้ ฟลอเรนซ์ สามารถเปลี่ยนเป็นนกฮูกได้ตามคำสั่งของอลิซ มันดีกว่าการ
      ใช้เวทมนต์เปลี่ยน อลิซไม่อยากเอานกฟีนิกซ์ของเธอไปโชว์คนอื่นนักหรอก
      เพราะมันไม่เหมือนทั่วไปเพราะ นกฟีนิกซ์ทั่วไปขนจะเป็นสีแดงสลับทอง แต่
      ฟลอเรนซ์ของเธอซึ่งปู่ทวดให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบ 3 ขวบนั้น มีขน
      สีทองทั้งตัว ทุกคนมาตามที่นัดไว้ ( ตรงเวลามากๆ ) และเมื่อเก็บของขึ้นท้ายรถก็
      เป็นเวลา 7 โมง 40 นาที

      รถก็มุ่งหน้าจากเมืองกระจกไปที่สนามบิน คนขับรถอายุ 38 ปีแต่ขับรถช้าสุดๆจน
      ขนาดนี้ 8 โมง
      แล้วพึ่งไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง จนหลับไปเป็นแถบๆ แถวแรกหลังคนขับอลิซนั่งกับ
      วีน แค่ 2 คน
      แถวที่ 2 อลิเซียกับแคร์ตี้ และแมวของเธอ แถวที่ 3 เอ๊ด ทอม และ เช แถว 4
      และ 5 เป็นนกฮูก
      อลิซตื่นขึ้นมองนาฬิกา ตอนนี้เวลา 8 โมงครึ่งยังไม่ถึงครึ่งทางอีก

      “ ขับเร็วๆหน่อยสิคะ เดี๋ยวไม่ทัน เอาอย่างนี้ หนูได้รับใบรับรองขับรถพิเศษ
      สามารถขับลอยฟ้าได้
      โดยได้รับการรับรองแล้วหนูขับเอง ” อลิซบอก

      ก่อนที่คนขับจะพูดอะไรอลิซก็โบกไม้กายสิทธิ์ สลับที่เธอกับคนขับ วีนที่ได้สติ
      ก่อนเพื่อนก็พูดว่า

      “ ทุกคน คาดเข็มขัดนิรภัยเร็ว!!!! ”

      และท่ามกลางความตกใจทุกคนก็ลุกลี้ลุกลนคาด และก่อนจะได้
      ถามอะไร รถก็ลอยขึ้น และ ขับมุ่งหน้าไปด้วยความเร็ว และทุกคนก็ได้ข้อสรุป
      ในความสงสัยของ
      ตัวเอง และ ทอม ก็ได้รู้ถึงความสามารถเรื่องนี้ของอลิซ และ ได้รู้ว่า รถไฟเหาะที่
      ไม่ตีลังกา และ
      เคลื่อนที่เร็ว ตามใจคนบังคับเป็นยังไง สำหรับคนขับรถก็เบิกตากว้างด้วยความ
      อึ้ง ทึ่ง เสียว และ
      ตกใจ นอกนั้นก็คงอยู่ในอาการตกใจ และ หวาดเสียวหน่อยๆ แม้แต่ เอ๊ด วีน
      เซีย และ แคต
      ซึ่งเคยรู้รสชาติมาแล้วก็ยังหวาดเสียวอยู่หน่อยๆ 10 นาทีหลังจากนั้น รถก็มาถึง
      สนามบิน

      ตอนนี้เป็นเวลา 8 โมง 40 นาทีแต่ละคนกระวีกระวาดที่จะลงจากรถ และ ตกใจ
      เกินกว่าที่จะเมารถ
      เมื่อเช็คชื่อ ( ให้คนขับ ) ขนของไปไว้ที่แล้ว ก็ไปหาที่นั่งกัน ซึ่งปรากฏว่า เป็น
      กลุ่มที่ 3 ที่มาถึง
      เพราะที่เหลือเผชิญปัญหารถติด บนเครื่องบินหมายเลข 1 มีที่นั่ง 96 ที่ แถว 1 มี
      8 ที่นั่ง 4 ที่นั่งต่อ 1
      ฟาก แถวที่ 3 ฝั่งซ้าย อลิซนั่งริมหน้าต่างและถัดไปทางขวา คือ วีน อลิเซีย และ
      แคร์ตี้

      ฝั่งขวา นั่งริมหน้าต่างคือ เดรโก และถัดมาทางซ้ายคือ เช เอ๊ด และ ทอม เมื่อได้
      สติจากความตกใจได้
      5 นาที อลิเซียก็พูดว่า “ อลิซ เธอขับรถได้เร็วมากๆ ฉันทึ่งเลย เร็วกว่าคราวที่
      แล้วอีก ”

      “ ฉันได้ใบรับรองแล้วว่าขับเร็วได้โดยไม่เป็นอันตราย และ ได้ใบรับรองพิเศษ
      ในการขับลอยฟ้า
      ฉันกลัวเราสายก็เลยขับเร็วไปหน่อยนะเซีย ” อลิซพูดเป็นเชิงขอโทษนิดหน่อย
      ( โกหกนิดหน่อยเพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียขวัญด้วย )

      “ คราวหน้าบอกบ้างนะ จะได้เตรียมใจ ” แคร์ตี้พูด

      “ ขอโทษนะ แคต แล้วก็ทุกคนด้วย ” อลิซบอกทุกคน

      “ ไม่เป็นไร ” ทุกคนตอบพร้อมกัน

      “ ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะอลิซ ” วีนบอก

      “ ได้ คราวหน้าฉันจะบอกก่อน 5 นาที นะ ” อลิซพูดและจากฝั่งขวา

      ทอมก็พูดหลังจากเงียบไปนานว่า “ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย … นรกมีจริง ”

      และต่อท้ายด้วยเอ๊ดและเชว่า “ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ”

      หลังจากนั้นทุกคนก็กลับสู่สภาวะปกติ และ เมื่อ 9 โมง เครื่องก็ออก
      ทุกคนทำใจได้แล้ว และ ก็หลับไปตามปกติในที่สุด เป็นการพักผ่อน ในขณะที่
      ทอม ยังนั่งลบความ
      ทรงจำระหว่างนั้นอยู่ และ เขาก็รู้ว่า จะไม่ลืมไปตลอดเลย และ ยายคนนี้
      อันตราย

      ก่อนเครื่องร่อนลง 10 นาที แอร์โฮสเตส ประจำเครื่องก็ประกาศให้ทุกคนทราบ
      ว่า

      “ นักเรียนทุกคนโปรดทราบ ( ทำเสียงอ่อยๆ แบบที่ประกาศที่ห้างฯ แมคโครของ
      มนุษย์ ) เครื่องบินหมายเลข 1 ของโรงเรียนซันเบิร์ส กำลังจะลงจอดที่สนามบิน
      ของโรงเรียนในอีก 10 นาทีนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ ”

      สิ้นเสียงประกาศนักเรียนหญิงก็วุ่นวายในการจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย
      เพราะมันยุ่งจากการหลับ
      นักเรียนชายก็เช่นกัน เพราะ คงไม่มีใครอยากให้มิสแซนนารี่ เห็นในสภาพ
      แบบนี้ เพราะไม่อยาก
      โดนลงโทษตั้งแต่เปิดเทอม และ ไม่อยากหูชา มิสแซนนารี่ เป็นอาจารย์ใหญ่ที่
      เข้มงวดที่สุดเท่าที่โรง
      เรียนเคยมีมา เธอพึ่งเข้ารับตำแหน่ง แทนคนเก่าเมื่อตอนอลิซอายุ 4 ขวบ ( วี
      นเล่าให้ฟัง )

      อลิซจำภาพอาจารย์ใหญ่คนก่อนที่ทั้งเก่ง ทั้งใจดีได้ดี อาจารย์ใหญ่คนก่อนเสีย
      ชีวิตลงด้วยเหตุผลอะไรนั้น ทางโรงเรียนไม่เปิดเผย มิสแซนนารี่ซึ่งเป็นลูกสาว
      จึงมารับหน้าที่นี้แทน โรงเรียนซันเบิร์ส มีเนื้อที่กว้างใหญ่ และ มีกำแพงที่สูง
      และป้องกันไม่ให้คนนอกเห็นหรือเข้ามาอย่างแน่นหนา แม้แต่เครื่องบินมอง
      จากข้างบนก็คงไม่เห็น เพราะกำแพงปิดคลุม เหมือนกับเป็นราชวังเลยทีเดียว
      เวลาเครื่องบินจะจอดก็จะเปิดทีหนึ่ง ในโรงเรียนเปิดแอร์ที่เย็นสบาย และ ใน
      โรงเรียน นักเรียนไม่ได้โดยแสงแดด และ ได้รับลมเย็นตลอดไม่ว่าจะเดินไป
      ไหน แน่นอนว่าค่าเรียนต้องแพง แต่ทูตของแต่ละเมืองจะมาจ่ายเอง การเข้า
      แถวจะเข้าหน้าเสาธงโรงเรียน แต่ละชั้นเรียนจะมี 3 ห้อง คือห้อง 1 , 2 , 3

      และเมื่อเลื่อนชั้นก็ยังได้อยู่ กับเพื่อนคนเดิม เรียกง่ายๆ คือ ยกไปทั้งห้อง ที่นี่จะ
      ไม่มีการสอบตก
      มีแต่ว่าคะแนนออกมาดีไม่ดี ซึ่งนั่นเป็นการประจานตนเอง มีการเรียนหลาย
      วิชา คือ คณิตฯ วิทย์ฯ
      ภาษา ( มีให้เลือกเรียน 10 ภาษา เลือก 2 ) ศิลปะ ดนตรี สังคม ประวัติศาสตร์ (
      โลกของชาวสเปช )
      คาถา ทฤษฎีเวทมนต์ มารยาท กีฬา โฮมรูม ชมรม ( มีให้เลือกคนละ 3 ชมรม )
      สัตว์วิเศษ พยากรณ์
      การต่อสู้ตัวต่อตัว ( โดยใช้เวทมนต์ ) และ ห้อง 1 ต้องผ่านเกณฑ์ ไม่ต่ำกว่า 3
      ห้อง 2 ไม่ต่ำกว่า 2
      และ ห้อง 3 ไม่ต่ำกว่า 1 ถ้าตกต้องซ่อม และนักเรียนที่ต่ำกว่าเกณฑ์ จะต้องย้าย
      ห้อง ซึ่ง นักเรียนห้อง ได้รับแรงกดดันมากที่สุด อลิซ วีน เซีย แคต เอ๊ด ทอม
      เช ได้อยู่ห้อง 1 แต่ไม่ค่อยมีใครซีเรียสเท่าไหร่ แต่ที่กังวลมากก็คือ เซีย และ
      แคต ที่อลิซและวีนต้องช่วยติวให้เสมอ ( ทอม เช และเอ๊ดก็ช่วย )

      วันนี้ทุกคนมาโรงเรียนด้วยหน้าตาสดใส “ สวัสดี อลิซ ปิดเทอมสนุกมั๊ย ” สตีฟ (
      เจ้าชายเมือง
      แห่งความรู้สึกที่เคยโดนดีในพลังผมสีทอง ) ทักทายด้วยหน้าตาร่าเริงสดใส “ ก็
      ดี แล้วเธอล่ะ สตีฟ ”

      “ ก็สนุกดี ” สตีฟ ตอบ “ อะแฮ่มๆ ที่นี่ไม่ได้มีอลิซคนเดียวนะ ” วีนแซว

      “ ก็ทักทีละคนไง ” สตีฟ พูดแก้เขิน

      “ ไม่จริงมั้ง เห็นนายจะคุยต่อนี่นา ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ทักทายอลิซบ้างเลย
      นะ ” เสียงแซว

      คราวนี้โผล่มาจากเจ้าชายเมืองแห่งต้นไม้ ( ทรีเวล ) ที่ชื่อ ทรีฟ เวลันคอร์ฟ

      “ อยากทักทักไป ฉันไปคุยกับคนอื่นบ้างก็ได้ ” สตีฟ พูดอ่อยๆ แล้วเดินจากไป

      “ ฉันว่าเราค่อยคุยกันทีหลังดีกว่านะ เพราะ… ” อลิซพูด และ ก่อนที่จะบอก
      เหตุผล ทรีฟ ก็เข้าใจ
      เพราะเสียงจากมิสแซนนารี่ ที่ใช้ไมค์ทำให้นักเรียนได้ยินทุกคน พูดว่า

      “ นักเรียนทุกคน ยินดีต้อนรับสู่ปีการศึกษาใหม่ เข้าแถวหน้าเสาธง ที่มีธง
      ประจำโรงเรียน แล้วจะมีครูมารับขึ้นอาคารเรียน กรุณาหยุดคุย แล้วทำตามคำ
      สั่งด้วย ” นักเรียนเงียบกริบแล้วทำตาม ทุกคนเข้าแถวตำแหน่งเดิม

      นักเรียนปีการศึกษาใหม่เข้าที่แทนนักเรียนที่ออกไป ( ช่วงชั้นที่ 1 แทนช่วงชั้น
      ที่ 6 ) มีการร้องเพลง
      ประจำโรงเรียน และ การแนะนำ และ แจ้งจากมิสแซนนารี่ “ นักเรียนปี 1 ครู
      ประจำชั้นพาไปที่
      อาคาร 1 ชั้น 2 นักเรียนปี 2 อาคาร 2 ชั้น2 นักเรียน ปี 3 และปีอื่นๆ ครูพาไปที่
      อาคารประจำช่วงชั้น
      และเชิญเข้าห้องเรียนที่ชั้น 2 ค่ะ และครูประจำชั้นแจ้งกฎของโรงเรียนให้นัก
      เรียนฟัง และติดไว้ที่
      บอร์ดของห้องด้วย ขึ้นรถไปชั้นอาคารได้ที่ลานจอดรถพิเศษของโรงเรียน ” สิ้น
      คำบอก ครูประจำ
      ชั้นก็พานักเรียนไป ( ปีนี้ไม่มีใครโดนย้ายห้อง ) ครูประจำชั้นของอลิซเป็นครู
      ผู้หญิง ที่เบล และ
      เฟิร์ซบอกว่าใจดีมากๆ ครูบอกให้นักเรียนขึ้นรถ ที่เหมือนรถไฟ เป็นขบวน แต่
      ต่อกันยาว ช่วงละ 4
      ที่นั่ง มีเลขชั้นเขียนไว้ว่า ปี 3 ห้อง 1 คนขับรถขับพาไปผ่านอาคารของปี 1 ปี 2
      และก็ถึง อาคารปี 3
      แต่ละปีมีอาคารส่วนตัว ที่เรียนวิชาต่างๆ ยกเว้นบางวิชาที่จะมีรถแบบเดียวกัน
      มารับ

      ครูพานักเรียนขึ้นบันไดเลื่อน ( ที่จริงบันไดธรรมดาก็พอแล้ว ไม่ไกลซักหน่อย
      แต่โรงเรียนนี้ก็เวอร์
      อย่างนี้แหละ ) และเดินไปที่ ห้อง 1 “ นักเรียนเลือกที่นั่งตามสบาย ” สิ้น
      เสียงบอกของครูนักเรียนก็
      เลือกที่นั่ง ซึ่งจัดเป็นโต๊ะนั่งคู่ เรียงแถวหน้ากระดาน 3 แถว แถวแนวตรงอีก 5
      แถว ครบจำนวนนัก
      เรียน 30 คนพอดี อลิซ และ วีน นั่งแถวซ้ายสุดริมประตู วีนนั่งด้านใน ด้านหลัง
      ของวีนคือ อลิเซีย
      และ ด้านหลังของอลิซคือ แคร์ตี้ ห้องนี้มีหญิง 15 คน ชาย 15 คน


      “ นักเรียนทุกคน ครูชื่อ โมนาเทีย นีรัช ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะจ๊ะ กฎของ
      โรงเรียนติดไว้ที่บอร์ดของ
      ห้อง ใครทำผิดต้องไปพบ มิสแซนนารี่ เธอทุกคนคงรู้จักดี ครูจะให้ทุกคนแนะ
      นำตัว แนะนำชื่อเล่น
      ด้วยนะจ๊ะ ครูอยากรู้จักทุกคน และ เราจะเรียกชื่อเล่นเพื่อความเป็นกันเอง
      สำหรับหอพักเย็นนี้ครูจะ
      พาไปดูหอพักใหม่ ตามที่พวกเธอเลือกไว้ เริ่มจากริมซ้ายสุดออกมาแนะนำตัว ”
      ครูพูดจบวีนก็ออกไป

      และ ตามด้วยอลิซและคนอื่นๆตามลำดับ หลังจากนั้นครูก็แจก ตารางสอนของ
      ห้อง แต่ละวิชาจะมีครู
      สอนที่แตกต่างจากปีก่อนๆ เป็นครูประจำชั้นปีโดยเฉพาะ ในตารางมีแจ้งบอก
      การเรียน

      ---------------------------------------------------------

      บทที่ 4 ภาคเรียนใหม่

      “ นี่คือ ตารางเรียนห้อง 3/1 ปีนี้ ครูเป็นคนสอนวิชา โฮมรูม การต่อสู้ตัวต่อตัว
      และ ชมรมการต่อสู้
      โดยใช้เวทมนต์ นักเรียนทุกคนอ่านตาราง ครูให้เวลา 5 นาที แล้วครูจะอธิบาย
      ต่อ ” เมื่อครูพูดจบ
      นักเรียนทุกคนก็สำรวจตารางของตนเอง ( เรียกได้ว่า ตารางของห้องเรียน )


      “ หมดเวลาจ้ะ นักเรียนทุกคนคงเห็นตารางแล้วนะ ปีนี้เราจะเรียนกัน 5 วิชาไม่
      เหมือนปีที่แล้ว ที่เรียน
      6 วิชา และเวลาในการเรียนยังต่างกันด้วย และในปีต่อไปตั้งแต่ ปี 4 ถึง ปี 6
      เราจะเรียน แค่ 4 วิชา
      แต่ก็อย่าพึ่งดีใจไป เพราะ จะมีทั้งบทเรียนที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และการบ้านคอย
      พวกเธออยู่ สำหรับ
      ชมรม นักเรียนดูเวลาและพิจารณาว่าอยากเรียนชมรมไหน มาก น้อย แค่ไหน
      ชมรม 1 เวลาเรียน 2
      ชั่วโมง ชมรม 2 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ชมรม 3 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ครึ่ง เพราะ
      ฉะนั้น ชอบชมรมไหน
      มากที่สุดให้ลงชมรมที่ 3 สำหรับชมรม เราจะเรียนกันที่ทำการแต่ละชมรม ซึ่ง
      วันนี้ เป็นวันอาทิตย์ ให้
      นักเรียนเตรียมตัว จัดข้าวของ และ ลงชื่อในชมรมต่างๆให้เรียบร้อย และ แต่ละ
      วิชาให้รอครูบนห้อง
      ครูประจำวิชาจะเป็นคนบอกพวกเธอเองว่าเรียนที่ไหน บางวิชาอาจเรียนอาคาร
      หรือ สถานที่รวม

      เช่น มารยาท แต่บางวิชา เช่น วิทยาศาสตร์จะเรียนอาคารนี้ เพราะมีห้องทดลอง
      ของชั้นปี
      ครูจะพาไปที่ห้องของพวกเธอ แต่ก่อนอื่น ครูของแจ้งเลขที่ให้ทราบก่อน การจัด
      เลขที่ จะจัด ชาย
      สลับหญิง เพื่อให้สะดวกในการสอบ คณะกรรมการโรงเรียนเป็นคนจัด อ้อ ครู
      ลืมบอกไปวา ปีนี้จะมี
      สภานักเรียน เหมือนทุกปี และ เป็นรุ่นพี่ปี 6 จำนวน 12 คน และเมื่อครูบอกเลข
      ที่แล้วคนที่ถูกเอ่ยเลข
      ที่ให้เข้าแถวเรียงกันข้างนอก แยกชายหญิง ผู้ชายเลขคี่ ผู้หญิงเลขคู่ ครูจะบอก
      เป็นชื่อเล่นนะ เริ่มเลย
      แล้วกัน ” เมื่อครูบอกจบ ทุกคนรู้เลขที่ของตัวเองแล้วเดินไปเข้าแถวอย่างว่า
      ง่าย อาจารย์โมนาเทีย เดินนำนักเรียนไป


      ลงบันไดเลื่อนไปที่ด้านล่างและคราวนี้เดินไป เพราะระยะทางไม่ไกลนัก ห่าง
      จากตัวอาคารประมาณ
      30 เมตร ครูพานักเรียนไปหยุดที่อาคารสีเขียวเป็นตึกแฝดที่มีที่เชื่อมต่อ แต่ละ
      ปี สีอาคารจะไม่เหมือน
      กัน และ มีอาคารของชั้นโดยเฉพาะ อาคารจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คามที่นักเรียน
      ระบุความต้องการใน
      การพัก ( จำนวนคนแต่ละห้อง ) เอาไว้ มีอาคารแบบคล้ายๆกันอีก 2 หลัง แต่ละ
      อาคารมีป้ายบอกไว้
      เช่น อาคารที่ครูพามามีป้ายอักษรสีแดงเขียนไว้ว่า 3 / 1


      “ ห้องในอาคารนี้ จะดีกว่าปีที่แล้ว และ จะดีขึ้นเรื่อยๆตามชั้นที่สูงขึ้นไป นัก
      เรียนชายตามครูมา
      อาคารของพวกเธอจะเชื่อมต่อกับอาคารนักเรียนหญิง ซึ่งห้องครูอยู่อาคารหญิง
      และอยู่ริมทางเชื่อม
      ต่อ เพื่อความปลอดภัย และ ความสะดวก ตามที่โรงเรียนจัด อาคารนี้มี 5 ชั้น ชั้น
      ล่างเป็นห้องอาหาร
      ของปี 3 ห้อง 1 ของเรา ทางเชื่อมต่อ หรือ ที่ติดห้องของครูอยู่ ที่ชั้น 3 ตอนนี้นัก
      เรียนหญิงรอข้างล่าง
      ครูจะพานักเรียนชายไปห้องพัก และ บอกสถานที่ และ กฎระเบียบบางข้อที่ต้อง
      จำให้ขึ้นใจ นักเรียน
      ชายตามมา ” ครูพูดจบนักเรียนชายก็ตามครูไป


      มองจากชั้นล่าง อลิซ เห็นครูพานักเรียนไปห้องต่างๆ อาคารหญิงห่างจากชายไม่
      มากนัก ไม่ถึง 2 วา และ แทบเรียกได้ว่าเป็นอาคารเดียวกัน เพราะชั้นล่างเป็น
      ชั้นที่ใช้พื้นที่ต่อกัน แค่แยกเป็น 2 ฟากที่ขั้นบน เสียเวลาทำทางเชื่อม แต่ก็อีก
      เพื่อความสุขใจ หรือ ปลอดภัยของนักเรียนหญิง ผู้ชายอยู่ทางซ้าย ผู้หญิงอยู่ฝั่ง
      ขวา เอ๊ดพักชั้น 4 ริมขวาสุด ประตูห้องนักเรียนชายเป็นที่เสียบบัตรนักเรียน ถ้า
      ไม่มีบัตรนักเรียนก็เข้าห้องไม่ได้ นอกจากให้ครูช่วย และ หน้าห้องจะมีชื่อนัก
      เรียนติดเอาไว้ หลังจากพานักเรียนชายไปได้ 15 นาที นักเรียนชายก็อยู่จัดของ
      ในห้อง



      แล้วครูก็พานักเรียนหญิงไปชมที่พัก เริ่มจากชั้นแรก “ ชั้นล่างห้องซ้ายสุดข้าง
      บันไดขึ้นหอชายนี้
      เป็นห้องแม่บ้าน มีปัญหาเรื่องที่พัก เรื่องเครื่องนอน หรือ อื่นๆ มาที่ห้องนี้ ถัดมา
      ห้องคือไฟฟ้า
      สำหรับห้องข้างๆกันเป็นห้องครัวของอาคารนี้ และ ถัดมาทางขวาคือ ห้องอาหารที่
      เหมือนกับ
      ชั้นที่แล้ว แต่ครูว่า บรรยากาศดีกว่า และ ถัดมาคือ ห้องน้ำชั้นล่าง สำหรับร้าน
      อุปกรณ์ต่างๆ จะไปได้
      ในเวลาว่างเท่านั้น อาคารนี้มีรถเฉพาะตามห้องพัก เช่น เลือกห้องพัก 4 คน ก็
      4 คนต่อ 1 คัน ”

      รถที่ครูพุดถึงนั้นดูคล้ายรถที่มักใช้เวลาออกรอบในการเล่นกอล์ฟของมักเกิ้ล “
      ร้านค้าในโรงเรียน
      พวกเธอคงรู้ว่าอยู่ตรงไหน และ ตอนกลางคืนเข้าหอไม่เกิน 3 ทุ่ม ร้านค้าวัน
      หยุดหรือ เวลาว่างไปได้
      ห้องน้ำจะมีในห้องนอนของแต่ละคน จะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์เอา
      ล่ะ ตามครูมา ”


      ครูพาเดินขึ้นไปที่บันได ( ที่อย่างนี้ล่ะไม่มีบันไดเลื่อน ) และพานักเรียนไปแต่
      ละห้อง อลิซอยู่ห้องริม
      ซ้ายสุดของฝั่งหญิง ( ฝั่งขวา ) อยู่ชั้น 4 ด้วย ! เปิดหน้าต่างริมออกไปก็เจอห้อง
      ของเอ๊ด ด้านหน้าของ
      ห้องมีที่เสียบบัตร และ ที่ริมข้างๆกันมีที่กดรหัส ซึ่งอาจารย์โมนาเทีย บอกว่านัก
      เรียนหญิง ต้องทั้ง
      เสียบบัตร และ กดรหัสและตรงประตูยังมีจอตรวจม่านตา ( อะไรจะเว่อร์ขนาด
      นั้น ) เมื่อเข้าไปจะเจอ
      ห้องนั่งเล่นมีโซฟา โต๊ะที่มีแจกันตั้งอยู่ มีโทรทัศน์ ที่นี่อนุญาติให้นำโทรศัพท์มา
      ได้จึงมีที่ชาร์ตแบท
      ให้ด้วย และ ในห้องมีตู้เย็น และมีแอร์ อยู่ด้วย และจะมีประตูเปิดไปอีก 3 ห้อง
      ห้องทางซ้าย เป็น
      ห้องเขียนหนังสือ มีโต๊ะเขียนหนังสือ อยู่ที่มุมห้อง เป็นโต๊ะแบบเดียวกับที่โต๊ะ
      อาหาร

      ในตอนที่อลิซอยู่ ปี 2 ตอนปี 2 ต้องทานอาหารที่ห้องโถง แต่ปีนี้แยกต่างหาก
      เป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมไม้สักขัดเงา โต๊ะเข้า
      ชุดกับเก้าอี้ มีผ้าปูโต๊ะเนื้อดี สีน้ำเงิน - ทองผ้าปูโต๊ะ สีน้ำเงิน ริมๆสีทอง สีนี้เป็นสี
      ประจำโรงเรียน
      ถัดจากโต๊ะหนังสือ และเมื่อออกมาประตูกลาง เป็นห้องน้ำ ประตูริมขวา เป็นห้อง
      นอน


      ในห้องนอนของอลิซ มีเตียง 4 เตียงข้างๆกัน ห้องกว้างใหญ่พอสมควรอลิซ นอน
      ริมซ้ายสุด ถัดมา
      ทางขวา คือ วีน อลิเซีย และ แคร์ตี้ เตียงปูด้วยผ้าเนื้อดี และ ผ้าห่มนั้นหนานุ่ม
      มีหมอนเตียงละ 3 ใบ
      ( เอามาทำไมตั้งเยอะ ) ห้องนี้มีประตู ประตูนี้เชื่อมต่อได้ กับห้องแต่งตัว
      มีตู้ไม้สักอย่างดีเรียงกันอยู่ริมขวา 2 ตู้ และ ริมซ้าย 2 ตู้ มีที่ผ้าม่านสำหรับกั้นอยู่
      ด้วย
      ถ้าดูภายนอกจะไม่รู้ เลยว่าด้านในเป็นยังไง ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากเวทมนต์ มัน
      เหมือนกับ โรงแรม
      หรือ อพาร์ตเมนต์ เลยทีเดียว และนี่เป็น 1 ในเหตุผลที่อลิซเลือกที่จะนอน 4
      คน เพราะ ห้อง 4 คนเป็น
      จำนวนสูงสุด และ บางคนไม่รู้ว่าดีสุดเพราะคนมากการจะทำในห้องเดียวแบบ
      ห้องเดี่ยว ทางโรงเรียน
      เกรงว่าจะไม่สะดวก การนอน 4 คนทำให้มีเครื่องอำนวยความสะดวก


      เช่น มีห้องที่แยกออกไป
      และแน่นอนว่าทั้งห้องนั่งเล่น ห้องเขียนหนังสือ และ ห้องนอน มีเครื่องปรับ
      อากาศ หรือ แอร์เอาไว้
      ให้ สำหรับค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการหรือรายจ่ายต่างๆ จะไปเก็บที่เมือง และ
      ห้องนี้ ออกในนาม
      เมืองกระจก อลิซ เซีย และ แคตมี 3 คน วีนมีคนเดียวจากเมืองความงาม เพื่อ
      ไม่ให้ยุ่งยากอลิซจึงบอก
      ทางโรงเรียน ให้ออกในนามเมืองกระจก และ พ่อของเธอก็เห็นสมควรแล้ว ห้อง
      พักนั้นจะพาใคร
      มาที่ห้องก็ได้ เป็นสิ่งที่อนุญาต และ แต่ละครั้งต้องบอกครูประจำชั้น เช่น การทำ
      รายงาน
      นักเรียนชายก็มาได้ ถ้าในกรณีที่อนุญาต


      เวลา 3 ทุ่มครูจะมาตรวจนักเรียน หลังเลิกเรียนในเวลา
      18.00 น. หรือ 6 โมงเย็น ต้องมารับประทานอาหาร ที่ห้องอาหารการนั่ง จะนั่งโต๊ะ
      ละ 8 คน นั่ง ชาย
      ตรงข้ามกับหญิง ซึ่งโต๊ะนั้นจะนั่งตามเลขที่ เอ๊ด นั่งตรงข้ามกับ อลิซ , เดรโก – วี
      น , ทอม – เซีย
      และ เช กับ แคร์ตี้ การรับประทานอาหารต้องระวังนิดหน่อยเพราะ ครูประจำชั้น
      ปี จะอยู่ในห้อง
      อาหาร ครูคนอื่นอยู่ห้องโถงรวม ในห้องอาหารมีเพียงครูโมนาเทียเท่านั้น แม้จะ
      ต้องระวัง แต่ก็น้อย
      มาก แต่วันดีคืนดี ครูบอกว่า ครูสอนวิชามารยาทจะมาตรวจ พวกริมประตู ก็เลย
      มีหน้าที่ส่งซิกบอก
      โดยปริยาย อาหารนั้นจะเหมือนกันทุกโต๊ะ แม้แต่โต๊ะของครูซึ่งบางวันครูบอกว่า
      จะมีครูคนอื่นมา
      ร่วมด้วย การรับประทานอาหารกลางวันต้องมาประมาณเที่ยง หรือ หลังจากนั้น
      ไม่เกิน 15 นาที


      วันนี้ครูเรียกทุกคนโดยเรียกจากลำโพงที่จะมีอยู่ทุกห้องพัก นักเรียนทุกคนนั่ง
      ประจำที่แล้วเริ่มทาน
      อาหารที่มีทั้ง อาหารคาว อาหารหวาน ถ้าต้องการนอกเหนือจากนี้ จะคิดจากห้อง
      ของคนที่สั่ง
      ซึ่งจะรวมกับราคาค่าห้อง ส่งไปเก็บในแต่ละเทอม และหน้าห้องมีตู้รับจดหมาย
      ให้ด้วย



      ห้องอาหารในวันนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย และ การทักทายกัน เนื่องจาก
      เป็นวันเปิดเทอม ซึ่งครู
      ก็ไม่ได้ว่าอะไร “ วันนี้ต้องลงชมรม ทีแรกคิดว่า 2 ชมรมเหมือนปีที่แล้ว อลิซ
      เธอจะลงอะไร ”
      วีนถาม และ อลิซก็ตอบว่า “ ก็คิดว่าที่แน่ๆคือ ชมรมเต้นรำ เพราะแม่อยากให้
      ลง และอาจจะเป็น
      ชมรมฟันดาบ เพราะเบื่อกังฟูแล้ว อีกชมรมยังคิดไม่ออก พวกเธอว่าไงล่ะ ” อลิ
      ซถามทุกคน “ ฉันคิด
      ว่าลองชมรมการต่อสู้โดยใช้เวทมนต์ ของ อาจารย์โมนาเทียก็ดีนะ มีประโยชน์
      ในชั่วโมงกีฬาด้วย ”

      เอ๊ดตอบ “ กีฬาปีนี้เรียนอะไร ” เซียถามและตอบด้วยทอม
      “ เห็นบอกกันว่าเป็นกีฬาที่ใช้เวทมนต์ด้วย แต่เฉลยอยู่ที่วันศุกร์นี้ ” เชพูดขึ้น
      ว่า
      “ งั้นวันนี้ไปลงชื่อที่ชมรมกัน แล้วหลังจากนั้นพวกเธอจะไปไหนอีกรึเปล่า ”

      “ อลิซบอกว่าน่าจะไป สำรวจโรงเรียนซักหน่อย ” แคร์ตี้ตอบ “ โดยเฉพาะร้าน
      ขาย
      อุปกรณ์ปรุงยาใช่มั๊ย อลิซ ” เอ๊ดถามอย่างรู้ทัน
      “ รู้แล้วยังจะถามอีก แต่ไม่ใช่ที่นั่นอย่างเดียวหรอกนะ ฉันจะดูร้านต่างๆ แล้วก็
      ไปห้องสมุดของโรงเรียนด้วย ” อลิซพูดจบเดรโกก็ถามขึ้นว่า
      “ ยังไม่เปิดเทอม ไม่มีการบ้าน ไม่มีรายงาน ไปห้องสมุดทำไม ”

      “ ไปค้นข้อมูลบางอย่าง เกี่ยวกับน้ำยา…โอ๊ย ”
      ยังไม่ทันที่วีนจะพูดจบอลิซก็เอาศอกถองวีนทีหนึ่งไม่ให้บอก

      “ ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่จะศึกษาอะไรนิดหน่อย ว่าแต่…พวกนายจะไปไหน
      กันล่ะ ” อลิซรับเปลี่ยนเรื่องทันที “ ยังไม่รู้เลย ” เชตอบ

      “ ไปด้วยกันมั๊ยล่ะ ” แคร์ตี้ชวน
      “ ไปสิ มีคนชวนทั้งทีไม่ไปได้ไง ” เชตอบ

      “ แล้วชมรม ปีนี้พวกนายจะลงอะไรกัน ” อลิเซียถาม
      “ เหมือนพวกเธอนั่นแหละ ” เอ๊ดกับทอมตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
      “ พูดว่าเหมือนทุกปีจะเหมาะกว่ามั๊ย ก็พวกนายลงเหมือนเราทุกปีเลยนี่ ”วีนพูด
      “ แล้วฉันก็ไม่สงสัยด้วย ว่าทำไม ” เดรโกพูดทำเอาทั้งโต๊ะมองหน้า
      “ คือ…เอ่อ…ฉันหมายความว่า พวกเธอเลือกชมรมน่าสนใจทุกปีเลยไง ” เขาพูด
      แบบเอาตัวรอด
      “ แล้วไป ” ทอมกระซิบเบาๆกับเดรโก
      “ เธอไม่อยากเข้าชมรมไหนมากที่สุด ” เอ๊ดถามอลิซ

      “ ชมรมการละคร ฉันคิดว่ามันน่าเบื่อออก แล้วก็ไม่ชอบเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่ ”
      อลิซตอบ

      “ แต่ฉันว่ามันน่าสนุกดีนะ เออแล้วเทอม 2 เปลี่ยนชมรมได้ เธอจะเปลี่ยน
      ไหม ” วีนถาม “ คิดว่าไม่เปลี่ยน แต่…ต้องดูก่อนนะ เพราะถึงตอน

      นั้นฉันอาจจะเบื่อฟันดาบ แล้วอาจจะลงชมรมอื่นก็ได้ ” “ แล้วจะลงชมรมไหน
      ล่ะ ” เดรโกถาม

      “ อาจจะเป็นชมรมกีฬา เพราะ ฉันคิดว่ามันน่าสนุกแล้วก็เป็นประโยชน์ต่อเรื่อง
      กับชมรมการต่อสู้ดี
      นะ เพราะถ้าเดาไม่ผิด กีฬาที่เราจะเรียนในปีนี้มรอย่างเดียวเท่านั้น เป็นกีฬา
      ที่ดังมากในโลกของเรา
      มันเดาได้ไม่ยากหรอก จริงมั๊ย ” อลิซพูด และ นี่ก็คือเฉลยในวิชากีฬาวันศุกร์

      หลังจากที่ทุกคนทุกทายกันในห้องอาหาร ตอนกลางวันแล้ว แต่ละคนก็
      แยกย้ายไปลงชมรม
      หลังจากที่ลงชื่อที่ชมรมเต้นรำที่อยู่ข้างอาคารกิจกรรมซึ่งก็คือที่ตั้งชมรม เพราะ
      บางครั้งก็ต้องซ้อมที่
      อาคารกิจกรรม เวลามีการแสดง เซียก็ถามขึ้นว่า “ อลิซชมรมการต่อสู้อยู่ที่
      ไหน ”

      และอลิซก็ตอบว่า “ เดี๋ยวแป๊บนึงนะ ขอนึกก่อน ชมรมเทควันโดอยู่ข้างคาราเต้
      คาราเต้อยู่ข้างกังฟู กังฟูต้องอยู่ข้างฟัน ดาบ และ อ้อ การต่อสู้ก็อยู่ข้างฟันดาบ
      ด้วย เพราะมันอยู่แถบเดียวกัน ”

      “ งั้นไปกัน ฉันว่าเอารถไปจะดีกว่านะ มันไกลพอสมควรอยู่เหมือนกัน ” เอ๊ด
      พูด แล้วทุกคนก็พากันเดินมาที่ที่พักและเอารถไป

      เอ๊ดพักอยู่ห้องเดียวกันกับ ทอม เช และเดรโก สรุปว่า การเดินทางไปครั้งนี้จึงมี
      รถแบบเดียวกันแค่ 2
      คน และเช่นกันที่รถก็สะดวกสบายกว่าแบบคนเดียว และใช้คนขับคนเดียว รถ
      ฝ่ายชายเป็นสีน้ำเงิน
      ฝ่ายหญิงเป็นสีทอง ซึ่งฝ่ายหญิง อลิซขับ ( “ คราวนี้ไม่ต้องเร็ว แล้วก็ไม่ต้องลอย
      นะอลิซ เวลาเหลือ
      เฟือ ” เซียพูด ) ฝ่ายชายเอ๊ดขับ ( “ ห้ามขับเร็วแบบอลิซนะเคน ไม่งั้นฉันเอา
      นายตาย ” ทอมบอก )

      รถทางอลิซเป็นฝ่ายออกรถนำไปก่อน ( แน่อยู่แล้ว ก็ดูคนขับสิ ) พอถึงก็จอดรถ
      และ รอประมาณ 21
      นาทีรถเอ๊ดก็มาจอดอยู่ข้างๆ “ ฉันขับไม่เร็วแล้วนะ แต่พวกนายมาช้าจัง ” อลิ
      ซพูด

      “ ก็ทอมน่ะสิ บอกให้ขับช้าๆ ” เอ๊ดบอก
      “ ปลอดภัยไว้ก่อนไง ว่าแต่วีน พวกเธอไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลยเหรอ ขับ
      ขนาดนั้น ” ทอมถาม

      “ ชินแล้ว อีกอย่างนี่เป็นครั้งที่ขับช้าเกือบที่สุดแล้ว ถ้าเธอเจอแบบเราบ่อยๆ
      เดี๋ยวก็ชิน แล้วก็เวลาเราบอกให้ช้าอลิซก็ช้าลง มันก็เลยไม่มีปัญหา แต่ไอ้
      เหตุการณ์เหนือความคาดหมายอย่างตอนที่ขับรถมาเครื่องบิน มันก็ช่วยไม่ได้
      เพราะถ้าอลิซไม่ขับอย่างนั้น เราก็อาจจะไม่ทันเครื่อง ” เซียตอบซะยาว อธิบาย
      ซะทอมไม่ถามอีก

      “ ไปลงชื่อกันดีกว่า ” อลิซตัดบท แต่เดินเกือบไปถึงชมรมแล้วก็มีคนทักขึ้น
      “ ลิซ ปีนี้ไม่เข้าชมรมกังฟูแล้วหรอ ” พี่เบลเป็นคนถาม

      “ เบื่อแล้ว จะเข้า ชมรมฟันดาบ แล้ว พี่ล่ะ ยังเข้าเทควันโดเหรอ ไม่เบื่อบ้างรึ
      ไง ” อลิซถาม

      “ ก็ว่าจะเปลี่ยนเหมือนกันปรึกษากับมิช ว่าจะลงคาราเต้ เพราะพี่เฟิร์ซบอกว่า
      สนุก แต่ปีนี้เค้าก็คิดจะเปลี่ยนชมรมไปทางกีฬาแทน เหตุผลเดียวกับเธอแหละ
      ลิซ ไปก่อนนะ วีน เซีย แคต ดูอลิซด้วย อย่าให้ไปก่อเรื่องล่ะ ” เบลพูดแล้วเดิน
      ไปที่ชมรมเทควันโด เบลกับอลิซ จะพูดกันใช้ เคา พี่ ตัวเอง เธอ หรืออื่นๆ แต่ดู
      สนิทสนมกัน

      “ มิช คือใครหรอ ” เดรโกถามขึ้น
      “ ญาติทางแม่ของฉัน เพื่อนสนิทของพี่เบล ” อลิซตอบ
      “ ญาติเธอเยอะจัง น่าอิจฉา ” เขาพูด
      “ ข้อเสียคือ จะจำไม่หมด เรียกไม่ถูกว่าใครเป็นใครน่ะสิ เอาล่ะไปลงชื่อกันดี
      กว่า แล้วก็ วีน เซีย แคต ไม่ต้องทำตามที่พี่เบลบอกก็ได้นะ ฉันไม่ก่อเรื่อง
      หรอก…ถ้าไม่จำเป็น ” อลิซพูด

      แล้วเซียก็พึมพำพอให้คนอื่นๆที่ยกเว้นอลิซที่มุ่งหน้าไปก่อนแล้วไม่ได้ยิน ว่า
      “ ไอ้คำว่า ถ้าไม่จำเป็น นั่นแหละถึงได้น่าเป็นห่วงไง ”

      หลังจากลงชื่อทั้ง 2 ชมรมแล้ว อลิซก็ทำตามแผนที่วางไว้ คือ ทัวร์โรงเรียน เริ่ม
      จากจอดรถที่ที่มีจัดไว้ให้แล้วลงเดินตั้งแต่ร้านแรก

      “ ร้านแคนดี้แล็ป ของมิสเตอร์บาร์เบิ้ล เข้าไปดูหน่อยมั๊ย ” เซียเสนอความคิด
      เห็น

      “ ก็ดีนะ ซื้อขนมเก็บเอาไว้ใช้ อ้อ ได้ความคิดใหม่ๆแล้ว ” ว่าแล้วอลิซก็กระซิบ
      บอกเซีย แคต และ วีน “ อย่าแกล้งใครแล้วกันนะอลิซ ” เอ๊ดพูด
      “ เธอก็รู้ว่าคนที่ฉันแกล้งไม่ใช่คนอื่นคนไกลเป็นญาติของฉัน แล้วก็เป็นเป้า
      หมายเดียว เพราะฉะนั้น คนนี้เธออย่ามาห้ามเลย เปล่าประโยชน์ ” อลิซตอบ

      “ ทำไมเธอถึงไม่ชอบคีย์ เค้าเคยทำอะไรให้เธอหรออลิซ ” เดรโกถามเพราะ
      สงสัยมานาน

      “ คีย์เกลียดฉัน แล้วก็ฉันจำอะไรไม่ได้มากซึ่งก็เดาได้ว่าเกิดขึ้นตอน 4 ขวบ
      ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกลียดเค้า แต่ที่แน่ๆ เธอก็รู้ว่าคีย์เกลียดฉัน และ ฉัน
      ก็ไม่ค่อยชอบคนที่เกลียดฉันซักเท่าไหร่ นอกนี้ฉันก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่าเธอ
      นักหรอกนะ ยกเว้นว่าจะได้ความทรงจำคืนมา ” อลิซตอบ แล้วทุกคนก็เข้าไปใน
      ร้าน

      ร้านนี้เป็นร้านขนมหวาน มีที่นั่งสำหรับกินที่ร้าน และ มีแบบสั่งกลับที่พัก มีขนม
      หวานให้เลือกทั้งเค้ก ไอศกรีม และขนม ลูกวาดต่างๆมากมาย เป็นที่ที่คนลด
      ความอ้วนทั้งหลายควรหลีกเลี่ยง เพราะ ยากแก่การห้าม ใจ ในร้าน บรรยากาศ
      ดี และ มีแอร์ติดเหมือนทุกร้านที่ไม่พึ่งแอร์ของโรงเรียน นอกจากบรรยากาศดี
      แล้ว การบริการก็ดี และ เป็นกันเองจึงมีคนเข้าร้านแน่นขนัดประจำ และ เป็น
      ร้านที่มีขนาดใหญ่มาก

      “ อลิซลงชมรมแล้วหรอ ” เสียงทักมาจากรุ่นพี่ปี 4 เจ้าชายเมืองแห่งการสร้าง (
      คอนสตัช ) ที่ชื่อ
      คอเรส ( เมืองต่างๆ เช่น เมืองกระจก เป็นฉายาของเมือง ชื่อจริงๆก็เช่น มิ
      ลเลอร์ มัลเลน แต่ส่วนมาก
      จะเรียกโดยการใช้ฉายามากกว่า )

      “ ค่ะ ” อลิซตอบ
      “ ลงชมรมไหนล่ะ ” คอเรสยังถามต่อ
      “ ชมรมเต้นรำ การต่อสู้ แล้วก็ฟันดาบค่ะ ” อลิซตอบ
      “ ปีนี้ไม่ลงกังฟูแล้วน่ะสิ พี่ลงชมรมเต้นรำ การละคร แล้วก็กีฬา ไม่สนบ้าง
      หรอ ” คอเรสยังคงถามต่อ “ ก็สนใจชมรมกีฬาเหมือนกันค่ะ แต่อยากลองเรียน
      ฟันดาบบ้าง ” อลิซบอก
      “ น่าเสียดายนะ น่าจะลองลงชมรมการละคร ญาติของเธอที่ชื่อ คิราร่าก็ลง วันนี้พี่
      เห็นเขาไปลงชื่อกับเพื่อน อ้อ ชมรมนี้พี่เป็นคนเขียนบทด้วยล่ะ ” คอเรสพูดต่อ

      “ หรอคะ หนูเคยดูชมรมการละครเล่นตอนมีงานต่างๆเหมือนกันค่ะ บทแปลกๆดี
      นะคะ แหวกแนวดี
      ขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนรออยู่ที่โต๊ะแล้วค่ะ ” อลิซพูด
      “ อย่าลืมพิจารณาดูนะ ”
      “ ค่ะ ” อลิซตอบ ( ทั้งที่ในใจคิดว่ายังไงก็ไม่มีวันลงชัวร์ )
      “ คนนั้นใครหรอ อลิซ ” เอ๊ดถาม

      “ รุ่นพี่ปี 4 เขาเคยเขียนจดหมายมา ” อลิซตอบ และ แสดงท่าทีเฉยๆ

      “ เค้าเขียนมาอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งเมื่อก่อนนี้นะ ปีนี้คงขยันเขียน มากขึ้น
      แน่ๆเลย แล้วเขาก็ชวนอลิซลงชมรมเขาประจำด้วย มีล็อกเกอร์เก็บจดหมายเขา
      ที่ห้องด้วย หมายเลขเท่าไหร่นะ อลิเซีย ” วีนถาม
      “ 020 มากกว่า 20 ฉบับ ฉันจำได้ว่านับเมื่อเทอมที่แล้ว ”เซียตอบ
      “ มีจดหมายเขียนถึงอลิซบ่อยเหรอ ” เอ๊ดถาม
      “ ก็มีบ้าง แต่อลิซก็พอๆกับวีนนั่นแหละ แล้วก็ 2 คนนี้เก็บไว้ทุกฉบับมีล็อกเกอร์
      เก็บที่ห้องเขียนหนังสือ ” แคตเป็นคนตอบคำถาม

      “ เก็บไว้ทำไมกัน ถ้ามีเยอะก็เปลืองเนื้อที่เปล่าๆ ” เดรโกถาม ( ด้วยความงง )
      “ อ้อ เราพนันกันนิดหน่อย ว่าสิ้นเทอม ใครได้จดหมายน้อยกว่ากัน ต้องเอ่อ…ทำ
      อะไรนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่เล่นๆ ” วีนตอบ

      “ ว่าแต่ พวกเธอสั่งอะไรรึยัง ” อลิซเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

      “ รอเธออยู่น่ะ มื้อนี้ วีนจะเป็นเจ้ามือให้ ” เอ๊ดตอบ
      “ โอเค งั้นก็เริ่มสั่งได้แล้ว เดี๋ยววีนเปลี่ยนใจก่อน ไม่รู้อารมณ์ดีมาจากไหน ”
      อลิซพูด
      “ ไม่ถึงกับอารมณ์ดีหรอกก็แค่ พ่อบอกว่าจะขึ้นค่าขนมให้ แล้วก็บอกว่าให้เลี้ยง
      เพื่อนร่วมห้อง
      บ้างที่อุตส่าห์มีน้ำใจ ” วีนพูด

      เงินในโลกของเราแบ่งเป็น 3 หน่วย คือ ซิล ,โกล ,มิล และ ลิค

      30 ซิล เป็น 1 โกล ซิลเป็นเหรียญ ( ขนาดเหรียญ 5 บาทของประเทศไทย ใน
      โลกของมนุษย์ ) สีเงิน ,

      โกล ( ขนาดเท่าเหรียญ 10 ) เป็นสีทอง 50 โกล เป็น 1 มิล ,

      มิล เป็นแบงค์ ( ขนาดท่าแบงค์ 500 ) สีบรอนซ์ 10 มิล เป็น 1 ลิค

      ลิค ( ขนาดเท่าแบงค์ 1,000 ) เป็นแบงค์ สีทอง รูปบนเหรียญ และ แบงค์เป็น รูป
      ไม้กายสิทธิ์ 2 อันไขว้กัน ด้านล่าง แต่ละเหรียญจะมีชื่อเมืองที่ผลิตอยู่ และมี วัน
      ที่ เดือน ปีพ.ศ. บนเหรียญ และ แบงค์เป็นรูปลูกโลก 3 ลูก ลูกโลกตรงกลางมีตัว
      อักษรพิมพ์ไว้ว่า สเปช ( Spech )

      “ โอเคค่ะ จะสั่งกันได้รึยังคะ ” แคร์ตี้พูด ( กึ่งประชด )
      “ ขอดูเมนูก่อนสิคะ คุณแคต ” วีนพูดบ้าง
      “ ประชดกันแล้วเมื่อไหร่จะได้สั่งล่ะเนี่ย เดี๋ยวต้องไปร้านอื่นต่อไม่ใช่หรอ ” อลิ
      ซพูด
      “ อลิซ เธอจะแวะร้านเสื้อรึเปล่า ” อลิเซียถาม
      “ ไม่แวะดีกว่านะ เดี๋ยวแวะร้านหนังสือไม่ได้นาน อีกอย่าง คนที่มาด้วยเค้าจะ
      เบื่อเอา ” อลิซพูด
      “ ไม่เป็นไรหรอก ” ทอมพูด
      “ จุดประสงค์ฉันคือแวะร้านหนังสือ อ้อ เสร็จแล้วไปห้องสมุดด้วย มีภารกิจ
      สำคัญ ร้านเสื้อน่ะ แวะเมื่อไหร่ก็ได้ ” อลิซพูด

      หลังจากนั้นแคตเบรกอีกรอบทุกคนเลยก้มหน้าก้มตาดูเมนู
      “ เอาสตอเบอร์รี่ค่ะที่นึงค่ะ ” อลิซสั่ง
      “ มะนาวที่นึงค่ะ ” วีนสั่งบ้าง

      “ เอาช็อกโกแล็ตสองที่ค่ะ ” เซียสั่งเผื่อทอม ( สองคนนี้เค้ากินรสเดียวกัน รู้สึกว่า
      สีมันคล้ายๆกับสีผิวของอลิเซียนะ )

      “ ไอซ์บลูสองที่ค่ะ ” แคตสั่งเผื่อเช ( กินรสเดียวกันอีกแล้ว )

      ไอซ์บลู เป็นไอศกรีมสีฟ้า เป็นรสชาติพิเศษของร้าน ( แต่บางคนอย่างเช่นอลิซ
      กับ วีนไม่ปลื้มรสนี้เอาซะเลย )

      “ ชากับมิ้นท์ที่นึงครับ ” เดรโกสั่ง ที่ร้าน 1 ที่มีไอศกรีม 2 ลูก จะสั่งรสเดียวหรือ
      2 รสก็ได้

      “ วนิลาที่นึงครับ ” เอ๊ดสั่งเป็นคนสุดท้าย
      “ แล้วมีอะไรเป็นพิเศษ หรือ เพิ่มมั๊ยคะ ” พนักงานประจำร้านถาม
      “ ไอศกรีมสตอเบอร์รี่ราดช็อกโกแล็ตแล้วก็เพิ่มท๊อปปิ้งด้วยค่ะ ” อลิซบอก
      “ ได้ค่ะ ไม่มีเพิ่มแล้วใช่มั๊ยคะ ” พนักงานถาม
      “ ค่ะ ” อลิซตอบแทนทุกคน
      “ งั้นระหว่างรอ เชิญชมขนมในร้านก่อนนะคะ ” ว่าแล้วพนักงานก็เดินจากไป
      “ ไปดูกันเถอะ อลิซ ” วีนชวน
      “ ไปสิ คนอื่นๆล่ะ จะไปด้วยรึเปล่า ”

      “ ไปอยู่แล้ว ” ทุกคนตอบพร้อมกัน

      หลังจากนั้นทุกคนก็เดินไปที่ ที่ซื้อขนมของร้าน ( ส่วนมากจะไร้สาระ เพราะไม่
      ใช่คาพิโก้ โซดา ) มีทั้งขนม ลูกอม ลูกกวาด ขนมซองๆ เช่น ปลาทาโร่ เป็นต้น

      “ อลิซ เธอเชื่อโฆษณาด้วยเหรอ ” เซียถาม
      “ อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น ” อลิซถามกลับ
      “ ก็เคยเห็นในโฆษณา กินฟิชโช่มากแล้วเหมือนปลา แล้วดูเธอสิ เหมาเลยรึ
      ไง ”
      “ อะไร เหลืออีกตั้ง 3 ซอง ฉันกลัวคนอื่นไม่ได้กินนะเนี่ย ถึงเหลือไว้ ” อลิซพูด
      หยอกๆ
      “ ไม่เหลือเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ ” วีนออกความคิดเห็นเบาๆ แต่อลิซได้ยิน

      “ เธอคิดว่าขนมเค้าจะมีแค่นี้รึไง หมดแล้วเค้าก็เอามาเติมอีก ว่าแต่… แคต ฉัน
      รู้ว่าเธอชอบกินปลาทาโร่มาก แต่ เอ่อ…ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ฉันว่าฉันเวอร์แล้ว
      นะ เธอยังเวอร์กว่าฉันอีก ” อลิซพูด

      “ ใครว่าฉันจะกินคนเดียวล่ะ ” แคตพูด ทำให้อลิซคิดว่า คงเอาไปเลี้ยงช้างทั้ง
      โขลง แต่คิดอีกทีช้างมันคงไม่กินปลาทาโร่หรอกนะ

      “ ฉันเอาไว้ให้มัลดีฟน่ะ มันชอบกิน เธอก็รู้ว่าแมวชอบกินปลา ฉันไม่มีปลาทูให้
      มันกิน ”
      “ ก็เลยเอาปลาเส้นเนี่ยนะ เชื่อเธอเลยแคต คิดได้ยังไงเนี่ย มัลดีฟคงกินหรอก
      นะ ” อลิซพูด
      “ มันไม่กินฉันกินเองก็ได้ กินไม่หมดก็ให้พวกเธอช่วยกินไงล่ะ ” แคตพูด
      “ พวกเราเนี่ยนะจะกินหมด ” วีน เซีย และ อลิซพูดพร้อมกัน
      “ เอาน่า อย่าบ่นเลย พวกเธอไม่กินก็เอาให้อลิซไปปรุงยาอะไรก็ได้ ไม่ก็ให้คน
      อื่น ” แคตบอก
      “ แคร์ตี้ ฉันไม่มียาชนิดไหนใช้ปลาทา โร่เป็นส่วนผสมหรอกนะ ” อลิซบอก
      อย่างไม่เชื่อ มันคิดมาได้
      ไงเนี่ย เอาปลาทาโร่ไปปรุงยา
      “ ก็คิดสูตรใหม่ไง ” แคตเสนอ

      “ ไม่แน่ ฉันอาจจะวางยามัลดีฟใส่ปลาทาโร่ก็ได้ ไม่เลวนะความคิดนี้ ว่ามั๊ย วีน
      ขอบคุณสำหรับความคิดใหม่นะ แคต ” อลิซแกล้งแหย่เล่น

      “ อย่านะอลิซ ไม่งั้นฉันจะเอาให้ฟลอเรนซ์กิน ” แคตพูดบ้าง

      “ แคต ฟลอเรนซ์ไม่กินปลาทาโร่หรอกนะ ฉันเอาฟิชโช่แหย่ปากยังไม่กินเลย
      แต่เอาเถอะ มัลดีฟก็น่า
      รักดี ฉันทำไม่ลงหรอกนะอยากซื้อๆไป ไม่ยุ่งแล้ว ” อลิซพูด

      “ งั้นไปดูทางโน้นดีกว่านะ ” วีนบอก พลางชี้ไปทางชั้นขนมที่มีลูกกวาดสีๆเต็มไป
      หมดเรียงอยู่ในถาดให้เลือกตัก

      “ วีน เธอว่าคีย์จะกินไอ้นี่มั๊ย ถ้าฉันปรุงมันใหม่แล้วแกล้งลืมไว้หรือฝากอัฟเอา
      ไปให้ ” อลิซถามวีน
      “ ไม่แน่นะถ้าฝากอัฟจะเวิร์คกว่า แต่อัฟจะรับฝากเหรอ ” วีนถาม
      “ รับสิ ฉันจะทำให้เค้ารับให้ได้ พวกเธอว่าคีย์ชอบกินแบบไหน จะได้เลือกถูก ”
      อลิซถามความเห็น
      “ ฉันว่า น้ำตาลปั่นทำแท่งแบบท๊อปปิ้งก็น่ากินดีนะ ” เซียบอก
      “ ไม่หรอกน่าจะเป็น ลูกอมน้ำผึ้งนี่มากกว่า ” แคตเสนอ
      “ แต่ฉันว่าน่าจะเป็นลูกอมช็อกโกแล็ตนะ คีย์ชอบช็อกโกแล็ตไม่ใช่เหรอ ฉัน
      เห็นเค้ากินบ่อยๆ ” เดรโกบอก

      “ แล้วเธอไปเห็นเค้าตอนไหน ” วีนถาม
      “ ก็เคยเดินผ่านๆน่ะ อย่าคิดมากสิ ” เดรโกพูด
      “ อะแฮ่ม! โอเค งั้นเอาทุกอย่างเลยแล้วกัน เผื่อกินด้วย เผื่อแกล้งด้วย เผื่อคน
      อื่นด้วย ” อลิซพูด
      “ เผื่อใครหรอ ” เอ๊ดถาม
      “ เพื่อนน่ะ ก็ทุกคนนั่นแหละ มีอะไรรึเปล่า ” อลิซถามกลับ อย่างไม่เข้าใจว่า
      ทำไมต้องถามด้วยว่าเผื่อใคร จะเผื่อใครก็ไม่เกี่ยวนี่นา

      “ ก็แค่อยากรู้น่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก ” เอ๊ดตอบเลี่ยงๆ

      “ งั้นไปจ่ายเงินกัน แล้วค่อยกลับไปที่โต๊ะ ” วีนพูดแล้วเดินนำไป อลิซเดินรั้ง
      ท้าย
      “ เธอซื้อเยอะเหมือนกันนะเอ๊ด ” อลิซพูด
      “ ก็เอาไว้เผื่อคนอื่นๆด้วยไง ” เอ๊ดพูด แล้วเดินไปจ่าย แล้วก็ถึงคิวอลิซ
      “ 1 มิล 2 โกล กับอีก 3 ซิลค่ะ ” พนักงาน พูดแล้วอลิซก็จ่ายเงิน
      “ รับมา 1 มิล 3 โกล นะคะ ทอน 27 ซิล โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่ะ ” แล้วอลิซก็
      ผลักประตูที่กั้นระหว่างที่ซื้อขนม กับโต๊ะนั่งสั่ง และเดินมานั่งที่โต๊ะ
      อลิซสังเกตเห็นว่ารุ่นพี่คอเรสที่ทักเธอตอนเข้ามาในร้านลุกออกจากร้านไป
      แล้ว ทุกคนกินไอศกรีมไปด้วยคุยไปด้วยพอกินหมดก็นั่งรออลิเซียที่กินหมด
      สุดท้ายประจำ

      “ เอ่อ…ไม่ต้องนั่งจ้องฉันก็ได้ ฉันรู้ตัวว่าน่ารัก ” เซียพูด ทำเอาแต่ละคนเบือน
      หน้าหนีแล้วแอบหัวเราะ
      “ ใครว่ามองเพราะน่ารักเล่ายัยบ๊อง มองรอเธอต่างหาก นี่ ” ทอมพูด พลางส่งมะ
      เหงกให้อลิเซีย
      “ โอ๊ย! เจ็บนะ ไม่แกล้งฉันซักวันจะตายมั๊ยทอม ” เซียถาม
      “ แค่จองโบสถ์แล้วเตรียมฝังเท่านั้นแหละเซีย ” ทอมตอบกวนๆ
      “ เลิกเล่นก่อนเถอะ เซีย รีบกินหน่อยนะ ฉันมีธุระที่ห้องสมุดอีกนะ ” อลิซพูด
      “ นัดใครไว้รึไง ” เอ๊ดแกล้งแหย่ “ นัดเอาไว้น่ะสิ ถึงได้ต้องรีบไง จะได้ไปห้อง
      สมุดนานๆ ” อลิซพูดอย่างไม่ใส่ใจ
      “ ใคร ” เอ๊ดถาม
      “ เดี๋ยวก็รู้ ” อลิซตอบเซ็งๆ จะอยากรู้ไปทำไม
      “ อลิซ เธอไม่เห็นบอกเลยว่านัดไว้ ” วีนพูด อลิซขยับเข้าไปใกล้วีนแล้วกระซิบ
      เบาๆว่า
      “ ก็นัดกับหนังสือไง ก็คือ…นัดกับครูบรรณารักษ์เอาไว้เรื่องหนังสือนั่นแหละ ”
      “ อ๋อ นึกว่านัดกับใครแล้วไม่บอกฉันซะอีก ” วีนพูดอย่างโล่งใจ

      “ ใครหรอ ” แคตถามอย่างสงสัย วีนก็เลยไปกระซิบกับแคตและเซียว่า
      “ นัดกับหนังสือไง คือ… เค้านัดครูเรื่องหนังสือ ” วีนบอกทำให้ทั้ง 2 ตรัสรู้มาก
      ขึ้น
      “ ไม่คิดจะบอกเราบ้างหรอ ” เชพูด
      “ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เดี๋ยวก็รู้เอง ” แคตพูด
      “ เก็บเงินด้วยค่ะ ” วีนบอกพนักงาน

      “ ถ้วยละ 1 โกล 8 ถ้วยก็ 8 โกล เพิ่มพิเศษอีก 5 ซิล ทั้งหมด 8 โกล 5 ซิลค่ะ ”
      พนักงานบอก วีนจ่ายเงินแล้วทั้งหมดก็เดินออกจากร้าน

      “ ไปไหนต่อดีล่ะ ” แคตถาม
      “ ร้านอุปกรณ์ปรุงยา ” อลิซตอบ
      “ อลิซ ฉันสงสัยว่า ฟันดาบ เทควันโด กังฟู คาราเต้ มันก็กีฬา แล้วทำไมถึงตั้ง
      ชื่อชมรมซอคบอล ว่ากีฬาล่ะ ” เซียถาม

      ซอคบอลเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่โด่งดังมากในโลกสเปช วันศุกร์จะได้เรียน

      “ ไม่รู้เหมือนกัน แต่คาดว่าวิชากีฬาปี 3 ถึง ปี 6 เรียนซอคบอล ก็เลยแทนที่จะ
      ตั้งว่าชมรมซอคบอลเลยตั้งว่าชมรมกีฬา เพราะ ปี 1 ที่เรียนฟุตบอลนิดหน่อย กับ
      ปี 2 ที่เรียนเบสบอล ก็เพราะเราจะเรียนซอคบอลในปีถัดไปจึงต้องมีพื้นฐาน ”
      อลิซตอบ

      “ ว่าแต่จะลงตำแหน่งอะไรล่ะ ต้องตั้งทีมสำหรับแข่ง เป็นข้อสอบปฏิบัติด้วยนะ ”
      เอ๊ดถาม
      “ ฉันเกลียดไอ้พวกการเล็งลูก แล้วก็พวกลูกกลมๆทำให้เจ็บตัวทุกชนิด ( ถึงได้
      ไม่เก่งฟุตบอลกับเบส
      บอลไง ) ฉันว่าลงตำแหน่งผู้ใช้เวทย์จะเหมาะกับฉันมากที่สุดนะ ” อลิซพูด
      “ ทีมละ 11 คน ว่าแต่มีไม้กวาดรุ่นใหม่ไปดูกันมั๊ย ” แคตเสนอ
      “ ไปสิ ” อลิซพูด

      รุ่นของไม้กวาดของโลกของสเปชเรียกตาม ราคา ราคาขาย ราคาเดียวกันทั่วโลก
      ไม่มีการลด ไม่มีการเพิ่ม จึงเรียกตามราคาได้

      “ นั่นไง ร้านเดอะเบส ร้านอุปกรณ์กีฬา อยู่ข้างๆร้านปรุงยา ” เซียบอก ร้านบาง
      ร้านจะเป็นร้านใหม่ที่มีเพิ่มทุกปี หรือ บางร้านก็ยุบไป หรือไม่ก็ย้ายที่
      “ ไปดูกันด้านในร้านก่อนแล้วค่อยไปร้านอุปกรณ์ปรุงยาแล้วกัน ”อลิซบอก
      พลางเดินนำเข้าไปในร้านเดอะเบส

      ด้านในมีอุปกรณ์ซอคบอลให้เลือกหลายแบบโดยเฉพาะไม้กวาดรุ่นต่างๆ แต่ที่
      วางโชว์อยู่บนแท่นสีทองที่โชว์รุ่นล่าสุดประจำร้านคือ รุ่นใหม่ รุ่น 7 ลิค

      “ รุ่นล่าสุดที่แพงที่สุดขณะนี้ และ ดีที่สุดด้วย เป็นรุ่นยอดนิยมในตอนนี้นะครับ
      ก้านแต่ละก้านทำ
      อย่างบรรจงประณีต ตัวไม้ทำจากไม้เนื้อดี สลักรุ่นด้วยตัวอักษรประจำรุ่นที่โคนที่
      ติดกับก้าน ลงอาคม
      กันเวทย์ทำร้ายจากเมืองฟอล์คกอต หรือที่รู้จักกันดีในฉายาเมืองแห่งชาวฟ้า
      ครับ ” เจ้าของร้านอธิบาย
      สรรพคุณ

      “ ขอลองจับได้มั๊ยคะ ” อลิซถาม
      “ เชิญครับ ” เจ้าของร้านบอก

      อลิซจับขึ้นมาดูมันเรียวยาว กระทัดรัดชวนให้ลองขี่วนซักรอบสองรอบ ( เจ้าของ
      ร้านไม่อนุญาตแน่ ) “ เอาด้ามนึงค่ะ ” อลิซบอกคนขาย
      “ คุณเป็นคนแรกของเทอมนี้เลยนะครับ เราจะบริการสลักชื่อให้พิเศษ สำหรับ
      11 ด้ามแรก ขอบัตรนักเรียนด้วยครับ ”
      อลิซยื่นบัตรให้ เจ้าของร้านเดินไปหลังร้านแล้วเดินมาบอกว่า
      “ รอซักครู่นะครับ เราจะสลักด้วยตัวอักษรสีทองที่ปลายไม้ให้ ”

      “ อลิซ ทำไมเธอเลือกไวจัง ” วีนถาม
      “ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึงชอบรุ่นนี้ รู้สึกประหลาดๆนะ แต่ก็รู้สึกดี ก็เลยเอา เธอล่ะ ยังไม่
      ได้ซื้อใหม่ไม่ใช่หรอ
      วีน ” อลิซถามกลับ
      “ เธอว่าดี ฉันก็คิดว่าดี เอาด้ามนึงค่ะ ” วีนบอกพลางส่งบัตรนักเรียนให้
      “ เอาอีก 6 ด้ามครับ ” เอ๊ดบอกและส่งบัตรนักเรียนของเขาและคนอื่นๆให้
      “ เอาทุกคนเลยหรอครับ 8 ด้ามแรก เอาอย่างนี้ ผมแถมคู่มือฉบับปกแข็งกันน้ำ
      ให้ด้วย คนละเล่ม
      ครับ ” เจ้าของร้านส่งคู่มือปกสีทองที่ดูหรูหราให้ หลังจากนั้น 5 นาทีทุกคนก็ออก
      มาจากร้านพร้อมกับกล่องสีทอง ( เข้าชุดกับหนังสือเลยนะ ) ที่ด้านในบุกำมะหยี่สี
      แดงอย่างดีพร้อมอุปกรณ์ตัดแต่ง สมราคาแพง 7 ลิค

      “ คิดยังไงถึงเอากันทุกคนล่ะเนี่ย ” อลิซถาม
      “ ก็คิดว่าดีไง ” เซียตอบ
      “ ไปร้านปรุงยากัน ” วีนบอก
      แล้วก็เดินจูงมืออลิซไปในร้าน

      อลิซซื้อหม้อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ฟุต ถือเป็นหม้อขนาดเล็กแต่หนา 1 ซม.
      แล้วก็ซื้ออุปกรณ์อย่างอื่นเพิ่มเติมแล้วเดินออกมาจากร้าน คนอื่นๆที่นอกจากวี
      นกับอลิซไม่เข้าไปในร้ายปรุงยาเลย

      “ แล้วจะเอาไปเก็บก่อนมั๊ย ” เดรโกถาม
      “ ไปเก็บที่ไหนกัน เก็บในจี้นี่แหละ สะดวกที่สุด ” อลิซบอก แล้วก่อนที่เดรโกจะ
      ถามต่อ เอ๊ด ก็เอามือปิดปากเขาแล้วชี้ไปทางอลิซ เป็นเครื่องหมายบอกให้รู้ว่า
      ถ้าไม่รู้ก็ดูซะ อลิซเอาจี้ออกมาจากอเสื้อที่ทับไว้แล้วเอาผมเปีย 2 ข้างไปไว้ข้าง
      หลัง

      ( อลิซชอบถักเปียข้างๆไม่เล็กมาก ผมที่เหลือก็ปล่อยยาวข้างๆกัน และบางครั้งก็
      เปลี่ยนให้เป็นสีน้ำ
      ตาลเพราะทำได้แล้ว ) แล้วเปิดจี้แสงสีทองที่ส่องออกมาเหมือนแสงไฟฉาย ( ต่าง
      กันที่สี )
      ตรงไปยังของที่อลิซวางอยู่ข้างหน้า

      “ อะแมนด้า เก็บไว้ที่ล็อกที่ 12 ” อลิซพูด หลังจากนั้นแสงก็หาย
      ไปพร้อมกับของ แล้วอลิซก็ปิดจี้หรือ ล็อกเกต วางแล้วเอาเสื้อปิดทับ

      “ โห อย่างนี้ก็เก็บของได้เยอะเหมือนโดเรมอนน่ะสิ ดีจัง ” เดรโกพูด
      “ จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี ” อลิซพูด
      “ ทำไม่ว่าอย่างนั้นล่ะ มันก็ดีออกไม่ใช่หรอ ” เดรโกพูด
      “ ก็ขี้เกียจจำน่ะสิเดี๋ยวจำผิดก็ต้องให้อะแมนด้าช่วย ขี้เกียจเรียกออกมา ก็ต้อง
      พยายามจำให้ได้ว่าเก็บอะไรล็อกเกอร์ไหน ปวดหัว ” อลิซพูดทำให้เดรโกเข้าใจ
      อะไรมากขึ้น
      “ อลิซขอแวะไปร้านเสื้อหน่อยนะ จะไปตัดเสื้อคลุมแบบโลกเวทมนต์น่ะ ” วี
      นพูด
      “ จะตัดไปทำไม ” อลิซถาม
      “ เอาไว้ปลอมตัวเวลาทำอะไรจะได้สะดวกไงล่ะ เอาแบบมีหมวกตัวนึง ธรรมดา
      ตัวนึง จะได้สะดวกไง ” วีนตอบ

      ในโลกของสเปชไม่ใส่เสื้อคลุมสีดำแบบพ่อมดแม่มดในโลกเวทมนต์ แต่ แต่ง
      แบบมนุษย์ ส่วนทางโรงเรียนจะมีแบบฟอร์มเป็นบางวัน หรือ บางวิชา มนุษย์ที่
      หลงเข้ามาจะคิดว่าสเปชเป็นพวกนักมายากล

      “ งั้นก็โอเค ฉันก็จะสั่งด้วยเหมือนกัน เซีย แคต เอาด้วยรึเปล่า ” อลิซถาม
      “ เอา ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน
      “ งั้นเราก็เอาด้วย ” เอ๊ดพูดแทนคนอื่นๆที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ( ปานสายฟ้า
      แลบ )
      “ พวกนายเอาไปทำไมกัน ” อลิซถาม
      “ ก็เวลาไปเที่ยวโลกเวทมนต์ไง ” เอ๊ดตอบ
      “ พวกนายไม่ค่อยไปไม่ใช่หรอ ” วีนถาม
      “ ก็เวลาไปกับพวกเธอไงล่ะ ” เดรโกตอบ
      “ งั้นก็เข้าไปกัน ” อลิซตัดบท

      ทุกคนเดินเข้าไปในร้าน ที่มีชื่อว่า โครเชส เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงที่มีเชื้อสาย
      ฝรั่งเศส รู้จัก
      กับอลิซ และ วีนดี เพราะวีนชวนมาบ่อยๆ ด้านในมีเสื้อผ้าหลายแบบ มีของหลาย
      ชาติ และ มีของทั้ง 3
      โลก

      “ เรามาตัดเสื้อคลุมแบบแม่มดโลกเวทมนต์ค่ะ เอาแบบธรรมดา 1 ตัว แบบมี
      หมวก 1 ตัวค่ะมา
      ดามฟินซ์ ” อลิซบอกเจ้าของร้านที่ชื่อ ดอนน่า ฟินซ์ที่มักเรียกกันว่า มาดาม
      ฟินซ์

      “ เอา 2 แบบทุกคนรึเปล่าจ๊ะ ” มาดามฟินซ์ถามอย่างร่าเริง ( เหมือนนิสัยตาม
      ปกติ )
      “ ครับ / ค่ะ ” ทุกคนตอบพร้อมกัน

      หลังจากวัดเสร็จ มาดามพูดว่า
      “ เสาร์หน้ามารับนะจ๊ะ ” หลังจากนั้นทุกคนก็เดินออกจากร้าน

      “ ไปไหนต่อดี ” วีนถาม
      “ ก็ต้องไปร้านประจำ ร้านไดอารี่ ของมิสแอนนิต้า บิลลิฟท์ ” อลิซตอบพลางเดิน
      เข้าไปในร้าน
      “ สวัสดีจ้ะ อลิซ ” มิสแอนนิต้า เจ้าของร้านทักทายอย่างเป็นกันเอง

      เจ้าของร้านนี้เป็นชาวเมืองกระจก จึงรู้จักอลิซเป็นอย่างดี และอลิซก็มาร้านนี้
      บ่อยๆ เนื่องจากเธอชอบสะสมสมุดบันทึกเป็นชีวิตจิตใจโดยเฉพาะสีชมพู

      “ สวัสดีค่ะ มีสมุดบันทึกแบบใหม่มาบ้างรึเปล่าคะ ” อลิซถาม
      “ โดยเฉพาะสีชมพูใช่มั๊ยจ๊ะ ” เจ้าของร้านตอบอย่างรู้ทัน
      “ อยู่ทางด้านโน้น ที่เดิมจ้ะ ” มิสแอนนิต้าพูดแล้วผายมือไปทางขวา การจัดโว
      นของร้านจะมีโซนแบ่งตามหนังสือใหม่ และ โซนสี


      “ วีนเธอว่าเล่มนี้สวยมั๊ย ” อลิซถามวีนพลางส่งสมุดบันทึกสีชมพูแบบใหม่ที่มี
      ความหนา 2 ซม. ให้วีน
      ดู
      “ ก็น่ารักดีนะ มีให้เขียนชื่อด้านหน้าด้วยเลย เสียอย่างเดียว ลายมือไม่สวย
      เขียนแล้วเละแย่ ” วีนออก
      ความคิดเห็น
      “ แล้วพวกเธอว่าไง ” อลิซถามคนอื่นบ้าง
      “ มีเหรอที่เราจะกล้าบอกคุณอลิซว่า สมุดบันทึกที่เป็นสีชมพูไม่เข้าท่า ” เซียตอบ
      ให้อลิซรับความจริงได้ซะทีว่า…
      “ ถึงเราออกความเห็นอะไรเธอก็ซื้ออยู่ดี ” แคตพูด
      “ โอเคก็แค่อยากให้มั่นใจ ” อลิซพูดพลางเดินไปจ่ายเงิน

      โดยทั่วไปประชาชนจะปฏิเสธการรับเงิน แต่ใครๆก็รู้ดีว่า ถ้าปฏิเสธจะถือว่าไม่
      ให้เกียรติ ไม่จริงใจ การรับเงินจากการซื้อ จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชาว
      สเปช ไม่ว่าผู้จ่ายจะสูงศักดิ์แค่ไหน ก็ต้องรับ โดยเฉพาะเมืองกระจก

      การพูดกับเชื้อพระวงศ์ หรือ กษัตริย์ในโลกสเปช จะไม่ใช้คำราชาศัพท์ จะใช้
      ภาษาสุภาพ โดยเฉพาะ
      สองเมืองมหาอำนาจอย่าง มิลเลอร์ มัลเลน และ แอลนิวซิต ไม่เรียกกษัตริย์ตาม
      ทั่วไปเหมือนเมืองอื่น
      เช่น เมืองมิลเลอร์ มัลเลน กษัตริย์ชื่อ ฟรานซิส ก็เรียนว่า องค์กษัตริย์ฟรานซิส
      แต่สำหรับเชื้อพระวงศ์
      อื่นๆที่ยกเว้นราชินี เช่น อลิซ ถ้าในกรณีปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ เรียกเจ้า
      หญิงอลิซ จะไม่เรียกชื่อเต็มว่า เจ้าหญิงอลิซซิน่า แต่ก็เป็นเฉพาะในเมือง
      เพราะ เมืองอื่นก็ยังเรียกเต็มๆ แต่ในกรณีที่ไปเที่ยวเล่น แต่งชุดเล่นไปเยี่ยม
      เยียนหรือผ่าน จะให้เรียกว่า อลิซ เฉยๆ ดูเป็นกันเอง และ เป็นการปกปิด
      ฐานะที่ดีเมื่ออยู่ที่อื่น ซึ่งเรียกมาแต่สมัยปู่ทวดของเธอที่ออกความเห็นกับ ปู่ทวด
      ของเอ๊ด ทำให้ทั้ง
      สองเมืองนี้ใช้ระบบนี้ สองเมืองนี้จึงขึ้นชื้อว่า เป็นการปกครองแบบอบอุ่น

      “ วีน เซีย แคต ไปกันเถอะ เดี๋ยวมีคนรอ ” อลิซบอกพลางรอแล้วพากันเดินออก
      จากร้าน

      หลังจากนั้นเธอก็แวะ ร้านต่างๆที่ต่อกัน รวมไปถึงร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีอยู่
      ใน
      โรงเรียน ซึ่งร้านนี้ มีอยู่ในเมืองทุกเมืองของสเปช เป็นร้านของพวกมนุษย์ ที่
      ชาวสเปชเป็นคนดำเนิน
      กิจการในแต่ละสขา ยิ่งทำให้เหมือนมนุษย์ จนทำให้ใครที่หลงเข้ามาไม่สงสัย

      “ จะไปไหนต่ออีกรึเปล่า เหลืออีกตั้งหลายร้าน ” เอ๊ดถามขึ้นหลังจากที่เริ่มเมื่อย
      ขาแล้ว

      “ ตอนนี้ สี่โมงเย็นแล้วหรอเนี่ย ไม่ไปไหนแล้ว รีบไปห้องสมุดเถอะ เราควรมี
      เวลาอย่างน้อย 2 ชั่ว
      โมงในการหา แล้วจะได้กลับไปกินอาหารเย็นทัน 6 โมง ” อลิซบอกทุกคน พลาง
      เอาไม้กายสิทธิ์
      ออกมา

      อลิซมีไม้กายสิทธิ์ 2 อัน อันหนึ่งเป็นไม้ที่มาพร้อมตอนเกิดซึ่งเธอ ใช้เฉพาะเวลา
      ขี้เกียจพกไม้
      กายสิทธ์ ส่วนอีกอันทำจากไม้ที่มีเฉพาะในเมืองกระจก เป็นไม้หายาก และไม้ที่
      เอามาทำ อลิซ เอามา
      จากกิ่งไม้ในสวนของปู่ทวด ( ทำตั้งแต่ตอนปู่ทวดของเธอยังไม่เสีย ตั้งแต่ตอน
      อายุ 3 ขวบ )

      ต้นมิล์ฟ พันปี ส่วนแกนกลางไม้ มีขนของฟลอเรนซ์ นกฟีนิกซ์ผู้ซื่อสัตย์ของเธอ
      ( ได้เป็นของขวัญ
      ครบรอบ3 ขวบจากปู่ทวด ) บรรจุอยู่ อลิซใช้ไม้กายสิทธิ์อันที่สอง ( อันที่มีมาแต่
      เกิดเรียกอันที่หนึ่ง )
      โบกแล้วพูดร่ายให้รถมาเป็นการประหยัดเวลาไม่ต้องเดินไปที่รถ

      การใช้เวทย์ของสเปช ต่างกับโลกเวทมนต์ซึ่งจะใช้คาถาที่จะสั้นๆ ( ซะส่วนมาก )
      ชาวสเปชจะมีเวทย์ ที่แบ่งเป็นสองแบบ คือ แบบไม่ต้องร่าย แต่ใช้จิต เช่น การ
      เสกน้ำใส่แก้ว กับอีกแบบเป็นแบบที่ต้องร่ายแต่ไม่ยาวมากนัก เช่น การเรียก
      รถให้มาอย่างที่เธอทำ ซึ่งร่ายง่ายๆเป็นคำพูดเช่นว่า “ รถจงมา ” แต่การร่ายจำ
      เป็นต้องรู้ถึงหลักถูกวิธี จึงต้องมีการเรียนการสอน

      อลิซใช้เวทย์เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ทุกคนขึ้นบนรถและวีนจะรับรู้ได้
      ถึงความเร่งรีบของอลิซ
      จึงบอกกับเซีย และ แคต ว่า
      “ รัดเข็มขัดนิรภัยซะ ” และทั้งคู่ก็ให้ความร่วมมือด้วยดีโดยไม่ถาม ( ก็รู้ดีอยู่
      แล้ว ) ดูท่าทางเร่งรีบ
      ( อย่างไม่รู้จะรีบไปทำไม ) ทำให้เอ๊ดประชดสั้นๆขึ้นว่า

      “ ไม่ต้องรีบก็ได้ เธอทันนัดอยู่แล้ว ” คำพูดนี้ทำให้อลิซรีบน้อยลงและหันไป
      หัวเราะคิกคัก กับวีน
      เซีย และ แคตแทน พลางฝ่ายนั้นก็หัวเราะผสมโรง มีแต่เอ๊ดที่ไม่เข้าใจ

      “ พวกนายหัวเราะอะไรกัน ” เอ๊ดถามฝ่ายชายที่หัวเราะและกระซิบกระซาบกัน
      ในรถ
      “ ก็…เอ่อ…บอกดีมั๊ย บอกก็บอก…เซียเล่าให้ฟังว่าที่จริงอลิซไม่ได้นัดใครอย่างที่
      นายคิดหรอก เค้าก็แค่ประชดนายไปงั้นแหละ แต่เค้าก็ถือว่าไม่ผิดเพราะ เค้า
      ถือว่านัดกับหนังสือน่ะ ที่จริงก็แค่นัดเรื่องหนังสือกับครูบรรณารักษ์ ” ทอมเป็น
      คนตอบ และหยุดหัวเราะเพราะสายตาเย็บเฉียบที่เอ๊ดส่งมาให้

      “ ทำไมนายไม่บอกฉันก่อน ” น้ำเสียงถามปนโกรธนิดๆ
      “ อย่าโทษพวกนั้นเลย ฉันแค่อยากยั่วนายเล่นน่ะ ไม่คิดว่าจะได้ผล แต่ที่ไหน
      ได้… ” อลิซพูดพลางทิ้งถ้อยคำไปให้คิดเอง และ เจ้าชายผู้แสนฉลาดที่คิดได้เร็ว
      ทันใจ ก็ส่งของขวัญที่เธอรู้อยู่แล้วว่าจะได้ ( รู้จากประสบการณ์ตอนสี่ขวบที่จำได้
      จากดวงตาของเขา ) นั่นก็คือ ดวงตาดุๆที่ส่งมาให้

      “ ไม่ต้องมองอย่างนั้นน่าเอ๊ด ซีเรียสไปได้ เอาเป็นว่าขอโทษแล้วกันนะ ” อลิ
      ซพูด
      “ ก็ได้ แต่มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนในการหายโกรธหน่อยสิ ”เอ๊ดพูด
      “ จะเอายังไงล่ะ ” เจ้าหญิงผู้ไม่ค่อยง้อใครเอ่ยถามเพื่อนคนสำคัญที่เธอจำเป็น
      ต้องง้อ เพราะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญ ( หรือเพื่อนสนิท ) ของเธอแล้ว เธอ
      มักจะแคร์เสมอ

      “ ให้เธอบอกว่า เธอจะไปห้องสมุดเพื่อหาอะไร ” เอ๊ดบอกข้อเสนอ

      เอ๊ดมักจะอยากรู้เรื่องที่อลิซทำอะไร มันมีข้อดีที่ว่า เวลามีปัญหา เขาช่วยแก้ไขให้
      ได้เสมอ และ ปรึกษาพึ่งพาเขาได้เสมอ แต่ก็อีกนั่นแหละ มันควรจะเป็นความ
      ลับระหว่างพวกเธอ 4 คน แต่เขา
      ( และอีก 3 คน ) ก็มาเกี่ยวด้วยประจำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

      “ ก็ได้ เธอนี่ประจำเลยนะ ยังไงเธอก็ต้องรู้ให้ได้อยู่ดี แต่เอาเถอะ ยังไงคราวนี้
      ฉันอาจมีเรื่องให้เธอ
      ช่วย ฉันจะหาเรื่องน้ำยาโบราณชนิดหนึ่ง น้ำยาเทพพยากรณ์ หรือ น้ำยาเทพ
      เตือนภัย ส่วนรายละเอียด
      เธออย่าพึ่งรู้ ไปห้องสมุดจะบอกทีหลัง พอใจรึยังคะ คุณเจ้าชาย ” อลิซถาม

      “ พอใจแล้วครับ คุณเจ้าหญิง ” คำตอบกวนไม่แพ้กัน สมเป็นขิงกับข่าประจำ
      กลุ่ม ( อาจเรียกได้ว่าประจำสายชั้น หรือ ประจำโรงเรียน )

      หลังจากนั้นรถก็ออกและมุ่งไปห้องสมุดของโรงเรียนที่อยู่ไกลเพียงไม่ถึง
      กิโลเมตร
      ( มันก็ถือว่าไกลอยู่นะ ) เมื่อมาถึงห้องสมุดซึ่งเป็นอาคารแยก สองชั้นสีขาวมีป้าย
      ห้องสมุดด้านหน้า
      และแน่นอนว่า ติดแอร์ด้านใน เพราะ แอร์โรงเรียนคงไม่เย็นไปถึงในนั้น
      เพราะ ไม่นิยมเปิดประตู
      หรือหน้าต่าง ก่อนหน้าที่จะมาอลิซได้โทรติดต่ออาจารย์บรรณารักษ์เรื่องหนังสือที่
      ต้องการไว้แล้ว จึง
      พูดไม่ผิดหรอกที่ว่ามีนัด ก็นัดกับหนังสือจริงๆนี่นา หรือ เรียกว่า นัดกับครู
      บรรณารักษ์ ก็ไม่ถือว่าผิด


      อลิซเปิดประตูเดินนำเข้าไปคนแรก ( ไม่ได้เปิดประตูเองอีกต่างหาก เพราะ
      สุภาพบุรุษประจำกลุ่ม
      เป็นคนเปิดให้ “ ขอบคุณค่ะคุณสุภาพบุรุษ ” - - “ ไม่เป็นไรครับคุณสุภาพ
      สตรี ” เอ๊ดพูด )

      “ มาตรงเวลาดีนะจ๊ะ ถ้ามีคนตรงเวลาอย่างนี้ทุกคนก็ดี ” ครูมาช่า ซาเทียร์
      บรรณารักษ์สาว ( เหลือน้อย ) ประจำห้องสมุดเอ่ยขึ้นเปรยๆก่อนหันไปมองทางคิ
      ราร่าอย่างจงใจ

      “ ครูคะ ได้หนังสือที่บอกไว้มั๊ยคะ ” อลิซถามอย่างร้อนใจ
      “ ได้ซิจ๊ะ มันอยู่หมวดหนังสือประหลาด ที่อยู่ในห้องเฉพาะครูว่าจะหยิบให้ แต่
      คิดอีกที เธอคงอยากเข้าไปดูหมวดนั้น ” ครูเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจ
      “ ครูคะ ไม่ยุติธรรมเลยนะคะ ทีหนู ครูยังไม่ให้เข้าไปเลย แล้วทำไมครูให้อลิ
      ซเข้าไปล่ะคะ ” คีย์ถามอย่างไม่พอใจ

      “ คิราร่า เชียร์เลอร์ คนที่เข้าห้องนั้นได้ต้องตรงเวลา ซื่อสัตย์ และเธอก็ควรรู้ไว้
      ว่า หนังสือบางเล่ม
      ผู้ไม่มีคุณสมบัติตามที่หนังสือต้องการ จะไม่มีวันเปิดมันได้ จึงจัดไว้ในหมวด
      หนังสือประหลาด
      และผู้ที่เปิดหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งได้เท่านั้นจึงเข้าไปได้ เพราะ ประตูนี้ลงอาคม
      ไว้ แล้วอีกอย่างนึงที่
      ควรรู้ไว้ประดับสมองของเธอก็คือ อลิซซิน่า สามารถเข้าห้องนี้ได้ตั้งนานแล้ว
      ตั้งแต่วันแรกที่มา
      เหยียบห้องสมุดที่นี่ เพราะเค้ามีคุณสมบัติพอ และ ครั้งแรกที่มา อลิซซิน่าก็รู้กฎ
      ระเบียบห้องสมุดดี
      และลองเข้าไป แล้วก็เข้าไปได้ โดยไม่มีปัญหา ในขณะที่เธอยังไม่เคยรู้ดีถึง
      ระเบียบต่างๆ เพราะไม่
      เคยสนใจ เพราะฉะนั้นถ้าเธออยากเข้า ฉันไม่สามารถห้ามได้ ถ้าเธออยากเข้าก็
      เข้าไปถ้ามีคุณสมบัติ
      ตามที่ระบุไว้ ไม่ใช่ว่าฉันลำเอียง หัดคิดใหม่ซะด้วยนะคิราร่า ” ครูบรรณารักษ์
      สาว ( เหลือน้อย )
      ว่าเป็นชุดแกมสบประมาท ทำเอาคีย์เถียงไม่ออก ขณะที่คนที่ได้ฟังทั้งห้องสมุด
      ยิ้มอย่างสะใจ

      และก็ต่างรู้ดีว่า ครูมาช่าไม่ชอบคีย์มาตั้งนานเธอจึงไม่ค่อยมาห้องสมุด สาเหตุมา
      จากอะไรไม่มีใครรู้
      รู้แต่ทั้งโรงเรียนมีเพียงคิราร่าคนเดียวที่มีปัญหากับครู

      “ ไม่ลองดูหรอจ๊ะ คิราร่า หรือ กลัวไม่มีคุณสมบัติ ” ครูท้า
      “ หนูลองแน่ค่ะ ” คีย์พูดพลางเดินไปที่ประตูที่อยู่ถัดจากโต๊ะครูไปไม่ไกลพลาง
      บิดลูก
      บิดประตูเปิดออกคีย์จึงหันมาพูดกับครูด้วยน้ำเสียงสะใจว่า
      “ เห็นมั๊ยคะครูว่าหนูสามารถเปิดได้ ”แล้วครูก็ยิ้มแล้วสวนกลับว่า
      “ คิราร่าถ้าเธอไม่รู้ ครูจะบอกให้ว่า แค่เปิดลูกบิดใครก็เปิดได้ แต่เรื่อง
      คุณสมบัติมันหลังจากนั้นต่างหากว่าเข้าไปได้รึเปล่า ” ครูพูดอย่างพอใจแล้วคีย์ก็
      เดินไปใกล้ประตูจะเข้าไปแต่ไม่สามารถเข้าไปได้เหมือนมีอะไรมากั้นไว้

      และเมื่อเธอพุ่งตัวพยายามเข้าไป ก็เหมือนถูกผลักออกมา เธอจึงไปโผล่อยู่ที่พื้น
      หลายๆคนกลั้นหัวเราะแม้แต่ครูบรรณารักษ์ก็กลั้นอย่างสุดขีด แต่ส่งแววตา
      สะใจ ที่ไม่หัวเราะเป็นเพราะทุกคนไม่อยากซ้ำเติม ( ถึงแม้จะมีความรู้สึกอยาก
      เล็กๆ ) และ ห้องสมุดห้ามส่งเสียงดัง อลิซเดินไปใกล้ประตูและหันไปทางคีย์
      พลางพูดว่า

      “ ขอบคุณนะจ๊ะคีย์ ที่มีน้ำใจเปิดประตูให้ ” แล้วอลิซก็เดินเข้าไป คำพูดนั้นมัน
      ยิ่งกว่าหัวเราะใส่ซะอีก และ ใครๆก็รู้เช่นกัน ว่านอกจากคีย์แล้ว อลิซก็เป็นมิตร
      กับทุกคน ( ที่เป็นมิตรกับเธอ ) หลังจากคีย์ส่งสายตาอาฆาตไปให้

      เอ๊ด เซีย ทอม แคต เช เดรโก ก็เดินตามอลิซเข้าไป วีนหันไปมองคีย์แล้วพูด
      ว่า
      “ อยากจะลองทดลองอีกรอบมั๊ย ”

      แล้วก็เดินเข้าไปอย่างช้าๆเป็นการเยาะเย้ย อลิซกับวีนมีนิสัยคล้ายๆกันใน
      หลายๆด้านโดยเฉพาะ
      ความรักเพื่อนเหมือนกัน เพื่อนของเธอเกลียดใครเธอก็ไม่ชอบคนนั้น และ
      ใครจะมารังแกเพื่อนคน
      สำคัญของเธอไม่ได้ แต่นิสัยข้อที่ต่างกันก็มีอีกหลายๆด้าน โดยเฉพาะ ด้านที่
      น้อยครั้งจะเปิดเผย…
      ของอลิซ

      ทุกคนเข้าไปครบแล้ววนเข้าไปสุดท้ายจึงปิดประตู ห้องนี้เปิดแอร์เสมอ ไม่ว่าจะ
      มีคน
      หรือไม่ มันจึงเย็บเฉียบเข้าขั้วหัวใจเนื่องจากแทบไม่มีคนเข้ามาเลยด้วยอีก
      กรณี แต่อลิซที่ชินกับ
      อากาศเย็นจึงไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่คนอื่นหนาวสั่น

      “ หนาวจัง ฉันล่ะไม่ค่อยอยากมาห้องนี้เพราะงี้แหละ พอๆกับแอร์ห้องพิเศษของอ
      ลิซเลย ” เซียบ่นพลางมองไปรอบๆห้องที่ไม่ได้มานานแสนนานถึงสองปี

      อลิซยังจำได้ว่า พวกเธอมักจะมาค้นสูตรยาแล้วบันทึก ( โดยปากกาพิเศษ )
      หลังจากนั้นก็นำไปปรุง อลิซมักปรุงเพื่อใช้ประโยชน์ หรือกินเล่น โดยเฉพาะยา
      พิษบางชนิดที่เธอ
      มักบอกเสมอว่าอร่อย แต่คนอื่นๆคงชิมไม่ได้ เพราะจะเป็นอันตราย แต่สำหรับ
      คนอื่นๆ คงทำไม่ได้
      อย่างเธอ อลิซมักชิมยา ( เกือบ ) ทุกอย่างที่เธอปรุง ( ถ้าอร่อยจะได้ปรุงไว้กิน
      เล่น ) ร่างกายอขงอลิซ
      ไม่ตอบสนองต่อยาต่างๆ เป็นมาตั้งแต่เธอเกิด ยกเว้นเธอจะพูดกับยาถ้วยนั้นว่า
      เธออนุญาติให้มันออก
      ฤทธิ์ได้ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษที่แปลกประหลาดที่สุด

      ยกเว้นกับอีกฉายาที่คนรู้น้อยอีกเหมือนกัน คือ ธิดาจันทรา ที่มาก็มาจากที่ราชินี
      ซินเทีย ราชินีแห่งดวงจันทร์ ( ของชาวสเปช ) เกิดถูกชะตากับเธอขึ้นมาในงาน
      วันเกิดครบ 5 ขวบของเธอที่ได้รับเกียรติมาร่วมในงานฉลองวันเกิดด้วย จึงรับ
      เป็นลูกบุญธรรม

      ก็เลยเป็นธิดาจันทรา และ ได้รับอำนาจจากดวงจันทร์โดยปริยาย เวลารักษา
      หรือ เพิ่มพลังจึงถือดวง
      จันทร์เป็นหลัก และ ราชินีก็มาเยี่ยมเธอประจำ เพราะไม่มีเครือข่ายไหนไปทำ
      เครือข่ายถึงบนสวรรค์
      เธอจึงโทรศัพท์หากันไม่ได้

      “ ห้องพิเศษของอลิซเหรอ ” ทอมถามอย่างต้องการความกระจ่าง

      “ เวลาใช้พลังชีวิตในการใช้ผมสีทองมาก อลิซ จะไปรักษาตัวที่ห้องนั้น เพราะ
      เธอถูกกับความเย็น ความเย็นจะช่วยรักษาเธอ และเธอจะเอาสมุนไพร และ
      ปรุงยาให้อบอวลในห้องเพื่อให้ช่วยรักษาอีกแรง ฉันว่านะ…ห้องของอลิซเย็น
      อย่างกับห้อง…แช่แข็ง ไม่แปลกหรอกที่อลิซทนความหนาวของห้องนี้ได้ ” เซียบ
      อกเธอไม่กล้าพูดว่าห้องดับจิต เพราะ ไม่อยากแช่งเพื่อนทางอ้อม อย่างน้อยเธอ
      ก็ไม่ทำให้อลิซกับวีนผิดหวังที่พร่ำบอกเช้าเย็นให้คิดก่อนพูด เพราะ เธอผิด
      พลาดประจำ แต่ครั้งนี้ต้องถือว่าเธอมีสติดีกว่าปกติทีเดียว

      อลิซเลือกหนังสือมาเล่มหนึ่ง ไม่ยอมบอกรายละเอียดแล้วบอกเพียงว่า
      “ ไปดูที่ห้อง อย่าพึ่งถามอะไร มากนะ ฉันจะบอกทีหลัง ” ก่อนที่อลิซจะเดินออก
      ไปวีนถามขึ้นว่า
      “ เธอไม่ลองเปิดมันก่อนหรอ ”
      “ หนังสือในห้องนี้ฉันเปิดได้ทุกเล่ม เพราะ เคยลองเปิดเล่นมาแล้ว แต่เล่มนี้
      พวกเธอคงดูไม่ได้จน
      กว่าจะถึงวันอังคารนี้ เพราะมันต้องเปิดคืนวันเพ็ญเท่านั้น ” อลิซตอบ
      “ เธอรู้ได้ยังไง ” แคตถาม
      “ ดวงตาของฉันมีพลังพิเศษ และ ข้อที่แตกต่างกับพลังทางดวงตาของเอ๊ด และ
      คนอื่นๆคือ มัน
      สามารถมองที่มาที่ไป ความลับ หรืออื่นๆได้ แต่ทำได้แค่บางอย่างเท่านั้น และ
      หนังสือเล่มนี้ คนที่มี
      คุณสมบัตินี้เท่านั้นถึงจะเปิดได้ จึงไม่มีใครเปิดมันในรอบ 2 ปีนี้เลย นอกจาก
      ฉัน หมดธุระกับที่นี่
      แล้วจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ไปกันเถอะ ” อลิซบอก แล้วทุกคนก็เดินตามกัน
      ออกไป
      “ อลิซ เธอว่าจะหาน้ำยาเทพพยากรณ์แล้วอีกเล่มคืออะไร ” วีนถาม
      “ อ๋อ เอ่อ…เอาไว้อ่านเล่นหนะ บทร่ายที่ว่าด้วยเวทมนต์ ของเบียทริซ อาร์ล อ่าน
      ไว้ประดับความรู้แล้วก็เสริมความสามารถ” อลิซตอบ
      “ เสริมความสามารถเหรอ เธอเจ็ดขวบเองนะอลิซ จะเอาอะไรนักหนา แล้วก็
      หนังสือของยายนั่น
      ทุกเล่มเป็นหนังสือยากๆทั้งนั้น เดี๋ยวก็เครียดตายหรอก ถ้าเธออายุเท่าเฟิร์ซนะ
      ฉันจะไม่ว่าซักคำ ”
      เซียพูดด้วยความเป็นห่วง

      “ เธอไม่รู้อะไร เราสามคนเรียนแข่งกันนะ อีกอย่าง ตอนเฟิร์ซอายุ 7 ขวบพี่เค้า
      ก็อ่านหนังสือทุกเล่มของเบียทริซจบแล้วลองทำไปไม่ต่ำกว่าครึ่ง ” อลิซตอบ
      “ แต่ของเบียทริซมีตั้ง 7 เล่ม แล้วเธอก็อ่านมาแล้ว 6 เล่ม แล้วก็ลองมาหมด
      แล้ว บ้ายิ่งกว่าเฟิร์ซอีก ” แคตพูดขึ้นบ้าง

      “ ก็เล่มนี้เล่มสุดท้ายแล้วไง ถึงต้องอ่าน ” อลิซพูดแล้วเอ๊ดก็พูดขึ้นว่า
      “ ไอ้อ่านเฉยๆคงไม่มีใครว่าเธอหรอกนะ แต่ดันลองด้วยนี่สิ แล้วก็ก่อเรื่องยุ่ง
      ทุกที เฮ้อ… จะลองฉันก็ไม่ว่าอะไรมาก แต่เลือกด้วยสิ นี่เธอเล่นเอามันทุกบททุก
      คาถา เดี๋ยวความจำก็ล้นสมองหรอก ” เอ๊ดพูดอย่างเบื่อหน่ายแกมห่วงนิดๆ

      “ เธอไม่ต้องห่วงเรื่องความจำล้นสมองหรอกนะ เธอน่ะ ทำอย่างกับกินหนังสือ
      เป็นอาหาร จำได้ทุกอย่างในบทเรียน แล้วยังจะมาห้ามฉันอีก ฉันก็อยากเก่งบ้าง
      นะ แต่เรื่องวิชาการ ฉันคงไม่เอาเท่าเธอหรอก ฉันก็เลยอยากได้เรื่องเวทมนต์
      อีกอย่างนะเอ๊ด กินหนังสือมันอร่อยสู้กินขนมไม่ได้ ” อลิซพูด

      ทุกคนไม่มีอะไรจะเถียง เถียงไปก็ไม่ชนะ ห้ามก่อเรื่องยุ่งยิ่งห้ามยากเข้าไป
      ใหญ่ ถ้าไม่มีเหตุผลมาก
      พอ ( แต่ส่วนมากจะห้ามยาก ก็แม่คุณเล่นเอาเหตุผลมาอ้างร้อยแปด จนเพื่อน
      7 คน เจ็ดปากยังช่วยกัน
      คิดเถียงกลับไม่ได้ เวลาทำน้ำยาอันตรายก็เล่นไม่ค่อยบอกใคร ถ้าบอกก็ไม่ให้
      เพื่อนลองซักเท่าไหร่ ก็
      แน่ล่ะ ยาพิษทั้งนั้น ไม่ก็ยาแปลกๆ วันดีคืนดีไม่มีอะไรทำ ก็ปรุงยาที่ว่าอร่อยๆ
      กินเล่น เพราะ ไม่
      สะทกสะท้านกับยาพิษก็เลยไม่กลัวอะไร เข้ากับนิสัยเจ้าตัวพอดี ทำเอาเพื่อนๆ
      ระอากับนิสัยข้อนี้ )

      เมื่อทั้งหมดออกจากห้องสมุดก็พบว่าคิราร่ายังนั่งอยู่ที่เดิม เธอกำลังอ่าน
      หนังสือที่อลิซไม่เคยคิด

      จะอยากอ่าน เพราะ เธอไม่ค่อยชอบวิชาประวัติศาสตร์ เรียนทีไรหาวทุกที ( ไม่
      กล้าหลับ )

      คีย์กำลังอ่านหนังสือเรื่อง ประวัติศาสตร์อียิปต์ และ อีกเล่มหนึ่งที่วางไว้เตรียม
      อ่านต่อคือ คลีโอพัตรา

      “ ขยันจังนะคีย์ ” เซียแซว คีย์ทำเพียงแค่หันมามองแล้วเมิน กลับไปอ่าน
      หนังสือต่อ ( อย่างน่าหมั่นไส้
      ในความคิดของทุกคน )
      “ คงสนุกอยู่ล่ะสิ อยากไปอยู่อียิปต์บ้างมั๊ย เราช่วยส่งเธอไปได้นะ ” วีนถาม

      “ ไม่จำเป็น ” คีย์พูดพลางอ่านต่อ
      “ ช่างเถอะ เราอยู่ที่ห้องนั้นนานแล้ว เหลือเวลาอีก 15 นาทีเองไปกันเถอะ อย่า
      เสียเวลาเลย ” เชพูด แล้วทั้งหมดก็เดินไปที่โต๊ะครูมาช่า

      “ สองเล่มหรือจ๊ะ ยืมน้อยกว่าครั้งล่าสุดนี่จ๊ะ อลิซซิน่า ” ครูพูดขึ้น
      “ ค่ะ ” อลิซตอบสั้นๆ
      “ ครูครับ อลิซซิน่าเค้ายืมบ่อยหรือครับ ” เอ๊ดถามครู
      “ ใช่จ้ะ ครั้งล่าสุด อาทิตย์นึงก่อนปิดเทอม เค้ายืมไปตั้งเจ็ดเล่ม หนาๆทั้งนั้นเลย
      ด้วย ไม่รู้
      อ่านได้ยังไง พวกเธอไม่รู้หรือจ๊ะ ครูคิดว่ารู้ซะอีก ” ครูพูด

      “ ก็รู้บ้างไม่รู้บ้างน่ะค่ะ ” วีนพูดแล้วหันมาทางอลิซ
      “ มิน่าล่ะ ว่าหายไปไหน อย่าบอกนะว่า เธอหายไปบางครั้งก็มายืมหนังสือโดยที่
      เราไม่รู้ ” วีนถาม
      “ ก็มีบ้างนิดหน่อยน่า ” อลิซตอบ

      “ มิน่า ตอนกลางคืน เอามาอ่าน เราก็นึกว่าขยันอ่านหนังสือเรียน ที่ไหนได้ อ่าน
      แบบนี้ แนวโปรดเธอนี่นา ” แคตพูด
      “ ก็หนังสือเรียนทดลองไม่ได้เหมือนอันนี้นี่ อีกอย่าง เธออย่าเอาฉันไปเปรียบ
      เทียบกับเอ๊ดสิ ” อลิซพูด

      “ ใช่ อีกอย่างฉันไม่ใช่ตัวปัญหาอย่างคนบางคน เอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้
      หรอก ” เอ๊ดพูด


      ตามนิสัยปกติ เค้าบางครั้งก็อ่อนโยนจนน่ารัก บางครั้งก็เย็นชา ( เป็นส่วนน้อย
      มาก ) บางครั้งก็ห่วงมากเกินไป หรือบางครั้งไม่ประชดก็เตือนบ่อยๆแต่ก็มีส่วนดี
      เยอะมาก และ เรียนเก่งกว่าอลิซ จึงเป็นที่ปรึกษาให้เธอได้เสมอ แม้จะนอกจาก
      เรื่องเรียน และเค้าก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง มีปัญหาปรึกษาได้ และ ช่วย
      แก้ไข และยังปกป้อง ( ถึงแม้จะน้อยครั้งเพราะอลิซปกป้องตัวเองได้สบายๆ ด้วย
      ความฉลาด + ความสามารถ ) ได้เสมอ

      ข้อดีหลายๆข้อทำให้ลบข้อเสียออกไปได้ รวมๆแล้วก็เป็นคนที่น่ารักน่าคบที
      เดียว และ เป็นที่ชื่นชอบของสาวหลายๆคน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่สนใจเลยซักนิด
      และรวมๆแล้วก็เป็นคนที่เดายากจริงๆ อาจจะยากกว่าอลิซซะอีก แต่จริงๆแล้วก็
      เดาได้ยากทั้งกลุ่ม เพราะไม่รู้ว่าที่เห็นนั้นใช่รึเปล่า

      “ เลิกได้แล้ว รีบไปเถอะ อีก 5 นาทีเอง เดี๋ยวไม่ทัน ” วีนบอกและเมื่อทุกคน
      เดินไปขึ้นรถกันหมดแล้วอลิซก็พูดขึ้นว่า

      “ เอ่อ ฉันขอลองเวทย์บทใหม่ที่พึ่งดูมาจากหนังสืออีกเล่มในนั้นก่อนนะ ทุกคน
      หลับตา ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น รับลองว่าไม่มีอันตราย…ถึงชีวิต ”อลิซพูดคำท้ายด้วย
      เสียงแผ่วเบา แต่วีนที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ยินก็ร้อง ( ตามหน้าที่หน่วยเตือนประจำ )
      ว่า

      “ รัดเข็มขัดนิรภัยเร็ว!!!! ” หลังจากวีนพูดทุกคนทำตามเสร็จ อลิซก็เอาไม้
      กายสิทธิ์สีชมพู ( ไม้
      กายสิทธิ์อันที่หนึ่ง หรือ ไม้กายสิทธ์ที่มาตอนเกิด ) แล้วร่ายว่า

      “ เพื่อความสะดวก เพื่อความรวดเร็ว เพื่อประหยัดเวลา เพื่อการลองค้นพบ เพื่อ
      ประสบการณ์ ขอให้รถติดกันในบัดดล และ ไปได้จากแรงของอีกคัน เพื่อจุด
      ประสงค์อันแกล้วกล้า ทั้งห้าประการ ขอเทพ ภูติแห่งสิ่งของ และ เจ้าแห่งลม
      บันดาลให้สำฤทธิ์ผล ณ บัดนี้ ”

      หลังคำร่ายบท ( ที่เจ้าตัวว่า ) ง่ายๆที่ร่ายยาวเกือบ 3 บรรทัดที่อลิซอุตส่าห์จำมา
      เพราะขี้เกียจยืมหนังสือ เพราะทั้งเล่ม มีน่าสนใจ ( และน่าสนุก ในความคิดของ
      เธอ ) อยู่บทเดียว แต่การร่ายครั้งนี้ อาจทำให้เพื่อนๆจำได้ไม่มีวันลืม

      หลังร่ายคำง่ายๆ แต่ต้องใช้ทักษะเวทย์ที่ซับซ้อน ( ไม่มาก ) จบรถทั้ง 2 คนก็ติด
      กัน ดูเหมือนทุกคนจะ
      ไม่กล้าเปิดตาขึ้นดู ( หรือ ไม่อยากรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ) ทำให้อะไรๆสะดวกขึ้น อลิ
      ซไปนั่งที่คนขับ รถ
      ของทางเอ๊ด ติดกับของอลิซเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเป็นผู้ขับคนเดียว

      และ ดูเหมือนเอ๊ดจะรู้ดีจึงไม่เปิดตา
      ขึ้นดูเหมือนคนอื่นๆ รถพุ่งไปข้างหน้าพร้อมๆกับกระชากใจคนนั่ง และเหมือน
      กับนัดกัน ทุกคนเปิด
      ตาโพลง และ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และ แรงอำนาจจากเจ้าแห่งลม เพียงพริบตารถก็
      มาอยู่หน้าอาคาร
      ที่พัก ปี 3 แล้วก่อนที่ทุกคนจะพุดอะไร อลิซก็ร่ายกลับให้รถเป็นเหมือนเดิม

      “ ไม่เป็นอันตราย ไม่เป็นอันตราย โอ๊ย!!!!!! ฉันจะบ้าตาย เธอไปเอาความคิดนี้
      มาจากไหนเนี่ย อลิซ ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าจะทำอะไรให้ปรึกษาบ้าง ยัยตัวยุ่ง ”
      คนเพียงคนเดียวในกลุ่มที่เรียกอลิซว่ายัยตัวยุ่งพูดขึ้น ซึ่งนั่นจะเป็นใครไม่ได้
      นอกจากสุภาพบุรุษของเธอ เอ๊ดนั่นเอง

      “ ก็เอ่อ แค่อยากลองเล่นๆ เราก้มาทันเวลานี่ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงแล้ว อย่าโกรธ
      กันน่านะ…. โอ๊ย! ทำไมง้อยากอย่างนี้เนี่ย ไม่เล่นแล้วนะ ไม้ยกโทษให้ก็ไม่ยุ่ง
      แล้ว โกรธแล้วด้วย ล้อเล่นแค่นี้ก็ไม่ได้ ” จากคนที่ต้องง้อ กลายมาเป็นคนที่งอน
      แทน แม้จะดูเข้มแข็ง เก่งกาจ แต่เด็กก็คือเด็ก เด็กอายุแค่เจ็ดขวบอย่างอลิซ ก็
      เลยโผล่นิสัยเด็กมาให้หัวเราะเล่นในความเป็นเด็กที่น้อยครั้งจะเห็น เป็นบาง
      ครั้งบางคราว และจากฝ่ายที่ต้องถูกง้อก็ต้องมาง้อแทน เพราะความสามารถ
      พิเศษของ ยัยตัวยุ่ง ของบางคน

      “ เอาเป็นว่ายกโทษให้ก็แล้วกัน จริงๆเลยนะ เธอเนี่ยอลิซ ”วีนพูดอย่างใจอ่อน
      “ โอเค ” เซียและแคตพูดพร้อมกัน
      “ แล้วหนุ่มๆล่ะคะ ไม่ยกโทษให้เหรอ ” อลิซพูดหยอกๆอย่างรู้คำตอบอยู่แก่ใจ
      พวกนี้ใจอ่อนอยู่แล้ว “ ครับผม ” 3 คนตอบ เหลือแต่เพียงคุณสุภาพบุรุษเพียงผู้
      เดียวที่เรื่องมาก

      “ ไม่ ” เอ๊ดตอบก่อนที่จะเสริมว่า “ ไม่ปฏิเสธครับ ” คำพูดคำท้ายมาทันก่อนที่จะ
      โดนหาว่าเรื่องมากจากคนรอบข้าง
      “ ขอบคุณค่ะที่ทุกคนยกโทษให้ เข้าไปข้างในกันเถอะ ” อลิซพูดอย่างร่าเริง

      สำหรับกลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะยกโทษให้กันง่ายๆในกลุ่ม โดยเฉพาะกับคน
      ที่ชอบหาเรื่องมาฝึกหัวใจให้เข้มแข็ง ( ใครไม่แข็งพอคงหัวใจวายได้จองหลุมกัน
      พอดี )

      เจ้าตัวมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้มากอย่างเหลือเชื่อ ทำให้ตัวเองไม่ผิดก็
      ง่ายนิดเดียว จึงไม่มีใคร
      โกรธ หรือ เกลียดเธอ ด้วยความน่ารักส่วนตัว ทั้งโรงเรียนคงมีแต่ คีย์คนเดียว
      เท่านั้นที่เป็นปริศนาว่า
      ทำไมถึงไม่ชอบหน้ากันขนาดนี้ ซึ่งอีกไม่นาน ( น้อย ) เรื่องนี้คงจะกระจ่างท่าม
      กลางความสงสัยของ
      ทุกคน

      กว่าจะถึงวันนั้น คงรบกันอีกนาน และ จะกระจ่างได้ต่อเมื่ออลิซได้ความทรงจำ
      กลับคืนมา
      เพราะ คีย์ไม่ยอมปริปากเรื่องนี้ และ กว่าจะถึงวันนั้น คงผ่านเหตุการณ์ที่จำเป็น
      จริงๆถึงต้องรับความ
      ทรงจำที่ทั้งแสนสุข แสนเศร้า แสนดี และ แสนเจ็บปวด มาสู่ความทรงจำอีกครั้ง

      เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จทุกคนก็ขึ้นห้องเครียมรับกับศึกหนักที่จะ
      เจอในวันรุ่งขึ้น คงไม่หนักเท่าไหร่สำหรับคนที่ตั้งใจจริง

      เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ วันแรกของการเปิดเทอม และ เปิดด้วยนิมิตร
      หมายอันดีของอลิซ
      เพราะ เปิดตัวด้วยคณิตศาสตร์ วิชาที่เจ้าตัวชอบ และ ถนัดที่สุด ( ชอบพอๆกับ
      ภาษา )
      แล้ววันแรกก็เริ่มขึ้น ด้วยความเบิกบานใจของหลายๆคน

      --------------------------------------------------------------------------------------------------

      บทที่ 5 น้ำยาเทพพยากรณ์

      เช้าวันจันทร์นี้มีวิชาสังคม วันนี้จึงต้องแต่งตามแบบฟอร์มที่โรงเรียนจัด
      ให้ คือ นักเรียนชาย ใส่
      เสื้อสีขาวมีปกตั้งสูงเกือบติดคอ เสื้อเป็นแขนยาวสีขาว ด้านซ้ายมีปักดาวสีฟ้าตาม
      ชั้นปี เช่น ปี 3 ปัก 3
      ดาว กางเกงเป็นสีขาวทรงตรง ชุดนี้ทำให้คนแต่งดูมาดมั่นและดูดีขึ้นเยอะ เสีย
      อย่างเดียวที่มันอึดอัด
      ไปหน่อย

      ส่วนนักเรียนหญิงแต่งชุดกระโปรงเรียบยาวสีขาว ผ้าคาดเอวสีฟ้า โบว์ที่คอสีฟ้า
      เป็นแบบ
      แขนยาว ปักดาวที่แขนเสื้อที่เป็นสีฟ้า สีเดียวกับโบว์ และชายกระโปรง และลูก
      ไม้ที่ประดับชุด ดู
      เหมือนชุดคุณหนูใส่แล้วดูก็น่ารักดี แต่ก็โปร่งกว่าของฝ่ายชายตรงที่มันไม่ไปปิด
      แถวคอ ชุดสังคม แต่
      ละคาบจะต่างกัน อาทิตย์นึงจะได้เรียนสองคาบ สอนโดยครูคนเดียวกัน แต่คน
      ละเรื่อง ชุดจึงต่างกัน

      และสำหรับคนผมยาว ชุดในวันจันทร์นี้ให้ทำผมแบบปล่อยยาว อาจถักเปีย
      เล็กๆ แบบที่อลิซทำบ่อยๆ
      หรือยังไงก็ได้สำหรับคนผมยาว แต่ให้ดูเป็นแบบปล่อย ซึ่งส่วนมากจะถักเปีย 2
      ข้างไม่ใหญ่นักแล้ว
      มามัดกันตรงกลาง ให้ผมไม่ปิดหน้าตา และ ปล่อยผมตรงกลางตามระเบียบที่
      กำหนดไว้ ซึ่งอลิซก็ทำ
      แบบนั้น

      ในห้องนอนของอลิซ เธอจะตั้งกระจกใหญ่ไว้ในห้องนอน เพื่อไม่ให้ใคร
      เห็นกระจกบานนี้และ
      รู้ความลับเข้า เพราะกระจกบานนี้ เป็นที่อยู่ของภูติกระจกที่ชื่อ เอมิลี่ ซึ่งเป็นภูติ
      ตนเดียวที่ติดต่อกับปู่
      ทวดของเธอได้ เพราะ เอมิลี่เป็นภูติที่ปู่ทวดสร้างขึ้นก่อนสิ้นใจ และเป็นภูติตน
      เดียวที่ปู่ทวดสร้างขึ้น
      หลังจากสิ้นใจ ด้วยพันธสัญญาสามข้อที่อลิซได้ใช้มนต์โบราณในหนังสือเล่ม
      หนึ่ง ( ซึ่งอยู่ในความ
      ทรงจำตอนสี่ขวบ อลิซเลยจำไม่ได้ว่าเอาไว้ไหน ) ซึ่งอลิซได้ใช้เวทมนต์นี้รักษา
      วิญญาณของปู่เอาไว้
      โดยทั่วไปสามารถรักษาวิญญาณไว้ได้ในกระจกโดยไม่ต้องใช้พันธสัญญาสาม
      ข้อซึ่งเป็นมนต์ที่
      สาบสูญไปนาน

      แต่เนื่องจากปู่ทวดของเธอตายเพราะยาพิษที่มีฤทธิ์สลายวิญญาณ เป็นยาพิษที่
      ไม่พบ
      มาก่อน เนื่องจากอลิซไม่อยากเสียปู่ไปจึงใช้พันธสัญญาสามข้อ ซึ่ง คนที่ใช้ต้อง
      รักษาสัญญาที่คนที่
      จะกลายเป็นวิญญาณให้ไว้ ถ้าถูกทำลายทั้งสามข้อ วิญญาณของผู้ให้จะหายไป ซึ่ง
      พันธสัญญาของ
      อลิซสามข้อ ตามที่ปู่พูด ( หลังจากที่อลิซแลกความทรงจำ ป้ามอนต้าเล่าให้ฟังเรื่อง
      ปู่ เธอจึงให้เอมิลี่
      ติดต่อปู่ และ เล่าพันธสัญญาสามข้อให้ฟัง ) ว่า

      “ น้ำตาเป็นเครื่องหมายของคนอ่อนแอ ปู่ทวดอยากให้หลานเข้มแข็ง ข้อแรกปู่
      ขอให้หลานอย่าร้องไห้อีก ข้อสองเพื่อน เป็นคนสำคัญในชีวิต โดยเฉพาะ เพื่อน
      สนิท หรือ เพื่อนคนสำคัญ ข้อสอง อย่าหักหลังเพื่อนคนสำคัญของหลาน และข้อ
      สาม ปู่กำลังจะตายเพราะยาพิษ หลานจะต้องไม่เป็นแบบปู่ทวด เพราะฉะนั้น ข้อ
      สาม ห้ามตายด้วยยาพิษ ” หลังจากปู่ทวดของเธอพูดข้อสาม ( ซึ่งเป็นข้อที่ฉลาดที่
      สุด เพราะ ปู่ทวดรู้ดีว่า ยาพิษทำอะไรอลิซไม่ได้ถ้าเธอไม่ตอบรับเอง ซึ่งข้อนี้
      รักษาได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าข้อแรก แต่อลิซก็ปฏิบัติตามทุกข้อ ) ก็สิ้นใจ

      เอมิลี่มีความสามารถนอกเหนือจากภูติบางตน คือ เธอสามารถออกมาจากกระจก
      ได้ในร่างของคน แต่
      ไม่เกิน 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ามาก แต่ปู่ทวดของอลิซผู้เป็นคนสร้างไม่สามารถทำได้
      เพราะ ทำได้แค่รักษา
      วิญญาณไว้

      ในโรงเรียนจะมีร้านเสริมสวยร้านหนึ่งซึ่งเปิดตั้งแต่ตีสี่ นักเรียนหญิงส่วน
      มาจะไปทำผมตอนเช้า
      ไม่ก็ให้เพื่อนร่วมห้อง หรือ ข้างห้องทำให้ แต่สำหรับห้องของอลิซ มีชั่งทำผม
      ประจำ ซึ่งก็คือ เอมิลี่
      ทำได้ดีและแป๊บเดียวก็เสร็จ ฝีมือการทำของเธอพอๆกับมอนต้า เพียงแต่เร็ว
      กว่า และ ไม่เสียเวลาเลือก
      นาน บางวัน ถ้ารีบมากๆอลิซจะเรียกป้ามอนต้ามาช่วย หรือ เรียกคนอื่นๆมา
      ช่วย จากในวัง เพราะ เรา
      สามารถผ่านกระจกมาได้ ซึ่งถ้าอยู่ในเมืองกระจก ผ่านมาจากในเมืองจะไม่เป็น
      อะไร แต่ถ้าจะกลับเข้า
      เมืองต้องผ่านด่านตรวจ และ ถ้าเป็นคนต่างเมือง ต้องผ่านด่านทดสอบ แม้แต่
      การที่คนเมืองกระจกพา
      คนอื่นเข้ามาก็ต้องผ่านการทดสอบไปพร้อมๆกันด้วย สำหรับชาวเมืองกระจก
      การผ่านถือเป็นสิ่ง
      ธรรมดา แต่สำหรับเมืองอื่น ผ่านด่านไปได้ถือเป็นโชคอันประเสริฐ คนใน
      เมืองกระจกบางคนจึงไม่
      เคยเจอด่านต่างๆ

      หรือ บางคนอยากทดสอบฝีมือเล่นก็ใช้วิธีขอผ่านด่านทดสอบ อลิเซีย และ แคร์ตี้
      ไม่
      เคยเจอด่านพวกนี้มาก่อน แต่อลิซเคย และ เธอก็เคยคุยกับสัตว์บางชนิดใน
      นั้น เป็นการฝึกกับโรสใน
      ช่วงเวลาว่าง และในเช้าวันแรกนี้ ป้ามอนต้าก็พาพี่เลี้ยง ( นางกำนัล แต่มัก
      เรียกว่า พี่เลี้ยง )
      มาด้วย 2 คน

      และหลังจากเราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จป้ามอนต้าก็ทำผมให้อลิซ เอมิลี่ทำผมให้วีน
      พี่เลี้ยงที่
      ชื่อเลล่า ทำผมให้เซีย และ อีกคน พี่ลินดา ทำผมให้แคต เสร็จแล้วป้ามอนต้า
      และพี่เลี้ยงอีก 2 คนก็
      กลับไป อลิซเลือกให้พี่เลี้ยงหรือเอมิลี่มาทำให้ เพราะ ไม่อยากไปเบียดในร้าน
      เสริมสวยของโรงเรียน
      ที่แม้จะกว้างขวางมาก แต่เล็กและแคบไปถนัดเมื่อมีนักเรียนหญิงแห่ไปทำผม
      เมื่อเสร็จแล้วทุกคนก็
      เตรียมอุปกรณ์การเรียนของปีนี้ก็คือพวกของใช้ในการเรียน แต่ไม่มีหนังสือ
      เพราะ จะอยู่ที่ที่ใส่ของ
      ใต้โต๊ะของแต่ละคนและ อยู่ในล็อกเกอร์ที่อยู่หลังห้องเรียน ซึ่งทางโรงเรียนได้
      จัดไว้ให้

      เมื่อจัดใส่กระเป๋าถือประจำโรงเรียนแล้วทั้งหมดก็ลงไปที่ห้องอาหาร และเดินไป
      ประจำโต๊ะ หลังจากนั้นก็วางกระเป๋าไว้ข้างๆโต๊ะ

      “ อรุณสวัสดิ์ ” ทุกคนเอ่ยทักทายกัน
      “ อ้าว นี่เราเป็นนักเรียนกลุ่มแรกที่มีคนนั่งครบใช่มั๊ยเนี่ย ” เซียถามขึ้นพลาง
      มองไปรอบๆ
      “ ก็คนอื่นๆเค้าทำผมกันที่ร้านนี่นา นักเรียนชายเลยนั่งครบส่วนนักเรียนหญิง
      ยังไม่มา น่าสงสารคนนั่งรอจัง ” แคตตอบและแสดงความคิดเห็น

      กฏของการรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นการเสริมมารยาท คือ เมื่อนักเรียนทุกคน
      ในโต๊ะนั้นมาครบจึงรับประทานอาหารได้ ยกเว้นว่าไม่ลงมาเพราะเหตุผล
      บางอย่างซึ่งต้องมีคนแจ้งให้ทราบ
      “ งั้นเราก็รีบทานกันดีกว่า จะได้ไปถึงห้องเรียนเร็วๆ และ มีเวลาว่าง ” อลิซพูด
      “ ไม่เห็นต้องรีบเลย มีเวลาว่างก็ได้แค่นั่งรอ จะรีบไปทำไมกัน ” เอ๊ดพูด
      “ ก็จริง แต่ฉันอยากมีเวลาศึกษาอะไรบางอย่างในหนังสือบทร่ายที่ว่าด้วยเวท
      มนต์ เพราะเมื่อวานไม่มีเวลา ต้องจัดของแล้วก็เตรียมตัว ” อลิซบอก
      “ เธอจัดของเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ ” เอ๊ดถาม
      “ ก็ใช่ แต่ลืมวางระบบต่างๆที่เชื่อมต่อกับสถานที่ต่างๆในโรงเรียนจากกระจก ก็
      เลยต้องใช้เวลา แล้วก็ระบบอื่นๆอีก ” อลิซบอก
      “ เอ่อ…อลิซ ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ ว่าจะถามตั้งนานแล้วว่าวันที่เรามาตอนเธอขับรถ
      มาสนามบิน เธอบอกกับคนขับ และบอกกับเรา ว่ามีใบรับรองขับรถพิเศษ
      สามารถขับลอยฟ้าได้ โดยได้รับการรับรองแล้วแต่…ใครกันที่รับรอง ปกติขับรถ
      ธรรมดาของชาวสเปชก็ 15 ปี ขับรถลอยฟ้าก็ 16 ปี ถึงเมืองกระจกจะเร็วกว่าเมือง
      อื่นๆแต่เร็วกว่าตั้ง 5 ปี มันเป็นไปไม่ได้หรอก ” เดรโกพูด

      “ ก็จริงอย่างที่เธอพูด เมืองกระจกขับรถธรรมดาอายุ 11 ปี พี่เฟิร์ซก็ไปสอบใบขับ
      ขี่มาแล้ว ขับรถลอย
      ฟ้าก็ประมาณ 13 ปี แต่ความจริง ฉันไม่มีใบขับขี่นั่นหรอก แต่ถ้าไม่พูด เค้าก็ไม่
      ให้ฉันขับน่ะสิ อีก
      อย่าง หลายๆคนคงรับรองให้ฉันได้ว่า ไม่เกิดอันตรายจริงมั๊ย ไม่มีใครเป็นอะไร
      นี่นา ” อลิซพูดอย่าง
      ไม่เดือดร้อนใจอะไร

      “ ฉันว่า ไม่เป็นอะไรทางร่ายกาย แต่ทางจิตใจ ขวัญกระเจิงกระจัดกระจายหมด
      เลย ” ทอมพูด
      หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

      “ เอาเถอะน่า ปลอดภัยแล้วก็ทันเวลาก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ…โอเค เอาเป็นว่าคราว
      หน้าไม่มีแล้ว เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้วนะ ทานต่อค่ะ ” อลิซรีบเสริมประโยคท้าย
      เพราะดูเหมือนว่าเพื่อนๆจะพูดเตือนเรื่องเก่าอีกแล้ว

      หลังจากนั้น 15 นาที นักเรียนหญิงทั้งหมดก็กลับเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร
      ซึ่งเป็นเวลา 8.15 น. ถ้าถึงเวลา 8.50 น. นักเรียนทุกคนต้องไปเข้าแถวหน้า
      ห้อง ร้องเพลงโรงเรียน และท่องกฏเชื้อพระวงศ์ที่ดี 10 ข้อ ( เป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่
      สุด ) เพลงของโรงเรียนส่วนมากจะเป็นเสียงสูงแบบโอเปร่า ต้องใช้พลังเสียง
      มาก แต่อลิซก้พยายามร้องจนเสียงถึงจนได้ เพราะเธอชอบการร้องเพลง

      ขณะนี้ในห้องรับประทานอาหารเต็มไปด้วยเสียงพุดคุยและโอดครวญจากนัก
      เรียนหญิงที่บ่นว่าต้องตื่นแต่เช้าไปทำผม และ บ่นเรื่องต้องรีบเข้านอน

      “ โอ๊ย ถ้าเปิดเทอมฉันต้องตายแน่ๆเลย ไหนจะการบ้าน แล้วต้องรีบเข้านอน
      ตอนเช้าต้องตื่นแต่เช้าไปรอต่อคิวคนอื่นที่ร้านอีก นี่ถ้าการบ้านเยอะ ตื่นเช้ามา
      ฉันไขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าแน่เลย ” นีน
      พูดขึ้นและเน้นเสียงคำว่าหมีแพนด้าพลางหันไปทางคีย์ที่นั่งทางด้านซ้ายมือ

      “ ก็รีบทำการบ้านให้เสร็จแต่หัววันสิ ไม่ก็ให้คนอื่นทำผมให้ แล้วถ้าจะบ่นนักก็
      ไม่ต้องมาเรียน ” คีย์พูดพลางหันไปกินต่อ และ เริ่มบทสนทนากับอัฟอย่างไม่สน
      ใจนีนที่ส่งสายตาอาฆาตมาให้

      “ มิสครูเว่น มิสคัดสรร มิสเตอร์คิวเบิร์ต รับจดหมายด้วย ” บุรุษไปรษณีย์ร้อง
      บอกแล้วอลิซ วีน และ
      เอ๊ดก็เดินไปรับจดหมาย ของอลิซ 19 ฉบับ วีน 18 ฉบับ และ เอ๊ด 19 ฉบับ ดูทั้ง
      สามคนจะไม่ได้ตกใจ
      เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ โดยเฉพาะคีย์ที่ส่งสายตาอิจฉามาให้อลิซ และ วีน

      “ จดหมายใครบ้างน๊า ” เซียแซวขึ้น “ อย่ารู้เลย ” วีนพูด “ ไม่ยักกะรู้ว่าเอ๊ด
      ก็เป็นแบบสองคนนี้ นี่คงมีล็อกเกอร์เก็บจดหมายเหมือนกันล่ะสิ ” คราวนี้มาจาก
      แคตที่พูดขึ้น

      “ มีน้อยกว่าสองคนนั้นแล้วกัน ” เอ๊ดพูด “ เลือกเก็บของบางคนแล้วก็บางฉบับ
      น่ะสิ ” อลิซพูดอย่างรู้
      ทัน “ ก็คงงั้น ” เอ๊ดพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ แล้วมีใครบ้าง พอจะบอกได้มั๊ย ” อลิ
      ซแกล้งถามเล่นๆอย่างไม่หวังคำตอบ

      “ ถ้าอยากรู้ก็เข้าไปดูในห้องฉันสิ อนุญาตเป็นพิเศษ เธอก็รู้ นักเรียนหญิงมา
      ห้องนักเรียนชายได้โดยไม่ต้องขอ ” เอ๊ดประชดกึ่งยั่ว

      “ ไม่เป็นไรเกรงใจ อีกอย่าง ฉันคิดว่าฉันคงไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น ” อลิซพูด

      “ อลิซ ฉันจะบอกให้ จดหมายที่เธอเขียนถึงเค้าตอนสี่ขวบก็ยังอยู่ในล็อกเกอร์ที่
      1 เค้ายัง… ” และก่อนที่ทอมจะพูดจบเค้าก็โดนเอ๊ดส่งมือข้ามเดรโกที่ก้มหัวหลบ
      มาปิดปาก

      “ มิน่าล่ะ ไม่อยากให้ถาม และก็พึ่งรู้นะว่าอลิซได้ล็อกเกอร์หมายเลขหนึ่ง แล้วก็
      พึ่งรู้ว่า… ” แล้วก่อน
      ที่เซียจะพูดจบก็โดนอลิซ ( ที่หน้าเริ่มแดง ) เอามือข้ามมาปิดปากเช่นเดียวกับที่
      ทอมโดน แล้ววีนก็ก้มหลบอย่างไม่คิดจะขัดเหมือนกับเดรโก

      “ อลิซ เคน เอามือออกเถอะ เค้าสองคนคงไม่พูดแล้วล่ะ ” แคตพูดขึ้นทำให้อลิ
      ซและเอ๊ดที่อยากจะเลื่อนมือจากปิดปากลงมาบีบคอแทน เอามืออก

      “ โอ๊ย !! แค่ล้อเล่นแค่นี้จะอะไรนักหนานะเคน แค่เปิดเผยนิดหน่อยทำเป็น…
      เอาเป็นว่าไม่บอกแล้ว อลิซถ้าอยากรู้คราวหน้าไปดูเองเลยนะ เคนเค้าอนุญาต
      อยู่แล้ว ” ทอมพูด แล้วทั้งเอ๊ดและอลิซก็ปลงอนิจจังว่าติดมาจากเซียมากแน่ๆ
      เลย พูดไม่คิดเหมือนกันทั้งคู่

      “ เงียบๆเถอะ เอาไว้นายชักดิ้นชักงอเมื่อไหร่แล้วฉันจะไปห้องนาย ” อลิซพูด
      เลี่ยงๆ

      “ งั้นฉันชักดิ้นชักงอให้กลางวันนี้เลยดีมั๊ยล่ะ เธอจะได้ไปดูล็อกเกอร์หนึ่งกับ
      ตา ” ทอมพูด และ คราวนี้เอ๊ดก็ยื่นมือหนึ่งไปที่คอเป็นสัญญาณบอกว่า ‘ถ้านาย
      พูดมากกว่านี้ฉันจะบีบคอนาย’

      “ นี่เซีย เธอไม่ต้องแบ่งนิสัยไปให้เค้ามากขนาดนี้ก็ได้นะ แล้วฉันจะขอบคุณ
      มากๆเลย ” อลิซบอก

      “ อ้าว พูดอย่างนี้ก็สวยสิอลิซ ” เซียพูด “ สวยอยู่แล้วขอบคุณ ” อลิซตอบเป็นคำ
      ตอบที่ทั้งกวนTeen ทั้งน่าหมั่นไส้ เพราะ เถียงอะไรไม่ได้

      “ ก็ฉันมันชอบพูดความจริงก็งี้แหละ อย่าถือสา ” เซียพูด คนที่ไม่ถือสายื่นมือมา
      ปิดปากโดยอัตโนมัติ
      แต่คราวนี้ยื่นมือมาข้างเดียว

      “ พอๆ พอได้แล้ว ฉันเมื่อยแล้วนะต้องก้มหลบ อลิซ เธอก็มือไวเหลือเกิน ฉันก้ม
      หลบแทบไม่ทันแน่ะ เซีย เธอก็หยุดซะทีสิ เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ทันหรอก ยิ่งกินช้าๆ
      อยู่ ” วีนพูด

      “ ยังไงฉันคงมือไวไม่เท่าพี่เบล ” อลิซพึมพำเบาๆแต่วีนได้ยิน “ ฉันรู้ เรื่องมือ
      ไวคงไม่ต้องเอาไป
      เปรียบกับพี่เบลหรอก แต่เธอพี่น้องก็มีส่วนคล้ายกันจริงๆ ” วีนพูด

      “ ขอบคุณสำหรับคำเปรียบเทียบ เธอก็คล้ายพี่ลีน เหมือนกัน ” อลิซพูด
      พี่ลีน เป็นพี่ของวีน ชื่อจริงคือ วีลีน่า วีนมีพี่สาวคนเดียวซึ่งอายุมากกว่าเธอถึง 5
      ปี ซึ่งก็คือ อายุมากกว่าเฟิร์ซ 1 ปี

      “ ขอบคุณเช่นกัน แล้วกินเสร็จแล้วก็อ่านจดหมายซะ เดี๋ยวจะไม่มีเวลาอ่าน ” วี
      นเตือนอลิซที่ลืมเรื่องจดหมายในมือไปซะสนิท

      “ ขอบใจจ้ะที่เตือน ว่าแต่เธออ่านหมดแล้วหรอตั้ง 18 ฉบับ ” อลิซถามวีน
      “ จะให้อ่านได้ไง ก็มัวแต่หลบมือกับแขนเธอที่ข้ามหัว หน้า แล้วก็หลังฉันไป ” วี
      นพูด

      “ ขอโทษจ้ะ อ่านต่อได้แล้ว ฉันคงไม่ส่งมือไปแล้วถ้าไม่มีคนพูดขึ้นฉันก็ไม่ส่งมือ
      ไปอีก ”
      อลิซพูดแล้วอ่านจดหมายของตัวเอง ฉบับแรกส่งมาจากเมืองกระจกจากพี่เฟิร์ซ

      ถึง…อลิซน้องรัก
      ตอนนี้พี่อยู่ที่เมืองศิลปะ อาร์คทิส กับอาร์ทิสท์ เพื่อนสนิทของพี่ น้องคงรู้จัก
      ดี วันนี้พี่จะโทรมาหา เปิดโทรศัพท์ไว้รอด้วยนะ
      จาก…พี่เฟิร์ซ

      จดหมายค่อนข้างสั้นแต่หลังจากอ่านจดหมายจบอลิซก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเปิด
      โทรศัพท์เมื่อยกโทรศัพท์แล้วขึ้นมาดูให้ถนัดหลังจากเปิดแล้ว มีข้อความ 3 ข้อ
      ความ สายที่ไม่ได้รับอีก 2 สาย
      ที่มีคนโทร และ ส่งข้อความมาหาอลิซน้อย เพราะ เธอไม่บอกเบอร์โทรศัพท์กับ
      ใครง่ายๆ ( ไม่ชอบความวุ่นวาย ) และเวลาเธอโทรหาใคร ก็จะเลือกว่าโชว์เบอร์
      หรือไม่ ซึ่งมักจะบอกว่าไม่ ถึงเธอจะโทรไปก็ไม่ได้เบอร์ของเธออยู่ดี จึงมักเขียน
      จดหมายมาแทน
      หลังจากไล่อ่านข้อความจนหมด และ ลบออกจนหมดก็มีคนโทรเข้ามา อลิ
      ซจึงดูเบอร์แล้วรับสาย

      “ สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่เฟิร์ซ ลิซได้จดหมายแล้วนะ ” อลิซพูด ขึ้น ในครอบครัว
      เธอมักใช้คำแทนว่า ลิซ

      “ แสดงว่าพี่กะเวลาได้แม่นยำเหมือนเดิมสินะ อ้อ ที่พี่โทรมาจะมาอวยพรให้โชค
      ดีในวันแรกของการเปิดเทอม ขอให้โชคดีนะลิซ ” พี่เฟิร์ซพูด

      “ ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ตอนนี้อยู่กับพี่อาร์ท หรือ พี่ออน กันแน่คะ แต่ถ้าลิซเดาไม่ผิด
      ก็คงเป็นพี่ออนใช่มั๊ยคะ ” อลิซพูดอย่างรู้ทัน

      พี่ออน มีชื่อจริงว่า อาทีน่า ฟอเลน เป็นพี่น้องฝาแฝดของพี่อาร์ท อาร์ทิสท์
      ฟอเลน แต่ทั้งคู่หน้าตาไม่เหมือนกัน อาร์ทกับเฟิร์ซสนิทกันมาก ส่วนออน…

      “ รู้แล้วถามทำไมล่ะ เราเนี่ยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะลิซ รู้ทันซะทุกเรื่อง ” เฟิร์ซ
      พูด

      “ ขอบคุณค่ะ ลิซถือว่าเป็นคำชมนะคะ จากประสบการณ์ 7 ปีที่เป็นพี่น้องกัน มี
      หรอคะที่ลิซจะไม่รู้
      ขนาดพี่เบลก็รู้ พี่ไม่มีวันปิดเรามิดอยู่แล้ว ความลับไม่มีในโลกหรอกค่ะ ” อลิ
      ซพูด

      “ โอเคครับ คุณน้องผู้แสนดี แสนประเสริฐ แล้วเคนสบายดีรึเปล่า ” เฟิร์ซถาม

      “ รายนั้นน่ะหรอคะ พี่เคยเห็นเค้าเป็นอะไรรึเปล่าล่ะ สบายดีอยู่แล้วล่ะค่ะจะคุย
      กับเอ๊ดรึเปล่าล่ะคะ นั่งอยู่ตรงข้ามลิซนี่เอง ” อลิซถาม

      “ ก็ดีนะ จะได้ฝากฝังน้องสาวจอมยุ่งให้มีคนดูแล รายนี้ไว้ใจได้ที่สุด ” เฟิร์ซพูด

      “ จะคุยก็คุยไป แต่ไม่ต้องฝากฝังอะไรหรอกนะ ลิซดูแลตัวเองได้ แล้วคงไม่เป็น
      ตัวยุ่งมากนักหรอกนะคะ วางใจได้ คุยกันดีๆล่ะ แล้วไม่ต้องพูดอะไรมากเกิน
      เหตุด้วย ” อลิซพูดดักอย่างรู้ทันว่าพี่ชายจะพูดอะไร

      “ ครับๆคุณน้อง พี่จะพยายาม ” แล้วอลิซก็ส่งมือถือให้เอ๊ด “ เอ๊ด พี่เฟิร์ซเค้าจะ
      พูดด้วย ” อลิซพูดแล้ว
      ส่งมือถือให้เอ๊ด

      ทั้งคู่คุยกันอย่างออกรสในขณะที่อลิซจ้องอย่างไม่วางใจ เอ๊ดและพี่เฟิร์ซเข้ากัน
      ได้ดีเสมอ และเข้าข้างกันเสมออีกต่างหาก และ พี่เฟิร์ซก็ไว้ใจเอ๊ดทุกเรื่อง แต่
      เรื่องฝากน้องสาวให้ดูแลเป็นเรื่องที่อลิซไม่ชอบเลย เธอคิดเสมอว่าเธอดูแลตัว
      เองได้ แต่ก็…ข้อนี้แหละที่บรรดาเพื่อนๆและสองพี่เป็นห่วง

      เมื่อเอ๊ดคุยจบก็ส่งมือถือให้อลิซคุยต่อ “ พี่คะ ลิซหวังว่า…พี่คงไม่ได้ฝากน้องสาว
      ให้เค้าดูแลหรอกนะคะ ลิซดูแลตัวเองได้ ” อลิซพูด

      “ โอ้!! ลิซ พี่เผลอฝากไปแล้ว… แค่นี้นะ โชคดีจ้ะน้องรัก ” เฟิร์ซเสริมอย่างรวด
      เร็วก่อนรีบวางสาย

      “ เดี๋ยวค่ะพี่เฟิร์ซ!! เดี๋ยวสิคะ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน พี่เฟิร์ซ!! ไวอย่างกับปรอท
      แน่ะ ” อลิซบ่น

      “ ถึงได้สมเป็นพี่น้องกับเธอไง ” เอ๊ดพูดขึ้นมา

      “ เรื่องนั้นชั่งเถอะน่า ว่าแต่ พี่เฟิร์ซเค้าไม่ได้ฝากจริงๆใช่มั๊ย พี่เค้าล้อเล่นใช่
      มั๊ย ” อลิซถาม

      “ อ๋อ…เปล่าหรอก เค้าแค่ฝากให้ดูและน้องสาวตัวยุ่งของเค้า ก็แค่นั้นเอง ” เอ๊ด
      บอกกวนๆ

      “ ห๊า …เอาจริงหรือเนี่ย เธอไม่ต้องถือเป็นจริงเป็นจังก็ได้นะ ฉันไม่ใช่ตัวยุ่งอยู่
      แล้ว ฉันดูแลตัวเองได้ไม่ต้องมาดูแลฉันหรอก ” อลิซบอก

      “ พี่เธออุตส่าห์ฝากทั้งที ฉันคงทำให้เค้าผิดหวังไม่ได้ และ ฉันคงไม่ต้องดูแลเธอ
      ถ้าเธอไม่ทำตัวยุ่งยาก ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเธอเองนะ ” เอ๊ดบอก

      “ โอเค ฉันจะพยายาม ” อลิซบอก “ สมเป็นพี่น้องกันจริงๆเลย จะพยายาม
      เฮ้อ! ” เอ๊ดบ่น

      “ ชั่งฉันเถอะน่า รีบๆอ่านจดหมายของเธอไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทันอ่านของเอมี่
      หรอก ” อลิซแซว

      “ ไม่ทันแล้วจะทำไม เธอก็แซวอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวก็ไม่ทันอ่านของพี่เอริก
      หรอก ” เอ๊ดแขวะกลับ

      “ ค่ะๆๆ พี่เอริกเค้ามีเบอร์โทร ถึงจะเขียนมาก็ไม่แปลก อีกอย่างคุณก็รีบอ่านของ
      คุณไปแล้วกัน อ้อ จะให้อ่านให้ฟังก็ได้นะ โดยเฉพาะของเอมี่ ฉันเต็มใจอย่าง
      ยิ่ง ” อลิซพูดพลางทำตาปริบๆอย่างซื่อๆสบกับสายตาของดุๆเอ๊ด

      “ ไม่ต้องหรอก เอมี่เค้าก็มีเบอร์ฉันเหมือนกัน ถึงเค้าจะเขียนก็ชั่ง ว่าแต่…จะให้
      อ่านของพี่เอริกให้ฟังมั๊ยล่ะ ” เอ๊ดพูดสวนกลับ

      “ ไม่จำเป็น ” อลิซตอบแล้วก้มอ่านจดหมายต่อ เอ๊ดก็เช่นกัน ทั้งคู่อ่านจดหมาย
      ท่ามกลางสายตาปลงของเพื่อนร่วมโต๊ะ

      หลังจากอ่านจดหมายจบไม่นานเสียงออดประจำโรงเรียนก็ดังขึ้น เป็นออดบอก
      เวลา 8.50 น.
      “ นักเรียนทุกคนเข้าแถวตามเลขที่หญิงแถว ชายแถว เหมือนตอนมานะจ๊ะ ”
      สิ้นเสียงครูโมนาเทีย
      นักเรียนทุกคนก็เข้าแถวอย่างว่าง่ายแล้วเดนตามครูไปที่ตึกชั้นเรียนปี 3

      เมื่อถึงหน้าชั้นเรียนนักเรียนทุกคนก็เข้าแถวยืนตรงรอสัญญาณออด 8.55 น.
      แล้วร้องเพลงและท่องกฏ 10 ข้อ แล้วก็รอ ออด 9.00 น. และเข้าห้องเรียน

      นักเรียนทุกคนนั่งที่ของตัวเองแล้วเงียบเพราะรู้ว่าไม่ควรลองดีกับครูทุกคน
      ตั้งแต่ชั่วโมงแรก หรือ วันแรกที่เปิดเรียน

      “ สวัสดีค่ะ นักเรียนทุกคน วิชาแรกในวันนี้คือ คณิตศาสตร์ ครูเป็นผู้สอนวิชานี้
      วิชาเดียว ครูชื่อ
      เมทาร่า ฟิวส์ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ก่อนอื่นในวันนี้เราจะมาเช็คชื่อ และทำ
      ความรู้จักกันก่อนนะคะนักเรียน เริ่มจากเลขที่ 1 เอดิสัน คิวเบิร์ตค่ะ เชิญค่ะ ”
      ครูพูดจบแล้วเอ๊ดก็เดินออกไปตามด้วยเลขที่ต่อๆมาจนหมดห้อง

      “ ก่อนอื่นครูก็ต้องขอบอกว่า วิชาคณิตศาสตร์ เป็นวิชาพื้นฐานที่ควรเรียนรู้ใน
      ชีวิตประจำวัน เพราะมันประยุกต์ใช้ได้เกือบทุกวิชา จึงถือว่าสำคัญมาก ในวันนี้
      เราจะทำแบบทดสอบความรู้กันทั้งหมด
      เพื่อทบทวนบทเรียนเก่ากันก่อน แล้วชั่วโมงหน้าวันพฤหัสจะเข้าสู่บทเรียน
      จริงๆ และสำหรับครั้งนี้ เราก็จะถือเป็นคะแนนเก็บส่วนหนึ่งเหมือนกัน มีทั้ง
      หมด 20 ข้อ แบบมีตัวเลือก 10 นาที แบบทดสอบอยู่ในลิ้นชักโต๊ะของทุกคน ลง
      มือทำได้ค่ะ หมดเวลาแล้วครูจะเก็บ ตรวจ แล้วบอกคะแนนในชั่วโมง ลงมือ
      ทำ ” ครูพูดจบนักเรียนก็เอากระดาษทดสอบขึ้นมาทำโดยไม่รีรอ

      ถึงจะเรียนมาแล้ว แต่มันก็ค่อนข้างยาก และ หลังจากนั้น 10 นาที ครูพูดว่า

      “ หมดเวลา ข้อสอบทั้งหมดมานี่ ” ครูโบกไม้กายสิทธิ์กับคำพูดง่ายๆ ข้อสอบทั้ง
      หมดก็ไปอยู่ในมือครู

      “ นักเรียนทุกคนหาอะไรมาอ่านเล่นหรือคุยได้ตามสบาย ครูขอเวลาตรวจ 10
      นาที แล้วหลังจากนั้นก็เงียบ เปิดโทรศัพท์มือถือได้ถ้าต้องการ ครูขอบอกว่า ทุก
      ชั่วโมงครูจะมีเวลาพักให้ เพราะครูรู้ว่าระหว่างเปลี่ยนคาบเช้า พวกเธอคงไม่มี
      เวลาหรอก เพราะฉะนั้นก็ตามสบาย เรียนคือเรียน เล่นคือ เล่น เชิญจ้ะ ” ครู
      พูดจบนักเรียนก็ทำตามทันที
      ต่างคนต่างคิดว่า ชอบครูคนนี้ซะแล้ว รู้ใจนักเรียนดีจริงๆ และ คงไม่มีครูคน
      ไหนใจดีขนาดนี้
      อลิซเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วอ่านข้อความทั้งที่เพิ่มมาและ อันเก่าให้จบแล้วลบ
      ทิ้ง หลังจากนั้นก็โทรหาเอเรียที่อยู่เมืองกระจก

      “ สวัสดีเอเรีย ” อลิซทักทาย

      “ สวัสดีอลิซ ว่าจะโทรไปหาอยู่พอดีเลย แล้วเรียนชั่วโมงแรกมากๆล่ะ ฉันจะได้
      ความรู้ไปด้วย เรียนตั้งใจเผื่อคนอื่นๆด้วยนะจ๊ะ ” เอเรียพูด ความรู้ทางการ
      เรียน อลิซเรียน ร่างอื่นๆอยู่ที่เมือง แต่ก็ได้ความรู้เหมือนกับอลิซ นี่เป็นข้อดีของ
      ร่างที่แยกมา ซึ่งพวกนั้นค่อนข้างชอบ

      “ จ้ะ แล้วคนอื่นเป็นไงบ้าง ” อลิซถาม

      “ ก็สบายดี แยกย้ายไปทำหน้าที่ตามระเบียบ ฉันก็ต้องทำหน้าที่เยี่ยมประชาชน
      แทนเธอเหมือนกันนะเนี่ย อยากไปเรียนบ้างจัง อลิซ ว่างๆให้ฉันเรียนแทนเธอ
      ซักวันสิ น่าสนุก อีกอย่างจะได้คุยกับคนอื่นๆด้วย อ้อ จะได้ฝากเธอกับเอ๊ดด้วย ”
      เอเรีย ไม่วายแซวอีกจนได้

      “ อยากคุยอะไรก็คุยไป ไม่ต้องฝากกับเอ๊ดแล้วล่ะ พี่เฟิร์ซโทรมาฝากตัดหน้าเธอ
      ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ”
      อลิซพูดอย่างเบื่อหน่าย

      “ โอเค ให้คุยกับเอ๊ดหน่อย ” เอเรียพูด แล้วอลิซก็ส่งโทรศัพท์ให้เอ๊ดอย่างเบื่อๆ

      “ เฮ้อ! ทำไมใครๆถึงอยากคุยกับนายนักนะ ” อลิซพูดอย่างหน่ายๆ

      “ ก็ฝากเธออีกน่ะสิ ” เอ๊ดตอบ “ ไม่จำเป็น ” อลิซสวนกลับ

      “ โอเค งั้นเปลี่ยนเป็น ก็คนมันหล่อนิสัยดีก็งี้แหละ โอเคมั๊ย ” เอ๊ดประชดกวนๆ

      “ แหวะ! หล่อตายล่ะ นิสัยก็งั้นๆ ไม่รู้คนชอบลงไปได้ไง เอ้า รีบๆคุยซะ เดี๋ยวคุณ
      เอเรียเค้าจะรอนานเฮ้อ …ฉันโทรไปหาเค้าแท้ๆ ไม่วายใครๆจะคุยกับเธอ
      ทุกที ” อลิซบ่น

      “ เค้าก็คุยกับฉันเรื่องเธอแหละน่า ” เอ๊ดพูด

      “ ค่ะๆๆ อยากคุยคุยไป ” อลิซพูดแล้วหันไปอ่านหนังสือบทร่ายที่ว่าด้วยเวทมนต์
      ต่ออย่างไม่สนใจ

      “ อลิซ อ่านด้วยได้มั๊ย ” วีนถาม “ ได้สิ เธอช่วยคิดหน่อยสิว่า บทไหนน่าสนใจ ”
      อลิซถามความเห็นจากที่ดูสารบัญ

      “ ฉันว่า …อลิซ!!! นี่มัน …บทร่ายสะกด บทร่ายสะกดตอนที่เธอเอามาใช้ร่ายสะกด
      ปีศาจเกรดิส มันสำคัญมาก เธอจำได้รึเปล่าอลิซ เธอจำได้รึเปล่า ” วีนถามอย่าง
      ร้อนรน

      “ ฉันลืมก๊อบข้อมูลความทรงจำเธอ ฉันขอโทษ แต่ทำไมมันสำคัญมากขนาดนั้น
      เชียวเหรอ กับแค่ปีศาจตัวเดียวที่ฉันสะกด ” อลิซถามอย่างไม่เข้าใจในท่าทีของ
      วีน

      “ สำคัญมาก อลิซ สำคัญมากๆ มันเกี่ยวกับตัวเธอ ฉันก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เล่า
      ให้เธอฟัง คือ…ตอนนั้นก่อนปู่ทวดของเธอตาย ประมาณ 1 อาทิตย์ เกรดิสถูกยุ
      จากประชาชนเมืองปีศาจให้อาละวาด ที่จริง เกรดิสเป็นปีศาจที่รักสงบ เป็นราชา
      ปกครองที่นั่น แล้วก็ถูกประชาชนและ เกรเดส น้องชายยุให้อาละวาด ด้วยความ
      จำใจ ก็เลยอาละวาดจนเมืองอื่นๆเดือดร้อน แล้วก็มาอาละวาดเมืองกระจก แต่
      แค่ริมๆเมือง เธอกับปู่ทวดของเธอและฉัน ที่ตอนนั้นไปที่เมืองของเธอ ไปที่ริม
      เมืองและสะกดมันเอาไว้ เธอให้ฉันทำหน้าที่ระวังให้ ส่วนเธอและปู่ก็สะกดมัน
      แล้วมันเป็นปีศาจที่มีฤทธิ์มาก แล้วหลังจากนั้น ลูกน้องของมันก็หาวิธีเอามันออก
      มา แล้ว… ” วีนอ้ำอึ้ง

      “ แล้วอะไรวีน ” อลิซคาดคั้น

      “ แล้วหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ ปู่ทวดของเธอก็ถูกวางยา เพราะลูกน้องของเค้ามัน
      คิดว่าถ้าคนที่สะกดตาย นายของมันจะออกมาได้ แต่ไม่ใช่อย่างนั้น มันมีวิธีแก้
      ซึ่ง มีแต่เธอกับปู่ทวดเท่านั้นที่รู้ ตอนนี้ ปู่ทวดของเธอ จำมันไม่ได้หรอก ฉันว่า
      เพราะปู่ทวดของเธอ จงใจลบมันออกไป แต่เธอแลกเปลี่ยนความทรงจำแล้ว ก็
      เลยจำไม่ได้เหมือนกัน ” วีนพูด

      “ นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งสำหรับหัวข้อที่แลกเปลี่ยนความทรงจำสินะ วีน ฉันลอง
      ถามป้ามอนต้าแล้ว หัวข้อที่เธอรู้มันไม่ใช่หรอกนะ ที่เธอบอกว่าหัวข้อ เวทมนต์ที่
      เป็นประโยชน์ กับข้อแลกเปลี่ยนแสนสุข ที่จริงมันไม่ใช่ มันมีอะไรมากกว่า
      นั้นรู้สึกว่า…เกี่ยวกับ ชะตาอนาคต หรือ ความสำคัญ หรือ อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ ”
      อลิซพูด

      “ คือ อลิซ ฉันรู้ว่ามั่วนิดหน่อย แต่ที่สำคัญที่อยากให้รู้ไว้ก็คือ ก่อนที่มันจะเข้า
      ไป เค้าได้เอ่อสาปเธอเอาไว้ว่า… ” วีนอ้ำอึ้งอีกครั้ง

      “ วีน จะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ ฉันรับได้ทุกอย่างแล้วตอนนี้ ” อลิซพูด

      “ ได้ยินอย่างนั้นฉันก็ดีใจ คือ มันก็ไม่เชิงสาปหรอกนะ เกรดิสพูดว่า…เมื่อ
      อารมณ์โกรธถึงขีดสุดจนนัยน์ตาเป็นสีแดงเพลิง อำนาจมืดแห่งการสะกดที่ยังคง
      อยู่ในกายจงตื่นขึ้น พร้อมจะทำลาย คือ…เอ่อ อลิซ มันมีอำนาจมืดเข้าร่างเธอ
      แล้ว ถ้าเธอควบคุมไม้ได้ก็ เอ่อ…ช่างมันเถอะนะ เกรดิสตอนนั้นมันตกใจและ
      แค้นที่ถูกสะกด แค้นที่ถูกยุจากน้องชาย ก็เลยทำอะไรโง่ๆลงไป มันหวังจะฝาก
      อำนาจให้เธอแก้แค้นให้ก็เท่านั้น คงไม่มีอะไรมากหรอก อลิซ อลิซ!! ” วีนเรียก

      อลิซกำลังคิดถึงร่างหนึ่งในกระจกที่เธอขังไว้
      ร่าง ที่ปู่ทวดที่เป็นวิญญาณในกระจกมักไปคุยเล่น และ เล่นหมากรุกกับร่างนั้น
      บ่อยๆ
      ร่าง ที่เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงขังไว้
      ร่าง ที่กลับตัวเป็นคนดี เธอจึงเปิดกระจกบานนั้นให้เชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ
      แห่งกระจก จะได้คุย ได้เที่ยวในนั้นอย่างมีความสุข
      ร่าง ที่ให้คำแนะนำยามต้องการ
      ร่าง ที่ขอบคุณเธอที่ทำให้เขาค้นพบความสุขกว่าตอนอยู่บนโลกสเปช
      แต่…เขาก็คือร่างที่เธอขังไว้ และตอนนี้เธอก็พึ่งรู้สาเหตุ

      “ เกรดิส เดวิล แห่ง เดวิลัส ” อลิซพึมพำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

      “ ใช่ๆ อลิซ เกรดิส เดวิล แห่งเดวิลัส ตอนนี้เมืองปีศาจ เกรเดส น้องชาย
      ปกครองแทน แล้วก็มีลูกชายสองคน คนแรกพลอสเซอร์ หรือ พลอซ ที่อยู่ห้อง
      สอง กับน้องชายที่ห่างกัน 1 ปี เพลจิดิซ เธอคงจำพลอซได้แน่นอน ก็เห็นกันไม่
      นาน ” วีนพูด

      “ ทำไมเธอพึ่งบอกฉัน วีน ” อลิซถามขึ้น

      “ พึ่งนึกขึ้นได้ ” วีนตอบ

      “ ฉันพึงคุยกับเกรเดสวันก่อนที่จะมานี่เอง เค้าไม่เคยเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ ทำไม
      ทำไมกัน ” อลิซพูด

      “ เค้าคงรู้สึกผิด แล้ว ก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกผิดไปด้วยที่ขังเค้าเอาไว้โดยไม่ถาม
      แต่ มันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ เค้าคงคิดอย่างนี้ เธออย่าคิดมากเลยอลิซ ” วี
      นพูดปลอบ

      “ คืนนี้ ฉันจะคุยกับเขา ถ้าเขาต้องการจะออกมา ฉันก็พร้อมที่จะหาวิธี ฉันเชื่อ
      ว่าเค้าเป็นคนดี ” อลิซพูดขึ้น

      “ อลิซ ประการแรก เค้าไม่ใช่คน ประการที่สอง เค้ากลับตัวจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แค่
      เธอไว้ใจ เปิดกระจกเค้าเชื่อมโลกกระจกก็ดีแล้ว ประการที่สาม เธอจะเอาวิธีที่
      ไหนมาปล่อยนอกซะจากต้องพยายามไปที่เมืองฟอล์คกอต หาวิธีมีปีกแล้วขึ้นไป
      ฝ่าด่านเอาความทรงจำมาให้ได้ และ ประการสุดท้ายนะอลิซ เค้าคงมีความสุขดี
      แล้ว เพราะฉะนั้นเค้าคงไม่อยากออกมาหรอก ” เอ๊ดพูดขึ้น และ ส่งโทรศัพท์มือ
      ถือให้อลิซ ซึ่งเขา คุยกับเอเรียเสร็จ และ เอเรียก็วางสายไปแล้ว

      “ โอเค ฉันชื่อเธอ แต่…ยังไงฉันก็จะคุยกับเค้าและ จะคุยกับปู่ทวด เธอคงไม่ห้าม
      นะ ประการแรก ฉันมาโรงเรียนแล้วต้องแจ้งให้ปู่ทราบ ประการที่สอง ฉันกับ
      เค้าคุยเล่นกันประจำ ประการที่สามฉันจะต้องบอกปู่และเค้าว่าเป็นยังไงบ้าง
      และ ประการสุดท้ายนะ ฉันคิดถึงปู่ทวด แล้วก็อยากเล่นกับเค้า ”
      อลิซพูดแจกแจงเป็นสี่ประการเรียนแบบเอ๊ด

      “ งั้นก็โอเค ” เอ๊ดพูด

      “ หมดเวลาแล้ว ครูขอโทษนะจ๊ะ เกินมาตั้ง 5 นาที มีคนได้เต็มสองคนก็คือ
      มิสเตอร์คิวเบิร์ต และ มิสครูเว่น ปรบมือให้เพื่อนด้วยจ้ะ สำหรับคะแนนของคน
      อื่นเราคงต้องแจ้งชั่วโมงหน้า สวัสดีจ้ะ ”
      ครูพูดแล้วเดินมาที่หน้าห้อง “ ขอบคุณครับ/ค่ะ ” นักเรียนพูดพร้อมกัน

      หลังจากนั้น 5 นาที ครูคนต่อไปก็เดินเข้ามาสอน ภาษา 1 “ สวัสดีครับนักเรียน
      ทุกคน ครูชื่อบลอส
      คิลลิ่ง สอนภาษา 1 ซึ่งก็คือ ภาษาทางการที่ใช้ติดต่อทั่วไป รวมถึงภาษาสากลใน
      โลกของเรา ภาษาอังกฤษนั่นเอง สำหรับชั่วโมงภาษาสอง จะมีให้เลือกเรียน ซึ่ง
      จะชี้แจงทีหลังนะครับ ” ครูพูด

      ครูคนนี้ อายุประมาณ 35 ปี รูปร่างสูง ผิวสีขาว แข็งแรงและดูสุภาพ ดวงตาสี
      น้ำตาล ผมสีน้ำตาลเช่นเดียวกับสีของตา ครูใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเน็คไทด์

      “ สำหรับชั่วโมงแรก ครูคงทำสิ่งที่พวกเธอคงเบื่อกันเหลือเกิน แต่เป็น
      ธรรมเนียมในการทำความรู้จักกัน ครูให้แนะนำตัวกัน และ หลังจากนั้น เราจะ
      เริ่มด้วยวิธี การสอนของครูที่คงชดเชยความเบื่อไปได้หน่อย เชิญเลขที่แรก ”
      ครูพูด แล้วตามด้วยการแนะนำตัวของนักเรียน

      อลิซคิดว่าครูคงจะใจดี แล้วก็สอนดี ดูครูเป็นคนอารมณ์ดีด้วย นี่คงทำให้การ
      เรียนสนุกขึ้น ก็ตามก็ที่พี่
      เฟิร์ซเคยบอก ว่า ปี 3 ครูใจดีเยอะมาก ที่เธอต้องระวัง คือ ครูวิชาสังคมที่คอย
      จ้องเล่นงาน ทั้ง เบล
      และ เฟิร์ซเจอมาแล้ว เธอเป็นป้าของคีย์เป็นญาติห่างๆมากๆของอลิซ และ ไม่มี
      ความเกี่ยวข้องกันทาง
      สายเลือด เธอไม่ค่อยชอบคนตระกูลครูเว่นซักเท่าไหร่ และ เธอก็มักปกป้องคีย์
      หลานรักของเธอเสมอ

      “ เอาล่ะ แนะนำกันจบแล้วครูจะเริ่มวิธีการสอนของครู ครูชอบสอนแบบแทรก
      สาระไว้ในเกมส์ เพื่อความสนุกและเปลี่ยนแนวไปอีกแบบ สำหรับเกมส์วันนี้
      เป็นการประเดิมที่เริ่มแรก คงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่ครูสัญญาว่าจะหามาให้
      เล่นบ่อยๆ และ จะสอน และ อธิบายไปด้วย วันนี้ ครูมีกระดาษแผ่นนึงและครูจะ
      ให้อักษร 1 ตัวต้องช่วยกันหาคำให้ได้มากที่สุด และ คำนั้นจะต้องมีอักษรตัวนี้ใน
      คำ คิดแล้วเขียนลงกระดาษ ง่ายๆ หากเธอคิดดีๆจะได้เยอะมาก สำหรับครั้งนี้
      ห้ามถามเพื่อน ปรึกษากันได้กับคู่ของเธอที่ช่วยกันทำ ครูขอเป็นเลขที่เพื่อความ
      ไม่ยุ่งยาก กระดาษอยู่ที่ลิ้นชักโต๊ะ ครูให้เวลา 15นาที กระดาษไม่พอขอเพิ่มได้ (
      แผ่นเดียวจะเขียนจบรึเปล่ายังไม่รู้เลย -หลายคนคิดในใจ ) ลงมือทำ ”

      ครูพูดจบ นักเรียนก็เปลี่ยนที่นั่งกัน เพื่อให้สะดวกในการช่วยกันคิด เอ๊ดก็เลย
      ย้ายมานั่งแทนที่วีน
      ( เพราะ อลิซไม่ยอมย้ายไปแทนที่ทอม )

      “ ครูคะ ขอกระดาษเพิ่ม 1 แผ่นค่ะ ” อลิซพูดหลังจากเอ๊ดย้ายมานั่งเรียนร้อย
      แล้ว ครูไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร และส่งกระดาษให้หนึ่งแผ่น

      “ ฉลาดดีนี่ นึกว่าต้องบอก ” เอ๊ดพูด “ เขียนแผ่นของเธอไปเถอะ แข่งกัน ถ้าแพ้
      ต้องทำตามข้อตกลงตามจำนวนคำที่แพ้อะไรก็ได้ โอเคมั๊ย ” อลิซถาม

      “ โอเคอยู่แล้ว ทำตามทุกอย่าง ห้ามเบี้ยวนะ ” เอ๊ดพูด

      “ แน่นอน เธอก็เหมือนกัน ” อลิซพูด

      อลิซชอบวิชาภาษามาก เอ๊ดก็เช่นกัน ขณะนี้ทั้งคู่กำลังเร่งเขียนคำที่มีตัว Z เป็น
      ส่วนประกอบของคำ
      ทั้งคู่เร่งเขียนกันอย่างเอาเป็นเอาตายจนคนในห้องบางคนที่คิดไม่ค่อยออกหัน
      มามองแล้วก็เห็นว่าทั้งคู่
      ใช้วิธีที่ฉลาดกว่า คือ แยกกันเขียน จะได้คำเยอะๆ แต่ปัญหาจะอยู่ที่ซ้ำกันซึ่งทั้ง
      คู่ได้แก้ปัญหาไว้แล้ว
      คือ อลิซจะเขียนคำที่มี Z และมี A กับ E นอกนั้นเป็นของเอ๊ด และ ด้วยความที่
      เป็นพจนานุกรมประจำ
      ห้องทั้งคู่ทำให้ไม่เป็นอุปสรรค แต่คนอื่นๆก็คิดว่าใช้วิธีเดิมแหละดีแล้ว ได้น้อย
      กว่าแต่ชัวร์กว่า และ
      อีกอย่าง ไม่ได้เป็นพจนานุกรมแบบสองคนนี้

      ผ่านไป 7 นาที เอ๊ดขอกระดาษเพิ่ม และ หลังจากนั้น 15 วินาที อลิซก็ขอกระดาษ
      เพิ่ม เมื่อหมดเวลา
      เอ๊ด ได้ 4 หน้า อลิซก็ได้ 4 หน้า

      “ ทุกคนนับคำของตัวเอง ” ครูบอก และอลิซกับเอ๊ดก็นับ ปรากฏว่า เอ๊ด ชนะอลิ
      ซไปเพียง 3 คำเท่านั้น ซึ่งทำให้อลิซเจ็บใจมาก

      “ คือ ที่จริงต้องแข่งกันทั้งห้อง แต่มติคงเป็นเอกฉันท์ ว่า…เลขที่ 1 และ 2 ของห้อง
      ชนะ ขาดรอย ทุกคนส่งกระดาษด้วย ครูจะลงคะแนน ปรบมือให้เพื่อนด้วย ” ครู
      พูดจบเพื่อนๆก็ปรบมือด้วยความทึ่ง และ คิดว่า – คิดไว้ไม่ผิด ไอ้สองคนนี้มัน
      เป็นพจนานุกรมจริงๆ

      ขณะนั้นเอ๊ดก็ยิ้มอย่างพอใจและกระซิบที่ข้างหูอลิซว่า “ อย่าลืมสัญญาล่ะ ”

      “ ฉันรักษาสัญญาอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ” อลิซตอบอย่างไม่พอใจหน่อยๆที่แพ้ และ
      คิดว่า ไม่น่าท้าเลย เอ๊ดจะให้เธอทำอะไรล่ะเนี่ย ในขณะที่เอ๊ดส่งยิ้มกวนๆมาให้

      เมื่อจบชั่วโมง นักเรียนทำความเคารพ ( เอ๊ดเป็นหัวหน้าห้อง ในแต่ละชั้นจะมี
      หัวหน้าคนเดียว ) แล้วครูก็เดินออกไป ชั่วโมงต่อไปคือ สังคม ( ชั่วโมงมารร้าย
      อาละวาด – อลิซ เซีย และ แคตคิด )

      ครูเดินเข้ามาในมาดผู้ดี เดินเชิดสง่า ใส่กระโปรงเรียบยาวคล้ายกับกระโปรง
      ของนักเรียน แต่เป็นผ้ามัน เนื้อดี และ วาววับ เป็นชุดกระโปรงคล้ายชุดของนัก
      เรียน แต่สีฟ้า

      “ สวัสดีนักเรียน ครูชื่อ เฮเลน มาร์ช สอนวิชาสังคม วิชาสังคมของเราไม่เหมือน
      พวกมนุษย์โลก วิชานี้จะคล้ายๆ วิชามารยาท เป็นวิชาสอนเรื่องการออกสังคม ซึ่ง
      ครูและ ครูสอนวิชามารยาทจะประสานงานกันเพราะฉะนั้น เราจะไม่เรียนที่
      ห้อง ชั่วโมงแรกเราจะไม่เสียเวลาแนะนำตัว เราจะเริ่มเรียนกันเลย เพราะครุ
      รู้จักชื่อทุกคนแล้ว ( ไปรู้มาจากไหน – นักเรียนคิด ) จากแฟ้มประจำห้อง ( ไม่
      ทราบว่าครูไปอ่านตั้งแต่เมื่อไหร่ – นักเรียนหลายคนอยากจะถาม ) ครูอ่านตอน
      เวลาว่าง เพราะ ก่อนครูสอนทุกห้อง ครูต้องรู้ข้อมูล เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการ
      เรียน ( ครูอ่านใจได้หรอคะ อีกอย่างครูคงว่างมาก – นักเรียนคิดเช่นเคย แต่
      ไม่กล้าพูด ) เข้าแถว แล้วตามครูมา ” ครูบอก

      แล้วนักเรียนก็เข้าแถวตามครูไปครูพามาที่รถของปี 3 ห้อง 1 นักเรียนขึ้นรถ
      ครบแล้วรถก็ออก หลังจากรถขับไปไม่นาน ก็มาจอดอยู่ที่ห้องสังคม ซึ่งกว้างใหญ่
      เหมือนห้องประชุม และ เปิดแอร์เอาไว้

      “ ห้องนี้จะใช้เฉพาะสังคม ส่วนมารยาท จะเรียนที่ห้องอาหารของพวกเธอ ” ครู
      บอก

      “ นักเรียนทุกคนมายืนด้านหน้าเวที ห้องนี้จะจำลองสภาพการออกสังคมจริงๆ ซึ่ง
      เธอจำเป็นต้องเรียนรู้สำหรับอนาคต ชั่วโมงหน้าเราจะจำลองกันจริงๆ ซึ่งจะมีทั้ง
      อาหาร การแสดงจริงๆ ซึ่งเราจะจำลองงานเลี้ยงฉลองรุ่น และ ครูจะประเมินถ้ามี
      ใครทำตัวไม่เหมาะสมหรือ สะดุดกระโปรง หรือ อื่นๆจะหักคะแนน ชั่วโมงหน้า
      เตรียมชุดราตรีให้เรียบร้อย ครูจะยังไม่สอนอะไรมาก
      เพราะ พวกเธอจะต้องเรียน การจับแก้ว หรือ อื่นๆ ในชั่วโมงมารยาท คราวหน้า
      มาถึงให้ไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำข้างอาคาร และ ให้ไวที่สุด ชั่วโมงนี้ บางครั้งครูจะ
      จัดการแสดงเป็นบางเลขที่ ซึ่งจะประเมินด้วยเช่นกัน และ สำหรับตระกูลที่ไม่ยึด
      กฏเกณฑ์ เน้นแต่ความเรียบง่ายเป็นหลัก ต้องปรับปรุงและทำให้ได้ ” ครูพูด

      พลางจงใจหันมาทางอลิซ ( ที่ยืนทำหน้าท้าทายและคิดว่า – ฉันทำได้อยู่แล้ว )

      และหันไปทาง อลิเซีย และ แคร์ตี้
      ( ที่ทำท่าทางร้อนๆหนาวๆและกระซิบกระซาบกัน - “ เราจะรอดชั่วโมงนี้มั๊ย
      เนี่ย ” แคตถาม “ เธออาจจะรอด แต่ฉันจะสะดุดกระโปรงรึเปล่าแคต ” อลิเซีย
      ถามความเห็น “ ก็เลือกชุดที่ไม่ยาวสิ ” แคตตอบ“ เธอก็รู้ ชุดราตรีที่ครูพูดถึงมัน
      คือแบบยาว ไม่งั้นโดนหักคะแนน ยกเว้นการแสดงที่จำเป็น ” เซียบ่น “ งั้นก็
      ช่วยไม่ได้ ลองปรึกษาอลิซดูแล้วกัน ” แคตสรุป )

      “ ชั่วโมงนี้ สบายเป็นพิเศษเพราะเห็นว่าเป็นชั่วโมงแรก ชั่วโมงอื่นเธอคงไม่
      สบายอย่างนี้หรอก ชั่วโมงนี้ ครูให้ปรึกษาเรื่องชุดและ เลขที่ 1 และ 2 ของห้อง
      จัดเตรียมการแสดง เลขที่ 3 และ 4 ด้วย 5 และ6 และ ปิดท้ายด้วย 7 และ 8
      เตรียมการแสดงเป็นคู่ๆ ใน 4 ชุดนี้ อย่างน้อยต้องมีการแสดงที่เป็นดนตรี 1
      ชุด ครูจะดูการเต้นรำด้วย ชั่วโมงนี้ ครูบอกไว้เลยว่า เหมาะกับคนที่ลงชมรม
      เต้นรำ การแสดง ดนตรี และ ร้องเพลง มากๆ นอกนั้นก็เอาตัวรอดเอาเอง นัก
      เรียนต้องมีคู่เต้นรำทุกคนนักเรียนปรึกษากันได้ สำหรับการแสดง จะจับกลุ่ม
      กันแสดงก็ได้ในสี่ชุดนี้ แต่ห้ามแยกหญิงชาย ต้องมีคู่ของตัวเองอยู่ในการแสดง
      เดียวกัน” ครูพูดจบ นักเรียนก็ปรึกษากันโดยไม่รีรอ

      “ อลิซ เราแสดงอะไรดี ” เอ๊ดถาม “ ก็คนนึงร้องเพลงอีกคนเล่นดนตรีแล้วกัน
      ฉันเล่นดนตรีนะ ”
      อลิซบอก “ ไม่เอา ฉันเล่นดนตรีดีกว่า เธอเป็นผู้หญิง เก่งร้องเพลงอยู่แล้วด้วย
      เพราะฉะนั้นเธอร้องเพลง ฉันเล่นเปียโนให้ ” เอ๊ดเสนอพร้อมเหตุผล

      “ ไม่เอา ฉันอยากเล่นเปียโน ” อลิซพูด

      “ ฉันเล่นเปียโน เธอน่ะร้องเพลงไป ” เอ๊ดพูด

      “ ไม่เอา ” อลิซบอก “ ต้องเอา ” เอ๊ดบังคับ

      “ ไม่เอา ” - “ ต้องเอา ” - “ ไม่เอา ” - “ ต้องเอา ” - “ ไม่เอา ” – “ อลิซ ” เอ๊ดพูด
      ขึ้นหลังจากที่เถียงกันท่ามกลางเพื่อนข้างๆที่นั่งรอฟังจุดจบ “ เอ๊ด ฉันอยากเล่น
      เปียโนจริงๆ นะ นะ เอ๊ดนะ ” อลิซอ้อนแบบเด็กๆ “ ไม่ได้ อลิซ ตอนชั่วโมงภาษา
      เธอแพ้พนันฉัน เพราะฉะนั้น ฉันขอให้เธอทำตามฉัน 3 ข้อ ตามสัญญา ” เอ๊ด
      บอกแล้วอลิซก็เงียบ ( ยังอุตส่าห์เอามาใช้บังคับอีกนะ สร้างสรรค์กว่านี้ไม่ได้รึไง
      กัน ต้องเอามาบังคับกันด้วย – อลิซคิด )

      “ เพราะฉะนั้นข้อแรก เธอร้องเพลง ฉันเล่นเปียโน ไม่มีการต่อรอง ” เอ๊ดบอก
      เฉียบขาด

      “ โอเค อะไรกัน แค่นี้ต้องใช้อำนาจกันด้วย ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ” อลิ
      ซบ่น

      “ เธอก็ไม่รู้หน้าที่กุลสตรีเอาซะเลย ” เอ๊ดสวนกลับ

      “ ค่ะๆๆ โอเค เห็นว่าแพ้พนันหรอกนะ ฉันรักษาสัญญาเสมอ ว่าแต่จะให้ร้อง
      เพลงอะไรล่ะ น่าจะตกลงกันไว้ก่อนจะได้ซ้อม ” อลิซถาม

      “ Silent night , Holy night เพลงนี้เธอคงรู้จัก และฉันว่าเธอคงร้องได้ดี โทน
      เสียงเธอร้องได้อยู่แล้ว อีกอย่างฉันก็เล่นเพลงนี้เป็น ” เอ๊ดบอก

      “ เพลงนี้ร้องแล้วจะหลับทุกทีเลย เอาเป็นว่าเธอใช้เดิมพันข้อสองบังคับร้องแล้ว
      กัน ” อลิซเสนอ

      “ โอเค ฉลาดเป็นกรดเชียวนะ ” เอ๊ดพูด “ เธอก็ใจอ่อน เอ้ย! …น่ารักเหมือน
      เดิมเลย ” อลิซรีบแก้

      “ นอกจากฉลาดแล้วยังปากหวานอีก ” เอ๊ดพูด “ ขอบคุณสำหรับคำชมจ้ะ ” อลิ
      ซตอบกลับ

      “ จะซ้อมที่ไหนดีล่ะ ห้องดนตรีคงไม่สะดวกเพราะเราไม่ได้อยู่ชมรมนั้น ชมรม
      ร้องเพลงก็ไม่สะดวกอีก ” เอ๊ดถาม

      “ ที่ห้องฉัน ฉันจะให้ป้ามอนต้าบอกคนขนเปียโนผ่านกระจกมาไว้ในห้องนั่งเล่น
      แล้วกัน ” อลิซตอบ
      “ ดีนะที่ฉันคู่กับเจ้าหญิงเมืองกระจก เป็นเกียรติอย่างสูงครับผม ” เอ๊ดพูดพลาง
      โค้งตัว

      “ เป็นเกียรติอย่างสูงเช่นกันค่ะที่ได้คู่กับเจ้าชายแห่งแอลนิวซิต ” อลิซตอบกลับ
      และย่อเข่า ( จับกระโปรงกางไม่ได้ กระโปรงมันเรียว ไม่งั้นคงทำตามพิธีไป
      แล้ว )

      “ เออ …เป็นเกียรติกันเข้าไป ช่วยกันคิดบ้างสิคะ จะเอาอะไรยังไม่รู้เลย ปวด
      หมอง ” เซียบ่น
      “ เซีย แสดงละครใบ้ดีมั๊ย ” แคตเสนอ
      “ จะบ้าหรอแคต คิดได้ไง แสดงเองสิ ” เซียย้อนกลับ
      “ ไม่เอาหรอก ฉันแสดงไม่เก่ง ” แคตพูดเลี่ยง
      “ เธอสองคนก็เข้ากลุ่มเดียวกันสิ ” อลิซเสนอ
      “ ว่าแต่วีน เธอแสดงอะไร ” อลิซถาม

      “ เต้นรำ ” วีนตอบ “ ถึงฉันจะไม่เก่งเท่าเธอแต่อย่างน้อยก็พอได้ ” วีนเสริม

      “ งั้นเซีย แคต ทอม เช พวกเธอเล่นดนตรีประกอบสิ ” อลิซเสนอ
      “ ดีเลย จะได้ซ้อมด้วยกัน อย่างน้อย สามชุดรวมกันก็ต้อง สามเพลง ไม่มี
      ปัญหา ” เซียตอบ

      “ หวังว่าพวกเธอคงไหวนะ ฉันซ้อมเสร็จจะช่วยซ้อมให้ด้วย ” อลิซบอก
      “ ไหวอยู่แล้ว ขอบใจจ้ะ ” วีนตอบ “ อลิซ ช่วยบอกป้ามอนต้าเรื่องเครื่องดนตรี
      ด้วยนะ ” วีนบอก
      “ โอเคจ้ะ ฉันกับเอ๊ดไปแจ้งครูก่อนนะ จะบอกของพวกเธอด้วย ” อลิซบอกแล้ว
      เดินไปบอกครูพร้อมกับเอ๊ด

      หลังจากเดินกลับมา เซียก็พูดขึ้นว่า
      “ อลิซ ฉันเล่นคีย์บอร์ด ทอมเล่นกลองชุด แคตเล่นไวโอลิน ส่วนเช เล่นแซกโซ
      โฟน ช่วยจัดให้ด้วยนะ แล้วก็โน๊ตเพลงด้วย ”

      “ ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา เธออย่าเล่นผิดคีย์แล้วกันนะเซีย คนอื่นฉันไม่ค่อยห่วง ห่วง
      เธอคนเดียวเรื่องนี้ ”
      อลิซพูด

      “ ไม่ต้องห่วง ยังไงฉันก็ต้องทำได้ ” เซียตอบให้ความเชื่อมั่น และ อลิซก็เชื่อว่า
      เซียต้องทำได้

      “ ว่าแต่ครูบอกว่าเราก็ต้องใส่ชุดราตรีเหมือนกันกับคนอื่น ใส่แบบไหนดีล่ะ
      เรียบๆยาว หรือ พองฟู ”
      อลิซถามความคิดเห็น

      “ ฉันว่า ฉันจะใส่แบบเรียวยาวสีดำล่ะ จะได้ดูสูงขึ้น แล้วก็ขาวขึ้นด้วย ” เซียพูด
      เธอรู้และยอมรับตัวเองดี นี่เป็นข้อดีของเธอ เซียมีสีผิวคล้ำกว่าเพื่อน และ เธอก็
      ตัวเตี้ยและตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม

      “ แต่สำหรับฉัน ฉันจะใส่แบบเรียวเหมือนกัน เข้ากับฉัน แล้ว ก็ไวโอลินด้วย
      เอาสีฟ้าดีกว่าสดใสดี ”
      แคตพูด เธอค่อนข้างผอมกว่าคนอื่นๆ ( ไม่นับเซียที่ตัวเล็กที่สุด ) แต่ก็สูง

      “ ฉันว่า ฉันจะเต้นรำก็จะใส่แบบย้วยนิดๆพริ้วหน่อยๆ แล้วก็ไม่ลากพื้นจะได้
      สะดวก เอาสีเขียวดีกว่า ท่าจะเข้ากับฉันดี ” วีนพูด เธอคงได้รับอนุญาตไม่ใส่
      แบบยาวเพราะ เต้นลีลาศ

      “ เข้ากับเธอหรือเธอชอบกันแน่วีน ” อลิซถาม “ ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ” วีนตอบ

      “ อลิซ แล้วเธอล่ะ จะใส่แบบไหน ” เอ๊ดถาม “ ไหนๆเพื่อนๆเค้าใส่แบบเรียว
      ยาวกับหมด ฉันก็ใส่แบบเรียวยาวแล้วกัน ให้เข้ากับชุดของเอ๊ด ก็ต้องเป็นสี
      ขาว เพราะ สีชมพูคงไม่เหมาะกับงานนี้ ”
      อลิซตอบ

      “ แล้วบรรดาคุณสุภาพบุรุษทั้งหลายล่ะคะ ” อลิซถามกลับ

      “ ก็คงชุดสูท หูกระต่ายดำ แบบทักซิโด้นั่นแหละ คงเลือกแบบพวกเธอไม่ได้
      เลือกได้แต่จะเอาสีอะไรระหว่างดำกับขาว ” เอ๊ดตอบ

      “ ฉันกับเชเอาสีดำ ส่วนนายกับเดรโกคงเอาสีขาว ” ทอมพูด “ งั้นก็ตกลงตาม
      นี้ ” เอ๊ดพูดสรุป

      “ อลิซ เที่ยงนี้เราไปร้านเครื่องประดับกัน ” วีนพูด “ เธอจะไปเลือกให้เข้าชุดใช่
      มั๊ยล่ะ ” อลิซถาม

      “ ใช่ แล้วก็เราจะได้สั่งตัดชุดด้วยเลยไงที่ร้านโครเชส ” วีนตอบ

      “ งั้นก็ตกลงว่าเที่ยงนี้เลยแล้วกัน แต่ฉันจะซื้อเครื่องประดับดีมั๊ยนะ หรือว่าจะ
      ใช้จี้อันนี้เหมือนเดิม ”
      อลิซถามความเห็น

      “ อลิซ เธอถอดไม่ได้ไม่ใช้หรอ ” เอ๊ดถาม
      “ ก็ใช่ แต่การที่จะไม่เปลี่ยนเครื่องประดับเลยมันเป็นไปไม่ได้ ฉันก็สวมที่คอ
      แล้วบอก อะแมนด้าให้ย้ายทั้งสร้อยทั้งจี้ไปอยู่ในเครื่องประดับชิ้นนั้นซักแป๊บ
      นึง ก็ไม่มีปัญหา ” อลิซตอบ

      “ ก็ดี ” เอ๊ดพูด “ ทำไมหรอ ” อลิซถาม “ เป็นความลับ เดี๋ยวก็รู้เอง ” เอ๊ดบอก
      พลางยิ้มนิดๆ

      “ นักเรียนทุกคนขึ้นรถกลับได้แล้ว ” ครูพูดแล้วนักเรียนก็ไปขึ้นรถและรถก้พ
      าไปส่งที่อาคารเรียนและรอรับไปห้องอาหาร เมื่ออยู่ในห้องอาหารทุกคนก็คุยต่อ
      ในขณะที่อลิซเร่งเพื่อนให้กินเร็วๆเพราะไม่อยากไปเบียดกับคนอื่นในร้าน เมื่อ
      กินเสร็จแล้วพวกอลิซและเพื่อนในกลุ่มก็เดินไปที่รถและขับไปยังร้านเป้า
      หมาย ( ด้วยความกลัวคนแน่นอลิซก็เลยขับเร็วแล้วก็ต้องขอโทษเพื่อนเป็นครั้ง
      ที่ร้อย แต่ไม่ปรับปรุงซะทีไอ้เรื่องนี้ ทำเอาเพื่อนเหนื่อยใจ )

      “ มาช้าจัง ” อลิซบ่นกับเอ๊ด “ กลัวเพื่อนหัวใจวาย ” เอ๊ดตอบกลับ ( อย่างที่
      เพื่อนๆเห็นด้วยที่สุด )

      “ ชั่งมันเถอะ คนไม่เยอะ ( หรือแทบไม่มี ) เรามากันเร็ว ก็รีบเข้าไปเถอะ ” วีนบ
      อกทุกคนแล้วเดินนำเข้าไป ( ในขณะที่ขิงกับข่ากำลังเถียงกันอยู่ – อย่างไม่น่า
      เถียงกับเรื่องแค่นี้ )

      “ คู่นี้ หยุดเถียงกันได้แล้ว ถ้าเลือกช้าไม่รอด้วย ” แคตบอกพลางเดินเข้าไป

      “ ฝากไว้ก่อนเถอะ เชอะ ” อลิซพูดแล้วเดินเชิดเข้าไป เอ๊ดก็ได้แต่ละอาใจ เรื่อง
      ไม่น่าเถียงก็เถียงกันอยู่ได้ แล้วยังมีฝากไว้ก่อนอีก เหมือนเด็กจริงๆ - คิดแล้วก็
      เดินตามเข้าไป

      ร้านนี้เป็นร้านเครื่องประดับ ชื่อร้าน จิลลี่ & จูเอล เป็นร้านขายเครื่องประดับ
      ของ มิสจิลลี่ และ
      มิสจูเอล มิวส์ สองคู่แฝดผู้รักความงามเป็นชีวิตจิตใจ และ รู้เรื่องเครื่องประดับ
      ทุกชนิดในร้านเป็นอย่างดี จะแยกทั้งสองออกได้จากสีของตา มิสจิลลี่สีม่วง มิสจู
      เอลสีเขียว

      “ สวัสดีจ้ะเด็กๆ เลือกสำหรับโอกาสไหนจ๊ะ ” มิสจิลลี่เอ่ยทักทายและถาม

      “ สำหรับงานเลี้ยงค่ะ ” วีนตอบ “ มิสจิลลี่คะ เครื่องประดับแบบไหนเหมาะกับชุด
      สีเขียวคะ ” วีนถาม
      ( สำหรับกรเรียก ปรกติควรเรียก มิสมิวส์ ถึงจะถูก แต่ชาวสเปช เป็นพวกใช้
      ภาษาตามใจ บ้างไม่ถูกหลักไวยากรณ์ ในการเรียก มักเป็นชื่อ ที่ต่างจากหลัก
      พจนานุกรม )

      “ ทางด้านโน้นเลยจ้ะ เราแยกหมวดสีด้วย เชิญจ้ะ ” มิสจิลลี่เดินนำวีนไป และ
      เดรโกก็ตามไปด้วย
      คนอื่นๆจึงเลือกไปตามสีที่เหมาะกับชุดตัวเองโดยมีคู่ของตัวเองไปช่วยออกความ
      เห็น สำหรับชุดสีขาว อลิซเลยเลือกเครื่องประดับแบบไหนก็ได้ เธอเลยไปที่
      หมวดแบบรวม

      อลิซเดินไปตามตู้กระจกเรื่อยๆ จนเอ๊ดถามขึ้น “ เลือกได้รึยัง ช่วยเลือกมั๊ย ”

      “ ก็ดี ยังไม่รู้เลยจะเอาแบบไหน ” อลิซพูดแล้วก้มดูต่อ เอ๊ดเหลือบสายตาไปที่ตู้
      กระจกตู้หนึ่งที่มีเครื่องประดับโชว์เพียวชิ้นเดียวเท่านั้น มันเป็นสร้อยสีเงินที่มี
      เพชรอยู่ตรงกลาง แต่เพชรนั้นเป็นเพชรน้ำงาม และขั้วที่ต่อระหว่างสร้อยกับจี้
      เพชร ก็เป็นเพชรอีกเช่นกัน แต่เป็นสีน้ำเงิน ดูแล้วสวยมากและคงหาได้ยาก
      สำหรับเพชรแบบนี้ เพราะ มันไม่เหมือนเพชรทั่วไปที่เคยเจอ มันดูแปลกๆ
      สวย ลึกลับแต่ดูน่าหลงใหลในสายตาของคนทั่วไปที่ได้เจอ ตัวจี้ของมันเป็น
      เพชรเจียระไนเป็นรูปดอกกุหลาบ และ เป็นสีชมพู ตรงส่วนที่ติดกับเพชรสีเงิน
      มีมุกสีขาวอมชมพูอยู่ตรงกลาง แลดูแล้วมันไม่ธรรมดาอย่างที่ควรจะเป็น

      “ อลิซดูนี่สิ ” เอ๊ดพูดพลางจูงมืออลิซที่กำลังดูอยู่มาที่หน้าตู้กระจก

      “ เรียกอย่างเดียวก็ได้ แล้วก็ปล่อยมือได้แล้ว ” อลิซพูดพลางหันไปมองมือเอ๊ดที่
      ยังจับข้อมืออยู่

      “ เอ่อ…ขอโทษ อลิซ ดูเส้นนี้สิ ถูกใจรึเปล่า ” เอ๊ดถามหลังจากที่ปล่อยมือแล้ว

      อลิซตวัดสายตาแล้วหันไปมองตู้กระจกที่มีสร้อยเส้นนั้นโชว์อยู่ เธอเห็นสร้อย
      เส้นนั้นและคิดเช่นเดียวกับเอ๊ดว่ามันสวยมาก แต่ดูลึกลับ แต่ก็ถูกใจ มิสจูเอลม
      องเห็นว่าเธอมองมันอย่างสนใจอยู่ก็เลย
      เดินมาอธิบาย

      “ เส้นนี้ตัวสร้อยเป็นเงินแท้จากเมืองแห่งเครื่องประดับในเมืองแห่งความงาม
      หรือ บิวติ้งสิชเวิต นั่นเอง มุกมาจากโมลาซัสที่เป็นเมืองแห่งเสียงเพลง ส่วน
      เพชรสีน้ำเงินหรือ บลูไดมอนนั่นหามาจากสวนศักดิ์สิทธิ์เมืองไอซิส ( เมืองแห่ง
      น้ำแข็ง ) เป็นสิ่งที่มีราคามาก ทุกอย่างที่มาจากที่นั่นถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ สุด
      ท้ายมาจากทะเลฟรอสตัน ทะเลที่สำคัญ ลึกลับ อันตราย สวยงามและมีมนขลังน่า
      ชมที่สุดของ ฟรอซัสติน ( เมืองแห่งหมอก ) ว่ากันว่า เพชรเม็ดนี้ ได้มาจากก้นบึ้ง
      ลึกที่สุดของทะเล และ เมื่อผู้ที่นำเพชรนำขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี ซึ่งเป็น
      เวลาที่ทะเลนั้นมีหมอกพิษ หลังจากนำเพชรขึ้นมาขายได้ไม่นานก็ตาย ผู้นำขึ้น
      มาอายุแค่ 20 ปีเอง แล้วก็เล่าลือว่าเพชรนี้มีอาถรรพ์ แต่มันสวยมากทีเดียวก็
      เลยมีคนนำมาทำเครื่องประดับ บวกกับเรื่องราวตำนานที่น่าสนใจ ทำให้คนทำมี
      แรงบันดาลใจ แต่ก็มีบางคนที่ถึงเห็นว่ามันสวยแต่กลัวอาถรรพ์ จนถึงบัดนี้ยัง
      ไม่มีใครเป็นเจ้าของมันเลย พอบอกจะเอา แต่ซักพักไม่รู้ทำไมถึงเปลี่ยนใจ ว่า
      กันว่าเป็นเพราะเพชรนี้เลือกเจ้าของ ที่จริงฉันไม่ควรเอามาเล่าหรอกนะ แต่
      เตือนไว้ก่อน จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง อ้อ เพชรนี้ชื่อเฟอร์รีส เป็นชื่อที่ตั้งจากหญิง
      ที่นำเพชรนี้ขึ้นมา ส่วนรูปกุหลาบสีชมพูนั่นเป็นมาตั้งแต่เอาเพชรขึ้นมาแล้ว ที่
      เจียระไนก็แค่ให้ใสขึ้น ว่าแต่…เธอสนใจหรอจ๊ะ อลิซ ” มิสจูเอลถามหลังจากที่
      เล่าประวัติ ( อันยืดยาว ) จบ

      “ ค่ะ มันสวยมากทีเดียว ” อลิซพูด ตาของเธอยังจ้องที่เพชรเม็ดนั้นอยู่

      “ ถ้าสนใจฉันจะลดให้เป็นพิเศษนะจ๊ะ จาก 9 ลิค 14 มิล 9 โกล 12 ซิล เป็น 9 ลิ
      คถ้วนแล้วกันนะจ๊ะ ราคาพิเศษสุดๆเลย สำหรับลูกค้าคนพิเศษจ้ะ ” มิสจูเอลพูด

      อลิซคิดว่า มันแพงกว่าไม้กวาดที่เธอซื้อซะอีก แต่บางอย่างบอกว่าน่าจะซื้อมันมา
      เป็นเจ้าของ และ อีกอย่างมันน่าจะคุ้มเพราะ บลูไดมอนที่มาจากไอซิส มันมาจาก
      สวนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผ่านด่านเมืองได้อย่างสบาย โดยไม่ติองใช้บัตรประจำตัว
      ประจำเมืองกระจกเลย และ แน่นอน มันรวมไปถึงการผ่านด่านได้โดยง่ายของ
      ฟรอซัสตินด้วย เพราะ เพชรฟรอซัสติน เป็นเพชรมีค่า และ คนที่มีเพชรของ
      เมืองยิ่งแพงๆอย่างเพชรอาถรรพ์นี้ด้วยแล้ว ยิ่งผ่านด่านได้โดยง่าย แต่จะเข้า
      ต้องศึกษาสภาพอากาศให้ดี เจอหมอกพิษเข้าก็คงซี้ม่องเท่ง แต่จะยังไงมันก็
      แพงอยู่ดีถึงแม้เงินเก็บจากค่าขนมจะพอซื้อ ( ได้สบายๆ ) ก็เหอะ ต้องคิดให้ดีๆ
      หน่อย เดี๋ยวป้ามอนต้าจะหาว่าฟุ่มเฟือยอย่างที่ป้ามักว่าพี่เบลบ่อยๆ

      อลิซได้ค่าขนมวันละ 1 ลิค ถ้ามีอะไรพิเศษ ทำความดีหรือเรียนดีจะได้เพิ่ม
      พิเศษอีก เบลได้มากกว่าเธอ 4 มิล และ เฟิร์ซได้มากกว่าเบล 4 มิล ค่าขนมจะ
      เพิ่มขึ้นปีละ 2 มิล วีนก็ได้เท่ากัน ส่วนเซียกับแคตได้น้อยกว่าอลิซ 4 มิล พวกอลิ
      ซ ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ เมืองมหาอำนาจจะได้วันละเกิน 1 ลิค ส่วนพวกเชื้อพระ
      วงศ์ที่ขั้นต่ำกว่าจะได้น้อยกว่าเพียงนิดหน่อย แต่ถ้ามีอะไรพิเศษหรืออื่นๆก็ได้
      เพิ่มเหมือนกัน เจ้าหญิง เจ้าชายเมืองอื่นๆก็จะได้น้อยกว่าเมืองมหาอำนาจ ตาม
      ที่เมืองนั้นก็หนด

      “ อลิซ เธอชอบรึเปล่า ” เอ๊ดถาม

      “ ชอบ แต่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาดีรึเปล่า ” อลิซบอก

      “ งั้น มิสจูเอลครับ ผมเอาเส้นนี้ ” เอ๊ดพูดพลางส่งบัตร ( เป็นบัตรเครดิตที่นัก
      เรียนทุกคนมีเพื่อใช้จ่ายในโรงเรียน และ จะมีธนาคารประจำโรงเรียนสำหรับ
      ฝากเงินเพิ่มในบัตร หรือ ในบัญชีด้วย ) ให้เจ้าของร้านซึ่งก็คือ มิสจูเอล

      “ ได้จ้ะ รอแป๊บนึง ” มิสจูเอลบอกแล้วเดินไปที่ตู้หยิบสร้อยออกมา มันทอแสง
      เป็นประกายแล้วดับวูบไป มิสจูเอลเอาสร้อยพร้อมบัตรเดินไปที่หลังร้าน
      แล้วกลับมาพร้อมกับส่งบัตรและ สร้อยให้เอ๊ด

      “ อลิซ ฉันให้ ” เอ๊ดพูดพลางส่งให้

      “ ไม่ได้หรอกเอ๊ด มันแพงมากเลยนะ เอาเป็นว่า… ฉันซื้อต่อแล้วกัน ” อลิซพูด

      “ อลิซ รับไปเถอะ ถือเป็นของขวัญวันเกิดเธอที่ฉันไม่ได้ให้ แล้วก็ชดเชยที่ไม่
      ได้ไปร่วมงานไง ”
      เอ๊ดพูด

      “ ก็ที่เธอไม่ไปเพราะเธอติดธุระจริงๆนี่นา อีกอย่าง มันแพงเกินไปนะ เพราะ
      ฉะนั้นฉันซื้อต่อดีกว่า ”
      อลิซยังยื่นข้อต่อรองเดิม

      “ งั้น…ถือว่าเป็นของขวัญย้อนหลัง ตั้งแต่วันเกิดอายุ 5 ขวบแล้วก็ 6 ขวบของเธอ
      รวมกับปีนี้ด้วยแล้ว กัน หารสามปีมันคงไม่แพงเกินไปหรอกนะ ห้ามปฏิเสธเด็ด
      ขาดด้วย ” เอ๊ดพูดพลางยัดใส่มืออลิซ
      อลิซไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดีก็เลยก้มลงมองกล่องกำมะหยี่สีแดงในมือ ที่มีตัวอักษร
      สีทองอยู่ด้านบนเป็นคำว่า Ferris และที่ขอบขวาล่างสุดเป็นโลโก้ของร้านนี้

      “ อลิซ เลือกเสร็จรึยัง ” วีนที่เดินมาหาถามขึ้น

      “ ก็…เอ่อ…เสร็จแล้ว แล้วเธอล่ะ ” อลิซถาม

      “ ก็เลือกไม่ถูกว่าจะเอาเส้นไหนดี มันมีอยู่สองเส้นที่ถูกใจก็เลยเอามันทั้งสอง
      เส้นเลย รวมแล้วก็แพงเหมือนกันนะ ตั้ง 4 ลิคแน่ะ ” วีนพูดพลางโชว์สร้อยคอสี
      เขียวสองเส้นให้ดู

      “ แล้วเธอไม่เอาอย่างอื่นอีกเหรอ ” อลิซถาม

      “ ก็ว่าจะเอากำไร แต่คิดไปคิดมาฉันก็มีกำไลสีเขียวที่เข้ากับอันนี้ก็เลยไม่เอา
      แล้วเธอล่ะ ” วีนถาม

      “ ฉันมีกำไลอันนึงที่เข้ากับสร้อยเส้นนี้อยู่แล้ว แล้วเซียกับแคตล่ะ เสร็จรึยัง ”
      อลิซถาม
      “ ยังเลือกไม่ได้เลย ไปช่วยพวกนั้นเลือกกันดีกว่านะ ” วีนบอกพลางจูงมืออลิ
      ซไปที่ด้านหนึ่งของร้าน
      และเจอเซียกับแคตที่ยังเลือกอยู่ ส่วนเชกับทอมเดินไปคุยกับเอ๊ดและเดรโกที่
      แถวๆหน้าร้าน

      “ อลิซ สร้อยสองเส้นนี้เดรโกเค้าซื้อให้ล่ะ แล้วของเธอเอ๊ดซื้อให้รึเปล่า ” วีนถาม

      “ ก็…เค้าซื้อให้ ทีแรกฉันว่าจะซื้อเอง ฉันเกรงใจ เพราะว่ามันแพงมาก เค้าก็
      เลยบอกว่าเป็นของขวัญวันเกิดชดเชยนี้ พอฉันบอกว่ามันแพงอยู่ดี เค้าก็เลย
      บอกว่าถือว่าเป็นของขวัญย้อนหลังด้วย ฉันก็เลยไม่รู้ว่าจะเถียงว่าอะไร แล้วเค้า
      ก็เอาใส่มือให้ ” อลิซเล่า

      “ มันราคาเท่าไหร่ ” วีนถาม “ 9 ลิค ” อลิซตอบ

      “ โอ้โห! น่าอิจฉาจัง เปิดให้ดูหน่อยสิ ” เซียที่ละสายตาจากการเลือกหันมาพูด
      ในขณะที่แคร์ตี้ก็หันมามองอย่างสนใจ

      เมื่ออลิซเปิดให้ดูเซียก็ทำตาโตเป็นคนแรก “ มันสวยมากเลย ” แคตพูด

      “ ฉันก็ว่าอย่างนั้น เอ๊ดเค้าเป็นคนเลือกให้ ประวัติมันก็ค่อนข้างยาวทีเดียว แต่
      ว่ามันสวยดีแล้วก็มีประโยชน์ ฉันก็เลยชอบ ” อลิซบอก

      “ ไม่ใช่ชอบเพราะมีคนคนนึงเค้าซื้อให้หรอกหรอ ” วีนแซว
      “ ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย…เซีย แคต เลือกได้รึยัง ” อลิซรีบเปลี่ยนเรื่อง

      “ ฉันเลือกได้แล้วแต่เซียน่ะสิ เรื่องมาก เลือกไม่ได้ซะที ” แคตบ่น
      “ การเลือกมันต้องใช้การตัดสินใจและจิตสัมผัสค่ะ คุณแคร์ตี้ ” เซียบอก
      “ เร็วๆหน่อยแล้วกัน เค้ารอเธอคนเดียวน่ะเนี่ย ” วีนบอก
      “ เซีย เส้นนี้ดีมั๊ย สีดำเข้ากับชุดที่เธอจะเอา แล้วก็สวยดูเหมาะกับเธอดีด้วย ”
      อลิซถามและชี้ให้เซียดู
      มันเป็นสร้อยสีดำที่เป็นคริสตันเม็ดเล็กๆทั้งเส้น ตรงกลางเป็นรูปดาวเป็นสีดำ
      มันเป็นแบบห้อย

      “ ทำไมฉันไม่เห็นแต่แรกนะ ( เพราะเธอตาเซ่อไงถามได้ เสียเวลาเลือกอยู่ได้
      ตั้งนาน – วีนคิดในใจ ) ฉันว่ามันสวยดี เอาเส้นนี้แล้วกัน ” เซียพูดพลางเรียก
      มิสจิลลี่ที่เมื่อยกับการตามสองคนนี้แล้วไปนั่งแทน ให้มาเอาออกจากตู้กระจกให้

      หลังจากจ่ายและได้รับบัตรคืนแล้วทั้งหมดก็เดินออกจากร้าน

      “ ต่อไปก็ร้านโครเชส ” วีนบอกแล้วเดินนำไปที่ร้านแล้วก็เข้าไปในร้านที่ตอนนี้
      มีคนประมาณ 11 คนที่มาเลือกชุดอยู่ข้างใน

      “ สวัสดีจ้ะ มาตัดชุดงานใช่มั๊ย เลือกแบบที่โต๊ะได้เลยนะ ” มาดามฟินซ์บอก
      อลิซและคนอื่นๆที่เดินตามมาก็ไปนั่งล้อมโต๊ะตัวนั้น แล้วหยิบแบบ ( ที่เป็นเล่ม
      เป็นแบบทั้งหมดของร้าน ซึ่งมีขนาดหนามากขึ้นมาแยกหญิง – ชาย มันมีอยู่
      อย่างละ 2 เล่มเลยแบ่งกันดูเป็นคู่ )

      วีนที่มีแบบที่คิดไว้อยู่แล้วก็ขออลิซดูก่อน เธอเปิดอย่างรวดเร็ว ( และชำนาน
      เพราะ คนเมืองแห่งความงามจำเรื่องแบบนี้ได้ขึ้นใจถ้าหากเคยเปิดดูมาแล้วทั้ง
      เล่ม ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่วีนเคยทำ ) แล้วเธอก็เดินไปบอกรหัสของชุดและมาดาม
      ฟินซ์จัดการเรื่องวัดตัว เสร็จเรียบร้อย ( อย่างรวดเร็ว เพราะความสามารถของตู้
      วัดขนาดทุกส่วน ที่มีพิเศษโดยเฉพาะของร้าน มันจะบันทึกและเก็บเป็นไฟล์ไว้
      ในคอมฯข้างๆ พร้อมกับรหัสและรูปแบบชุดของคนนั้น ) แล้วเธอก็เดินกลับมาที่
      โต๊ะ หลังจากนั้น เอ๊ด เช ทอม และ เดรโกก็พร้อมใจกันเดินไปวัดบ้างแล้วเดิน
      กลับมา ในขณะที่ 3 คนที่เหลือยังเลือกไม่ได้

      “ เธอว่าเอาแบบนี้ดีมั๊ย ” แคตถามพลางเอาหนังสือแบบ ( อันหนักอึ้ง ) วางโชว์
      ให้เพื่อนๆดูบนโต๊ะ

      “ ก็สวยดีนะ ถ้าเป็นสีฟ้าอย่างที่เธออยากเอาก็คงสวยดี ที่ตู้วัดตัวมีสีผ้าให้เลือก
      เธอก็กดเลือกเอาก็แล้วกัน ” วีนบอกแล้วแคตก็เดินไป เหลือแต่เซียกับอลิซที่
      ยังเลือกไม่ได้ซักที

      “ ยังเลือกไม่ได้อีกหรอ ” ทอมถามเซีย พลางหันหน้ามาว่าจะช่วยเลือก

      “ ก็ไม่รู้ว่าแบบนี้ดีรึเปล่า ” เซียตอบพลางเอาแบบให้เพื่อนๆดู

      “ ก็สวยดีนะ คล้ายๆกับที่เธอเคยบอกเอาไว้ด้วยนี่ เอาสีดำ แล้วก็เอาแบบเรียว
      แบบนี้ อ้อ! เซีย ไม่เอาลากพื้นนะ ให้แก้แบบใหม่ กดปุ่มแก้แบบแล้วใส่ข้อ
      ความนะ ไม่งั้นเอาแบบยาว เธอสะดุดกระโปรงล้มล่ะขายหน้าเค้าแย่ ” วีนแซว

      “ โอเคๆ ค่ะ ” เซียตอบพลางเดินไปที่ตู้วัดตัวที่สามารถลงความประสงค์ได้
      เหมือนกับสั่งคนตัดเอง ส่วนวิธีตัดที่ทางร้านใช้ เป็นยังไงก็ยังปิดเป็นความลับ
      แต่หลายๆคนเดาว่า คงไฮเทคเหมือนกัน เพราะดูแค่ตู้ก็เวิร์คแล้ว

      “ อลิซ เธอล่ะ ” วีนถาม เพราะตอนนี้ อลิซเป็นคนเดียวที่เลือกไม่ได้ อลิซ ไม่
      ค่อยเก่งเรื่องเลือกเสื้อผ้า ส่วนมาก ป้ามอนต้าจะช่วยตัดสินใจ เพราะถ้าเธอ
      ตัดสินใจจะใช้เวลานานมาก หรือไม่ก็ต้องลองจนกว่าจะถูกใจ แต่การสั่งตัดแบบ
      นี้ อลิซไม่ถนัดเหมือนกับอันอื่นๆอยู่ดี

      “ เธอก็รู้ ฉันเลือกไม่เก่ง อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะ มันไม่ค่อยสำคัญหรอกว่าจะแต่ง
      ชุดอะไร มันก็สวยเหมือนกันหมดนั่นแหล่ะ ช่วยเลือกหน่อยสิ ” อลิซบอกแล้วส่ง
      ให้เพื่อนๆดูหนังสือเพื่อช่วยเลือก

      “ ถ้าจะให้เข้ากับเพชรของเธอ ชุดก็ต้องเป็นสีอ่อน ไม่ขาวก็ชมพู แต่ชมพูก็กลัว
      ครูว่าเอานะ ดูครูไม่ค่อยถูกชะตากับเธอเท่าไหร่ ” เอ๊ดบอก แม้แต่เอ๊ดยังรู้สึก
      ได้ ถึงแม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งตามที่สองพี่ของเธอเคยบอกเรื่องอาจารย์คนนี้
      แต่ตอนนี้เค้าเชื่อ 90% แล้ว

      “ แน่ล่ะ ครูไม่ถูกชะตากับตระกูลครูเว่นอยู่แล้ว เทิดทูนก็แต่แม่หลานสาวคนดี
      ( น้อย ) อย่างคุณคิราร่า เชียร์เลอร์ คนดีของอาจารย์ไงล่ะ พวกเราก็เลยถูกเมิน
      แถมถูกเกลียดหน้าอย่างไร้เหตุผล ” เซียพูดระบายอารมณ์ ไม่เพียงแต่อลิซ อลิ
      เซีย แคร์ตี้ หรือแม้แต่คนอื่นๆในตระกูลครูเว่นก็ถูกพ่วงท้ายอย่างไม่รู้สาเหตุ

      “ ถ้าคีย์ดีได้ซักครึ่งหนึ่งของพี่คีน พี่สาวของเธอ ฉันจะไม่ว่าครูซักคำเลยว่า
      ลำเอียง ” อลิซพูด คีน หรือ คิรีน่า หรือ บางครั้ง ( ซึ่งน้อยมาก ) จะเรียกว่า คิริน
      หรือ คิน ซึ่งใช้เวลาไปเที่ยวโลกมนุษย์ เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบเปิดเผยชื่อ หรือ
      ใช้กับคนแปลกหน้า พี่รีน ต่างกับคีย์ลิบลับราวฟ้ากับเหว

      “ ฉันเห็นด้วย ” แคตพูด “ พอก่อนสำหรับความแค้นส่วนตัวหรือจะส่วนรวม
      ของตระกูลก็ชั่งเถอะนะ แต่ตอนนี้เรารีบช่วยอลิซเลือกชุดดีกว่า ” เอ๊ดพูดพลาง
      เปิดดูต่อ

      “ อลิซ ชุดนี้ดีมั๊ย ” เอ๊ดถามพลางส่งแบบให้ดู มันอยู่หน้าเกือบสุดท้าย คนฉลาด
      อย่างเอ๊ดเลือกเปิดไล่ท้ายเพราะด้านหน้าอลิซเลือกดูแล้ว ถ้าถูกใจเธอก็คงไม่
      เปิดเรื่อยๆอย่างลอยๆอย่างนี้

      ชุดที่เอ๊ดส่งแบบให้ดู ดูแล้วก็น่ารักทีเดียว เป็นสีขาวตามที่ตั้งไว้แบบไม่ต้องบอก
      เครื่องเพิ่มเติม เป็นชุดที่กระโปรงเรียวยาวแนบได้รูป แขนกุด แต่ดูน่ารักดี ดู
      แบบทันสมัยด้วย ถ้าใส่กับสร้อยคงเข้ากัน ถึงแม้จะดูเรียบง่าย แต่มันก็ดูดีที
      เดียว

      “ ตาแหลมแฮะ ” อลิซชม “ ขอบคุณ ว่าแต่ ถูกใจใช่มั๊ย ” เอ๊ดถาม

      “ ใช่ ฉันเอาชุดนี้ล่ะ ” อลิซบอก พลาง รีบเดินไปที่ตู้วัดแล้วทำการวัดและลงรหัส
      พร้อมกับรีบให้บัตรจ่ายเป็นค่าชุดอย่างรวดเร็ว กรณีแรก เพื่อนๆจะได้ไม่รอ
      กรณีที่สอง จะได้ไม่มีใครมาจ่ายให้อีก

      “ รับชุดพรุ่งนี้ ตอนเย็นๆนะจ๊ะ หรือตอนคาบว่างก็ได้ ” มาดามฟินซ์บอกแล้วทั้ง
      หมดก็เดินออกมาจากร้านขึ้นรถกลับอาคาร และ เตรียมไปเรียนคาบบ่าย

      “ คาบบ่ายเรียนอะไรนะ ” ทอมถามหลังจากที่กลับมาแล้ว และ ขณะนี้กำลังอยู่ที่
      ห้องอาหารรวม เพราะถึงแม้จะทานเสร็จก็ต้องนั่งรอเข้าแถวไปพร้อมกัน

      “ วิชาสัตว์วิเศษและสัตว์ทั่วไป ” เซียตอบ เธอสนใจตารางเรียนเสมอ ( แต่
      สนใจเวลาว่างมากกว่า )

      “ ฉันเบื่อวิชานี้ ครั้งแรกโผล่มาก็เอาแค่กระต่ายน่าเบื่อๆมาให้เรียน แล้วไอ้ที่
      ว่าสัตว์วิเศษยังไม่เจอซักตัว มีแต่สัตว์ธรรมดา ” เชพูดทำเอาอลิซมองค้อน เนื่อง
      จากว่าเธอชอบกระต่ายมากจึงไม่อยากให้ใครพูดว่าน่าเบื่อให้ได้ยิน ถ้าเป็นคน
      อื่นคงโดนว่าไปแล้ว แต่นี่คือ…เพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งเหมือนกัน

      “ เงียบเถอะเช ” แคตพูดพลางส่งสายตาเป็นนัยๆว่า อย่าพูดต่อนะแล้วจะหาว่า
      ไม่เตือน ซึ่งเชก็รู้และทำตามโดยดี

      หลังจากนั้นก็มีเสียงออดบอกเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายภายในอาคารของปี 3 ห้อง 1
      ที่มีในอาคารเพราะ แต่ละชั้นเวลาอาจขึ้นเรียนไม่เท่ากัน

      “ นักเรียนทุกคน ตามครูมาทางนี้ ” ครูคนหนึ่งบอก เขามีตาสีดำสนิท ผมสี
      น้ำตาลเข้ม ดูอายุราวๆ 30
      ไม่ใส่ชุดสูตร หรือ ชุดเรียบๆเนี๊ยบๆเหมือนครูทั่วไป ครูแบบนี้มีไม่กี่วิชา และ
      แน่นอน นี่คือครูวิชาสัตว์ฯ

      หลังจากนั้นนักเรียนก็ตามครูเดินมาหยุดอยู่ที่คอกสัตว์ สำหรับเรียนของปีสาม
      ครูพานักเรียนเดินเข้าไป มีโต๊ะให้นั่งเรียน ( ในห้องเปิดแอร์ด้วย ) มันแยก
      เป็นห้องๆ และห้องที่ครูพามาวันนี้ก็คือห้องเรียนที่สำหรับนั่งเรียน ซึ่งก็คือห้อง
      แรก

      “ ทุกคนนั่งสลับกันตามเลขที่ ชายสลับหญิง อย่ามีปัญหา ครูขอบอกก่อนว่า ถึงแม้
      จะเปิดเรียนวันแรกก็ไม่มีการลดหย่อนอะไร เราจะเรียนเสมอต้นเสมอปลาย
      ตลอด เคยเรียนยังไงก็อย่างนั้น จะไม่มีการทำเล่นเป็นอันขาด เอ้า!! เร็วๆ เข้า
      ที่ ” ครูพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด และ ไม่ต้องให้ครูบอกซ้ำเป็นรอบสอง นัก
      เรียนทุกคนก็เข้าที่ได้ในพริบตา เพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ทำตาม เพราะ
      คำบอกเล่าจากรุ่นพี่ แต่เฟิร์ซไม่เคยพูดถึงครูคนนี้ให้ฟังว่าดุ เพราะ เฟิร์ซค่อน
      ข้างเข้ากับครูดุๆได้ดี เป็นความสามารถพิเศษที่ยากจะลอกเรียนแบบ

      “ ครูชื่อซีเบิร์ต กิลล์ เรียกง่ายๆว่า อาจารย์ซีเบิร์ต นักเรียนหลายๆคนที่รู้จักครู
      มาแล้วไม่ว่าจะตามคำบอกเล่าหรืออะไรก็ตาม ซึ่งนั่นก็ดีที่เธอจะได้รู้ว่า ควรทำ
      อะไร ไม่ควรทำอะไร ครูขอบอกว่า ครูไม่ชอบพวกนินทาลับหลัง ( เซฟีน กับ คา
      ริน ที่กำลังกระซิบกันอยู่หยุดชะงักทันที ) ไม่ชอบพวกคุยกันในชั่วโมงโดยไม่มี
      เหตุผล หรือ ไม่มีความจำเป็น ไม่ชอบพวกที่ไม่ทำตามที่สั่ง ” ครูพุดและหลังจาก
      นั้นก็ร่ายยาวเรื่องที่ห้ามหรือเรื่องที่ครูไม่ชอบ แอร์เย็นๆที่เปิดบวกกับเสียงทุ้ม
      ต่ำของครูเป็นบรรยากาศชวนหลับได้อย่างดี แต่คงไม่มีใครกล้าหลับเพราะสาย
      ตาครูที่เหมือนกับคอยจ้องมองตลอดเวลา และตอนนี้ครูกำลังพูดถึงเรื่องสัตว์ตัว
      ใหม่ที่จะเรียน คำพูดของครูทำให้มันดุน่าสนใจขึ้นมา อย่างที่ถ้าเห็นแล้วก็ไม่น่า
      จะเป็นอย่างนั้น เรียกง่ายๆว่า ครูโม้เกินเหตุ

      “ สำหรับสัตว์ที่เราจะเรียนในวันนี้ เป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่น่ารัก และน่ากลัว มากที
      เดียว ตัวมีสองสี กรงเล็บของมันทำให้ดูน่าเกรงขามดูน่าเกรงขาม และครูขอ
      เตือนว่า เราจะเรียนอย่างใกล้ชิด เพราะฉะนั้น อย่าทำให้มันโกรธ มันเป็นสัตว์
      ที่มีอยู่ในโลกมนุษย์ ” ครูพูดประโยคสุดท้ายเท่านั้นล่ะ ทำเอาความอยากรู้อยาก
      เห็นของนักเรียนทั้งห้องหายไปหมด เพราะว่า ตั้งแต่เรียนปี 1 มา ได้เรียนแต่
      สัตว์จากโลกมนุษย์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ไอ้ตัวที่ครูพูดถึงนี้ก็คงเหมือนกัน

      “ กะใจครูจะไม่เอาอย่างอื่นมาให้เรียนบ้างรึไงนะ ” นีนบ่นเบาๆ เพื่อนหลายๆ
      คนเห็นด้วย

      “ ตามมา ” ครูพูดพลางเดินนำนักเรียนมาที่ห้องเขียนหมายเลข 1 “ ในนี้มี 4 ตัว
      7 เลขที่ต่อหนึ่งตัวคอยศึกษา สองกลุ่มแรกมี 8 คน เลขที่ 1 – 8 กลุ่มหนึ่ง 9 – 16
      กลุ่มสอง 17 – 23 กลุ่มสาม และ 24 – 30 กลุ่มสี่ ทุกคนวาดรูปกิริยาที่ชอบที่สุด
      ของมันด้วย วาดด้วยมือตัวเอง ห้ามใช้เวทย์ ห้ามใช้จิตหรืออะไรทั้งสิ้น ให้เพื่อน
      แนะนำหน่อยได้ แต่ห้ามให้วาดให้ทั้งหมด ต้องมีฝีมือตัวเอง สามในสี่เป็นอย่าง
      น้อย คะแนนนี้ครูจะร่วมกับวิชาศิลปะ เธอวาดไม่เสร็จวันนี้ ชั่วโมงศิลปะก็วาด
      ต่อ อ้อ! ครูลืมบอกเธอไปว่าครูสอนศิลปะด้วย มา…ตามเข้ามา ทุกคน ” ครูพูดจบ
      แล้วนักเรียนทุกคนก็มองหน้าเหมือนกับจะถามกันว่า คิดเหมือนฉันมั๊ย และอีก
      ฝ่ายก็เหมือนจะตอบว่า เหมือนกันเลยล่ะ แต่คงไม่มีใครพูดอะไร

      ครูพานักเรียนเข้ามา แล้วนักเรียนก็ได้เข้าใจว่า น่ารัก น่ากลัวคืออะไร ดูบาง
      ครั้งก็น่ากลัว แต่ส่วนมาก ( ถึงมากที่สุด ) จะน่ารักมากกว่า มันก็คือ สิ่งที่คีย์ไม่
      อยากจะเป็นอีก เพราะเธอเคยเป็นมาแล้ว มันคือ…

      “ หมีแพนด้า ” ครูพูด อลิซหันไปมองคีย์แล้วยิ้มให้อย่างมีเลศนัย ส่วนคีย์ก็
      เบือนหน้าหนีอย่างไม่อยากจะสบสายตาเยาะเย้ย
      “ ไปที่กรงตามหมายเลข ชั่วโมงศิลปะ พวกเธอทุกคนต้องส่ง ไม่ต้องลงสี เริ่ม
      ได้ ” ครูพูดแล้วเดินออกไป ครูบอกนักเรียนเมื่อต้นชั่วโมงแล้วว่า อย่าเสียงดัง
      เพราะ ครูอาจโผล่มาดูตอนไหนก็ได้ ถ้าเสียงดังจะถูกหักคะแนน

      “ คีย์ ช่วยฉันบ้างนะ ฉันไม่เก่งเรื่องวาดแพนด้าหรอก อย่างอื่นเธอไม่เก่ง (
      ศิลปะ ) แต่วาดแพนด้าฉันรู้ว่าเธอเก่ง ” อลิซพูด
      “ ให้คนข้างๆช่วยให้เธอหุบปากไม่ดีกว่าเหรออลิซ ” คีย์พูดพลางหันไปมองเอ๊ด
      ซึ่งกำลังเริ่มวาดอยู่ เอ๊ดไม่ค่อยเก่งศิลปะซะด้วยสิ

      “ ให้ฉันหุบปากอลิซ ให้แพนด้าอมหัวยังง่ายซะกว่า ” เอ๊ดพูดเรียบๆอย่างไม่ใส่
      ใจคนที่ฟังกับคนอยู่ข้างๆว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้ เค้าต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนจะ
      ไปยุ่งกับคนอื่น จะได้แนะนำคนอื่นได้ว่าทำยังไง โดยเฉพาะยายตัวแสบข้างๆที่
      ถึงแม้จะเก่งศิลปะมากกว่า แต่บางครั้ง ( หรืออาจบ่อยๆ ) ก็ให้วิจารณ์หลังวาด
      เสร็จ การวิจารณ์ขืนบอกว่าไม่ดี คุณเธอก็คงชะโงกมาดูของเขา แล้วคงถามว่า
      แล้วอย่างนี้น่ะดีเหรอ อย่างที่มักจะเป็นบ่อยๆ

      “ เอ๊ด เธอให้คีย์อมหัวเธอไม่ขยะแขยงหรอ โสโครก ยี้! นำลายแพนด้า ” นีนพูด
      เสริม

      “ เงียบเถอะ ครูกำลังเดินมาตรวจแล้ว ” สตีฟ ที่หูดีที่สุด ( อลิซก็หูดีเหมือนกัน
      แต่เฉพาะเรื่องน้ำยาที่เธอมักจะชอบฟังเสียงตอนเท หรือ ริน ทำให้เป็นหนึ่งใน
      วิธีการแยกของเธอนอกนั้นก็ธรรมดาเหมือนๆคนอื่น ) พูดเตือน เค้าเป็นหน่วย
      เตือนประจำห้องในทุกวิชา ไม่เสียชื่อเจ้าชายแห่งเซนทีฟ
      ( เมืองแห่งความรู้สึก ที่ได้ชื่อว่าประสาทสัมผัสในหลายๆด้านดีเยี่ยม )

      “ อืม… เงียบดีมาก ” ครูชมแล้วก็เดินจากไป นักเรียนหลายๆคนที่ทำเป็นวาด
      แอบถอนหายใจอยู่เงียบๆ และคงขอบคุณแผนการเก่า การปฏิบัติการผักชีโรย
      หน้าที่มีรุ่นพี่แนะนำมา

      “ เฮ้อ…ต้องขอบคุณพี่คอเรสที่เตือนมาซะแล้ว ” อลิซพูด รุ่นพี่ที่แนะปฏิบัติการนี้
      ให้ เพราะรู้ตารางเรียนของอลิซ ( ไม่รู้ไปตรัสรู้มาจากไหน ) ก็คือ คอเรสนั่นเอง

      “ เค้าไปเตือนเธอตอนไหน ” เอ๊ดละสายตาจากการวาดเงยหน้าขึ้นมาถาม
      “ ในจดหมายเมื่อเช้า เค้าเตือนให้สำหรับวันแรก วันอื่นเดี๋ยวเค้าจะเขียนมา
      อีก ” อลิซตอบท่าทีเฉยๆ

      “ ขยันจังนะ ” เอ๊ดประชด “ ปกติเค้าก็ขยันอยู่แล้ว แล้วฉันจะบอกพี่เค้าให้ว่า
      เธอชม ” อลิซพูดกลับแล้วลงมือวาดต่อ เอ๊ดไม่พูดอะไรแล้วก็ก้มหน้าก้มตาวาด
      ต่อไป

      หลังจากนั้น…20นาที ท่ามกลางความเงียบ หลายคนวาดไม่ถึงไหน หลายคนเริ่ม
      เซ็งกับไอ้ตัวใหญ่ข้างหน้า แล้วหันมาเล่นกับมันแทน

      “ จะหมดชั่วโมงแล้ว ไม่ทันแน่เลย ” อลิซพูดอย่างร้อนใจ “ มีเวลาวันอังคารน่า…
      อลิซ ” แคตบอก

      “ เดี๋ยวฉันก็ลืมหมด เอางี้ดีกว่า เพื่อให้ง่ายขึ้น ถ่ายรูปเอาไว้ดีกว่า ” อลิซพูด
      พลางเปิดล็อกเก็ตแล้วบอกอะแมนด้าเอากล้องออกมา แล้วเธอก็ถ่ายไว้รูปนึงที่
      คิดว่ามันทำท่าน่ารักตามที่ครูบอก เป็นภาพเดียวกับที่เธอวาด ซึ่งนับว่าเป็นโชค
      ดีที่มันเปลี่ยนกลับมาท่าที่เธอวาด

      “ น่าจะถ่ายรูปไว้ตั้งนานแล้ว ” เอ๊ดพูดหลังจากที่วาดโครงร่างเสร็จแล้ว
      “ ก็มันไม่ยอมมาท่าที่ฉันวาดซักทีนี่ ” อลิซแก้ตัว
      “ แล้วเธอก้มหน้าก้มตาวาดอยู่ได้ยังไง ถ้าไม่เห็นภาพ ” เดรโกถาม

      “ พลังดวงตาสามารถก๊อบภาพไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง เช่น ฉันก๊อบข้อมูลจากความ
      ทรงจำบางส่วนของพวกเธอที่คิดว่าสำคัญ แต่บางครั้งมองแล้วเร็วไปก็ก๊อบไม่ทัน
      ก็มี เอาเป็นว่าทำได้ แต่ถ้าจำภาพติดที่ตา ในขณะมองอย่างอื่นได้ ทำได้ไม่ถึง
      ชั่วโมง ” อลิซตอบพลางเอาภาพมาติดไว้แถวๆกระดาษจะได้วาดได้สะดวกไม่
      ต้องมองแพนด้าอีก

      “ ฉันว่านะ มันเหมือนศิลปะสองชั่วโมงมากกว่า ” เอ๊ดออกความเห็นพลางถอน
      หายใจ ก็เค้าไม่ค่อยได้วิชานี้อยู่แล้วนี่

      “ ฉันว่าดีออกนะ นั่งวาดในขณะที่ครูไม่มองอยู่ตลอดเวลา ( แค่เกือบๆ เพราะ ครู
      มาตรวจบ่อยมาก ) แล้วก็ได้ศึกษาไปด้วย นี่ถ้าเป็นกระต่ายนะ คงจะดีกว่านี้ ”
      คนเก่งศิลปะกว่า และเป็นผู้ชอบ ( หรือ คลั่ง ) กระต่ายพูดอย่างใจเย็น เพราะมี
      โอกาสน้อยวิชานัก ที่เธอจะชนะเอ๊ด

      “ ถ้าวาดกระต่ายนะ มันคงง่ายกว่านี้ ก็จริง แต่ฉันกลัวบางคนยึดกระต่ายครูกลับ
      ไปเลี้ยงที่ห้อง หรือไม่ก็เล่นกับมันจนไม่ได้วาด ” เอ๊ดพูด

      “ ที่วังมีกระต่ายมากพอ แล้วฉันก็สามารถเอามาเลี้ยงได้ ไม่จำเป็นต้องขโมย ฉัน
      เกลียดการขโมย อีกอย่าง ถ้าฉันจะเล่นกับมันก็ต้องทำงานให้เสร็จก่อน แล้วการ
      วาดมันก็ง่ายนิดเดียวไม่ต้องใช้เวลามากมาย อย่างคนบางคน นี่ไง แพนด้า
      เสร็จแล้ว วิจารณ์หน่อย ” อลิซพูดพลางส่งกระดาษให้เอ๊ดดู เค้าดูแล้วก็เปรียบ
      เทียบกับของเค้าแล้วถอนหายใจ ทำให้อลิซรู้ว่า เธอวาดได้ดีกว่าเค้า

      “ ดูนานเดี๋ยวภาพจืด เอามาได้แล้ว ฉันจะได้เพิ่มความสมจริงบางส่วน ” อลิซบ
      อกพลางยื่นมือจะไปคว้าภาพ แต่คนข้างๆวางภาพของตัวเองแล้วลุกอย่างว่องไว
      แล้วพูดว่า

      “ อยากได้ก็มาเอาเองสิ ” การยั่วโมโหอลิซได้คงเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่ง
      ของเอ๊ด ทุกคนคิดอย่างนี้ เพราะ เค้าเครียดทีไรก็ยั่วโมโหอลิซทุกที แล้วเธอที่
      ไม่รู้จักเข็ด หรือ เรียกได้ว่าไม่เก็บอารมณ์กับเรื่องนี้ก็ทำให้เค้ายิ่งได้ใจ แต่ทุก
      ครั้งก็จบลงด้วยการพูดดีๆของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่การทะเลาะ เถียง หรือ ยั่ว
      โมโหทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ทำให้ทั้งคู่ คู่กันไปได้ไง เพราะเวลาครูให้จับคู่โดยไม่
      กำหนดเลขที่ แบบชาย – หญิง ทีไรทั้งคู่ก็คู่กันทุกที อันนี้เป็นข้อที่หลายๆคนข้อง
      ใจ แต่พอพูดดีๆกันก็ไปอีกแบบเลย จึงทำให้คนรอบข้างเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน
      เหมือนกับคู่นี้

      “ อย่ายั่วฉันนะเอ๊ด อีกอย่างถ้าเราวิ่งไล่กันตอนนี้ เกิดครูมาตรวจเดี๋ยวก็โดนดี
      ตั้งแต่ต้นชั่วโมงหรอก เอามา ฉันจะได้วาดให้เสร็จๆซักที ” อลิซพยายามพูด
      อย่างสะกดอารมณ์เต็มที่ ซึ่งคนฟังสังเกตได้แล้วยิ้มอย่างกวนอารมณ์ แล้วเค้าก็
      เอาทีวีเล็กๆขึ้นมาโชว์ให้ดู

      “ เธอแอบไปติดกล้องตอนไหน ” อลิซถามหลังจากมองภาพในกล้อง เป็นภาพที่
      ครูกำลังทำงานในห้องที่เคยนั่งฟังตอนต้นชั่วโมง

      “ ติดไว้มุมที่เห็นครูได้ ฉันตั้งกล้องไว้สูง ตอนที่ครูกำลังอธิบาย ครูตั้งใจมากไป
      ก็เลยทำให้ไม่เห็น เป็นประโยชน์ แม้จะเสี่ยงนิดหน่อย แต่ฉันก็ร่ายคาถาอำ
      พลางไว้แล้ว ” เอ๊ดอธิบายพลางพูดต่อว่า
      “ ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวครูมาตรวจแล้วใช่มั๊ย ”

      “ ฉันไม่อยากวิ่งตอนนี้หรอกนะ ” อลิซบอกแต่เอ๊ดไม่ฟังเริ่มวิ่งอย่างช้าๆยั่วเธอ
      เธอมองนาฬิกาพลางมองกล้องที่เอ๊ดเสกคาถาติดมันไว้ยั่วเธอที่ผนัง แล้วเธอก็ดู
      นาฬิกาอีกรอบ ใกล้หมดชั่วโมงแล้ว ถ้าวาดชั่วโมงหน้าเธอก็คงเสียเวลา เพราะ
      เธออาจจะเอาเวลาอ่านหนังสือที่น่าสนใจบางเล่มได้ แล้วเธอก็ตัดสินใจว่า ต้อง
      เล่นโกงบางอย่าง ดีกว่าการวิ่งไล่ตลอด นั่นก็คือ…
      เธอเริ่มออกวิ่งไล่ตามประสงค์ของคนยั่วที่วิ่งเร็วขึ้นเพื่อหนี เธอกำลังคิดจับ
      จังหวะของเค้าอยู่ ไม่สามารถใช้สายตาได้ในตอนนี้ เพราะเค้าไวเกินไป เธอชัก
      ไม้กายสิทธิ์ออกมา ( อยู่ที่โรงเรียนเธอพยายามใช้ไม้กายสิทธิ์สีชมพูให้น้อยที่
      สุด )

      “ มัด ” เธอพูดพลางส่งจิตไปที่ปลายไม้แล้วหลับตา ลำแสงสีทองพุ่งออกมาแล้ว
      เริ่มไล่เอ๊ดที่รู้ตัวว่า
      อลิซกำลังทำอะไร มันไปรอบๆเค้าแล้วมัดรอบตัว เธอลืมตาขึ้นแล้วรอยยิ้มก็ผุด
      ขึ้นบนหน้า มันเป็นรอยยิ้มแจ่มใสของผู้ที่เหนือกว่า เพราะตอนนี้ เธอชนะ เธอ
      ตวัดปลายไม่ที่ยังมีลำแสงสีทองมัดเอ๊ดอยู่แล้วก็พยายามดึงเข้ามา จากที่ห่างกัน
      เกือบฟากห้อง ตอนนี้ห่างกันแค่สองฟุต แล้วเธอก็เอากระดาษคืนมาแล้วปล่อย
      เค้า

      “ ขี้โกง ทำไมไม่หยุดไปเลยล่ะ รู้มั๊ยว่าโดนมัดมันเจ็บ ” เอ๊ดบ่น

      “ ก็อยากยั่วโมโหคนอื่นเค้าก่อน มันก็ต้องเจอแบบนี้ อีกอย่างใช้หยุดไม่ได้
      เพราะเธอไวอย่างกับลิงแน่ะ น่าจะลงแข่งวิ่งนะ ” อลิซพูด

      “ ฉันถือว่าเป็นคำชม เธอไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรอ ทำคนอื่นเค้าเจ็บตัวน่ะ ”
      เอ๊ดถาม
      “ จะให้รับผิดชอบอะไรอีกล่ะ ฉันไม่ผิดนี่ ” อลิซบอกแล้วไปนั่งวาดรูปต่ออย่างไม่
      ใส่ใจ
      “ ใจร้าย ” เอ๊ดพูดแล้วไปนั่งข้างๆพลางสะกิด “ รับผิดชอบกันหน่อยสิ ” เอ๊ดพูด

      “ จะให้ช่วยวาดใช่มั๊ยล่ะ ” อลิซพูดอย่างรู้ทัน “ น่า…ช่วยนิดช่วยหน่อยไม่เห็น
      เป็นไรเลย ” เอ๊ดบอกพลางส่งกระดาษให้ แล้วชักไม้กายสิทธิ์ออกมา ร่ายคาถา
      เอากล้องออกจากผนัง แล้วเก็บลงกระเป๋า

      “ ช่วยก็ช่วย แต่ถือว่าเป็นสัญญาข้อที่สามตอนพนันกันนะ ไม่มีแต่ด้วย เพราะ
      ฉันจะเริ่มวาดแล้ว ”
      อลิซพูดพลางวาดให้นิดหน่อย แก้ไขบางจุด แล้วส่งคืนให้เอ๊ดวาดต่อ

      “ ขี้โกง ฉันใช้สามข้อนั้นไม่คุ้มเลย ” เอ๊ดบ่น

      “ ไม่ได้ขี้โกงนะ เค้าเรียกใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ต่างหาก ” อลิซแก้ตัว
      “ อลิซ ” วีนเรียก “ ฉันกำลังคุยกับเซียเรื่องวันเกิดของไอซ์ วันที่ 11 นี้ แล้วดูสิ
      ว่าฉันเห็นอะไรบนปฏิทิน ” วีนพูดพลางส่งมือถือ ที่ขึ้นหน้าจอเป็นปฏิทินให้ดู

      “ คืนวันเพ็ญ วันนี้ งั้นแสดงว่าฉันดูปฏิทินผิด ดูเดือนอื่น ไม่ก็วันอื่น ” อลิซพูด
      เรียบๆ
      “ นี่ถ้าไม่เอาออกมาดู ก็พลาดโอกาสเปิดหนังสือนั่นเลยใช่มั๊ยเนี่ย แล้วเปิดแล้ว
      จะเปิดวันอื่นได้อีกมั๊ย เพราะ เราคงไม่รอเปิดเฉพาะ คืนวันเพ็ญหรอกนะ ”
      เซียถาม

      “ ถ้าเปิดมันวันนี้ ก็จะเปิดวันอื่นได้อีกทั้งเดือน ไม่ต้องรอคืนวันเพ็ญแล้ว แต่ถ้า
      ไม่เปิดนานเป็นเดือน ก็ต้องรอเปิดคืนวันเพ็ญ ” อลิซอธิบาย

      “ นักเรียนทุกคนเข้าแถวแล้ว เดินแถวออกไป ” ครูพูดนักเรียนใจหายใจคว่ำ
      เพราะไม่รู้ว่าเปิดประตูมาตอนไหน แล้วทั้งหมดก็เข้าแถวแล้วเดินไปที่อาคาร
      โดยมีครูนำไป

      คาบต่อไป เป็นคาบสุดท้ายของวัน เรียนครึ่งชั่วโมง โดยครูสาวสวยผมยาวสีทอง
      ตาสีน้ำตาลอ่อน

      “ สวัสดีจ้ะ นักเรียน ครูชื่อ ทอเรีย ครัช - นิลล์ ” ครูพูดหลังจากที่นักเรียนนั่งที่ที่
      ห้องครบหมดแล้ว

      “ ครูสอนวิชานี้กับอีกวิชานึง นั่นก็คือ คาถา สำหรับวิชานี้เราจะเรียนแบบไม่ฝึก
      ปฏิบัติ ส่วนคาถาจะปฏิบัติล้วนๆ คะแนนสองวิชาจะเอามารวมกัน คาถา 80
      คะแนน ทฤษฎี 20 คะแนน ” ครูบอก

      หลังจากนั้นครูก็สอนทฤษฎีต่างๆในการใช้ ทั้งการกำหนดจิต การออกเสียง
      สมาธิ

      “ สำหรับคาถาง่ายๆเราก็ใช้ภาษาพูดธรรมดา เช่น มัด ( เอ๊ดหันไปมองอลิซ )
      หยุด ลอย นิ่ง ( จะคล้ายๆหยุดแต่ใช้ต่างกัน ) เป็นต้น ทุกคนจำทฤษฎีเอาไว้ให้ดี
      กลางเทอมจะมีการสอบสัมภาษณ์ และ ปลายเทอมก็มีการสอบเช่นกัน ครูคงไม่
      สอบข้อเขียน เพราะการใช้ คงไม่จำเป็นต่อการเขียนเท่าที่ควร และ พวกเธอก็
      คงเบื่อการเขียนกัน ทุกคนเปิดหนังสือ หน้า 6 เรื่อง สมาธิ และอ่าน ท้ายชั่วโมง
      ครูจะสรุป เชิญจ้ะ ” ครูพูดจบนักเรียนก็อ่านทันที และ พอท้ายชั่วโมง ครูสรุปจบ
      นักเรียนก็แยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย

      “ บ่ายสามเอง ไปไหนกันดี ” เซียถาม
      “ ไปเอาชุด ” วีนพูด “ แล้วไปห้องสมุด ” อลิซบอก “ ไปจัดการกำหนดซ้อม
      แล้วบอกป้ามอนต้า จัดห้อง แล้วก็ตามอัธยาศัย ” เอ๊ดพูด

      แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปที่อาคาร เอารถ แล้วไปเอาชุด แล้วไปอ่าน
      หนังสือที่ห้องสมุด
      ( “ แคต เธอว่าเรื่องนี้สนุกมั๊ย ” เซียถาม “ การ์ตูนเรื่องนี้เธออ่านเป็นรอบที่สาม
      แล้วยังจะถามอีก หัดอ่านเรื่องอื่นบ้างสิเซีย ” แคตพูดพลางส่งหนังสือให้ เป็นอัน
      รู้กันว่าห้องสมุดไม่ได้มีแต่หนังสือความรู้ธรรมดา แต่มีความรู้สนุกพิเศษ เช่น
      หนังสือการ์ตูน )

      หลังจากนั้นอลิซก็จัดการเรื่องห้อง และ เครื่องดนตรี แล้วก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับ
      การขี่ไม้กวาดบินเล่นในสนามของโรงเรียน

      และแล้ว ก็ถึงเวลาที่รอคอย ก็คือ…ตอนกลางคืน ได้เวลาเปิดหนังสือ ต้องรอเวลา
      2 ทุ่ม อลิซจะเปิดในห้อง เธอไม่ยอมให้พวกเอ๊ดมา บอกแค่ว่าพรุ่งนี้จะให้ดู เมื่อ
      เธอเปิดได้เธอก็ดูรายชื่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอหัวข้อ “ น้ำยาเทพพยากรณ์ ”
      เมื่อเธอเปิดไปแล้วอ่านส่วนผสม อ่านลงมาเรื่อยๆ

      “ เราจะหามาจากไหนกันเนี่ย ยาวชะมัดเลย เรื่องมากด้วย ” วีนบ่น
      “ ฉันคิดว่า…เรามีวิธี แต่ต้องมีคนช่วย ” อลิซพูดปากสีชมพูระเรื่อนั้นแย้มรอย
      ยิ้มที่สดใสอย่างพึงพอใจ และ ได้ความคิดดีๆ เป็นรอยยิ้มที่ทำเพื่อนๆงง และ
      เมื่อวีนอ่านอีกที เธอก็เข้าใจ

      ----------------------------------------------------------------------------------------------

      บทที่ 6 ส่วนผสม และ แผนการของอลิซ

      “ ส่วนผสมบางอย่างก็พอหาได้นะ อลิซ แต่เธอคงยิ้มพอใจไวไปมั้ง เพราะ เธอ
      อ่านส่วนผสมไม่หมด เธออ่านหน้าเดียว มีอีกหน้านึงนะจ๊ะ ฉันไม่เคยเห็นยา
      ไหนเรื่องมากขนาดนี้เลย วนผสมก็ไม่ใช่เล่น ตั้ง 26 อย่างแน่ะ แล้วส่วนผสมสุด
      ท้ายที่ฉันหนักใจที่สุดก็คือ สัตว์เป็นๆนี่สิ เราต้องทำบาปรึเปล่า
      อลิซ เราต้องจับมันต้มในหม้อยาหรอ ” วีนถาม

      “ วีน เธอคงเข้าใจอะไรผิดมั้ง ฉันอ่านครบ แล้วมันก็อาจจะมียากบ้างแต่มันก็น่า
      สนุก สำหรับบางอัน บางอันก็หาได้โดยให้คนช่วย แล้วเธอก้ควรอ่านผล กับ วิธี
      ซะก่อน ฉันไม่เอาสัตว์มาต้มหรอกนะ ยานี้เราต้องใช้เวทมนต์เข้าช่วย แต่…ฉันก็
      เห็นด้วยกับเธอว่ายานี้ มันเรื่องมาก แต่การที่จะสร้างสิ่งทีสามารถพยากรณ์ จาก
      สิ่งมีชีวิต ดูแล้ว ดีนะที่มันไม่พุ่งทะลุถึง 50 อย่าง ” อลิซตอบเรียวๆ รอยยิ้มนั้นยัง
      คงอยู่บนหน้าของเธอ
      “ แต่ดูจากส่วนผสมแล้ว ฉันว่าเอ๊ดคงไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่หรอกนะอลิซ เอา
      เป็นว่า พรุ่งนี้ค่อยคุยแล้วกัน ” เซียพูด

      “ พึ่งสองทุ่มกว่าเองเซีย ทำไมรีบนอนนักล่ะ ” แคตที่ละสายตาจากหนังสือการ์ตูน
      ที่ยืมมาถามขึ้น

      “ เธอก็น่าจะเห็น ทอมเล่นไล่ฉันซะเหนื่อยเลย แค่ฉันตีลูกเบสบอลไปโดนหัว
      นิดหน่อยเอง เล่นไล่เอาคืนซะเหนื่อยเลย ไม่เห็นเป็นสุภาพบุรุษเหมือนคนบาง
      คนเลย ว่ามั๊ย อลิซ ” เซียถาม

      “ เค้าเป็นเฉพาะบางเวลาเท่านั้นแหละ แล้วก็ไม่ใช่พวกที่ไม่เอาคืนด้วย กอย่าง
      นะเซีย เธอน่าจะระวังหน่อย ลูกนั้นหวิดโดนหน้าฉันไปเส้นยาแดงผ่า 9 เลย ”
      อลิซตอบ

      “ เวอร์ไปน่ะ อลิซ ผ่าแปดก็เกินพอ ” เซียบอก

      “ เซีย ผ่าแปดเคาใช้แบบเฉียดฉิว หวุดหวิด แต่นี่เธอตีผ่านโดนเส้นผมฉันไป
      เค้าเรียกว่าผ่า 9 แล้ว แล้วลูกนั้นก็ยังลอดหว่างขาเช เฉียดกรอบแว่นของแคต
      เฉียดแขนเอ๊ด เกือบโดนเอววีน โชคดีที่วีนทัน แล้วยังไปจบที่ ทอมอีก เป็น
      อะไรไป ปกติ เธอตีได้ดีนี่นา แถมนี่เนี่ย จะเอาครบ 7 คนเลยใช่มั๊ย นี่ถ้าเฉียด
      เดรโกอีกคนนะครบเลย เล็งได้ดีจริงๆ หวดเป็นวงสวยมาก ” อลิซประชด

      “ ก็ถ้าเดรโกไม่ไปห้องน้ำฉันก็ว่าครบล่ะ เอ่อ…ไม่ใช่ คือ…มันตื่นเต้นน่ะ ไม่ได้
      เล่นซะนานเลย เลยตื่นเต้นมากไป (ไม่ ) หน่อย ก็ตอนนี้เค้าก็หายโกรธแล้วก็
      ชั่งมันเถอะนะ ” เซียพูด

      “ นานมากเลยเซียตั้ง สามวันแน่ะ ” แคตที่ตอนนี้อ่านหนังสือการ์ตูนจบเรียบ
      ร้อยแล้ว ( มีทั้งหมด 9 เล่ม ) ประชดบ้าง

      “ เอาเป็นว่ายังไงก็ชั่งเถอะ ปกติเธอก็เล่นได้ดี ตำแหน่งนี้เป็นของเธอแล้วกัน
      คราวหน้าเล่นให้ดีอย่างที่ผ่านมานะจ๊ะ ” อลิซพูด

      “ โอเคค่ะ ฉันว่าเธอให้ เอ๊ดก็น่าจะให้นะ ความจริงเธอหน้าจะเป็นหัวหน้า
      ทีมมากกว่า ” เซียพูด

      “ เอ๊ดเค้าเก่ง อีกอย่างนะ ให้เค้าก็ดีอยู่แล้ว ถ้าฉันเป็น เค้าก็คงเสียหน้า ยังไงก็
      รักษาภาพพจน์เจ้าชายผู้เก่งกาจแห่งแอลนิวซิตให้เค้าหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก
      เค้าเป็นผู้ชายก็ปล่อยให้เค้าเป็นหัวหน้าไป ยังไงตำแหน่งผู้ใช้เวทย์ 1 ใน 2 ก็
      ต้องมีเค้าอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ส่วนมากผู้ใช้เวทย์ที่เก่งวางแผนอย่างเค้า ก็สมควร
      เป็นหัวหน้าอยู่แล้ว แล้วไอ้ที่ว่า ฉันให้ เค้าก็ให้ ว่ายังไงกันเซีย ” อลิซถาม

      “ ก็ เอ่อ…คือ… ” เซียอ้ำอึ้ง พยายามหาคำอธิบายที่ถูกใจคนฟัง ( เป็นสิ่งที่หายาก
      มากสำหรับเซีย เพราะ คราวนี้เธอคิดก่อนพูด )

      “ คือ…เซียเค้าหมายความว่า ถ้าเธอคิดว่าเหมาะ เธอก็คงหาเหตุผลดีๆพูดกับเอ๊ด
      แล้วเค้าคงยอม มันก็คล้ายๆกับว่า ถ้าเธอเห็นด้วย เอ๊ดก็เห็นด้วย คือ เค้าให้
      เกียรติในการตัดสินใจของเธอไงอลิซ ว่าไง จริงมั๊ยเซีย ” วีนที่ช่วยแก้
      สถานการณ์ ถามเพื่อให้เซียยืนยัน

      “ จริงจ้ะ จริง จริงที่สุด ” เซียตอบ พลางหันไปส่งสายตาขอบคุณวีน ที่พึมพำ
      บอกว่าไม่เป็นไร

      “ งั้นก็เชิญนอนตามสบาย ไม่กวนแล้ว …แล้วแคต ฉันว่า เธอติดการ์ตูนมากไป
      แล้วนะ เธอสายตาสั้นเพราะการ์ตูนรึเปล่าเนี่ย ” อลิซถามด้วยความสงสัย

      “ ไม่ใช่ย่ะ ” แคต ( ที่คราวนี้ จากหนังสือการ์ตูนมาเป็นการ์ตูนทางโทรทัศน์ ) ที่
      ละสายตามาได้ ตอบพลางค้อนควับ

      “ ว่าแต่… การ์ตูนเรื่องนี้น่าสนุกดี ดูด้วยคนได้มั๊ยคะ คุณแคร์ตี้ ” อลิซที่พึ่งว่าไป
      หยกๆถามขึ้น เพราะเจ้าตัวก็ชอบการ์ตูนเหมือนกัน เพียงแต่ไม่บ้าเท่าแคต

      “ เชิญตามสบายจ้ะ ” แคตพูด

      คืนนั้นหลังจากอาบน้ำ และ ดูการ์ตูนจบ ทุกคนก็เข้านอน อลิซนอนอยู่ซักพัก
      พร้อมความคิดที่ว่า เอ๊ดจะห้ามเธอรึเปล่า แล้วเค้าจะร่วมมือกับเธอมั๊ย ถ้าเค้าไม่
      ร่วมมือ เธอจะทำสำเร็จรึเปล่า แต่คิดๆอีกที เอ๊ดคงไม่เห็นด้วยนิดหน่อย แต่ในที่
      สุดก็คงยอมจนได้ แล้วอลิซก็หลับไปพร้อมกับรอยยิ้มและความ
      คิด ความภูมิว่า เธอทำให้เค้าใจอ่อนได้เสมอ อย่างที่หลายๆคนทำไม่ได้ แต่คิด
      อีกที เธอก็คงไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงได้ยิ้ม
      เช้าวันรุ่งขึ้น อลิซมาที่ห้องอาหารด้วยรอยยิ้มที่สดใสเอามากๆ ทำให้หลายๆคนที่
      เห็นพลอยสดใสไปด้วย แต่ลอยยิ้มสดใสเป็นพิเศษ หลังจากวันที่เปิดหนังสือ
      สร้างความสงสัย และ วางใจได้ยากให้กับ
      เอ๊ด เพราะ รอยยิ้มแบบนี้ จะปรากฏขึ้นได้ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวจะก่อ
      เรื่องยุ่ง

      “ สวัสดี อลิซ ทำไมเช้านี้ดูสดใสจัง ” เอ๊ดถามเมื่ออลิซมานั่งที่โต๊ะ หลังจากทักทาย
      ตอนเช้ากับอีกหลายๆคนในห้องอาหาร

      “ มันไม่ดีหรอ ” อลิซถามเบี่ยงประเด็น “ ก็ไม่ใช่ไม่ดีหรอก แต่…ไม่น่าไว้ใจ ”
      เอ๊ดตอบ

      “ ระแวงเกินไปรึเปล่า ” อลิซถามเล่นๆ เธอไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้ก่อนว่าเธอ
      จะทำอะไร เพราะ คำแรกของเขาจะเป็นคำห้าม ถึงแม้ว่าเธอจะมั่นใจมากแค่
      ไหนว่าเค้าจะใจอ่อน แต่เธอก็ไม่อยากบอกก่อนอยู่ดี

      “ ไม่หรอก เธอจะปรุงน้ำยานั่นใช่มั๊ย ” เอ๊ดถามตรงประเด็น

      “ แล้วถ้าฉันจะปรุง เธอจะทำไมหรอ อย่าบอกนะว่าเธอจะห้ามฉัน ถ้าห้าม ฉัน
      แคต เซีย สอบไม่ผ่าน ฉันจะให้ครูเว่น กับ วีเชอร์คิดบัญชีกับเธอ ” อลิซขู่ทั้งที่
      ไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น แต่มันก็อดไม่ได้ แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่หวั่นซักนิด

      “ ปรุงน้ำยานั่น ส่วนผสมหายาก อันตราย เหมือนกับหาเรื่องยุ่งๆใส่ตัว แล้วเกี่ยว
      อะไรกับเซีย แคต
      ครูเว่น และ วีเชอร์ ” เอ๊ดถาม

      “ มันเป็นการสอบของครูเว่น แล้วน้ำยายิ่งยากเท่าไหร่ ซับซ้อนเท่าไหร่ แนว
      โน้มสอบผ่านยิ่งมีมาก และ ถ้าฉันสอบไม่ผ่าน ทั้งครูเว่น กับ วีเชอร์ก็ต้องเล่น
      งานฉัน ในฐานะเป็นคนที่สอบไม่ผ่านคนแรกในประวัติศาสตร์ของสองตระกูล
      ถึงการสอบจะไม่เกี่ยวกับทางวีเชอร์ แต่ฉันมีสายเลือดวีเชอร์ ก็เท่ากับว่าทำให้
      พวกเขาขายหน้า แล้ว ถ้านายเป็นต้นเหตุ ก็ลองคิดดูสิ ” อลิซตอบ

      วีเชอร์ คือ ตระกูลทางแม่ของอลิซ มีการสอบเช่นกัน แต่สอบตอนอายุ 12 ,15 ,
      18 ปีสอบสามครั้ง แล้วแต่วีรกรรม เช่นเดียวกับครูเว่น แต่ครูเว่นสอบตอน 4 ,
      7, 10 ปี

      คำตอบของอลิซทำให้เอ๊ดกระจ่างว่า การสอบของครูเว่น คือการหาเรื่องยุ่ง ส่วน
      การสอบของวีเชอร์
      ก็คงจะเป็นความเสี่ยง แปลก หาเรื่องใส่ทั้งสองตระกูล แล้วคนตรงหน้าเค้ามีสาย
      เลือดของทั้งสองตระกูล มิน่า… ความคิดนี้ทำเอาเค้าปวดหัวมากกว่าเดิม ท่าทาง
      คนตระกูลนี้จะเหมือนกันทั้ง ( สอง ) ตระกูล จะต่างกันตรงที่ความถนัดที่เป็นชื่อ
      เสียง คือ ครูเว่น เป็นนักสะกด ( ส่วนมากจะเป็นปีศาจที่อาละวาด ) วีเชอร์เป็น
      นักล่า ( ส่วนมากก็ล่าปีศาจ แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องฆ่า จึงออกจะโหดหน่อยๆ )
      สองตระกูลนี้ มักจะทำงานด้วยกัน แต่เมื่ออลิซมีสายเลือดของทั้งสองตระกูลก็คง
      ไม่ต้อง แต่ดู เธอจะออกไปทางครูเว่นมากกว่าวีเชอร์ พวกวีเชอร์ ถ้าไม่ใช่
      เพื่อน ( ส่วนมากเพื่อนจะเป็นญาติ หรือไม่ก็เพื่อนของญาติ ) ก็มักจะไม่คุยด้วย
      อย่างร่าเริงซักเท่าไหร่ ไม่ไว้หน้า หรือ ไม่ค่อยคุยด้วย เรียกได้ว่า ปฏิบัติต่างกัน
      อย่างสิ้นเชิง หรือเรียกได้ว่าขรึม แต่ครูเว่นจะเป็นมิตรกับทุกคน อลิซจึงดู
      เหมือนจะเป็นทางครูเว่นมากกว่า น้อยครั้งที่สายเลือดวีเชอร์จะแสดงให้เห็น

      “ วีเชอร์งั้นเหรอ เธอมีสายเลือดของพวกนั้นด้วยหรอ ” เดรโกถามด้วยความ
      ตกใจ อลิซเพียงพยักหน้าเป็นคำตอบ

      “ ฉันเคยได้ยินว่า คนตระกูลวีเชอร์มักจะน่ากลัว แม้แต่พลังที่ใช้ก็เถอะ ใจเด็ด
      แต่ก็ยังมีเมตตาอยู่บ้าง ไม่โหดมาก เป็นพวกรอบคอบ สุขุม ” เชพูดขึ้น

      “ นายไปรู้มาจากไหน ” ทอมถาม “ จากหนังสือ ลักษณะโดยรวมบางส่วนของ 50
      ตระกูลดัง แต่ฉันอ่านไม่หมดหรอก ” เชตอบ

      “ แล้วในนั้นเค้าบอกว่าคิวเบิร์ตเป็นพวกชอบขัดขวางความสนุก บ้างรึเปล่า ” อลิ
      ซแกล้งถามเพื่อแหย่คนตรงข้าม

      “ อลิซ คิวเบิร์ตก็ตระกูลฉันนะ อีกอย่าง ฉันยังไม่เคยขัดเธอเลย อีกเหตุผลก็คง
      เพราะไม่มีใครมาฝากเธอไว้กับฉันเหมือนกับที่ฝากคนบางคน ” เชตอบแหย่
      เล่น แต่ทำเอาเอ๊ดส่งสายตาไม่พอใจมาให้

      “ เอาเป็นว่าชั่งมันเถอะเรื่องสายเลือดน่ะ ฉันจะมีเลือดอะไรก็ไม่เกี่ยว แต่ฉัน
      ต้องสอบเอาคะแนนสูงๆปีนี้ให้ได้มากกว่าพี่เฟิร์ซ ” อลิซพูดนัยน์ตามุ่งมั่นทำให้
      เอ๊ดรู้ว่าคงไม่มีวันห้ามได้ อีกอย่างถ้ามันเป็นการสอบ ( หาเรื่อง ) ประจำตระกูล
      เค้าคงก็ทำได้แค่ไปตามน้ำ และก็คงรู้ดีว่าถึงไม่ใช่ก็ทำอะไรไม่ได้

      “ อลิซ ว่าแต่…ทำไมถึงยิ้มล่ะ ส่วนผสมมันง่ายรึไง ไหนบอกว่ายากแล้วจะทำให้
      สอบผ่านล่ะ แล้วเธอยิ้มกริ่มแต่เช้าเลย มันหมายความว่ายังไง ” ทอมถาม

      “ นั่นสิ เธอก็ยังไม่ได้บอกเราเลยนะ ส่วนผสมฉันยังเห็นไม่ครบเลย แค่เห็น
      แรกๆก้ไม่อยากอ่านต่อแล้ว พนันได้ว่าพี่เฟิร์ซกับพี่เบลต้องไม่เคยปรุงมา
      ก่อน ” เซียพูด

      “ ใช่ แต่ว่าถ้าพี่ๆเห็นคงต้องแย่งกันปรุงแน่เลย ถ้าปรุงเสร็จได้ผลดี จาก 100
      คะแนน ก็เกิน 90 ชัวร์ๆอยู่แล้ว เป็นเธอๆจะปรุงมั๊ยล่ะ ยิ่งน้ำยาสนุกๆอย่างนี้ พี่ๆ
      ต้องอดใจไม่ไหวแน่ ” อลิซพูดอย่างภูมิใจนักหนาที่มีโอกาสดีกว่าพี่ แต่นั่นก็ทำ
      ให้เอ๊ดคิดว่า ที่พี่เฟิร์ซฝากคงเป็นไปไม่ได้ เพราะ ตัว ( พี่เฟิร์ซ ) เค้าเองยังควบ
      คุมไม่ได้เลย ประสาอะไรกับน้องสาวที่เป็นตัวยุ่งยิ่งกว่า

      “ แล้วฉันก็ต้องการให้พวกนายช่วยด้วยอีกแรง ไม่งั้นก็คงไม่สำเร็จ เพราะ ส่วน
      ผสมบางส่วน สามารถหาได้จากเมืองแอลนิวซิต ( เอ๊ดมองเรียบๆ เชและทอมมอง
      หน้ากันอย่าง… ) เมืองเควชอส ( คราวนี้เป็นคราวที่เดรโกทำหน้าบรรยายยาก )
      แต่ส่วนมากจะจากแอลนิวซิตนะ รู้สึกถ้าจำไม่ผิด ส่วนผสม หรือ 28 อย่างนี่แห
      ล่ะ มีของที่ต้องหาจากเควชอสเรียกได้ว่าน้อยนะ แค่อย่างเดียวเอง ” อลิซพุดทำ
      ให้เดรโกถอนหายใจอย่างโล่งอก

      “ แล้วไหนว่าเยอะไง ” เดรโกถาม “ พูดโดยรวมระหว่างสองเมืองนี้ไง ที่จริง
      เควชอสไม่เยอะ แต่แอลนิวซิตเยอะ แล้วฉันก็จะไปหาด้วย ” คำตอบของอลิซทำ
      เอาทางแอลนิวซิตหนักใจขึ้นมา

      “ แอลนิวซิตนี่หายากนิดนึง แต่ไม่ยากมากหรอก ( เชื่อได้หรอ – เอ๊ดคิด ) แค่
      ประมาณนะ ประมาณ 8 อย่าง ฉันยังนับไม่แน่นอนหรอก นอกนั้นฉันจะจัดการ
      เอง ” อลิซบอก

      “ แล้วจะไปเอาได้ยังไง ” เดรโกถาม “ ไปทางกระจก ฉันรู้สึกว่าน่าจะเจาะระบบ
      ได้ ” อลิซตอบเรียบๆ

      “ เจาะระบบหรอ มีระบบด้วย ” เดรโกถาม

      “ ก็มีบ้างนิดหน่อย แต่ฉันเชื่อว่าเมืองใหญ่ๆอย่างเมืองแอลนิวซิตกับเควชอส
      ต้องมีระบบแน่ๆโดยเฉพาะเราจะไป ” อลิซตอบ

      “ ก็นั่นน่ะสิ แล้วจะทำได้ง่ายๆหรอ หรือว่าจะเล่นเส้น ” เอ๊ดถามแหย่ ฝ่ายอลิซก็
      ยิ้มตอบรับ

      “ เมืองกระจกเค้าไม่เล่นเส้นกันหรอก ถึงจะเป็นเชื้อเจ้ามาจากไหน ถ้าแค่นี้ทำ
      เองไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็น ส่วนมากเค้าจะทำกันเอง จะมีก็แต่ฉุกเฉินเท่านั้นล่ะ
      อีกอย่าง แค่เจาะระบบแค่นั้น ถ้าฉันทำไม่ได้ ก็ไม่สมควรผ่านการฝึกของครู
      เว่น ” อลิซตอบ เอ๊ดก็ได้รู้เพิ่มมาอีกอย่างว่า มีการสอน การฝึกเจาะระบบ
      ทางกระจกด้วย หาทางสนุก ( หาเรื่อง ) อีกแล้วตระกูลนี้

      “ โห เรียนเยอะจัง อายุแค่นี้ไม่น่าเชื่อ ” เดรโกพูดพลางมองอลิซ

      “ อายุไม่สำคัญหรอก ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ต้องเรียนรู้เอาไว้เพื่ออนาคต ทุกคน
      ต้องใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ ” อลิซตอบ

      “ ว่าแต่…จะช่วยมั๊ยล่ะ ” อลิซถาม เดรโกมองหน้าเอ๊ดที่กำลังครุ่นคิด

      “ ไม่ช่วยคงไม่ได้ ถือว่าช่วยเพื่อนให้สอบผ่านแล้วกัน ” เอ๊ดตอบ “ ขอบใจจ้ะ ”
      อลิซบอก

      “ แล้วส่วนผสมมีอะไรบ้างล่ะ ” เชถาม “ เอาเฉพาะที่ต้องไปเอาจากสองเมืองนี้
      ก่อนนะ ” อลิซพูด

      “ จากเควชอส เป็นส่วนผสมอย่างที่ 15 ผมสีเงิน 3 เส้นจากผู้หญิงเมืองปริศนา
      ส่วนของแอลนิวซิตก็… มี… อย่างที่ 16 หนวดจิ้งจอกหนึ่งเส้น อาจจะเอาจากที่
      โรงเรียนก็ได้นะ ไม่แน่… ” อลิซพูด ขณะที่กำลังจะพูดต่อเอ๊ดก็ขัดขึ้น

      “ ไม่ต้อง เอาจากแอลนิวซิตนั่นแหล่ะ ดีแล้ว ” เอ๊ดพูด เพราะ รู้ว่าจิ้งจอกที่อลิ
      ซพูด หมายถึง จิ้งจอกขาวของ มิสแซนนารี่ ซึ่งเสี่ยงมากที่จะไปเอา

      “ โอเค จิ้งจอกนี่ไม่ระบุสายพันธุ์นะ งั้นต่อไป… คงไม่ยากมากเกินไป เล็บมังกร
      5 กรัม แต่ฉันว่า หาซื้อได้นะ งั้นต่อไป…เลือดมังกร 3 หยด อันนี้ต้องไปเอาใส่
      ขวดแก้วมาสดๆ ไม่ควรซื้อเอาเพราะอาจจะได้คุณภาพไม่ดี ว้า…เรื่องมากจัง ( งั้น
      ก็อย่าปรุงสิ – เอ๊ดคิด ) แต่ก็โอเค ขนนกฮูก 20 สายพันธุ์ สายพันธุ์ละ 1 เส้น ขน
      ยูนิคอร์น 7 เส้น อันนี้ที่ห้องปรุงยาฉันมี ตัดไป เล็บสฟิงซ์ อันนี้ก็มี อ้อ! ต้องอันนี้
      น้ำจากแอ่งน้ำบนหัวกัปปะ 9 หยด แต่…ขอเมืองบาดาลดีกว่า อันนี้ ปีกพิ๊กซี่ 1 ข้าง
      ( จะหาได้มั๊ยเนี่ย – คราวนี้เชคิดบ้าง ) เหล็กในเออร์คิง 1 อัน ( ทอมตัวแข็งทื่อ
      ขึ้นมาเฉยๆ ) ไม่ให้พวกเธอหาหรอกน่า ฉันเป็นคนไปหาเอง แล้วก็สุดท้าย
      สำคัญมาก ผีเสื้อสะพายฟ้าหนึ่งตัว สำหรับเป็นตัวหลัก เป็นชีวิตของเทพ
      พยากรณ์เลยล่ะ แต่ฉันว่าบางอย่างมีปัญหา แต่ไม่เป็นไร ค่อยแก้ไขทีหลัง ” อลิ
      ซพูดจบ คงมีแต่เอ๊ดที่ฟังเรียบๆ

      “ งั้นสรุปก็มี หนวดจิ้งจอก 1 แล้วก็ เลือดมังกร ขนนกฮูก 20 สายพันธุ์ ปีกพิ๊กซี่
      1 ข้าง ผีเสื้อสะพายฟ้า ก็มีทั้งหมด 5 อย่าง ( สมองดีเยี่ยม – ทอมชมจากใจจริง )
      คิดว่าคงหาได้ แล้วที่เหลือ ก็ช่วยกันคิด เธออย่าเสี่ยงล่ะ อลิซ ” เอ๊ดพูดแต่อลิซก็
      ได้เพียงส่งยิ้มสดใสมาให้ แต่ไม่ได้สัญญาอะไร

      “ แล้วที่เหลือล่ะ อลิซ อย่างอื่นฉันดูไม่หมดส่วนมากวานพวกเอเรียได้ตามที่เธอ
      บอกเมื่อเช้า ( ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย – เซียคิด ) แต่ ไอ้เลือดมีร่า กับ เลือด
      ปีศาจนี่สิ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะทำยังไง ” วีนพูด

      “ ก็นี่ล่ะ จุดสำคัญจุดหนึ่งของคะแนนทีเดียว เลือดมีร่าก็ต้องไปในด่านแรกของ
      เมืองกระจก แล้วก็กลับออกมา เพราะไม่งั้นจะเสียเวลา มันน่าเบื่อ ( น่าเบื่อ…งั้น
      แสดงว่าเคยไปผ่านด่านบ่อยจน…ล่ะสิ – เชคิด ) คิดว่าคงได้ ” อลิซพูด

      “ มีร่า มีร่า ใช่ไอ้ตัวที่เค้าว่ากันว่า ยังไม่ค่อยจะมีใครเห็นรูปร่างใช่รึเปล่า ไอ้ตัว
      ที่มีเฉพาะในเมืองกระจกใช่มั๊ย ” เอ๊ดถาม

      “ ใช่ แต่…ถ้าเอาชนะมันได้ แล้วไวซัก ( ไม่ ) นิดก็จะเจอตัว ฉันเคยเจอแล้ว
      ส่วนเลือดปีศาจ ไม่ระบุจำนาน ขอจากพลอซ เค้าก็คงให้ ” ทันที่อลิซพูดจบ เซียก็
      ถามว่า

      “ หมอนั่นเค้าคงให้หรอก ไปขอเลือดเค้าแบบนั้น เธอจะพูดยังไงล่ะ เค้านิ่ง ดุ ไม่
      ค่อยเป็นมิตรกับคนอื่นอยู่นี่นา หรือเดินไปเผชิญหน้าแล้วพูดว่า ” เซีย
      หยุดกระแอมไอนิดนึงแล้วเรียนเสียงอลิซ ( ทำได้ไม่เหมือนเอาซะเลย ) “ พลอ
      ซ ฉันต้องการเลือดปีศาจไปปรุงยา ขอให้ฉันซักหน่อยสิ ”

      “ หรือว่า พลอซ เรามีความจำเป็นนิดหน่อยต้องใช้เลือดปีศาจ ขอให้เราซักหยด
      สิ ” แคตแกล้งพูด แต่ไม่ได้พยายามทำเสียงเหมือนที่เซียทำ

      “ ฉันมีวิธีพูดแล้วกันน่า ไม่ต้องสนหรอก อีกอย่าง ฉันคงไม่อยากบอกเค้าหรอก
      นะว่าต้องการเลือดปีศาจ ไม่งั้นเค้าคงไม่ให้ ” อลิซพูด

      “ แล้วพูดอย่างอื่นแล้วเค้าจะให้หรออลิซ พวกนั้นยิ่งไม่ถูกกับครูเว่น กับ วีเชอร์
      นี่ยังไม่รวมไปถึงเมืองนั้น ( เมืองเดวิลัส - เมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองปีศาจ ) ที่เค้าตั้ง
      ตัวเป็นศัตรูกับมัลเลน ( มิลเลอร์ มัลเลน )อีก แล้วเค้าจะให้หรอ ” วีนถาม เมือง
      ปีศาจตั้งตัวเป็นศัตรูกับเมืองกระจก แต่ทางครูเว่นไม่ได้คิดว่าเป็นศัตรูอะไร
      มาก เพราะ ไม่ได้บาดหมางอะไร และ ไม่ค่อยอยากอาฆาต แต่ทางปีศาจอาจไม่
      คิดอย่างนั้น โดยเฉพาะ พระราชาคนปัจจุบัน ที่ตั้งใจจะหาทางโจมตีมัลเลนเสมอ
      ส่วนหนึ่งเพราะ อยากได้พลังของพี่ชายคือ ( จากอลิซ )

      “ มัลเลน กับ เดวิลัสไม่ถูกกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า ฉัน กับ พลอซ จะไม่ถูก
      กันด้วยนี่นา ” อลิซตอบหน้าตาเฉย ( สมเป็นครูเว่น – เอ๊ดคิด )

      “ เอาเป็นว่า เรื่องนั้นชั่งก่อน แล้วเธอจะเอาตอนไหนล่ะ ส่วนผสมที่บอกน่ะ ”
      เอ๊ดถามเข้าเรื่อง

      “ เที่ยงนี้จะกำหนดอีกทีนึง ” อลิซบอก แล้วทั้งหมดก็จบบทสนทนาเรื่องส่วนผสม
      ไว้แค่นั้น

      “ ทำไมวันนี้ไม่มีจดหมายมาหาพวกล่ะ ” แคตถามหลังจากกินเสร็จ

      “ เค้าจะมาส่งเฉพาะวันแรกไง ที่เหลือก็ที่กล่องไปรษณีย์ที่ติดไว้หน้าห้อง ( มีด้วย
      หรอ มีตอนไหนเนี่ย สงสัยติดเมื่อคืน – เซียคิด ) เธอไม่รู้หรอ ก็เค้ามาติดเมื่อ
      คืนไง ” วีนถาม

      “ อ๋อ ไอ้เสียงนั่นน่ะนะ ฉันก็ลืมไป ” แคตพูด
      แล้วทุกคนก็สนทนากันต่อจนได้เวลาแล้วเข้าแถวทำกิจกรรมปกติ แล้ว ก็เข้า
      ห้องเรียน

      วันอังคารประเดิมวิชาแรกด้วยวิทย์ฯ สอนโดยครูสาวสวย วีเซีย เนซิน ซึ่งการ
      เรียนวิชานี้เป็นยานอนหลับอย่างดี แต่เนื่องจากความเกรงใจจึงไม่มีใครกล้า
      หลับ แต่ไม่มีกระจิตกระใจเรียน แต่คนขยันวิชานี้ตลอดการที่อลิซยกย่องก็คือ
      เอ๊ด ที่เข้าใจทุกอย่าง และ เก่งเอามากๆด้วย

      แล้วหลังจากนั้นก็ต่อด้วยศิลปะซึ่งเป็นโชคดี ( รวมถึงความพอใจ ) ของอลิซ
      เพราะ วิทย์เอ๊ดเก่งกว่าเธอ แต่ ศิลปะเธอเก่งกว่า ชั่วโมงนี้ก็วาดรูปต่อจากคราว
      ที่แล้ว อลิซวาดเพิ่มความสวยงามและสมจริงนิดหน่อย เอ๊ดวาดเพิ่มเยอะกว่า
      เธอ ส่วนเซียเสร็จก่อนอลิซ เพราะ สิ่งที่เซียสามารถทำได้ดีที่สุด ( ในกลุ่ม ) คือ
      วาดรูป และ ลายมือเธอสวยที่สุด แต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกันไป

      หลังจากนั้นอลิซต้องผจญ ( ในความเหม่อลอย ) กับวิชาประวัติศาสตร์ ที่รวบรวม
      ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ กฎ ระเบียบ ข้อปฏิบัติต่างๆ ของชาวสเปช ซึ่งสอนโดยครูที่
      มีอายุพอสมควร
      มิสซิสชีน่า ชีลอรีน ซึ่งเป็นคงใจดี และ คงจะดีกว่านี้ถ้าจะสอนให้สนุกขึ้นไปอีก
      ซักหน่อย แต่จะเอาอะไรมากกับวิชาอย่างนี้

      อลิซ ( ซึ่งชอบเหม่อลอยมากเป็นพิเศษในวิชานี้ ) ใช้ปากกาที่จดจากเสียงและ
      ตามที่ระบุ ซึ่งเป็นปากกาพิเศษที่มีราคา ทันสมัย และ หายากมาก และ เธอคงไม่
      ได้มาถ้าไม่ใช่พี่ชายแสนดีที่รู้ใจน้องสาวอย่างพี่เฟิร์ซ ที่ยินดีที่จะหามาแม้จะหา
      ยากแค่ไหน ก็ทนหามาให้ตัวเองและน้องสาวทั้งสองคนเป็นของขวัญวันพิเศษ (
      วันเกิด…เกิดอยากจะให้ ) เธอใช้เวลาระบุมันในวันเสาร์ ( ก่อนหน้าที่จะมา
      โรงเรียน เกือบเดือน เพราะ ป้ามอนต้าบอกให้เตรียมไว้ก่อน ) ถึงครึ่งวัน ( รวม
      ภารกิจอื่นๆที่คิดว่าจะทำ )
      และคงไม่สำเร็จถ้าไม่ได้ตัวอย่างเสียงของครูจากพี่เบลซึ่งยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะ
      ช่วยน้องสาว เพราะ เธอก้ได้มาจากพี่เฟิร์ซอีกที ซึ่งในการระบุต่างๆต้องมีเสียง มี
      ข้อจำกัด ซึ่งแทบจะเหมือนการใส่สมองลงในปากกาเลยทีเดียว และต้องระบุลาย
      มือเจ้าของปากกา ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนได้ ( ครั้งแรกที่ระบุจึงต้องเขียนให้สวยที่
      สุดเท่าที่จะทำได้ ) เมื่อครูเห็นก็ไม่ทำอะไรมากนอกจากพูดอย่างรู้ทันว่า
      “ ฉลาดนะ ของขวัญชิ้นพิเศษจากพี่ชายล่ะสิ ” แล้วอลิซก็ได้แต่ตอบ “ ค่ะ”
      เพราะ ไม่อยากพูดอะไรมาก ครูคงรู้เพราะ พี่เฟิร์ซใช้ประจำ แต่บางวิชาเท่านั้น
      ซึ่งอลิซก็ใช้แค่ วิทย์ ประวัติ ทฤษฎี เท่านั้น
      ซึ่งเฟิร์ซ และ เบล ก็ใช้แค่ 3 วิชานี้เช่นกัน

      แล้วในที่สุดการเรียนภาคเช้าในวันอังคารก็จบลงแล้วทุกคนก็มาที่ห้องทาน
      อาหารของ 3/1

      “ โอ๊ย! ชั่วโมงแรกก็ปวดหัวแล้ว ” แคตที่กุมขมับตลอดในวิชาประวัติบ่นเป็นคน
      แรกในโต๊ะ

      “ นั่นสิ กฏระเบียบอะไรก็ไม่รู้ยุ่งยาก ” เซีย อีกเสียงจากคนหนึ่งของครูเว่น บ่น
      คนตระกูลนี้ไม่ค่อยชอบกฏระเบียบ เพราะ ไม่เคยทำอะไรผิด ( ร้ายแรง ) และ
      ส่วนมากจะรู้ว่าอะไรควร ไม่ควร จึงค่อนข้างที่จะเบื่อ แต่คนที่ทำตาม บ่อยๆ และ
      เรียนรู้บ่อยๆ อย่างเอ๊ดกลับไม่บ่นซักคำ
      “ อลิซ เธอไม่เบื่อบ้างหรอ ” เซียถามอลิซที่นั่งเงียบๆไม่พูดอะไรเกี่ยวกับวิชานี้
      ทั้งที่เธอน่าจะบ่นบ้าง เพราะ ปีที่แล้วๆมา เธอจะบ่นว่าเบื่อ

      “ ฉันมัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่เลยไม่ค่อยได้ฟัง อีกอย่างฉันอ่านในที่จดแล้ววันนี้ฉัน
      ว่ามันมีความสำคัญต่อที่นี่ แม้เราจะได้เรียนทุกปีก็เถอะ แต่จำไว้ก็ไม่เสียหาย
      อาจจะออกสอบก็ได้ ” อลิซออกความเห็นแล้วนั่งกินต่อ

      “ นั่นสิ พี่เฟิร์ซผู้แสนดี แล้วยังมีพี่เบลอีกคน หวังดีต่อน้องจริงๆส่งอุปกรณ์แสน
      เลิศมาให้น้อง เช่นเดียวกับน้องที่สรรหาของแก้เซ็งให้พี่ พอๆกันทั้งพี่ทั้งน้อง
      เลย ทั้งสามคนนั่นแหละ ” เอ๊ดพูด

      “ เธอก็น่าจะชินได้แล้วนะเอ๊ด ” วีนพูด “ แต่จะว่าไป วันนี้ฉันว่าประวัติบุคคล
      สำคัญของที่นี่ แล้วก็กฏระเบียบอะไรนั่นน่ะฉันเห็นด้วยกับอลิซว่าต้องออกสอบ
      แหง ” วีนพูดแล้วนั่งกินต่อ ในบรรดาทั้งหมด วีน และ เช เก่งประวัติศาสตร์ที่
      สุด แต่ เช จะชอบอ่านเรื่องประวัติคน ตระกูลต่างๆ หรือ ประวัติสถานที่ ส่วนวี
      นจะชอบจำข้อปฏิบัติ ข้อห้าม ( ทำตามรึเปล่าอีกเรื่องนึง ) แล้วที่สูสีกับคู่นี้ก็คงเป็น
      เอ๊ด ที่ดูเหมือนจะเก่งไปซะหมด ( แต่คงเว้นศิลปะ ) ส่วนอลิซไม่ค่อยปลื้มกับวิชา
      นี้แต่ก็เป็นรองแค่ 3 คนนี้เท่านั้น เพราะเธอหัวดี แต่เบื่อง่าย

      “ ชั่งมันก่อนเถอะ แต่ว่า…คาบบ่ายนี้ อลิซ เซีย แคต พวกเธอรู้รึเปล่าว่ามีเรียน
      มารยาท ทำให้ดีล่ะ เดี่ยวจะส่งผลถึงสังคมที่เอาคะแนนมารวมกัน ” เดรโกเตือน

      “ ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงครูเว่นจะไม่เคร่งระเบียบ ไม่ยึด
      กฏเกณฑ์ แต่เราก็ต้องเรียนรู้เพราะ เราจะทำตัวสบายๆเหมือนอยู่ในเมืองไม่
      ได้ เรื่องนี้รู้กันดี เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง สบายมาก ว่าแต่เซียกับแคตเถอะ
      โดยเฉพาะเธอ เซีย อย่าทำแก้วแตกเป็นอันขาด แล้วก็ อย่าดื่มน้ำมากเกินไป
      ด้วยเวลาอยู่บนโต๊ะ ” อลิซเตือน เพราะ เวลาเซียนึกวิธีจับที่ถูก หรือ วิธีกินที่
      สุภาพ ไม่ออกมักจะดื่มน้ำ เพราะ เธอมั่นใจเหลือเกินว่าเธอจับแก้วถูก เพราะ
      เคยถูกป้ามอนต้า ทั้งว่าทั้งสอนมาแล้ว

      “ ก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายมากหรอก โชคดีที่ครูสังคมเค้าไม่ได้เอามาสอนมารยาท
      ไม่งั้นได้ซี้ม่องเท่ง แล้วก็ชั่วโมงแรกครูเค้าทบทวนให้ ชั่วโมงที่สองซึ่งตรงกับวัน
      ศุกร์ถึงจะสอบ ถ้าเป็นตามนี้ ( ตามที่พี่เบลบอก ) ก็โอเค ” เซียบอก

      “ อย่าประมาทเชียว เห็นว่ากันว่าเคร่งน่าดูเรื่องระเบียบต่างๆ แต่คงไม่เท่ามิสซิ
      สมาร์ช ครูวิชาสังคม พี่เฟิร์ซเลยไม่ได้เตือน แต่ก็ประมาทไม่ได้ ” อลิซบอก

      “ อลิซ แล้วไหนที่บอกว่าจะบอกเรื่องยานั่นไงล่ะ ” เอ๊ดถาม

      “ ฉันดูแล้ว ต้องใช้เวลานานทีเดียว วิธีทำง่ายสุดๆ เอาส่วนผสม ใส่ตามลำดับ มี
      แค่2 อันที่ยกเว้น เราคงเริ่มเดือนมีนาเพราะ ส่วนผสมอย่างนึงมันระบุไว้ สำคัญ
      ที่ส่วนผสมเท่านั้น ในหนังสือเค้าบอกว่าไม่ต้องคำนึงถึงวิธีมากเกินไป ” อลิซบ
      อกแล้วแจกวัสดุอุปกรณ์ที่ถ่ายเอกสารมา ให้กับทุกคน

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

      น้ำยาเทพพยากรณ์
      วัสดุอุปกรณ์

      1. น้ำค้างคืนวันเพ็ญ 500 หยด ( เดือนกุมภาพันธ์ )
      2. เกล็ดหางนางเงือกผมสีเงิน เกล็ดสีเงิน 10 เกล็ด
      3. หยดเลือดผู้ถามคนละ 5 หยด ( ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนหยดเลือดหรือ ไม่มีสายเลือด
      เดียวกันกับผู้ที่หยด จะไม่มีสิทธิ์ถาม หรือ พูด กับเทพพยากรณ์ )
      4. ทับทิมแดงบดละเอียด 5 กรัม
      5.ใบแอปเปิ้ลสีทอง 3 ใบ จากเมืองแห่งความฉลาด ( เก็บคืนวันเพ็ญเดือน
      มีนาคม )
      6. ขนนกฟีนิกซ์ 1 เส้น
      7. น้ำตานกฟีนิกซ์ 1 หยด
      8. เลือดนางเงือกเกล็ดหางสีทอง 9 หยด
      9. ทองจากปลายมงกุฎราชาแห่งเมืองบาดาล ( ไม่ระบุจำนวน )
      10. 1/100 ของแอปเปิ้ลสีเขียว 1 ผล ( หลังจากได้แล้วเอาที่เหลือทิ้งไป )
      11. ขนนกฮูก 20 สายพันธุ์ สายพันธุ์ละ 1 เส้น
      12. ขนยูนิคอร์น 7 เส้น
      13. เล็บสฟิงซ์ 10 กรัม
      14. น้ำจากแอ่งน้ำบนหัวกัปปะ 9 หยด
      15. ผมสีเงิน 3 เส้น ( จากผู้หญิงเมืองปริศนา )
      16. หนวดจิ้งจอก 1 เส้น ( สายพันธุ์ใดก็ได้ )
      17. ขนนกสีทอง ( ต้องไม่ใช่นกฮูก )
      18. เล็บมังกร 5 กรัม
      19. เลือดมังกร 3 หยด
      20. เลือดมีร่า 1 หยด
      21. หิมะจากเมืองน้ำแข็ง ( ไอซิส - ไม่ระบุจำนวน แต่ไม่ต้องมาก )
      22. ช็อกโกแล็ตนมจากเมืองอาหาร ( ฟูดูริส ) 20 กรัม
      23. ตำราเวทมนตร์โบราณในเมืองหนังสือกลางเขาวงกต ( 1 ใน 10 หนังสือกลาง
      เขา ) เรื่อง เทพพยากรณ์
      24. เลือดปีศาจ 1 หยด
      25. ลูกแก้วคล้ายๆลูกแก้วพยากรณ์ ( ต้องหด – ขยายได้เปิดตรงท้ายได้ )
      26. ปีกพิ๊กซี่ 1 ข้าง
      27. เหล็กในจากหางเออร์คิง 1 อัน
      28. ผีเสื้อสะพายฟ้า 1 ตัว

      -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      “ ทั้งเยอะทั้งเรื่องมาเลยแฮะ ” ทอมบ่น และทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยแม้แต่อลิ


      “ แต่ฉันเห็นว่ามันยาก แล้วก็ใกล้ตัว ก็เลยเอา ” อลิซบอก

      “ แล้วจะเอายังไงล่ะ ” เอ๊ดถาม

      “ ก็ง่ายนิดเดียว น้ำค้างโทรวานเอเรียแล้ว เกล็ดหางนางเงือกผมเงินก็โทรวาน
      ไอด้าแล้ว ส่วนทับทิมฉันไปเอาที่ห้องที่มัลเลนแป๊บเดียว ใบแอปเปิ้ลก็โทรวาน
      เอมีเลียแล้วเหมือนกัน ( มิน่ามันถึงง่าย – เอ๊ดคิด ) ขนกับน้ำตานกฟีนิกซ์ก็เอา
      จากฟลอเรนซ์ เลือดของนางเงือกเกล็ดหางทองกับทองปลายมงกุฎก็ให้ไอด้า
      จัดการ แอปเปิ้ลบอกให้ป้ามอนต้าจัดการแล้ว ขนนกฮูก ขนยูนิคอร์น เล็บสฟิงซ์
      เป็นน่าที่ของเอ๊ด หาได้ไม่ยาก น้ำบนหัวกัปปะวานไอด้าแล้ว ( ไล่มา 14 อย่าง ยัง
      ไม่ได้ทำเองซักอย่างเดียวมิน่าถึงบอกว่าง่าย กลายเป็นการวางแผนใช้คนซะมั้ง
      งานนี้ – เดรโกคิด ) ” อลิซหยุดแล้วพูดว่า
      “ นี่ เดรโก ถ้านายยังฟังไม่จบก็อย่าด่วนสรุปว่าเป็นงานวางแผนใช้คนสิ ฟัง
      ตอนท้ายๆที่วางแผนก่อน โดยเฉพาะเลือดปีศาจ ฉันต้องไปเอาเองอยู่แล้ว ไม่
      งั้นก็ต้องบู๊กันเลือดสาดแน่ เพราะฉะนั้นก้อนจบก็อย่าพึ่งด่วนสรุป ( แค่คิดเนี่ย
      นะ – เดรโกคิดพลางมองตาอลิซ ) จะแค่คิดก้ชั่งยังไงก็อย่าพึ่งด่วนสรุกนักสิ ” คำ
      พูดของอลิซทำให้เดรโกพึ่งนึกขึ้นได้ถึงความสามารถในการมองของอลิซว่ารู้ถึง
      ความรู้สึก

      “ ขอโทษ ” เดรโกบอก “ ไม่เป็นไร อย่าซีเรียสล่ะ ฉันพูดไปงั้นๆแลหะ อย่าถือสา
      ก็แล้วกัน ” อลิซ
      บอกเพื่อให้เค้าสบายใจขึ้น “ พูดไปงั้นๆของเธอ เฮ้อ! เล่นเอาใจห่อเ่ยวเลย ” เด
      รโกพึมพำ

      “ ต่อไป 15 ผมสีเงินเป็นหน้าที่ของเดรโก ( อย่างน้อยก็ง่ายกว่าพวกที่บอกมา –
      เดรโกคิด ) หนวดจิ้งจอกคงรู้แล้วว่าสุภาพบุรุษท่านไหนเป็นคนรับผิดชอบ ( “
      ไม่ต้องแขวะเลย พูดต่อไปสิ ” เอ๊ดบอก ) โอเคๆ เล็บมังกรมีแล้ว เลือดมังกรของ
      เอ๊ด เลือดมีร่าทีแรกฉันจะจัดการแล้ว แต่ตอนคิดอยู่นาไดน์ก็โทรมาบ่นๆๆว่าไม่
      แบ่งให้เค้าสนุกบ้างเลย ( เห็นเป็นเรื่องสนุกเหมือนกันทั้ง 9 คนเลยใช่มั๊ย
      เนี่ย – เอ๊ดคิด ) ฉันก็เลยยกให้เค้าจัดการ ส่วนหิมะฉันโทรไปวานเอมีเลียแล้ว
      เพราะตอนนี้เค้าอยู่ที่นั่นพอดี แล้วก็ช็อกโกแล็ต ฉันก็ โทรไปบอกซิลเวียแล้ว
      พอดีเค้าไปเที่ยวที่นั่น ตำราเวทมนตร์นี่แหละที่ฉันจะไปเอา แล้วก็เลือดปีศาจ
      กับลูกแก้วพยากรณ์ด้วย ปีกพิ๊กซี่ เอ๊ดจัดการ ส่วนเหล็กในเออร์คิงโรสจะจัดการ
      เพราะ เค้าเหมาะที่สุด แล้วก็ยินดีด้วย ( ยินดีไปเอาเหล็กในเออร์คิง ปกติอยู่
      หรอ แต่พวกครูเว่นก็งี้ เห็นเป็นไม่อันตรายไปซะหมด – ทอมคิด ) แล้วก็สุด
      ท้ายผีเสื้อสะพายฟ้า เอ๊ดจัดการ เห็นมั๊ยว่ามันง่ายขนาดไหน ” อลิซพูด

      “ ไอ้ฟังๆก็ง่ายอยู่หรอก นายว่าไง เอ๊ด ” ทอมถาม

      “ ก็โอเค วันเสาร์ อาทิตย์นี้ไปเอาได้สบายมาก แต่…พวกนายทำไมเรียกฉันว่า
      เอ๊ดตามอลิซล่ะ ” เอ๊ดถาม

      “ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เห็นอลิซเรียกบ่อยๆ พวกฉันก็เลยตัดสินใจจะเรียกบ้าง
      นายจะได้ไม่สันสนไงล่ะ ” ทอมตอบ ( ไปตัดสินใจกันตอนไหนเนี่ย แล้วมันจะ
      ไม่ง่ายกว่าหรอ ถ้าเปลี่ยนเป็นให้อลิซมาเรียกว่าเคน แต่จะว่าไป พวกนี้ก็ทำถูก
      แล้ว เพราะ อลิซ คงไม่ยอม – เอ๊ดคิด )

      “ อลิซ แล้วเราจะไปเอาตำรากับของที่กำหนดอื่นๆที่บอก วันไหน ” วีนถาม

      “ ตำราคงวันเสาร์นี้เลย เพราะไม่งั้นอาทิตย์หน้า การบ้านอาจจะเยอะขึ้น แล้วยิ่ง
      เร็วยิ่งดี เลือดคงต้องรอแถวๆคริสต์มาส ” อลิซบอก

      “ ทำไมต้องคริสต์มาส ” เอ๊ดถาม

      “ ฉันมีเหตุผลของฉัน ส่วนลูกแก้วแบบคล้ายๆลูกแก้วพยากรณ์ที่หดได้ ขยาย
      ได้ พ่อฉันมีเพียบเลยล่ะ ฉันคิดว่าคงขอได้ ” อลิซบอก

      “ ก็รวมๆแล้วตัดอันยากๆไปเยอะ ที่น่าหนักใจก็คงมีตำรากับเลือด ” วีนสรุป

      “ ไม่หรอก ตำราอาจจะใช่ แต่คงไม่ยากมาก โดยเฉพาะ ถ้ามีพลังทางสายตา ไป
      เอาตำราเราคงไปกันไม่หมด ส่วนเลือดคงไม่ยากอย่างที่คิด แล้วก็ลูกแก้ว จู่ๆไป
      ขอ แล้วพวกแคตกับเซียมีส่วนร่วมน้อยพ่อก็คงต้องหาอะไรให้ทำ หรือ ไม่ก็ฉัน
      เสนอเอง ” อลิซตอบ คำตอบพลิกล็อกเกินคาด จากยากเป็นวางแผนใช้คน และ
      จากอีกอย่างที่คิดว่ายากก็กลายเป็นธรรมดาสำหรับอลิซ แล้วไอ้ที่คิดว่าง่าย ก็คง
      จะกลายเป็นวุ่น

      “ ทำไมไปกันหมดไม่ได้หรอ ” เซียถาม “ ฉันคิดว่าคงมีอะไรสนุกกว่านี้ให้เธอ
      กับแคตแล้วก็คนอื่นทำ แล้วก็คราวนี้ ฉันอาจจะไปคนเดียวก็ได้ ” อลิซตอบ

      “ ฉันไปด้วย ” เอ๊ดพูด “ ฉันก็ไปด้วย ” วีนบอก “ ฉันก็จะไปด้วย ” เดรโก
      เสริม “ พวกเธอสามคนไปได้ แต่…เซีย แคต ทอม เช ไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันดู
      ถูก หรือ อะไร แต่…พวกเธอมีหน้าที่สำคัญกว่านั้น คือ…ดูต้นทางให้ฉัน ทอมกับ
      เช ดูเซียกับแคต ” อลิซบอกทำให้ทั้งสี่คนเถียงอะไรไม่ได้ ( ทั้งที่ทอม กับ เช
      อยากจะบอกเหลือเกินว่า สถานการณ์แบบนี้ให้ดูคนทั่วไปก็ยากแล้ว คงไม่มีใคร
      ทนอยู่เฉยๆได้ แม้พวกเค้าจะพอเอาทั้งคู่อยู่บ้าง แต่ห้ามคนของครูเว่นไม่ใช่
      เรื่องง่ายๆเลย ถึงแม้สำหรับอลิซ มันคงง่ายนิดเดียว แต่สำหรับพวกเค้านี่สิ
      เฮ้อ! )

      แล้วอลิซก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหา…

      “ พ่อคะ สวัสดีค่ะ ยุ่งอยู่รึเปล่าคะ ” อลิซถาม

      “ เปล่าจ้ะ ลิซ มีอะไรหรือลูก ” พ่อถาม

      “ คือว่า…ลิซอยากได้ลูกแก้วจำลองเล่นๆของพ่อที่ขยายได้ หดได้ พ่อมีเยอะใช่มั๊ย
      คะ ” อลิซถาม

      “ จะว่ามีเยอะก็ใช่นะ จะเอาไปทำอะไรล่ะ อย่าเอาไปงับหัวเพื่อนเล่นแล้วกัน ”
      พ่อแซว

      “ ไม่หรอกค่ะ คือ…เป็นส่วนสำคัญในการปรุงยาสอบปีนี้ เซีย กับ แคต ก็ร่วมกับลิ
      ซ แล้วก็พวกเอเรียทุกคน แล้วก็เพื่อนๆอีกค่ะ พ่อคงไม่ว่าใช่มั๊ยคะ ถ้าลิซจะขอ ”
      อลิซถาม

      “ ก็ได้นะ ไม่มีปัญหา แต่พ่อว่า นานแล้วนะที่ลูกไม่ได้ไปเล่นเกมส์ หัดผ่อนคลาย
      บ้างก็ดีนะลิซ ชวนเพื่อนๆไปเล่นบ้างก็ได้จะได้ทำสถิติให้ครบ ” พ่อแนะนำ

      “ ค่ะพ่อ แล้วลิซจะเล่น จะพยายามทำให้ครบค่ะ ” อลิซพูด

      “ สัญญา ” พ่อพูด

      “ ค่ะ ลิซสัญญา ” อลิซรับปาก

      “ พ่อคะ พ่อไม่อยากให้ลิซเอาลูกแก้วไปเล่นงับหัวเพื่อน แต่ถ้าเป็นพี่เบล พ่อคง
      ไม่ห้ามใช่มั๊ยคะ ” อลิซแกล้งถาม

      “ ก็แล้วแต่ว่า ลูกจะอยากเจ็บตัวมากหรือน้อย ตามใจ พ่อเดาอารมณ์ช่วงนี้พี่เค้า
      ไม่ถูกหรอกนะ แต่ก็ขอเตือนด้วยความหวังดี ถ้าลูกอยากอายุยืนก็อย่าแหย่พี่เคา
      บ่อยๆก็แล้วกัน ” คำตอบหยอกเล่นจากคนเป็นพ่อตอบมาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

      “ โอเคค่ะ ลิซจะพยายาม แค่นี้นะคะพ่อ อย่าลืมส่งมาด้วยนะคะ ” อลิซย้ำเตือน

      “ โอเคลูก พ่อก็จะพยายาม …อ้อ! พ่อจะฝากเดริคไปให้วันอาทิตย์นี้นะ ดูแลตัว
      เองด้วยนะอลิซ ” พ่อพูดจบก็วางสายไปเลย ทำให้คนเป็นลูกยิ้มออกมาเพราะ
      จากประสบการณ์ตั้งแต่จำความได้ทำให้รู้ว่า พ่อต้องมาไม้นี้

      “ เดริค ใครน่ะ ” เดรโกถาม

      “ พ่อบ้านที่มีหน้าที่คุมเกมส์แก้เซ็งโดยเฉพาะ ” อลิซตอบพลางเก็บโทรศัพท์

      “ เกมส์แก้เซ็งหรอ ชื่อแปลกๆ ” เดรโกเปรย

      “ ฉัน แคต วีน เคยเลยครั้งนึงตอนอลิซพาไปเล่น ก็แก้ได้จนไม่อยากเซ็งอีก
      เลย โดยเฉพาะตอนเจอกับกิ้งกือ ยี้! ภาพบาดตาบาดใจ ฉันเหยียบมันเต็มๆ
      เลย ” เซียพูด พลางทำท่าขนลุก

      “ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกิ้งกือ ” เชถาม

      “ ก็ในนั้นจะมีโปรแกรมสุ่มเกมส์ เกมส์ที่เคยเล่นแล้วจะถูกตัดออกไป ใครเล่น
      ครบทุกเกมส์ก็ถือว่าทำสถิติได้ครบ อาจจะทำให้ได้รางวัลเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่ใช่
      เรื่องน่าสน มันอยู่ที่เกมส์ต่างหาก มีโปรแกรมเยอะมากๆ ฉันเคยเล่น ซัก 7 ครั้ง
      กับปู่ทวด แล้วก็เล่นกับพวกเซีย 1 ครั้ง เล่นกับพี่ๆ 5 ครั้ง เล่นคนเดียว 9 ครั้ง
      รวมแล้วก็ 22 ครั้ง ยังได้ไม่ถึงครึ่งเลย ” อลิซบอก

      “ แล้วสุ่มเกมส์เจอกิ้งกือเนี่ยนะ ” ทอมถาม

      “ ก็ตอนนั้นเจอเกมส์จับกิ้งกือเข้าให้น่ะสิ โชคดีช่วยกันใช้เวทย์ทันก่อนมันจะมา
      ถึง มันก็เลยไม่โดนตัวใครเลย จะมีก็แต่เซียที่ดันเซ่อซ่า เหยียบเข้าตัวนึง เละ
      คาพื้นห้องเลย ” แคตอธิบาย

      “ งั้นเราก็ต้องไปเล่นเกมส์เหยียบกิ้งกือนั่นน่ะสิ ถึงจะได้ลูกแก้ว พ่อเธอนี่ฉลาด
      จริงๆเลยอลิซ ” เอ๊ดพูดพลางถอนหายใจ

      “ เค้าเรียกเกมส์แก้เซ็ง มีเล่นกันในหมู่ครูเว่นเท่านั้นแหละ บรรพบุรุษรุ่นแรก
      สร้างขึ้น ให้รุ่นหลังๆเล่น แล้วก็แต่ละรุ่นก็เพิ่มโปรแกรมเข้าไปเรื่อยๆ เพราะ
      พวกเราเบื่อง่าย ก็เลยตั้งเกมส์นี้ขึ้นมา ก็เลยเรียกกันว่า เกมส์แก้เซ็ง ” อลิ
      ซตอบ ( สมเป็นครูเว่น รุ่นไหนๆก็คล้ายๆกันหมด – เอ๊ดคิด )

      “ แล้วเราจะเจออะไรบ้างเนี่ย ” เชถาม

      “ ก็มีหลายด่าน ถ้าไม่ผ่านก็เริ่มใหม่ตั้งแต่แรก จับกิ้งกือเคยเจอไปแล้วคงไม่
      เอามาให้เล่นอีก ฉันเจอไปหลายอย่างแหละ แต่ละรุ่นเค้าก็ออกกันพิสดาร แต่
      จริงๆแล้วง่ายๆ แค่ใช้เวทย์ก็หมดปัญหา แต่เค้าเอาไว้รับขวัญเพื่อนๆ ผู้มา
      เยือน แล้วก็อย่างว่า แก้เซ็ง ” อลิซบอก

      “ สงสัยว่างจัด เซ็งกันได้ทุกรุ่น ” เอ๊ดบ่น

      “ ชั่งเถอะ ชั้นว่าบางเกมส์ก็สนุกดีนะ ไปแล้วจะรู้ ส่วนรายละเอียดเข้าไปเล่น
      ใหม่ มิสเตอร์เดริคเค้าจะอธิบายเอง วันนี้พักไว้แค่นี้ก่อนนะ จะหมดเวลาแล้ว
      เซีย รีบๆกินเข้าเถอะ ” อลิซบอก พลางเร่งเซีย

      “ โอเคๆ ” เซียตอบ และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้เวลาของภาคบ่าย
      ------------------------------------------------------------------------

      บทที่ 7 ซอคบอล และ ชมรมฟันดาบ

      “ สวัสดีค่ะ นักเรียนทุกคน ” มิสโบว์ลีน ไชน์ อาจารย์ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับ
      รุ่นป้ากล่าวทักทายนักเรียนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เธอเป็นคนหลังตรง ใส่กระโปรง
      ฟูฟ่องเหมือนนักเรียนหญิงที่เมื่อจะเรียนวิชานี้ต้องเปลี่ยนชุด แต่นักเรียนชาย
      ไม่ต้องเปลี่ยน ( ไม่ยุติธรรมเลย – เซียบ่นในห้องเปลี่ยนชุด )
      ผมสีดำขลับรวบเป็นมวยไว้กลางหัว ดวงตาสีน้ำตาลอยู่หลังกรอบแว่นที่ชอบจับ
      ขยับด้วยมือขวาที่โชว์แหวนเพชรเม็ดงามหลายกระรัต ดูโดยรวมแล้วก้รู้เลยว่า
      เป็นผู้ดีเอามากๆ และ แค่มองผ่านหางตาก็คงเดาได้ไม่ยากว่าสอนวิชาอะไร

      “ สวัสดีค่ะ / ครับ ” นักเรียนกล่าวพร้อมกัน

      “ ทุกคนนั่งที่ ” อาจารย์โบว์ลีน หรือ จะเรียกว่า มิสไชน์ ( แต่เธอจะชอบให้เรียก
      อาจารย์มากกว่า )
      บอก ( หรือจะเรียกว่าสั่ง ) นักเรียนทุกคน – วิชานี้มาเรียนที่ห้องอาหารของชั้น
      แล้วก้นั่งตามปกติ ตามที่จัดไว้แต่แรก คือ นั่งตามเลขที่

      “ มิสเวคเตอร์ ( อลิเซีย ) จัดกระโปรงดีๆ นั่งให้เรียบร้อย มิสวิล ( แคร์ตี้ ) อย่าพึ่ง
      เอามือวางบนโต๊ะ มิสเชียเลอร์ ( คีย์ ) นั่งตัวตรงๆ มิสเตอร์เวลันคอร์ฟ ( ทรีฟ )
      อย่านั่งเท้าคาง มิสเตอร์เอ – เคดิโลส อย่านั่งก้มหน้า มิสเตอร์เคอร์ลีย์ ( มัฟ ) นั่ง
      ให้สง่าผ่าเผยกว่านั้น แล้วก็มิสเตอร์ทัลม์ ( ทัส ) ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ”
      อาจารย์โบว์ลีนพูด หลังจากบรรยายไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงเรื่องการนั่ง

      “ เวลานั่งควรจัดกระโปรงดีๆให้เรียบร้อยด้วยนะคะ นักเรียนหญิง เธอรู้รึเปล่า
      ว่าแค่การนั่งเราก็เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ แล้วชั่วโมงหน้าครูจะ
      ทดสอบทีละโต๊ะ แต่ให้คะแนนเป็นรายบุคคล แล้วก็กรุณามีมารยาท อย่ากระซิบ
      กระซาบกันตอนฉันอธิบาย มิสเตอร์ลีบราโลว์ ( อัฟ ) เธอด้วยนะมิสเชียเลอร์ พูด
      มาก ผู้ดีเค้าไม่พูดตอนคนอื่นอธิบายกันหรอกนะ จำไว้ ” หลังจากนั้นครูก็อธิบาย
      ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      หลังจากนั้นเสียงออดหมดชั่วโมงก็ดังขึ้นพร้อมความดีใจของนักเรียนทุกคนที่นั่ง
      โดนเหน็บกินมานานแสนนาน โดยเฉพาะนักเรียนหญิง ที่แทบจะขยับขาไม่ได้
      และ อลิซก็ต้องประคองเซียออกมาเพราะขยับไม่ค่อยได้ โชคดีที่ครูออกไปก่อน
      ไม่งั้นเซียคงโดนว่าว่านั่งแค่นี้ถึงกับเหน็บกิน แล้วเซียคงจะทุกข์ทรมานมากกว่า
      เดิม

      “ ต่อไปเรียนอะไรอลิซ ” เซียถามหลังจากขาเริ่มดีขึ้น

      “ บ่ายสามถึงสี่โมงเย็นเรียบโฮมรูม กับอาจารย์โมนาเทีย ” อลิซตอบ

      “ อลิซ เธอไม่เมื่อยหรือเหน็บกินบ้างหรอ นั่งตัวตรงตลอด แทบจะขยับไม่ได้
      อย่างนั้น ฉันเกือบจะลงเอยแบบเซียแล้วถ้าไม่แอบขยับขาตอนครูไม่เห็น วีนก็
      เหมือนกัน ไม่เมื่อยบ้างรึไง ” แคตถาม

      “ ไม่ ฉันค่อนข้างชินที่จะนั่งตรง แต่ขาฉันก็ขยับบ้างนิดหน่อยก็เลยไม่เมื่อย วี
      นก็แบบเดียวกัน ” อลิซตอบแล้วช่วยเซีย นวดขา ในขณะที่วีนช่วยแคต

      “ ฉันรู้สึกว่าครูจะบ่นนักเรียนหญิงมากกว่านะ โชคร้ายจริงๆเลย นักเรียนชายก็
      ไม่ต้องมาใส่กระโปรงฟูฟ่องนี่ น่าอิจฉา ” เซียบ่น

      “ ก็ผู้ชายไปใส่กระโปรงเค้าจะเรียกว่าผู้ชายหรอ อีกอย่างพวกเธอไม่ได้ใส่เสื้อ
      ปกปิดคออย่างฉันนี่ ” ทอมให้เหตุผล “ มันก็ดีคนละอย่างนั่นแหละ ” ทอมสรุป

      “ แล้วเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เหลือก่อนเรียนนี่ เราจะทำอะไร ” เอ๊ดถาม

      “ ฉันว่า…เราน่าจะซ้อมการแสดงที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ ฉันอยากให้ทุกอย่างดีที่
      สุด และ จะไม่ให้ครูหักคะแนนเราได้ ” อลิซบอก

      “ ฉันเห็นด้วยกับอลิซ และ เราก็ขออนุญาตครูตั้งแต่วันจันทร์แล้วด้วย ” วีนพูด

      “ ไปขอกันตอนไหน ” เดรโกถาม “ ก็ตอนขึ้นตึกเจอครูก่อนไง ” วีนตอบ

      หลังจากนั้นทุกคนก็ไปที่ห้องนั่งเล่นที่ห้องพักของอลิซ ซึ่งมีเครื่องดนตรีวาง
      เตรียมไว้นานแล้ว แล้ว
      อลิซก็ปล่อยให้พวกวีนซ้อมในขณะที่พาเอ๊ดมาที่ห้องเขียนหนังสือที่ควรจมีโต๊ะ
      พร้อมม้านั่งสี่ตัวตั้งกลางห้อง แต่ตอนนี้มันถูกยกไปชิดล็อกเกอร์ที่เรียงยาว (
      เก็บของ และ จดหมาย ) ที่มีสี่สี ชมพู เขียว ฟ้า และ แดง ที่เป็นสีสันของห้องสี
      ขาว และแทนที่ด้วยเปียโนและลำโพงพร้อมไมค์

      “ เรียบร้อยดี ” เอ๊ดชม “ ขอบคุณค่ะ แต่…เอ๊ด เธอห้ามไปยุ่งกับล็อกเกอร์สีชมพู
      ของฉันนะ ห้ามเปิดไม่ว่าจะอันไหน ” อลิซบอก

      “ ไม่รับปาก แต่จะพยายาม ” เอ๊ดตอบกวนๆแล้วเสริมว่า “ ซ้อมได้แล้ว เราไม่
      ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยนะ ถ้าไม่ซ้อมตอนนี้ก็คงต้องซ้อมอีกทีอีกตั้งนานหรือไม่ก็
      เสาร์ อาทิตย์เสียเวลา เอ้า เข้าที่สิครับ ” เอ๊ดสั่ง

      “ มั่นใจนะว่าเล่นได้ ” อลิซย้อนถามเมื่อเปิดไมค์แล้ว “ เชื่อมือฉันเถอะน่า ”
      เอ๊ดบอกแล้วให้สัญญาณ แล้วอลิซก็เริ่มร้องเพลง

      Silent night, Holy night. All is clam all is bright
      Round yon virgin mother and child
      Holy infant so tender and mind
      Sleep in heavenly peace. Sleep in heavenly peace
      Silent night, Holy night. Shepherds quake and a sight
      Glories stream from heaven afar heavenly hosts sing
      Alleluia Christ the saviour is born. Christ the saviour is born.

      แล้วก็จบลงด้วยเสียงดนตรีและเสียงปรบมือจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

      “ เนลลี่!! ” อลิซร้องออกมาเมื่อหันไปดูว่าใครที่นอกจากเอ๊ด ที่เป็นคนปรบมือ

      “ เนี่ยน่ะหรอ เนลลี่ ที่เธอพูดถึง ” เอ๊ดถาม “ ใช่ นี่แหล่ะ ฉันไม่น่ากางสมุดลืมทิ้ง
      ไว้เลย ” อลิซพูด

      “ อลิซ เธอไปนินทาฉันให้คนอื่นฟังหรอ ” เนลลี่ถามอย่างไม่พอใจ

      “ เปล่า ก็แค่เล่าให้ฟังว่าฉันมี ภูติ ผู้ช่วยที่แสนดีก็เท่านั้น อีกอย่าง เอ๊ดเคาไม่ใช่
      คนอื่นซะหน่อย เค้าเป็นเพื่อนฉันนะเนลลี่ แล้วเธออกมาทำไม ” อลิซถาม

      “ ก็เซ็งๆ เบื่อๆ เธอน่ะใช้งานให้ฉันคัดลอกน้ำยาทั้งหมดยังไม่พอ แล้วยังลืมฉัน
      ทิ้งไว้อีกต่างหาก แถมไม่อยากให้ออกมาอีก แหม…ถ้าฉันไม่ออกมา ฉันคงไม่ได้
      ฟังเพลงเพราะๆจากเธอ ไม่ได้เจอคนที่เล่นเปียโนเครื่องนั้นที่เล่นได้ดีขนาดนี้
      นอกจากปู่ทวดของเธอกับพี่เอริก น่าเสียดายแย่ แถมยังดูสุภาพอีก แล้วก็… ”
      ก่อนที่เนลลี่จะบรรยายจบอลิซก็ขัดขึ้นว่า

      “ พอๆๆ พอเลยนะ ชมมากเดี๋ยวเค้าก็เหลิงหรอก เธอพึ่งเจอเค้าไม่นาน ก็ไป
      เป็นพวกเค้าอีกคนซะแล้ว แย่จริงๆเลย ที่ฉันไม่อยากให้ออกมาก็เพราะพูด
      มากอย่างนี้นี่แหล่ะ ” อลิซบ่นในขณะที่เอ๊ดหัวเราะ

      “ ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะเอ๊ด ” อลิซดุแต่เอ๊ดก็ยังไม่หยุด

      “ เอาน่า แหม…นานๆทีฉันจะทำให้เธอหมั่นไส้ได้ น่าภูมิใจออก ” เอ๊ดพูดแล้วยิ้ม
      กว้างให้อลิซ

      “ ไม่ต้องมาทำยิ้ม ” อลิซพูด

      “ อลิซ เค้าแค่ล้อเล่นน่า อย่าซีเรียสสิ ฉันนี่โชคดีจริงๆเลยที่ได้ออกมา อลิซพูดถึง
      เธอบ่อยมากเลย ฉันก้เลยอยากเห็น ยินดีที่ได้รู้จัก ฉัน เนลลี่ ครูเว่น ” เนลลี่
      พูดพลางยื่นมือเล็กๆของเธอมาจับทักทายเอ๊ด

      “ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉัน เอดิสัน คิวเบิร์ต เรียกว่าเคน หรือ จะเรียกว่าเอ๊ดเหมือนอลิ
      ซก็ได้ ” เอ๊ดแนะนำ

      “ งั้นเรียกว่าเอ๊ดคงดีกว่า ฉันชิน จะบอกให้ว่าเค้าพูดว่าเธอ… ” “ หยุดเลยนะ
      เนลลี่ ฉันเป็นนายของเธอนะ แล้วเธอก็ไม่ควรเอาความลับของฉันไปบอกใคร
      ด้วย ” อลิซขัดอย่างไม่พอใจ

      “ จ้าาาาา ฉันจะพยายาม ” เนลลี่บอก

      “ เฮ้อ! ชั่งมันเถอะ ใกล้หมดเวลาแล้วไปดูพวกวีนซ้อมดีกว่า เอ๊ดไปมั๊ย ” อลิ
      ซถาม
      “ เธอไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไป ” เอ๊ดตอบแล้วคุยกับเนลลี่ ถึงอลิซไม่ค่อยไว้ใจ
      แต่ก็เดินออกมาจากห้องเพื่อดูเพื่อนๆซ้อม

      “ เยี่ยม ” อลิซบอกแล้วปรบมือให้หลังจบ

      “ ซ้อมเสร็จแล้วหรอ ” เดรโกถามอลิซ “ ใช่ เอ๊ดเค้าอยู่คุยกับเนลลี่อยู่น่ะ ฉัน
      เผลอเปิดสมุดบันทึกทิ้งไว้น่ะสิ ” อลิซบอก

      “ งั้นพวกฉันขออนุญาตแล้วกันนะ ” เชบอก แล้วทั้งเช ทอม และ เดรโก ก็ไปคุย
      กับเนลลี่ที่ห้องถัดไป

      หลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปที่อาคารเพื่อรอเรียนโฮมรูม

      “ สวัสดีจ้ะ นักเรียน เข้าแถวแล้วลงไปที่ชั้นล่างของอาคารเรียนเราจะเรียนชั้น
      ล่างที่ห้องประชุม พร้อมๆกับห้องอื่นๆ ” ครูบอกหลังจากที่เข้ามาในห้องตรงเวลา
      เป๊ะ

      เมื่อนักเรียนทุกคนมาถึงห้องประชุมที่ถูกจัดให้ว่างและเปิดแอร์รอไว้ครูก็สั่งให้
      นั่งรอเป้นแถว แล้ว ห้องอื่นๆก็ตามมา แล้วก็เริ่มกิจกรรม

      กิจกรรมโฮมรูมวันนี้เป็นการเล่นเกมร่วมกับห้องอื่นๆ เริ่มด้วยการแนะนำตัว
      แล้วก็เริ่มเล่น
      และ จบลงด้วยความสนุกสนานของทุกคน

      ในเช้าวันพุธเริ่มต้นด้วยภาษา 2 ที่อลิซและเพื่อนๆเรียนภาษาหลักของสเปช
      เรียนกับครูหนุ่ม
      อาจารย์ทัลเชส เพลซ ที่เป็นครูที่หล่อพอดู ผมสีดำสนิทเหมือนกับดวงตา หลังจาก
      นั้นอลิซก็เรียน

      คาถา 2 คาบกับครูสาวร่างบอบบาง อาจารย์ทอเรีย ตาสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวสีทอง
      เป็นชั่วโมงที่สนุกมาก และ เป็นชั่วโมงโปรดของอลิซ

      ในช่วงบ่ายอลิซเรียนชมรม ที่เธอลงคือเต้นรำ มีการสอนการออกเสต็ป และ
      ทำนอง ท่าเต้นใหม่ๆ ร่วมกับรุ่นพี่ และ อาจารย์ที่ควบคุม คือ อาจารย์เรนาลีน วอ
      ลลินซ์ เป็นครูที่ใจดี ไม่เข้มงวด ผมสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาลอ่อนกว่าผม มีอายุพอ
      สมควร หลังจากชมรมก็ได้เวลาพักผ่อนของทุกคน และ ได้เวลารับประทาน
      อาหาร

      หลังจากนั้น เวลา 1 ทุ่มตรง อลิซต้องเรียนพยากรณ์ วันนี้เรียนเรื่องการ
      ไตร่ตรอง เชื่อ หรือ ไม่ และ ต่อด้วยการดูไพ่ จนถึง 2 ทุ่ม กับครูผู้ชายที่แก่มาก
      จนน่าจะเกษียณได้แล้ว ชื่อ อาจารย์ ไบรค์ รานัล ผมเค้าหงอกทั้งหัว ตัดกับดวง
      ตาสีดำขลับ แล้วนักเรียนก็แยกย้ายกลับห้องตัวเอง

      เช้าวันพฤหัสบดี ชั่วโมงแรกอลิซต้องเรียนคณิตกับ อาจารย์เมทาร่า และ ต่อด้วย
      ภาษา 1 คือ ภาษาอังกฤษกับอาจารย์บลอส และ ต่อด้วยการต่อสู้ฯ ซึ่งวันนี้เรียน
      เรื่องกฎกติกากับอาจารย์โมนาเทีย

      และหลังจากนั้นเวลาบ่าย 2 โมงถึงบ่าย 2 โมงครึ่ง ก็เรียนโฮมรูมครึ่งชั่วโมงที่
      ห้องของตนเอง และ ชมรม 2 อลิซก็ต้องเรียนการต่อสู้กับครูโมนาเทีย ( อีก
      แล้ว ) ตามที่ลงไว้

      ในวันศุกร์ชั่วโมงแรกเรียนมารยาท ที่มีการทดสอบการรับประทานอาหารบน
      โต๊ะ ขณะที่ครูเดินตรวจดู และ ให้คะแนนนักเรียน นักเรียนทุกคนต้องทาน
      อาหารให้หมด อลิซคิดว่าเธอทำได้ดีทีเดียว ส่วนเซียก็ยังคงมั่นใจว่าเธอจับแก้ว
      ได้ถูก แล้วครูยังบอกอีกว่าจะทดสอบไหวพริบเป็นโต๊ะ แต่ก็ให้คะแนนเป็นคน
      ( “ ตายๆ งานนี้ฉันตายแน่ๆ ฉันไปหลบห้องพยาบาลก็ไม่ได้ จะไม่ได้คะแนน
      สอบ เอาไงดีล่ะคราวนี้ ” เสียถามอย่างกลุ้มใจ “ เดี๋ยวให้อลิซบอกเคล็ดลับ หรือ
      ไม่ก็ปล่อยตามเวรตามกรรม ” แคตตอบ )

      คาบ 2 วิชาดนตรีเรียนกับครูหนุ่ม ( “ รู้สึกปี 3 ครูหนุ่มๆสาวๆเยอะเน๊าะ ” แคตก
      ระซิบกับวีน )
      ผมสีน้ำตาลอ่อน ตาสีฟ้า อาจารย์โคล เชฟเฟอร์ริค เรียนเปียโน และหัดเล่น
      เพลงพื้นๆเหมือนปี 2 แต่จะเรียนในขั้นยากกว่านิดหน่อย

      หลังจากนั้นก็เรียนคาถา กับ อาจารย์ทอเรีย วันนี้เรียนเรื่องการใช้คาถามัดและ
      หยุดหลังจากที่เรียนทฤษฎี ( “ ฉันว่าเธอน่าจะทำได้ดีนะอลิซ ” เอ๊ดบอกหลังจาก
      ที่ต้องจับคู่กับอลิซเพื่อฝึกคาถา “ ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะ ” อลิซพูด หลังพูดจบเธอก็
      ใช้คาถากับเค้าทันทีเพื่อนสนับสนุนคำพูด )

      และช่วงบ่ายที่ทุกคนรอคอย วิชากีฬา เรียนกับครูสาว ( อีกแล้ว ) ผมสีน้ำตาล
      ทอง ตาสีฟ้า
      ( “ ฉันว่าถ้าลมพัดแรง เธอคงปลิวตกไม้กวาด ” เซียกระซิบ ในขณะที่อลิซและ
      เอ๊ดพยักหน้าเห็นด้วย )
      ทั้ง 3 ห้องเรียนพร้อมกัน
      “ สำหรับกีฬาในปีนี้เราจะเรียนซอคบอล จะมีการแข่งเป็นทีมทีมละ 11 คน และ
      ครูจะมีการจัดแข่งและให้คะแนน ” คำพูดของครูเรียกเสียงฮือฮาจากหลายๆคน
      เมื่อครูทำมือเป็นสัญญาณห้าม ทั้งหมดก็เงียบลง

      “ นักเรียนห้อง 1 มี 30 คน ห้อง 2 มี 15 คน คน ห้อง 3 มี 11 คนทั้งหมด 56 คน
      แบ่งเป็น 5 ทีม เศษ 1 คนเป็นตัวสำรอง ครูให้เวลา 10 นาทีในการจับกลุ่ม จาก
      นั้นครูจะอธิบายกติกา ” ครูพูดจบนักเรียนทุกคนก็วิ่งเข้ากลุ่ม

      “ เราเหลืออีก 3 คน ” เอ๊ดบอก
      “ อยู่ด้วยนะ ” สตีฟ ( ที่มุ่งตรงมาโดยเฉพาะ ) บอก
      “ ไม่มีปัญหา จริงมั๊ยเอ๊ด ” วีนแซว
      “ โอเค เหลืออีก 2 ” เอ๊ดบอก
      “ ไอซ์ ทางนี้ ” เซียเรียก แล้วไอซ์ก็กลายเป็นสมาชิกอีกคน
      “ เหลืออีกคนเดียว ” เอ๊ดบอก
      “ ฉันจัดการเอง ” อลิซบอกพลางหายไปในหมู่เพื่อนๆที่กำลังอลหม่านแล้วกลับ
      มาพร้อมกับ…

      “ เดี๋ยวสิ อลิซ! ” พลอซ ( ที่ถูกอลิซลากมา ) ร้องขึ้น
      “ ฉันได้สมาชิกอีกคนแล้ว ” อลิซบอกหน้าตาเฉย
      “ ไปดึงเค้ามาจากกลุ่มอื่นรึเปล่าเนี่ยอลิซ เอามายังไง ลากมาจากไหน ” เซียถาม
      “ ก็ฉันไปถามเค้าว่า มีกลุ่มรึยัง เค้าตอบว่ายังก็เลยดึงมาไง ” อลิซบอก
      “ เธอถามเค้าซักคำรึยัง ” เอ๊ดถาม
      “ พลอซ เธอจะอยู่กลุ่มฉันได้มั๊ย ” อลิซหันไปถาม
      “ ก็ได้ ” พลอซตอบ
      “ ถามแล้ว ทีนี้พอใจรึยัง ” อลิซถามเอ๊ด
      “ โอเค งั้นก็ครบแล้ว ” เอ๊ดสรุป

      “ นี่ พลอซ ถามจริงๆเหอะ ทำไมนายตอบรับเค้าง่ายขนาดนั้น ระวังเค้าได้ใจแล้ว
      กัน รู้สึกใครๆก็ตอบอลิวง่ายๆเหลือเกิน ” ทอมกระซิบถาม
      “ แล้วฉันมีความจำเป็นอะไรต้องปฏิเสธ ” พลอซตอบเรียบๆ
      “ อลิซทำอะไรของเค้านะ ” แคตบ่น
      “ ทำอะไรยังไง ” เซียถาม
      “ ก็อยู่ดีๆก็เอาพลอซเค้าเข้ามาน่ะสิ ” วีนตอบแทน
      “ แล้วมันเสียหายตรงไหน ” เซียถามอีก
      “ ก็พลอซเค้า… เธอก็รู้ ” แคตบอก
      “ อ๋อ นึกว่าอะไร เธอก็รู้ว่าเรื่องตระกูลไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคนชอบสร้างมิตร
      อย่างอลิซ ” เซียบอก
      “ เป็นไปได้มั๊ยว่าเป็นเพราะ เรื่องเลือด ” วีนถาม
      “ ไม่ใช่หรอกนะ อลิซไม่ใช่คนที่คบใครเพราะผลประโยชน์อย่างเดียว ” แคตบ
      อก
      “ อืม ฉันก็ว่างั้น ฉันรู้ แต่อะไรล่ะ ” วีนถาม
      “ เพราะ ฉันเห็นความสามารถในตัวเค้าน่ะสิ ” อลิซบอก ( ทำเอาเพื่อนๆขวัญ
      แตกกระเจิง )
      “ อยู่ดีๆก็โผล่มา ตกใจหมดเลย ” เซียบ่นขณะที่มือจับอยู่ที่หน้าอก แล้วหอบ
      “ เอาน่า…เธอไม่รู้อะไร พลอซเค้าเล่นฟุตบอลเก่งมากเลย พวกเธอไม่เคยเห็น
      เค้าเล่นน่ะสิ ” อลิซบอก
      “ ใช่ แต่…เธอไปเห็นตอนไหน ” วีนถาม
      “ ฉันเคยรู้จักเค้ามาก่อน แล้วก็เคยไปดูเค้าเล่นอยู่คนเดียว ฉันดูแล้วเค้าก็
      เก่งอยู่นะ ( เอาอะไรมาวัด – เซียคิด ) ฉันคิดว่าเค้าเก่งล่ะ ยังไงก็ตัดสินใจ
      แล้ว ” อลิซบอก
      “ ฉันเชื่อเธอ ” เอ๊ดบอก ทำเอาเซีย วีน และ แคต สะดุ้งอีกรอบ
      “ ขอบใจ ” อลิซบอก
      “ เฮ้ !! พวกเราก็เชื่อเธอนะ ” เดรโกที่โผล่มาอยู่ข้างๆเอ๊ดบอกขึ้นมา ( คราวนี้ไม่
      ตกใจเพราะชินจากเหตุการณ์ 2 รอบ ) พร้อมกับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆ
      “ ขอบใจทุกคนนะ ” อลิซบอก

      “ หมดเวลา ” ครูประกาศ “ นี่ พวกเธอ ห้อง 3 รักกันดีเหลือเกิน จับเอาห้องตัว
      เองเลยนะ แต่ชั่งเถอะ ทุกกลุ่ม เขียนรายชื่อส่งครู ” ครูบอก แล้วเซีย ( ที่ถูกยัด
      เยียดให้เขียน เพราะ ลายมือสวยที่สุด ) เป็นคนเอาไปส่งครู ( “ อั๊ว ทุกที ” เซีย
      บ่น “ ก็เกิดมาลายมือสวย เราก็เลยให้เกียรติเธอ ที่จริงเธอน่าจะพอใจนะเซีย ”
      อลิซปลอบ “ ค่ะๆๆ น่าภูมิใจมากๆ ” เซียตอบรับ )

      “ เอาล่ะทุกกลุ่มส่งแล้วนะ มา ถึงกติกาของซอคบอลกันบ้าง ครูรู้ว่าทุกคนรู้จัก แต่
      ครูจะอธิบายชัดๆให้ฟัง เพื่อสะดวกในการเลือกตำแหน่ง ” ครูเกริ่นนำ

      “ ซอคบอลเป็นกีฬาที่ผสมผสานระหว่างโลกมนุษย์ กับ เวทมนตร์ ( ก็เลยกลาย
      มาเป็นของสเปช – แคตคิด ) มีส่วนที่ผสมผสานมาจาก เบสบอล และ ฟุตบอล
      ของมนุษย์ เล่นกัน ทีมละ 11 คน เกมส์จบเมื่อหมดเวลา สำหรับสนามแต่ละทีมจะ
      มี 2 ประตู หรือ โกฟุตบอลที่มีตาข่ายของมนุษย์ โกแรกอยู่ที่พื้นสนามที่เหมือนกับ
      ฟุตบอล ส่วนอีกโก ลอยฟ้า พวกเธอคงเห็นจากสนามที่เรามาเรียนตรงนี้แล้วนะ
      จ๊ะ สำหรับแต่ละทีมที่มี 11 คน
      2 คนเป็นผู้รักษาประตู บน และ ล่าง จะอยู่บนไม้กวาดหรือไม่ก็ได้เราก็เรียกว่า
      เซฟเตอร์

      อีก 2 คนเรียก แฟรงเกอร์ เล่นกับลูกฟุตบอล จะเตะ หรือจะจับก็แล้วแต่ ลูก
      ฟุตบอล ทำเข้าประตู ได้ลูกละ 2 แต้ม ต้องเข้าประตูล่างเท่านั้น

      อีก 3 คน ถือไม้เบสบอล ห้ามจับลูกยกเว้นตอนจะเสิร์ฟ ต้องตีเข้าโก จะบนหรือ
      ล่างก็ได้ ทั้ง 2 อย่าง จะบินบน หรือ ล่างก็ได้ ลูกละ 3 แต้ม เรียก โฮลเลอร์

      อีก 2 คน เล่นเซิร์ฟบอล ลูกสีน้ำเงินขนาดกลาง มันค่อนข้างจะลื่นๆ ต้องจับให้ดี
      เพราะมันกลมเกลี้ยงทั้งลูก จะเสิร์ฟเข้าประตูบนหรือล่างก็ได้ ลูกละ 5 แต้ม
      เรียก เมคเกอร์ และสุดท้าย

      2 คนคือตำแหน่ง วิชเฟลริเออร์ เป็นผู้ใช้เวทย์ มีสิทธิ์ใช้เวทย์ทุกรูปแบบ หรือ
      เข้าแทนตำแหน่งที่บาดเจ็บได้ มีหน้าที่ป้องกันทีมตัวเอง เล่นงานทีมอื่นๆ อ้อ! อีก
      อย่างคือ ถ้าผู้เล่นทุกคนของทีมนั้นๆถูกกำจัด อีกทีมจะชนะทันที ” ครูบอกแล้ว
      พูดต่อว่า

      “ ไปเขียนตำแหน่ง กำหนดสัญลักษณ์ประจำทีม ธง สี ประจำ สีของชุดบอกครูนะ
      ทุกคนจะต้องใส่ชุดตามฟอร์ม ก็คือ ทุกคนใส่กางเกง แล้วก็มีชุดคลุมตามแบบ
      ทุกคนคงเคยเห็น ให้ไปสั่งตัดที่ร้านโครเชส แล้วก็เขียนมา รวมถึงตำแหน่ง
      ต่างๆและหัวหน้าทีม ส่งครูชั่วโมงหน้า จะวาด หรือ ตกแต่ง หรือเอาของจริงให้ครู
      ดูก็ได้สำหรับสัญลักษณ์ปักใส่ธงส่งครู เอาแบบไปปักได้ที่ร้านนี้เช่นกัน ชั่วโมงนี้
      ครูให้เวลา ไปปรึกษากันซะ ” ครูบอกแล้วเดินจากไป

      “ ใครจะให้เอ๊ดเป็นหัวหน้าทีม ยกมือขึ้น ” อลิซถาม ทุกคนยกเว้นเอ๊ด ยกมือ
      “ สรุปว่าตำแหน่งนี้ยกให้เธอนะเอ๊ด ห้ามปฏิเสธ ” อลิซสรุป เธอเป็นคนบรรยาย
      สรรพคุณเค้าให้เพื่อนๆฟังจะได้ไม่ต้องเลือกมา เพราะ เธอไม่อยากยุ่ง เอ๊ดก็เลย
      ได้ง่ายๆโดยปริยาย
      “ งั้นก็คุณหัวหน้าแบ่งตำแหน่งตามความถนัดของแต่ละคน เชิญครับ ” สตีฟ พูด

      “ ไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะ คนวางแผนน่าจัดการมากที่สุด เอาล่ะ อลิซ เธอรู้จัก
      ทุกคนดีกว่าฉัน ช่วยฉันหน่อยแล้วกัน ถนัดชักชวนนักก็ตัดสินตามสบาย ” เอ๊ด
      บอกโยนงานมาทางอลิซเฉยเลย

      “ ถือว่าช่วยแล้วกันนะ แผนการเล่นเธอวาง ตำแหน่งฉันช่วยจัด โอเค เริ่มที่
      ตำแหน่ง เซฟเตอร์ ฉันคิดว่าไอซ์ กับ ทอม พวกเธอทำได้ดีอยู่แล้ว ฉันเคยเห็น
      ทุกคนเล่นมาหมดแล้ว ต่อไป แฟรงเกอร์ ฉันคิดว่าน่าจะเป็น พลอซ กับ เดรโก
      พวกเธอเล่นบอลเก่ง ต่อไปก็ โฮลเลอร์ ฉันยกให้ เซีย แคต แล้วก็ เช แล้วก็ เม
      คเกอร์ ให้ วีน กับ สตีฟ สุดท้าย วิชเฟลริเออร์ ฉัน กับ เอ๊ด โอเคมั๊ย ” อลิซถาม

      “ โอเค ” ทุกคนตอบพร้อมกัน

      “ เซียเขียนด้วยนะ ( “ ค่ะคุณหัวหน้า ” เซียตอบ ) ขอบใจนะ ต่อไปก็ธง สี ชุด
      สัญลักษณ์ มีความเห็นว่ายังไง ” เอ๊ดถาม

      “ สีชมพู แดง ” อลิซเสนอขึ้นคนแรก
      “ฉันว่าไม่เหมาะหรอกนะ มันหวานไปหน่อย ” เดรโกบอก
      “ ฟ้า หรือ น้ำเงิน หรือไม่ก็เขียว แล้วค่อยเอาสีอื่นมาผสม ” เซียออกความเห็น
      “ โอเค ใครเอาฟ้ายกมือขึ้น ” เอ๊ดถาม แล้วตาด้วยการยกแต่ละสี สรุปว่าได้สี
      น้ำเงิน
      “ น้ำเงินกับฟ้าดีกว่า ชุดผู้ชายสีน้ำเงิน ผู้หญิงสีฟ้า ” แคตเสนอ
      “ ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น ” เอ๊ดถาม ทุกคนยกมือ ( รวมถึงอลิซที่รู้ว่าเพื่อนๆคงไม่
      เอาสีชมพูก็เลยตัดใจมองสีใหม่แล้วยกมือร่วมด้วย )
      “ ตกลงตามนี้นะ ธงเราก็ต้องมีสัญลักษณ์กับสีของเรา ” เอ๊ดบอก

      “ แบ่งแบบเฉียงสิ ด้านบนสีน้ำเงิน ด้านล่างสีฟ้า ” พลอซเสนอ ทุกคนพยักหน้า
      เห็นด้วย
      “ โอเค แล้วสัญลักษณ์ล่ะ ” เอ๊ดถาม
      “ ตรงกลางเป็นรูปไม้กวาดไขว้กับไม้กายสิทธิ์ ” อลิซเสนอ
      “ แล้วรอบๆมันก็น่าจะมีนะ ไม่งั้นโล่งไป ” เอ๊ดบอก
      “ ก็เอาสัตว์แทนสัญลักษณ์ขอแต่ละคน เรียงตามตำแหน่งสิ หรือไม่ก็เอา
      สัญลักษณ์แทนอะไรก็ได้
      ดีมั๊ย ” ไอซ์เสนอ
      “ ก็ดี แล้วก็…ฉันว่าน่าจะล้อมเป็นวงกลมรอบๆไม้กายสิทธิ์ไขว้ไม้กวาดที่มีแสงสี
      ทองเรืองออกมา มันน่าจะสวยดีนะ ” อลิซเสนอบ้าง
      “ ทุกคนตกลงรึเปล่า ” เอ๊ดถาม ทุกคนพยักหน้า
      “ แล้วแต่ละคนจะเอาอะไรเขียนใส่กระดาษมา เซียวาด ” เอ๊ดบอก
      “ ค่ะๆๆ กลุ้มใจ เกิดมามีพรสวรรค์ เฮ้อ!! ” เซียบ่น
      “ ค่ะๆๆ ทำหน้าที่ไป แล้วก็ไม่ต้องหลงตัวเองมาก ” แคตบอกอย่างหมั่นไส้นิดๆ
      หลังจากนั้นทุกคนก็ส่งกระดาษให้เซีย
      “ ฉันรูปถาดสีศิลปะ เพราะ เป็นคนวาดแบบ
      อลิซ รูปกระต่ายบนดวงจันทร์ เหมาะกับเธอดี
      แคต รูปแว่นตา เหมาะดี รู้ว่าเป็นเธอเลย ทั้งกลุ่มมีเธอคนเดียวใส่แว่น
      วีน รูปม้วนกระดาษหรอ เธอเก่งประวัติศาสตร์นี่นา แต่เราสี่คนยังไม่มีใครเข้า
      เรื่องซอคบอลเลย
      ไอซ์ รูป ภูเขาน้ำแข็ง ดี เหมาะกับเมืองกับชื่อเธอ
      พลอซ รูปปีกสีดำ ก็โอเคนะ ( เข้ากับเธอ )
      เช ไม้เบสบอล เหมาะกับตำแหน่งโฮลเลอร์
      เดรโก รูปลูกฟุตบอล นี่ค่อยเข้าหน่อย เหมาะกับ แฟรงเกอร์
      สตีฟ รูปเซิร์ฟบอลหรอ โอเค ดีเลย เหมาะกับ เมคเกอร์
      ทอม รูปถุงมือรับลูกสีน้ำตาล เหมาะกับ เซฟเตอร์
      สุดท้าย เอ๊ด ไม้กายสิทธิ์ ที่มีประกายออกมางั้นหรอ ดีเลย เหมาะกับ วิชเฟลริ
      เออร์
      ฉันจะเอาของ 5 คนหลังเรียงตามตำแหน่งไว้ทางบนของวง แล้วที่เหลือก็ลงล่าง
      นะ ” เซียบอก

      หลังจากนั้น 10 นาที ที่ทุกคนรอคอย ธงสัญลักษณ์ก็เสร็จเรียบร้อยสวยงาม ทุก
      คนไปที่ร้านโครเชสพร้อมกันกำหนดชุด บอกปักสัญลักษณ์ และ อื่นๆ จนเสร็จ
      เรียบร้อย แล้วเซียก็เขียนส่งครูโดยไม่รอให้ถึงอาทิตย์หน้าเรียบร้อยเช่นกัน
      เท่ากับตัดการบ้านไปอีกอย่าง

      “ วันเสาร์นี้มารับนะ ” มาดามฟินซ์บอก

      หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายเข้าชมรม อลิซลงชมรมฟันดาบในคาบนี้ ครูควบ
      คุม คือ อาจารย์หนุ่มหุ่นล่ำ แข็งแรง เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น ตาเป็นประกายอยู่เสมอ ตา
      และผม มีสีดำสนิท อาจารย์เนรัล โซล
      การฝึกฟันดาบในวันนี้ต้องฝึกกับรุ่นพี่ ที่จะเป็นคนคอยสอนและแนะนำ รวมทั้ง
      เป็นคู่ต่อสู้
      ชมรมนี้มีที่ฝึกโดยเฉพาะซึ่งกว้าใหญ่พอสมควร
      ก่อนจะเข้าชมรม ทุกคนต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีขาวและทุกคนต้องใส่กางเกง ชุด
      ฟันดาบของสเปช ไม่มีเกราะป้องกันที่หน้า
      อลิซได้คู่กับรุ่นพี่ที่อยู่ปี 6 ชื่อ วิคัส เอลัน พี่คนนี้ชอบแข่งกับคนเก่งๆ เค้าว่ากัน
      ว่า เวลาสู้น่ากลัวทีเดียว

      “ สวัสดีค่ะ พี่วิคัส ” อลิซทักทายสร้างความเป็นมิตร
      “ สวัสดี อลิซ ดีเหมือนกันนะได้ลองกับเธอ น่าจะมีแววที่สุด เค้าว่ากันว่า ครูเว่น
      เก่งดาบ แต่ทั้งพี่เฟิร์ซ กับเบลไม่มีใครลงซักคน คราวนี้จะได้ลองซักที หวังว่า
      เธอคงไม่ทำให้พี่ผิดหวัง ” วิคัสพูด
      “ คิดว่าคงน่าสนุกเช่นกันค่ะ ” อลิซตอบ เธอเคยเรียนฟันดาบกับคนฝึกประจำ
      ตระกูล ถ้าเธอแพ้ คงมองหน้าเค้าไม่ติด
      “ เธอเป็นอยู่แล้ว พี่คงไม่ต้องสอนอะไรมาก มาลองกันซักหน่อยมั๊ย ” คำท้าส่ง
      ตรงมาจากรุ่นพี่ ซึ่งคงไม่สามารถปฏิเสธได้
      “ ค่ะ ” อลิซตอบรับ

      หลังจากรุ่นพี่วิคัสแจ้งเรื่องการประลองครั้งนี้ แก่ครู ( ซึ่งยินดีอย่างยิ่งที่จะได้
      เห็น ) ทุกคนก็หยุดเพื่อตีวงล้อมให้กว่างและนั่งชมการต่อสู้ ( ในการฟันดาบของ
      สเปชกติกาไม่มากนัก จะชนะก็ต่อเมื่อสามารถเอาดาบพาดที่คอของคู่ต่อสู้ จ่อที่
      หน้า หรือจ่อที่หัวใจ และส่วนสำคัญอื่นๆตามกรรมการอนุมัติให้ชนะ หรือตาม
      เหตุการณ์ ซึ่งกรรมการจะเป็นผู้ตัดสิน และ จะใช้ดาบอะไรก็ได้ แต่ส่วนมากจะ
      นิยมใช้ดาบเพรียวเรียวเล็ก การสู้ อาจมีการใช้ศิลปะการต่อสู้อื่นๆรวมด้วย ซึ่ง
      ถือว่าไม่ผิดกติกา )

      “ ว่ามั๊ยว่า อลิซเข้าชมรมประเภทนี้ทีไร วันแรกก็เจอท้าประลองทุกที ” เซียพูด
      “ ก็พวกครูเว่นก็ต้องทำใจ บรรพบุรุษดันทำชื่อเสียงกับความเก่งไว้เยอะ อลิซก็
      คงชินแล้ว ดูท่าเค้าจะสนุกมากกว่าที่จะเบื่อนะ ” วีนบอก
      “ ฉันเห็นด้วย ว่าอลิซรู้สึกสนุก แล้วไอ้ที่ต้องเจอท้าประลองคงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยง
      ไม่ได้ ทางตระกูลเค้าคงเล็งเห็น ก็เลยให้ฝึกตั้งแต่เด็กๆ ต้องขอบคุณคนฝึก ”
      แคตพูด
      “ ไอ้เรื่องเก่งมันก็ดีอยู่หรอก แถมมีชื่อเสียง แต่ต้องสู้แบบนี้ เป็นฉันขอเก่ง
      เงียบๆดีกว่า ” ทอมพูด
      “ แต่ไหนๆมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วนี่ ทำไงได้ ” เดรโกพูด
      “ ก็ได้แต่สู้เต็มที่ไง ” เชบอก
      “ ฉันเชื่อว่าอลิซจะชนะ ” เอ๊ดพูด ตามด้วยเสียงสนับสนุน

      “ เข้าที่ ” เสียงจากอาจารย์เนรัลผู้เป็นกรรมการดังขึ้นทำให้ทุกคนในชมรมหยุด
      บทสนทนา
      ยกเว้นเซียที่วิจารณ์ออกมาอย่างอดไม่ได้
      “ ฉันว่าอากาศหนาวแล้ว บรรยากาศยิ่งหนาวกว่าอีก ”
      “ เงียบก่อนเซีย ตั้งใจดูล่ะ อ้อ จับเวลาด้วย นะเซีย จะได้บอกอลิซได้ถูก ” แคตบ
      อก
      “ ฉันรับหน้าที่ถ่ายวีดีโอเอง ” วีนบอกพลางชูกล้องขึ้นถ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆคน
      ทำ

      “ การถ่ายภาพทำให้ผู้ประลองเสียสมาธิ รู้มั๊ย! ” ครูตวาด
      “ ครูคะ หนูว่าถ่ายไว้ก็ดีนะคะ เมื่อแพ้จะได้ดู แล้วปรับปรุงตัวเอง ” อลิซบอก
      “ ผมเห็นด้วยครับอาจารย์ ” วิคัสบอก
      “ งั้นก็โอเค อยากถ่ายถ่ายไป แต่ห้ามถ่ายรูป ห้ามมีเสียง… เตรียมพร้อม ” ครูพูด
      เตรียมให้สัญญาณ
      ทั้งคู่ตั้งท่าเตรียมรับเต็มที่ วิคัส ที่ดูยิ้มแย้ม ชอบท้าทาย แต่ไม่น่ากลัวกลับกลาย
      เป็นคนละคน ทำให้
      อลิซไม่แน่ใจว่าเป็นคนละคนรึเปล่า แต่จะใช่หรือไม่ ตอนนี้ เค้าคือคู่ต่อสู้ของ
      เธอ

      ทุกคนสังเกตเห็นบรรยากาศน่าขนลุกจากวิคัสที่สร้างได้ดีเกินคาด ทำเอารุ่น
      น้องขนลุกและของคุณในความโชคดีของตนเองที่ไม่ได้เหมือนอลิซที่ประจันหน้า
      จะประลองอยู่ตรงนี้

      แต่เมื่อมองไปอีกทางก็เห็นบรรยากาศที่เยือกเย็น เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น และ
      ประกายที่ตาสีดำสนิทของอลิซในขณะนี้ แต่ดุเหมือนมันจะส่งประกายกล้า ท้าทาย
      มากกว่า

      บรรยากาศที่ตีกันอยู่ทำให้การแข่งยิ่งน่าดุมากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ควรพลาด
      และ ทุกคนก็คงคิดเหมือนกันว่าโชคดีที่ได้อยู่ชมรม จึงได้เห็น ( และคงมีเรื่อง
      ใหม่ๆไปพูดกับเพื่อน ) ขณะนี้เป็นเวลา 14.00 น. เพราะฉะนั้นจึงเหลือเวลา 2
      ชั่วโมง แต่ก่อนที่ครูจะประกาศเริ่มการประลอง ก็มีเสียงออดชมรมดังขึ้น แล้วครู
      ก็ไปเปิดประตูอย่างหงุดหงิด

      “ สวัสดีครับ ” อาจารย์เนรัลพูดอย่างสุภาพไว้ก่อนแม้ว่าจะหงุดหงิดขนาดไหนก็
      ตาม
      “ ขอโทษนะครับที่มารบกวน แต่ว่าทราบมาว่าชมรมนี้จะมีการประลองตั้งแต่วัน
      แรก ก็เลยอยากพานักเรียนของชมรมกังฟู ของผมมาดู เพื่อให้เห็นความมุ่งมั่น
      ของการต่อสู้น่ะครับ เพราะ ชมรมผมจะเริ่มสู้อาทิตย์หน้าที่จะถึง ” อาจารย์ประจำ
      ชมรมกังฟูพูด
      “ ครับๆ เชิญครับ กำลังจะเริ่มคู่แรก ของวันนี้พอดีเลย ปี 6 กับ ปี 1 น่ะครับ ” ครู
      พูดอย่างสุภาพ และเย็นลงเพราะยินดีอย่างยิ่งที่ได้โชว์ความเจ๋งของชมรม
      “ ขอบคุณครับ เอ้า! เข้ามา ” ครูเรียกนักเรียนเข้ามาซึ่งมั่นใจได้เลยว่าต้องขน
      มาทั้งชมรม
      หลังจากจัดที่นั่งให้ชมรมกังฟูได้แล้ว กำลังจะเริ่มก็มีชมรม เทควันโด คาราเต้
      กีฬา ( ซอคบอล ) และชมรมศิลปะการต่อสู้ต่างๆมาขอชมอีก ( จะมาอะไรกัน
      นักหนา ) ซึ่งนับว่าโชคดีมากๆเลยที่ ชมรมพวกนี้ คนไม่มาก และ พื้นที่ชมรมฟัน
      ดาบกว้างมากๆจึงรับได้หมด และ นั่งอย่างสบายๆ รวมถึงมีที่เหลือ เพราะ การฟัน
      ดาบ ในการซ้อมต้องใช้เนื้อที่มากป้องกันอุบัติเหตุ และ ชมรมนี้มีคนเยอะ
      เพราะ พวกนักเรียนมาฝึกเพื่อป้องกันตัวมากกว่าสาขาอื่นๆ

      “ เอ้า! เตรียมตัว ” ครูพูดอย่างตื่นเต้นและถอดสายออดไว้เรียบร้อย ( กลัว
      ชมรมอื่นหาข้ออ้างทำให้เสียงเวลาอีก เพราะตอนนี้จาก 2 ชั่วโมง กลายเป็นเหลือ
      ชั่วโมงครึ่ง ) และปิดประตูอย่างแน่นหนา

      เสียงของครูทำให้อลิซ และ วิคัส ที่หันไปนั่งรอแทนยืนรอ แล้วลดบรรยากาศ
      กลับเป็นปกติ รวมถึงนั่งคุยเล่นกันไปพลางๆยืนขึ้นแล้วตั้งท่า พร้อมทั้งสร้าง
      บรรยากาศขึ้นใหม่ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกถึงบรรยากาสนั้น ( บรรยากาศ
      ประมาณเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว )

      “ เตรียมตัว ระวัง เริ่ม!!!! ” สิ้นเสียงครูทั้งคู่ก็เดินไปรอบๆ จ้องที่ดาบของอีกฝ่าย
      ซึ่งอลิซใช้ดาบเล็กกว่าวิคัส แต่ดาบเล็กนั้นอาจจะมีความว่องไวกว่า แต่ดาบใหญ่
      ก็รับได้ดีกว่า ทุกอย่างนอกจากขึ้นอยู่กับดาบแล้ว ยังต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้

      แล้วหลังจากเดินดูเชิงกัน ( แต่ดูเหมือนยืดเส้นยืดสายมากกว่า – นั่งมานาน
      สงสัยเหน็บจะกิน )
      ทั้งคู่ก็เริ่มการปะทะดาบกันซึ่งอลิซหลีกเลี่ยงและหลบทัน เพราะ ดาบเล็กอาจเป็น
      ฝ่ายเสียเปรียบ
      ดาบใหญ่ไล่ฟันอีกรอบก่อนที่ดาบเล็กจะปัดเบี่ยงเบนทิศ ซึ่งถ้าดาบไม่ดี มือคน
      ถือไม่แข็งพอ ก็ไม่สามารถทำได้ ทำให้คนดูยิ่งลุ้นเข้าไปใหญ่ ( ตอนนี้จำนวน
      กล้องที่ถ่ายวีดีโอเพิ่มมากขึ้น เพราะ มีชมรมอื่นเสริมด้วย )

      แล้วทั้งคู่ก็แยกไปคนละฝั่งอีกครั้งก่อนโจมตีเข้าใหม่ คราวนี้ดาบเล็กได้เปรียบ
      เพราะการใช้ดาบใหญ่ทำให้กำลังลดน้อยลงกว่า ถึงไม้จะนิดหน่อยก็ตาม มันน่า
      จะเป็นอย่างนั้น แต่ขณะนี้ดาบใหญ่โจมตี
      ขณะที่ดาบเล็กหลบอย่างสวยงาม ยังไม่ตอบโต้มาก แต่ดูเหมือนจะแหย่มากกว่า
      มันดุไม่เอาจริงเอาจัง

      ผู้ถือดาบใหญ่ยิ่งได้ใจที่เห็นดาบเล็กไม่ตอบโต้ก็ยิ่งฟันรุกหนักเข้าไปอีก ในขณะ
      ที่ดาบเล็กเอาแต่หลบ ( เฉียดฉิวทำเอาหลายๆคนหัวใจแทบวาย ) และยิ่งมีเสียง
      วิจารณ์มากขึ้น

      “ อลิซไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่นา หรือว่าพี่วิคัสเก่งมากๆ ” เซียถาม
      “ ฉันว่าอลิซรู้ว่าใช้กำลังเอาชนะไม่ได้เลยใช้ทางอื่นต่างหากล่ะ ” เอ๊ดบอก
      “ จะใช้ทางไหนก็ชั่ง แต่ขอให้จบออกมาไม่มีใครบาดเจ็บก็พอ ” แคตพูด
      “ อลิซหลีกเลี่ยงไง ก็เลยใช้วิธีที่ง่ายกว่า ฉันว่าเธอมองพี่วิคัสออกทั้งหมด ” วี
      นพูด
      “ พี่วิคัสประมาทอลิซเกินไป เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีพลังพิเศษทางดวงตา ” เด
      รโกพูด
      “ อีกไม่นานคงได้เวลาเริ่มเกมส์ ตามฉบับของอลิซ ” วีนพูด
      “ ดาบนั่นคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นในหนังสืออะไรซักอย่าง ดูท่าทางมันไม่ได้อ่อน
      กว่าดาบใหญ่อย่างที่ควรจะเป็น ” เชพูด
      “ นั่นเป็นดาบของอลิซซาเบธ ครูเว่น ต้นแบบของอลิซ ” แคตบอก
      “ หมายความว่าไง ต้นแบบของอลิซ ” ทอมถาม
      “ เชื่อกันว่า คนของครูเว่น เมื่อตาย จะยังเกิดในครูเว่น ทายาทจึงมีพลังของต้น
      แบบ และ อาจจะมากกว่า อลิซซาเบธ อยู่ในรุ่นแรกๆของตระกูล ถ้าจำไม่ผิด
      และ ชื่อ อลิซซิน่า อาจจะมาจากอลิซซาเบธก็ได้ ” เชบอก
      “ นายกินหนังสือประวัติประจำตระกูลเป็นอาหารรึไง รู้ดีจัง ” แคตถาม
      “ เปล่า ฉันศึกษาเฉพาะที่น่าสนใจ แต่ฉันจำเฉพาะบางอันเท่านั้นแหละ ตระกูล
      เธอเล่นประวัติยาวเหยียดขนาดนั้น ฉันจำไม่หมดหรอก ” เชบอก
      “ อลิซเริ่มต้นการต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว ” วีนพูด

      แล้วบทสนทนาก็จบลง ทุกคนหันไปสนการแข่งขันต่อ

      ไม่น่าหลงกลเลย ที่หลบก็แค่แผนตัดกำลังเท่านั้น ฉลาดจริงๆ สมแล้วที่เป็นครู
      เว่น – วิคัสคิดกึ่งชมกึ่งอารมณ์เสีย เพราะเค้าพึ่งมารู้ตัว

      นี่มันยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น แล้วพี่จะเห็นว่า เราไม่เคยเกรงกลัวคนที่ท้า – อลิ
      ซคิด

      ตอนนี้ทั้งสนามกำลังจับตาดูอย่างสนใจ เพราะ อลิซ เปลี่ยนแบบการต่อสู้ใหม่
      เธอไม่ได้เอาแต่หลบ แต่หันมาเผชิญหน้าตรงๆอย่างไม่มีแววหวั่น ส่วนวิคัสก็
      เริ่มหอบนิดๆในขณะที่อลิซแทบไม่เหนื่อยเลย ( สนุกซะมากกว่าล่ะสิ – เอ๊ดคิด )
      ทำให้หลายๆคนเข้าใจแผนการของอลิซ

      บรรยากาศเดิมเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่แววมุ่งมั่นอยู่ที่ฝ่ายอลิซมากกว่า เพราะ
      ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังอ่อนแรงจากการโจมตี

      ทั้งคู่เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ทำให้ยิ่งน่าจับตามองมากขึ้น ต่างคนต่างงัดเอาศิลปะ
      การต่อสู้แต่ละสาขามาใช้ร่วมกับฟันดาบไปในตัว แล้วก็เปลี่ยนกลับมาฟันอย่าง
      เดียว ทั้งคู่เปลี่ยนกลับไปกลับมาเรื่อยๆ ดูเหมือนจะทำให้อ่อนแรงทั้งสองฝ่าย คู่
      นี้มีทักษะดี และ เก่งทั้งคู่ แต่อยู่ที่ใครจะฉลาด และมีชั้นเชิงกว่ากันเท่านั้น

      “ เคร้ง!!!!!! ” เสียงฟันดาบที่ดูเหมือนเป็นการตัดสินดังขึ้นท่ามกลางการลุ้นของ
      ทุกคน ระหว่างดาบเล็กกับดาบใหญ่ ดาบใหญ่ที่แข็งแรงอย่างนั้นควรจะทำดาบ
      เล็กให้แตกหักไปแล้ว นั่นเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าดาบเล็กเล่มนี้ไม่ธรรมดา ( ดูสี
      ที่ตรงจับสิ ธรรมดาเหมือนชาวบ้านเค้าซะที่ไหน )

      ในขณะที่เหมือนวัดกำลังดาบและผู้ถือกันอยู่ วิคัสคัสกำลังจะใช้การขัดเท้าเพื่อให้
      ล้มแล้วเมื่อเอาดาบจ่อหน้าเค้าจะชนะ เค้าคิดเช่นนั้น แต่เค้าประเมินค่าคู่ต่อสู้
      ต่ำไป เมื่อวิคัสเอาขาข้างขวาออกมากำลังจะขัดขาข้างซ้ายของอลิซ อลิซก็ซ้อนแผน
      โดยใช้ขาซ้ายนั้นปัดขาเค้าออกทำให้เสียหลักล้ม แล้วเธอก็เอาดาบจ่อที่หน้าของ
      เค้า

      “ ผู้ชนะ อลิซซิน่า ครูเว่น ” อาจารย์เนรัลประกาศตามมาด้วยเสียงปรบมือกึก
      ก้อง อลิซโค้งคำนับ แล้วทั้งสองก็ออกมาจากลานประลองเพื่อให้คู่อื่นต่อ

      “ เธอชนะ อลิซ พี่คงต้องให้เธอเป็นคนสอนแทนที่พี่จะสอนเธอ ” วิคัสพูด

      “ ไม่หรอกค่ะ พี่เก่งอยู่แล้ว เสียแต่พี่ไม่ค่อยใช้กล แล้วใช้ก็ใช้ได้ไม่ดี เพราะพี่
      รู้จักคู่ต่อสู้ไม่ดีพอ พี่ประมาทเกินไป ” อลิซบอก

      “ เธอความรู้สึกไวมากเลย ” วิคัสชม

      “ ไม่หรอกค่ะ แต่ว่า… อาจจะใช่ สำหรับ…ขา ” อลิซบอก

      “ ใช่ค่ะพี่ พี่เก่งมากเลย แต่ว่าพี่ควรจะรู้ว่าอลิซใช้ขาเก่ง ” เซียพูดขึ้น

      “ ใช่แล้วพี่ก็เก่งมากด้วย สู้กับอลิซนานมากๆเลย ” แคตบอก

      “ อลิซ เราคงต้องจดสถิติใหม่ไว้ เธอใช้เวลาตั้ง ครึ่งชั่วโมง!! แน่ะ แสดงว่าพี่วิคัส
      เยี่ยมที่สุด เพราะ สูงสุดเคยใช้แค่ 25 นาที ” อลิเซียบอกพร้อมจดสถิติใหม่ เธอ
      เป็นคนจับเวลาและจดให้อลิซทุกครั้ง

      “ จริงค่ะ พี่วิคัสเยี่ยมจริงๆ ” วีนเสริม

      “ 25 นาทีนี่ แข่งกับใคร เมื่อไหร่ ” วิคัสถาม

      “ เดี๋ยวแป๊บนึงนะคะ ฟันดาบ 25 นาที ฟันดาบ ฟันดาบ อ้อ!! เจอแล้ว เมื่อ 6
      เดือนก่อน กับครูฝึกประจำตระกูลค่ะ ” เซียบอก

      “ 5 นาที โอเคๆ คราวหน้าเราประลองกันใหม่นะ อลิซ ” วิคัสพูด “ ค่ะ ” อลิซตอบ
      รับ

      “ อลิซ ถ้าเธอไม่มัวเล่นเกมอยู่ก็แค่ 20 นาทีเอง เธอชนะเค้าสบายๆอยู่แล้ว แต่
      เธอสู้แค่สนุก ไม่ค่อยเอาจริง แต่ดูเหมือนจะเอาจริงกว่าตอนประลองกับบางคน
      นะ ” เอ๊ดพูด

      “ ฉันว่าพี่เค้าเก่งนะ แต่ฉันชอบสนุกๆมากไปก็เลยไม่ซีเรียสมาก แต่มันก็มีบ้าง
      พี่เค้าเก่งจริงๆ ไอ้เล่นเกมตอนแรกมันก้ได้ผลอยู่หรอก ตอนหลังฉันเล็งขาพี่เค้า
      ไว้แล้วเชียว แต่พี่เค้าลงมือก่อน ก้เลยซ้อนแผนซะเลย พี่วิคัสก็เลยแพ้ไง ” อลิ
      ซอธิบาย

      “ แล้วเธอเอาจริงกี่เปอร์เซนต์ เกิน 90 รึเปล่า ” วีนถาม

      “ 95 เชียวล่ะ ” อลิซบอก

      “ แสดงว่าเค้าเก่งล่ะสิ ” วีนถาม

      “ ใช่ แต่ไม่เท่าครูฝึก เพราะตอนนั้นใช้ 100% แล้วก็ไม่มามัวเล่นเกมหรือกล
      แบบนี้ด้วย 20 นาทีถือว่าเยอะมากถ้าใช้ความสามารถล้วนๆอย่างนั้น ” อลิซบอก
      “ แล้วคราวหน้าชมรมการต่อสู้ฯที่เข้า เค้าจะมาขอสู้กับเธอมั๊ยเนี่ย ” เซีย
      ถามอย่างเป็นห่วง

      “ อาทิตย์นี้ อธิบายกติกา อาทิตย์หน้าฉันคงได้สู้จริงๆ เห็นว่าพี่วิคัสก็ลงชั่วโมง
      เดียวกับเรา เค้าอาจจะท้าสู้เวทย์กับฉันก็ได้ ” อลิซบอก

      “ ทำไมจะบังเอิญขนาดนั้น ” เซียพูด

      “ ไม่บังเอิญซะมากกว่า เค้าบอกว่าเค้าอยากสู้กับครูเว่น แล้วรู้สึกว่าเค้าจะจงใจ
      ลงชมรมเดียวกับเธอทั้ง 3 อันเลยนะ เค้าคงสนใจครูเว่นจริงๆ ” เอ๊ดบอก

      “ เธอรู้ได้ไงเอ๊ด ว่าเค้าลงชมรมเดียวกับเรา ” อลิซถาม

      “ มองไง มอง เธอมองแต่ชั้นเชิง ความสามารถ นิสัย อารมณ์ แต่เธอไม่ได้มองข้า
      ไปถึงกิจกรรมบางอย่าง ฉันมองเห็นว่า เค้าลงชื่อหลังเราไม่นานนะ แต่ก่อนลง
      เค้ามองหาชื่อเธอ แล้วเค้าเดาเก่งซะด้วย เค้าไปเจอชื่อเธอ 3 ชมรมที่เดาเลย ”
      เอ๊ดบอก

      “ จะว่าเดาเก่งคงไม่มั้ง ในร้านแคนดี้ แล็ปเค้าอยู่แถวๆที่ฉันคุยกับพี่คอเรส
      ด้วย ” อลิซบอก

      “ บังเอิญได้ยินมั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้น ” เดรโกเสนอ

      “ อาจจะจงใจก็ได้ เค้าอาจจะรู้ว่าพี่คอเรสต้องถาม แต่…ชั่งมันเถอะ ดูคู่อื่นต่อดี
      กว่า ” วีนเสนอ แล้วทุกคนก็หันไปสนใจการแข่งขันแทน ตอนนี้ เหลือเวลาอีก
      แค่ 50 นาทีในการเรียนชมรม 3

      เมื่อจบชั่วโมงทุกคนก็แยกย้ายกันไป คืนนี้ทั้ง 8 คนต่างก็รอคอยให้ถึงวันพรุ่งนี้
      วันที่จะได้เล่น
      เกมส์แก้เซ็ง
      ------------------------------------------------------------------

      บทที่ 8 เกมส์แก้เซ็ง

      เช้าวันเสาร์เป็นเช้าที่สดใส และ เป็นวันที่รอคอยของนักเรียนทุกคน
      เพราะ อยากพักหลังจากผจญมาถึง 5 วัน

      วันนี้เป็นวันที่อลิซตื่นสายได้ตามสบาย เพราะเช้าวันเสาร์ อาทิตย์ เป็นวัน
      ที่งดเว้นเป็นพิเศษให้รับประทานอาหารไม่พร้อมกันได้ แต่กลางวัน และ เย็น
      ต้องพร้อมกัน

      แต่วันนี้ อลิซเลือกที่จะตื่นเช้าตามปกติ เมื่อแต่งตัวเสร็จ ( เสาร์ – อาทิตย์ แต่ง
      ชุดเล่นแบบธรรมดาได้ )
      เธอก็เลือกที่จะสูดอากาศข้างนอกซักพักก่อน และเมื่อหันไปทางขวา เธอก็เห็น
      เอ๊ดมาสูดอากาศบริสุทธิ์เช่นกัน และเอ๊ดก็หันมาเห็นอลิซ หลังจากนั้นไม่นาน
      เสียงโทรศัพท์ของอลิซก็ดังขึ้น

      “ มาสูดอากาศบริสุทธิ์คนเดียวแสดงว่าเซียกับแคตยังไม่ตื่นใช่มั๊ย ” เสียงเอ๊ด
      ถาม ทั้งคู่ต้องใช้โทรศัพท์คุยเพราะไม่อยากตะโกนคุยกันแทน

      “ ใช่ เมื่อคืนสองคนนั้นเค้าเล่นเกมส์กันจนดึก วีนก็ลงไปเดินเล่นข้างล่าง แล้ว
      ทอมกับเชก็คงเล่นเกมส์จนดึกเหมือนกันงั้นสิ ” อลิซถาม

      “ ใช่ ก็เลยยังไม่ตื่นเหมือนกัน ส่วนเดรโกกับวีนก็เหมือนนัดกันไว้เลย ลงไป
      เดินเล่นเหมือนกันทั้งคู่ อลิซ ฉันขอไปคุยฟากนั้นได้มั๊ย มันเปลืองค่า
      โทรศัพท์ ” เอ๊ดถาม ( น่าขอตั้งนานแล้ว )

      “ ได้สิ ” อลิซตอบ แล้วทั้งคู่ก็วางสาย ไม่นานเอ๊ดก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆเธอ

      “ น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะ ” อลิซพูด

      “ ก็ขออนุญาตก่อนไง ” เอ๊ดบอก

      “ ก็ดี รู้จักขออนุญาตกันบ้าง เอ๊ด…เธอออกมาสูดอากาศอย่างนี้ทุกเช้าวันเสาร์
      อาทิตย์รึเปล่า ” อลิซถาม พลางหันหน้าไปมอง “ ก็ไม่ทุกวันหรอก แต่จะเป็นส่วน
      มาก บางครั้งก็เดินเล่น ก็อากาศตอนเช้ามันดี จันทร์ ถึง ศุกร์เราก้ทำไม่ได้ด้วย
      โรงเรียนไม่ยอมเปิดที่คอบกันอากาศ เปิดเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ก็เลยต้องสูด
      อากาศบริสุทธิ์ยามเช้ากันหน่อย แล้วเธอล่ะ ” เอ๊ดถาม

      “ ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ เวลาฉันอยู่ที่ระเบียง แล้วเหม่อมองออกไปก็ชอบคิด
      อะไรเล่นๆไปด้วย สูดอากาศบริสุทธิ์ไปด้วย สบายใจดี แล้วเธอล่ะ ” อลิซถามบ้าง

      “ ฉันก็คล้ายๆกันนั่นแหล่ะ ” เอ๊ดตอบแล้วก็มองไปที่สวนที่ห่างออกไป อาคารปี
      3 สามารถมองเห็นวิวต่างๆได้อย่างดี ไม่แพ้อาคารของปี 6 จากมุมนี้ สามารถมอง
      เห็นสนามหญ้าเขียวๆของโรงเรียน ที่ทั้งรุ่นน้อง และ รุ่นพี่ ชอบไปนั่งเล่นกัน
      แถวนั้น เพราะ ร่มรื่น และ บริเวณรอบๆก็มีต้นไม้ใหญ่ ที่มักจะไปนั่งคุยเล่นกัน
      ตรงนั้น

      “ เวลามองออกไปแล้วคิดถึงเรื่องอะไรบ้าง ” อลิซถาม

      “ คิดถึงเมื่อก่อนล่ะมั้ง คงตอนปี 2 ที่ฉันเข้าเทอม 2 ก่อนหน้านั้นจำได้ว่าเธอมาที่
      เมืองฉัน แล้วฉันก็ไปที่เมืองเธอ พอฉันเข้าโรงเรียนก็เลยพลอยได้อยู่กลุ่มเธอ
      ไปด้วย ทั้งเดรโก ทอม และเช เข้าก่อนฉันทั้งคู่ ก็เลยรู้จักกับเธออยู่ก่อนแล้ว
      เธอเห็นความทรงจะตอนที่เธอไปเมืองฉันรึเปล่า แล้วเห็นตอนที่ฉันไปเมืองเธอ
      มั๊ย ” เอ๊ดถาม

      “ เห็น แต่น้อยมากจริงๆ แสดงว่าคงมีความทรงจำที่ดีมากๆตอนนั้นใช่มั๊ย ฉัน
      เลยไม่อาที่จะเห็นได้ ” อลิซถาม เพราะเธอรู้ว่า ความทรงจำที่ดีมากๆ จะถูกเก็บ
      ไว้ในส่วนลึก ต่อให้มีพลังทางสายตา ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ สำหรับความทรง
      จำของบางคน

      “ ก็อาจจะใช่ ซักวัน…เมื่อเธอได้มันกลับมา เธอก็คงจะจำมันได้ คงไม่นานหรอก
      แต่บางครั้งไม่เอามันกลับมาก็คงมีข้อดีเหมือนกัน เธอจะได้จำสิ่งเลวร้ายตอนนั้น
      ไม่ได้ แต่…รู้ช้ารู้เร็วก็คงมีค่าเท่ากัน ยังไงซักวัน เธอก็คงต้องใช้มันอยู่ดี ” เอ๊ด
      พูด

      “ ใช่ ฉันบอกตามตรงว่าฉันก็กลัวเหมือนกัน กลัวที่จะเอาความทรงจำที่ไม่ดีกลับ
      มาอีกครั้ง แต่บางครั้งมันก็อาจจะสอนอะไรเราก็ได้นะ ถึงฉันจะยังเด็ก ยังไม่
      ค่อยเข้าใจที่ปู่ทวดเคยสอนว่า ความเจ็บปวดและความผิดพลาดจะเป็นสิ่งที่คอย
      สอนและย้ำเตือนตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องหลีกหนี หรือ หลีกเลี่ยง จงรับทุกสิ่งที่
      ผ่านเข้ามา จงยอบรับและพร้อมที่จะจัดการกับมัน แต่ฉันก็เชื่อว่าบางครั้งมันคง
      จะสอนเราได้จริงๆอย่างที่ปู่ทวดบอก แม้จะยังไม่เข้าใจว่า ถ้าหลีกเลี่ยงได้ ทำไม
      ต้องรับ และทนจัดการกำมัน ทั้งที่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ทำไมต้องรับบทเรียนที่
      ราคาแพงขนาดนั้น ในเมื่อไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ การไม่มีอาจทำให้เราสบายใจ
      กว่า มีความสุขมากกว่า แต่ซักวัน ฉันอาจจะเข้าใจก็ได้ ” อลิซบอก

      “ แน่นอนว่า…ซักวัน เมื่อเราโตขึ้น เราจะต้องเข้าใจมัน อลิซ อะไรคือสิ่งที่เธอ
      กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นมากที่สุด ” เอ๊ดถาม

      “ ฉันกลัวการสูญเสียอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยความตาย หรืออย่างอื่น ฉันไม่อยากให้
      มันเกิดขึ้นอีก ” อลิซตอบ

      “ ความตายไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียซะทีเดียวหรอกนะ ทุกวันนี้เธอก็ยังมีปู่
      ทวดอยู่ไม่ใช่หรอ และถึงแม้ท่านจะไม่ได้อยู่ในกระจกอย่างที่เป็นอย่างทุกวันนี้
      ฉันก็เชื่อว่าท่านจะยังไม่จากเราไปไหน และ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ เธอจะไม่
      สูญเสียใครไปเลย ถ้าเธอพยายาม หรือ มีความเชื่อมั่น ” เอ๊ดบอก

      “ ฉันเชื่อเธอ เธอรู้มั๊ย ว่าทำไม…ฉันถึงอยากปรุงน้ำยาเทพพยากรณ์ มันไม่ใช่
      แค่ผลสอบของครูเว่นเท่านั้นหรอกนะ ” อลิซถาม

      “ เธออยากได้ใครซักคนที่รู้อนาคต จะได้คอยเตือนเธอ จะได้ลดการสูญเสียหรือ
      สิ่งไม่ดีที่จะเกิดขึ้นให้ลดน้อยลง หรือบอกล่วงหน้าเอาไว้ให้ทำใจใช่มั๊ยล่ะ ” เอ๊ด
      ถาม

      “ ใช่ เธอฉลาดดีนี่ แล้วก็คงรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช้มั๊ย ” อลิซถาม
      “ ใช่ ฉันคิดว่ามันก็ดีเหมือนกันก็เลยไม่ขวาง ไม่ได้เกี่ยวกับที่เธอขู่เรื่องวีเชอร์
      หรอกนะ ” เอ๊ดตอบ
      “ ฉันก็รู้ว่าเธอไม่กลัว ” อลิซบอก

      “ อะแฮ่ม!!! มายืนชมวิวกัน 2 คน ไม่เรียกเลยนะ ” เซียพูดแล้วหาว เพราะเธอ
      ยังงัวเงียอยู่

      “ ก็ดูเธอสิ ยังไม่ตื่นดีเลย จะให้เรียกได้ยังไง อีกอย่างนะ เธอปลุกยากอย่างกับ
      อะไรดี ” อลิซบอก

      “ ก็จริง ฉันเห็นด้วย ” แคตเสริม เธออยู่ในสภาพที่ดูดีกว่าเซีย ที่หาวอีกรอบ

      “ ง่วงนักก็กับไปนอนต่อก่อนก็ได้ ” อลิซบอก
      “ ไม่เป็นไร ถึงจะง่วงแต่นอนตอนนี้ก็ไม่หลับแล้ว ไหนๆก็อาบน้ำแต่งตัวแล้ว ลง
      ไปกินข้าวดีกว่า เธอสองคนไปด้วยกันมั๊ย ” เซียถาม
      “ เดี๋ยวตามไปแล้วกัน พวกเธอลงไปก่อนเถอะ ป่านนี้เดรโก วีน แล้วก็ทอมกับ
      เช คงรออยู่ที่ห้องอาหารแล้วล่ะ บอกด้วยว่าเดี่ยวฉันจะตามลงไป ” อลิซบอก
      “ สองคนนั้นลงไปก่อนฉันแล้ว!! งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเอ๊ดล่ะ จะไปพร้อมกันรึ
      เปล่า ” เซียถาม
      “ เดี๋ยวฉันลงไปพร้อมอลิซ ” เอ๊ดตอบ แล้วเซียกับแคตก้ลงไปที่ห้องอาหาร

      “ อลิซ วันนี้เราคงต้องไปเล่นเกมส์แก้เซ็งของตระกูลเธอ ฉันขอถามหน่อยว่ามัน
      เป็นยังไง ” เอ๊ดถาม

      “ มันมี 9 ด่าน มิสเตอร์เดริคจะเป็นคนบอกว่าแต่ละด่านฝึกอะไร ให้ทำอะไร ฉัน
      จำได้ว่า ด่านแรกฝึกทักษะการต่อสู้ ด่านที่ 2 เป็นการเล่นเกมส์ 5 อย่าง แล้วแต่
      ว่าจะได้อะไร ด่านนี้แหละที่แก้เซ็งได้มากที่สุด ส่วนด่านอื่นๆถึงเวลา เธอก็จะรู้
      เอง ” อลิซบอก

      “ งั้นก็คงน่าเล่น ฉันว่าวิธีแก้เซ็งของครูเว่นคงไม่ธรรมดา ก็เท่าที่ฟังดูเหมือน
      เซ็งกันได้ทุกรุ่น น่าสนใจ อลิซ จะลงไปรึยัง ” เอ๊ดถาม

      “ ไปสิ ” อลิซตอบ แล้วทั้งคู่ก็ลงไปพร้อมกัน

      หลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งหมดก็ไปเอาชุดซอคบอล แล้วก็ไปที่ห้องอลิซ แล้วอลิ
      ซก็เอากระจกของเอมิลี่ออกมาตั้งไว้กลางห้องนั่งเล่น

      “ เอมิลี่ ช่วยต่อเข้ากับเกมส์แก้เซ็ง ให้หน่อยสิ ” อลิซวาน แล้วเอมิลี่ก็ตอบรับ
      กลับมาว่า
      “ เรียบร้อย เข้ามาได้ ”
      “ ฉันรู้สึกลางไม่ดีเลย ” อลิซบอกทุกคน
      แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็เข้ามาโดยผ่านกระจก เข้าสู่ “ เกมส์แก้เซ็ง ”

      “ สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่เกมส์แก้เซ็งครับ ” เสียงหนึ่งดังขึ้น แต่ไม่เห็นเจ้า
      ของเสียง ทุกคนกำลังมองไปรอบๆห้องที่กว้างมากๆห้องหนึ่ง มันกว้างมากกว่าที่จะ
      เรียกได้ว่าห้อง เพราะหาจุดบรรจบแทบไม่เจอ

      “ สวัสดีค่ะ มิสเตอร์เดริค พ่อฝากลูกแก้วเอาไว้ให้แล้วใช่มั๊ยคะ ” อลิซถาม
      “ ใช่ครับ ” เสียงนั้นตอบ “ ผมขออธิบายเลยนะครับ ผมจะอธิบายเป็นด่านๆไป
      เกมส์นี้ มีทั้งหมด 9 ด่าน ด่าแรกที่จะเจอนี้เป็นการฝึกทักษะการต่อสู้ ซึ่งเป็น
      คุณสมบัติที่ครูเว่นทุกคนต้องมี พร้อมที่จะเล่นมั๊ยครับ ”

      “ พร้อมค่ะ / ครับ ” ทุกคนตอบพร้อมกัน

      “ กรุณาหลับตาด้วยครับ…ลืมตาขึ้นได้ กรุณาหยิบอาวุธเพียงคนละอย่างเดียวเท่า
      นั้น ขอให้สนุกกับด่านแรกนะครับ สวัสดีครับ ” แล้วเสียงนั้นก็หายไป

      ทุกคนมองไปรอบๆห้องที่เปลี่ยนไป ทางขวามือของห้องมีอาวุธให้เลือก ทุกคน
      เลือกหยิบอาวุธมาคนละอย่าง อลิซ เอ๊ด วีน และ เดรโก เลือกดาบ , แคต และ
      เช เลือกทวน ส่วนทอมกับอลิเซียเลือก

      “ กระบองหรอ เซีย เธอคิดจะตีอย่างเดียวเลยใช่มั๊ย ” วีนถาม
      “ ก็ฉันไม่อยากเห็นเลือดนี่นา มันน่าสยอง ฉันทำไม่ลง แค่ตีให้สลบก็พอ ” เซีย
      ตอบ
      “ ฉันเห็นด้วยกับเซีย ” ทอมเสริม
      “ ชั่งเถอะ อีก 5 นาที เกมส์จะเริ่มแล้ว ” อลิซบอก

      หลังจากนั้น 3 นาทีอาวุธทุกอย่างก็หายไป

      “ นี่เป็นแค่เกมส์ จะไม่มีใครตายจริงๆ ” อลิซบอก แล้วหลังจากนั้น 2 นาที เกมส์
      ก็เริ่มขึ้น

      มีคนชุดดำ 10 คน ปรากฏตัวขึ้น แล้วทั้งหมดก็เข้าตะลุมบอนกัน เพียงแค่ 10
      นาทีเท่านั้น ชายชุดดำทั้ง 10 คนก็ไปกองกันที่พื้น

      “ ว้า! ฉันเลยไม่ได้ออกโรงเลย ” เซียบ่น เพราะ เธอไม่ได้จัดการใครเลย คน
      อื่นๆเค้าจัดการกันหมดแล้ว เธอไม่ทันใคร ก็เลยไม่ได้จัดการซักคน

      “ อยู่เฉยๆนั่นแหล่ะเซียดีแล้ว ” แคตบอก หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็หายไป
      ทั้งรอยเลือดที่เปื้อนอยู่ตามที่ต่างๆ และ ทั้งคนก็หายไปพร้อมๆกับเสียงเดิมที่ดัง
      ขึ้น

      “ ต่อไปด่านที่ 2 เป็นเกมส์ที่มีเพื่อความสนุก มี 5 อย่าง ด่านที่คนใดคนหนึ่งเคย
      เจอเราจะตัดออกเลยนะครับ เราได้เตรียมไว้แล้ว อย่างแรก คือ เลี้ยง นัฟเฟช
      2 ตัว อาบน้ำ แปรงฟันมัน แล้วก็ให้อาหาร แล้วจากก็แปรงฟันอีกครั้ง นั้นก็
      กล่อมให้หลับ เกมส์จะจบ เมื่อนัฟเฟชหลับแล้วนะครับ ด่านนี้เป็นคุณสมบัติ
      เรื่อง การดูแล เกมส์จะเริ่ม ณ บัดนี้ ”

      สิ้นเสียงแล้วสภาพห้องก็เปลี่ยนไป มีนัฟเฟช 2 ตัว ( สัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง สูง
      แค่ 2 ฟุต มีฟันเต็มปาก มีทั้งหมด 100 ซี่ บน 50 ล่าง 50 ปากของมันใหญ่มาก
      บางตัวดุร้าย บางตัวซน แต่ส่วนมากมักจะซนมากกว่า ตัวผู้ผิวสีน้ำเงิน ตัวเมียสี
      เขียว เป็นสัตว์ยืน 2 ขา ) เปลเด็ก รวมถึงอาหารของมัน คือ ผักกาด แล้วที่มุม
      หนึ่งก็มีอ่างอาบน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน อย่างละ 2 อัน ทุกอย่างแบ่งเป็น 2 ฟาก
      ห่างกัน

      “ เราต้องแปรงฟันให้มันจริงๆหรอเนี่ย ” เซียถาม

      “ เราแบ่งกัน 4 คนต่อ 1 ตัว ” เอ๊ดบอก

      “ ฉันว่าเราแข่งกันมั๊ยว่า ระหว่าง ฝ่ายหญิง กับ ฝ่ายชาย ใครจะดูแลนัฟเฟชได้ดี
      กว่ากัน ตัดสินที่
      กิจกรรมทุกอย่าง จนถึงมันหลับ ตัวของฝ่ายไหนหลับก่อน ฝ่ายนั้นชนะ ” อลิ
      ซเสนอ

      “ ก็ดี ” ทอมบอก แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายไป โดยฝ่ายชายดูแลตัวผู้ ฝ่ายหญิงดูแล
      ตัวเมีย

      “ ฉันชอบจังเลยที่มันเป็นสีเขียว ” วีนบอก
      “ ชอบมันไปเถอะ เจอตอนมันซนแล้วจะรู้สึก ” เซียบอก เธอเคยถูกแม่ของเธอ
      สั่งให้ดูแลนัฟเฟชมาแล้ว หลังจากนั้นแม่ก็ไม่ให้เธอดูแลมันอีกเลย เพราะ เรื่อง
      มันลงเอยตรงที่เธอถูกมันกัด เพราะ ไปเหยียบหางมันตอนที่เธอจะจับมันเข้า
      กรง เพราะมันหนีออกมาเล่นซนข้างนอก เล่นเอาข้างของพังหมด จากนั้นบ้าน
      เธอก็เลิกเลี้ยงนัฟเฟช ทั้งที่เอามาเลี้ยงได้แค่วันเดียว เพราะ เซียเห็น
      แล้วอยากเลี้ยง แล้วหลังจากนั้น เธอก็ไม่พิศวาสมันอีกเลย

      ทั้งหมดเริ่มพร้อมกัน คือพามันไปที่ตรงที่แปรงฟัน แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นถ้า
      ไม่รู้เรื่องของมัน

      ทางด้านฝ่ายหญิง
      “ นัฟเฟช ไปแปรงฟันกันเร็ว ” วีนปะเหลาะ แต่มันไม่ขยับซักนิด
      “ เซียกระโดดแป๊บนึงซิ ” อลิซสั่งแล้วเซียก็กระโดด
      “ ทำไมล่ะอลิซ ” เซียถาม
      “ เพราะนัฟเฟช มันชอบกระโดดไงล่ะ ” อลิซบอก นัฟเฟชตัวเมียมองเซียแล้ว
      เริ่มกระโดดแข่งกับเซีย
      “ เซีย กระโดดไปที่ๆแปรงฟัน แล้วกระโดดอยู่กับที่จนกว่ามันจะไปถึง แล้วก็
      ค่อยหยุด ” อลิซสั่ง เธอเคยดูแลนัฟเฟชตัว 1 เป็นนัฟเฟชของญา ติทางแม่ที่เคย
      เอามาฝากไว้ เธอกับพี่ๆต้องดูแลมันถึง 1 อาทิตย์ เธอจึงรู้ดี

      นัฟเฟชกระโดตามเซียไปและไปแข่งกระโดดกันอยู่ตรงที่แปรงฟัน อลิซหันไปดู
      ฝ่ายชายบ้าง

      ทางด้านฝ่ายชาย
      “ ไปสิ!! ไป ไป บอกให้มาไง ไป ไป โอ๊ย!! เอ๊ด ฉันยกให้นายจัดการ ” ทอมบอก
      เอ๊ดก็ไม่สามารถเอามันไปได้จนทั้งหมดต้องช่วยกันลากมันไป ซึ่งมันทำสีหน้า
      พอใจอย่างยิ่ง ฝ่ายชายเสียเวลาไปมาก

      ในขณะที่ฝ่ายหญิงเริ่มปะเหลาะมัน เพื่อนจะแปรงฟัน

      ทางด้านฝ่ายหญิง
      “ แคต อ้าปากหน่อย นัฟเฟช มันชอบแข่ง ถ้าเธออ้าปาก มันก็จะอ้าปาก ” อลิซบ
      อก
      แล้วมันก็เป็นอย่างที่อลิซบอกจริงๆ
      “ วีน จับมันไว้ก่อน ฉันจะหยุดมัน ” อลิซบอก แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะ มันเริ่ม
      ดิ้น ทำให้วีนเอามันไม่อยู่

      “ ไม่ไหว อลิซ มันไม่ยอมหยุดเลย ” วีนบอกในขณะที่พยายามจับมันไว้ ในขณะ
      ที่มันหุบปากแล้ว
      “ ฉันจัดการเอง เธอหยุดมันด้วยนะ ตัวแค่นี้เธอหยุดได้อยู่แล้ว หยุดมันตอนอ้า
      ปากกว้างๆนะ ” อลิซ
      บอก การหยุดเป็นเวทย์ที่ต้องใช้พลังมากตามสิ่งที่จะหยุด ถึงแม้นัฟเฟชจะมีพลัง
      มาก แต่อลิซเชื่อว่าวีนจะทำได้

      อลิซนั่งลงข้างๆนัฟเฟชพยายามจับมันลงหยุดกับที่เพราะมันเริ่มกระโดดอีกแล้ว
      แล้วเธอก็จี้ที่เอวของมัน ตอนนี้ มันกำลังหัวเราะ นัฟเฟช เป็นสัตว์ที่บ้าจี้ และ
      เมื่อถูกจี้ก็จะอ่อนแรง

      วีนหยุดมันตอนอ้าปากกว้างๆนั้นหัวเราะพอดี ทั้งหมดก็เลยช่วยกันแปรงฟันมัน
      ได้สำเร็จ

      ทางด้านฝ่ายชาย พวกเค้าต้องง้างปากมัน อย่างยากลำบาก 2 คนง้าง อีกคนจับ
      ส่วนเอ๊ดก็ร่ายเวทย์หยุดเสียเวลาไปมากอีกเช่นเคย
      ทางด้านฝ่ายหญิง พวกเธอกำลังเอานัฟเฟชกระโดดไปที่โต๊ะอาหาร เรื่องกินไม่
      ยากเลย มันง่ายมาก แค่เอามันไปนั่งโต๊ะ มันก็จัดการกินผักกาดซะเกลี้ยง แล้วอ
      ลิซก็ใช้วิธีเดิมเอามันไปแปรงฟัน แล้วก็หลอกล่อมันลงเปลนอน

      ทางด้านฝ่ายชาย หลังจากเอามันไปกินแล้ว ก็ต้องเสียเวลาทำวิธีเดิมเอามันไป
      แปรงฟันอีก

      ทางด้านฝ่ายหญิง อลิซใช้วิธีนุ่มนวลโดยการให้เซีย และแคต เอาพัดที่มีให้มา
      พัดให้มัน ให้วีน เป่าขลุ่ย แล้วอลิซก็ร้องเพลงกล่อม ประมาณ 10 นาทีมันก็หลับ
      แล้วนัฟเฟชทางฝ่ายอลิซ พร้อมอุปกรณ์
      ต่างๆก็หายไป เป็นสัญญาณบอกว่าฝ่ายเธอชนะ เพราะ ทางฝ่ายนั้น ยังจับมัน
      แปรงฟันอยู่เลย

      ทางด้านฝ่ายชาย
      “ ช่วยมั๊ย ทางฉันชนะเรียบร้อยแล้ว ” อลิซถาม
      “ ก็ดี แปรงฟันใกล้เสร็จแล้ว แต่ตอนนอนต้องให้พวกเธอช่วย ฉันจนปัญญา
      จริงๆ ” เอ๊ดบอก
      และจากการช่วยเหลือ จากความสามัคคีกันทำให้ทั้งหมดเสร็จได้ด้วยดี

      “ ด่านที่ 2 อย่างที่ 2 ฝึกความว่องไว และ ความมั่นคง มีปลาไหลใส่อ่าง 60 ตัว
      จาก 200 ตัว ใน 30 นาที ” เสียงนั้นดังขึ้นแล้วเงียบไป ตามด้วยสภาพห้องใหม่
      มีกะละมัง 4 ในเรียงอยู่อีกฟากหนึ่ง ปลาไหลถูกส่งออกมาเต็มไปหมด ในห้อง มี
      น้ำสูงขึ้นมา 1 ฟุต และมีสิ่งกัดขวางนิดหน่อย เช่นโขดหิน ตะใคร่น้ำ และอื่นๆอีก

      “ คราวที่แล้วกิ้งกือ คราวนี้ก็ปลาไหล ใครนะ ชั่งคิดจัง ” เซียบ่น ในขณะที่เปียก
      ไปทั้งตัว เพราะล้มแล้วล้มอีก

      “ จะใครล่ะ ก็บรรพบุรุษของครูเว่นนั่นแหล่ะ ” ทอมบอก

      ทั้งหมดจับปลาไหลกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ปลาไหลที่ถูกใส่ในกะละมังจะหายไป
      พร้อมแต้มตัวเลขที่ขึ้นบอกจำนวนปลาไหลข้างๆนาฬิกาจับเวลาเรือนใหญ่

      “ รีบๆจับเถอะ เหลืออีกตั้งเยอะ… ว้าย!! ” อลิซร้องออกมา
      “ ขอโทษ ขอโทษที มันลื่น ” เอ๊ดบอกพลางลุกขึ้น เค้าลื่นล้มทำเอาน้ำกระเซ็น
      เปียกอลิซหมด

      “ ทอม ระวัง!! ” เชร้องบอก แต่ไม่ทันซะแล้ว ทั้งคู่ล้มทับกองอยู่ใกล้ๆเซียที่เปียก
      โชก
      หลังจากนั้น 5 นาที

      “ วีน!! ถอย… ด่วน!!!!!!! ” เซียร้องบอก เซียรีบมากจนลื่นล้ม เธอล้มแถวๆ
      กะละมัง ทำเอาทั้งน้ำ ทั้งปลากระเซ็นไปพร้อมๆกันลงกะละมัง หลังจากนั้นทั้งหมด
      ก็ชุลมุนวุ่นวาย ล้มบ้าง ( ก็ตะใคร่น้ำเต็มห้อง ) ทับกันบ้าง ( น่วมไปตามๆกัน )
      เปียกบ้าง ( อันนี้เจอทุกคน )

      ขณะนี้เหลืออีกเพียง แค่ 5 นาที กับ อีก 2 ตัว

      ปลาไหลเริ่มหลบตามซอกมุมต่างๆทำให้หายากขึ้น ( เพราะ ซอกเยอะมากๆ )
      แล้วเอ๊ดก็จับได้อีก 1 ตัว ขณะนี้ เหลือเวลาอีกแค่ 10 วินาทีเท่านั้น!!

      ทุกคนรีบกันใหญ่ “ 9 ” เสียงนาฬิกาดังเตือน 8 …. 7 …6
      แล้วเซียก็ลื่นขาของเธอเหยียบเอาปลาไหลตัวหนึ่งแล้วปัดมันกระเด้นขึ้นไป

      5…4…3…2…1 ปลาไหลลงกะละมังพอดี …0 Win!!!!!!!!!!!

      “ ไชโย!!! ” ทกคนร้องออกมาพร้อมกัน แม้แต่เซีย และ อลิซ ( ที่ถูกเซียชน ) ที่
      กองอยู่ที่พื้นก็ร่วมร้องยินดีด้วย แล้วเอ๊ดก็ยื่นมือส่งให้ แล้วจับทั้งคู่ให้ลุกขึ้น

      “ ขอบใจ ” อลิซบอก
      “ ขอบใจนะ ” เซียบอก

      “ เจ็บมากมั๊ย ” เอ๊ดถามด้วยความเป็นห่วง
      “ ก็โอเค ” อลิซตอบ
      “ ฉันสิ เจ็บจะตาย ” เซียบ่น
      “ ยังไงก็เพราะเธอแหละนะ ถึงได้ผ่าน เก่งมากเลยเซีย แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ใช่
      วิธีนี้ ” อลิซบอก แล้วเพื่อนๆก็เริ่มหัวเราะ เพราะ ภาพตอนนั้นกลับเข้ามาใน
      ความทรงจำอีกครั้ง ทั้งเซีย และ อลิซก็หัวเราะผสมโรงไปด้วย

      แล้วทุกอย่างก็หายไป แม้แต่น้ำที่เปียกที่เสื้อผ้าของแต่ละคนก็หายไปด้วย แต่
      ความเจ็บนั้นไม่หายไป

      “ ทีน้ำล่ะหายไป ทีไอ้ที่เจ็บล่ะไม่หาย ” เซียบ่น
      “ เอาเถอะน่า ก็ถือว่าเป็นที่ระลึกก็แล้วกัน ” แคตปลอบ
      “ ที่ระลึกแบบนี้ไม่เอาหรอกนะ คราวที่แล้วก็ได้มาทีแล้ว ” เซียบ่น
      “ เอาน่า…อลิซยังไม่เห็นบ่นอะไรเลย ” ทอมบอก
      “ โน่น รายนั้นเค้าได้รับการดูแลอย่างดีจากท่านสุภาพบุรุษ ไม่เหมือนคนบาง
      คน ไม่รู้จักดูแลคนอื่นเลย ” เซียบ่นพลางพยักเพยิดไปทางอลิซ ที่ตอนนี้เอ๊ด
      และ วีน กำลังช่วยทายาให้

      “ นี่ เซีย อุตส่าห์ขอยาเค้ามาให้แล้วยังทำปากมากอีก ” ทอมบอกพลางชูยาขึ้น
      “ แล้วก็ไม่รู้จักบอก ” เซียพูด ( คนอื่นแอบหัวเราะเบาๆ ) แล้ว แคตกับทอมก็
      ช่วยเซียทายา

      “ แล้วฉัน 2 คนล่ะ ” เดรโกถามมาจากอีกฟากของห้อง
      “ พยาบาลกันเองสิ ทางนี้ยังไม่เสร็จ ” แคตตอบกลับมา
      “ เราคงต้องทำกันเองแล้วล่ะ ” เชบอก

      เมื่อทุกคนพยาบาลกันเสร็จแล้วเสียงก็ดังขึ้น

      “ แย่หน่อยนะครับที่ได้เกมส์นี้ อิซาเบล วอร์น คนหนึ่งในตระกูลครูเว่นเป็นคน
      คิดขึ้น ใครได้เกมส์นี้ ก็เจ็บตัวอย่างนี้ทุกที เห็นว่าเธอได้ความคิดนี้มา เพราะ
      เธอเป็นคนซุ่มซ่าม เลยอยากฝึกความระวังน่ะครับ ” เสียงนั้นบอก

      “ เซีย ทีนี้จะบ่นอีกมั๊ย อิซาเบลน่ะ ต้นแบบเธอไม่ใช่เหรอ ” แคตแซว
      “ แหม…ใครก็ไม่รู้ แนวคิดดี๊ …ดี น่านับถือ ” เซียชม
      “ เปลี่ยนเลยนะเซีย ” วีนพูด
      “ เปล่า ก็แค่พูดความจริง ” เซียพูดไปอีก
      “ ชั่งเถอะ เริ่มเกมส์ต่อไปเลย ” อลิซบอก
      “ ครับ ต่อไป ขอเชิญพบกับ เกมส์ที่ฝึกความไว และ ความสามารถต่างๆ เกมส์
      ลูกโป่งทอง พวกคุณจะต้องเหยียบลูกโป่งน้ำที่เป็นสีทองเท่านั้น ห้ามเหยียบสีเงิน
      เด็ดขาด ถ้าเหยียบสีเงิน ระดับความเร็วของเกมส์จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้
      เหยียบ เตะ หรือทำอะไรก็ได้ โดยไม่ใช้เวทมนตร์ ไม่ใช้อุปกรณ์ พวกคุณมีเวลา
      มากถึง 2 ชั่วโมง ขอต้อนรับสู่เกมส์ที่สามครับ ” แล้วเสียงของมิสเตอร์เดริคก็
      เงียบหายไป

      “ แล้วทำไมมันต้องมีน้ำด้วยนะ ทำไมต้องให้เปียกด้วย ” ทอมบ่น

      หลังจากนั้น 5 นาที สภาพห้องก็เปลี่ยนไป ห้องนี้กลายเป็นสีทองทั้งห้องอร่าม
      สว่างไสว ( จะเป็นสีอื่นไม่ได้รึไง ) แล้วเกมส์ก็เริ่มขึ้น

      ลูกโป่งน้ำกลิ้งอย่างรวดเร็วไปตามพื้นห้อง ทางด้านล่างของผนังมีช่องที่เจาะไว้ให้
      ลูกโป่งออกมา และ เข้าไป ตัวเลขบ่งบอกว่ามีลูกโป่ง 100 ใบ และลดลงเรื่อยๆ
      ด้านข้างๆก็มีจำนวนลูกโป่งสีเงิน ( มี 100 ใบเช่นกัน ) ที่ถูกเหยียบ ขณะนี้ยัง
      เป็น 0 ลูกโป่งสีทองมีสีเดียวกับห้อง บวกกับความไวของลูกโป่งที่โผล่ออกมาและ
      หลบเข้าไป ทำให้ยิ่งยากขึ้น

      “ โครมมมมมมมม!!!!!!!!!! ” เสียงหนึ่งดังขึ้น เพราะว่าเซียดันสะดุดขาเช โชคดีที่
      ทับลูกโป่งสีทองไป 3 ใบ ( โชคไม่ดีที่ทั้งคู่ทั้งเปียกทั้งเจ็บ ) และไม่ทับลูกโป่งสีเงิน
      เลย

      “ ระวังดีมากเลยเซีย ” เชประชด
      “ ขอโทษนะเช… แต่อย่างน้อยเราก็ทำลูกโป่งสีทองแตกไป 3 ใบล่ะ ” เซียบอก
      “ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ทับลูกโป่งสีเงิน ” ทอมพูด
      “ เอาน่า… ชั่งเถอะ เหลืออีกไม่มากแล้วช่วยกันเหยียบต่อเถอะ จะได้จบๆ ” อลิ
      ซบอก เซียแอบส่งสายตาของคุณมาให้ อลิซแอบขยับปากบอกว่า ไม่เป็นไร

      ผ่านไป 1 ชั่วโมง ลูกโป่งสีทองถูกกำจัดไป 74 ใบ เหลืออีกเพียง 26 ใบที่ปะปนกับ
      สีเงินอีกตั้ง 100 ใบ

      “ ว้าย!!!!!!!!! ” เสียงร้องคราวนี้มาจากวีนที่ลื่นเพราะน้ำที่พื้นห้อง
      “ โครมมมมมมม ” เสียงดังขึ้นนี้ตามมาด้วยเสียงร้องบอกความเจ็บ 3 เสียงแต่
      ร้องแค่เบาๆ
      “ ขอโทษนะอลิซ ทอม ” วีนบอก
      “ ไม่เป็นไร ” เดรโกบอก
      “ ไม่เป็นไร แต่…วันนี้ฉันต้องดวงไม่ดีแน่ๆเลย เจอเซียทับไปทีแล้วยังเจอเธอ
      อีก… ” อลิซบ่น
      “ เป็นอะไรมากรึเปล่า ” วีนและเอ๊ด ( ที่ปรากฏตัวขึ้นมาทั้งที่อยู่อีกฟากห้อง ) พูด
      ขึ้นพร้อมกัน
      “ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไปเหยียบต่อเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน ” อลิซบอก
      “ พักก่อนมั๊ย ” เอ๊ดถาม
      “ ไม่เป็นไร ” อลิซตอบ แล้วทั้งหมดก็เหยียบกันต่อตามปกติ ( แต่คงยกเว้นอลิซ
      ที่ช้าลงเพราะเจ็บ )

      ลูกโป่งสีเงินถูกอลิซ และ เดรโก ( ที่ถูกวีนล้มใส่ ) ทับไป 2 ใบ ทำให้ความเร็ว
      เพิ่มขึ้นและยากขึ้น

      38 นาทีต่อมาลูกโป่งสีทองเหลืออีกเพียง 11 ใบ เหลือเวลาอีก 22 นาที

      “ โพละ!!!! ” เสียงลูกโป่งน้ำแตกคาเท้าเอ๊ด แต่คนที่เปียกกลับไม่ใช่เอ๊ดคน
      เดียวแต่เป็นอลิซ ที่เปียกด้วยเพราะดันอยู่ข้างๆตอนนั้นพอดี

      “ แหม…เย็นชื่นใจมากเลย ” อลิซบอก
      “ ’โทษที ” เอ๊ดบอกพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
      “ ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไรหรอก เก็บไว้เถอะ เธออาจจะต้องใช้ก็ได้ ” อลิซบอกแล้ว
      ยิ้มให้
      “ โพละ!!!! ” เสียงนั้นดังขึ้นตามหลังคำพูดอลิซไม่นาน คราวนี้อลิซเหยียบแล้ว
      เอ๊ดก็เปียกด้วย
      “ ขอโทษนะ ” อลิซบอกแอบหัวเราะนิดๆ เพราะผ้าเช็ดหน้าของเอ๊ดเปียกก่อนที่
      จะได้เช็ดตามที่เธอบอก
      “ ไม่เป็นไร ” เอ๊ดบอกพลางเก็บผ้าเช็ดหน้า เพราะคงไม่ต้องใช้มันแล้ว ( ใช้ไป
      ก็ไม่มีประโยชน์ )
      “ ขอโทษนะ ” อลิซบอกอีกครั้งแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง ( สีชมพู ) เช็ดให้
      เอ๊ด
      “ ขอบใจนะ ” เอ๊ดบอก
      “ ตอนนี้เหลืออีก 9 ใบ ” ทอมบอก ทุกคนหันกลับมา ( จากการมองอลิซและเอ๊ด )

      หลังจากนั้นเซียก็ลื่นล้มใส่แคตที่กำลังคุยกับเช แล้วก็เชก็หงายหลังล้มใส่วีนและ
      เดรโก เดรโกกระโดดหลบแต่ก็โดนเอ๊ดอีกแล้วสุดท้ายก็อลิซที่ซวยอีกรอบ ( ฉัน
      จะพ้นซักครั้งไม่ได้รึไงกันนะ – อลิซคิด ) สรุปว่าเซียโดนสายตาจากเพื่อนๆมอง
      เพราะเป็นต้นเหตุ เธอถนัดเหลือเกินกับการทำให้เพื่อนเจ็บพร้อมๆกันอย่าง
      ยุติธรรมอย่างนี้ เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่มีใครอยากเลียนแบบ

      “ ฉันว่าเราอย่าพึ่งเหยียบนะ หยิบขึ้นมาคนละใบแล้วก็จัดการตามใจจะปาใส่
      ใครก็ได้ แต่ห้ามโกรธกันนะ ดีมั๊ย ส่วนลูกสุดท้ายค่อยว่ากัน ” อลิซเสนอ ทุกคน
      พยักหน้าเห็นด้วย ( ยกเว้นเซีย )

      หลังจากนั้นทุกคนก็พยายามจับกันเต็มที่ เซียจับแรงไปมันเลยแตก น้ำกระเด็น
      ใส่หน้าเธอเต็มๆ
      ตอนนี้เพื่อนๆจับได้กันหมดแล้วเอ๊ดเป็นคนให้สัญญาณ

      “ หนึ่ง…สอง…สาม ” สิ้นเสียงเอ๊ด ทุกคนก็พร้อมใจกันโยนใส่เซีย เธอโดนเต็มๆ
      ถึง 7 ใบเลยเปียกโชกยิ่งกว่าเดิม

      “ ยุติธรรมดีมาก ” เซียบ่นออกมาหลังจากที่เพื่อนๆแอบหัวเราะ แล้วหลังจากนั้น
      ทุกคนก็ขอโทษเธอ

      “ เหลือเวลา 11 นาที ใบสุดท้ายใครจะเปียก ” เซียถามขึ้น

      “ ฉันจัดการเอง ” อลิซบอก
      “ เธอโดนมากที่สุดแล้วนะอลิซ เจ็บตัวมากที่สุดด้วย ” เอ๊ดพูด
      “ ไม่ต้องห่วง… โชคดีว่าฉันเปลี่ยนใส่กางเกงมาคิดว่าคงสะดวก…ฉันจะทำให้
      ยุติธรรมที่สุด ” อลิซ
      บอกแล้ว ( ไล่ ) จับใบสุดท้ายขึ้นมา

      เธอเดินไปที่กลางห้องแล้วโยนขึ้นพร้อมกับตีลังกาเตะมันกลางอากาศ ( ความ
      สามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบ )

      “ โพละ!!!!!!!!! ” เสียงลูกโป่งแตก แล้วน้ำก็กระจายไปทั่วห้อง สรุปว่าทุกคนเปียก
      เหมือนๆกัน

      “ ยุติธรรมสุดๆเลยอลิซ ” เซียบอก
      “ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะทำให้ยุติธรรม ทุกคนก็เปียกเหมือนๆกันไง ” อลิซบอก
      “ ดีเหลือเกิน ยุติธรรมสมคำล่ำลือ ” เซียบ่น
      “ คำล่ำลืออะไร ” เอ๊ดถาม
      “ อ๋อก็คือ…โอ๊ย!! ไม่มีอะไรจ้ะ ไม่มีอะไร มิสเตอร์เดริคคะ เริ่มเกมส์ต่อไปค่ะ ”
      เซียเกือบจะบอกไปแล้วแต่อลิซก็เหยียบเท้าเธอเป็นสัญญาณทำให้รู้ว่าเธอไม่
      อยากบอกอะไรมาก
      แล้วทุกอย่างก็หายไปรวมทั้งความเปียก แต่อาการเจ็บก็คงยังอยู่เช่นเคย

      “ ต่อไปก็คล้ายๆกัน เรามีปืนให้ ให้ยิงใสเป้าบินสีทอง 100 มีทั้งที่พื้นและบนฟ้า
      บนพื้นจะไม่มีสีเงิน จะเป็นสีทองล้วนๆ บนฟ้าจะมีสีทอง 100 สีเงิน 200 มันเป็น
      ลูกโป่งน้ำมีปีก ( น้ำอีกแล้ว คราวนี้ใครเป็นคนคิดเกมนี้เนี่ย – เซียคิด ) มันจะ
      ไม่ใช่น้ำธรรมดานะครับ ขอให้สนุกครับ โชคดี ” สิ้นเสียงนั้นห้องก็เปลี่ยนไป
      กลายเป็นสภาพของทุ่งหญ้าและฟ้ากว้าง และมีปืนอยู่ในมือของทุกคน

      “ คนคิดเกมนี้ต้องเป็นคนเดียวกับเกมเมื่อกี๊นี้แน่เลย ” วีนพูด
      “ ถูกแล้ว ” อลิซบอก
      “ เธอรู้ได้ไง ” ทอมถาม
      “ พลังที่ตาไง ” วีนตอบแทน

      “ เอาล่ะ อย่ายิงเป้าบินสีเงินนะเซีย โอเค เริ่มได้ ” เอ๊ดบอก
      “ ทำไมต้องเฉพาะเจาะจงที่ฉันด้วย ” เซียพึมพำ

      ขณะที่เซียเดินไปเธอก็รู้ว่าน้ำไม่ธรรมดานั้นคืออะไร บ้างก็เป็นน้ำเมือกเหนียว
      บ้างก็เป็นน้ำมัน แต่ละใบจะต่างกันไป จะมีบางใบเท่านั้นที่เหมือนกัน ( มิน่ามัน
      ถึงไม่มีใบสีเงินที่พื้น ขืนมีล่ะก็ฉันจะสวดให้วิญญาณคนคิดเลย …หวังก็แต่คนคิด
      จะไม่ใช่อิซาเบล – เซียคิด )

      โชคดีที่เกมนี้ไม่มีกำหนดเวลา แต่ก็แย่พอดูเมื่อคุณไปเหยียบไอ้น้ำเมือก
      เหนียวนั่นเข้า

      10 นาทีต่อมาเซียเผลอเหยียบลูกโป่งที่มีน้ำเหนียวๆเข้า ทีเดียวถึง 2 ใบ แล้วมือ
      ก็เผลอกดยิงปืน โชคดีที่มันโดนเป้าสีทองถึง 4 ใบ โชคไม่ดีที่มันโดนเป้าสีเงิน 1
      ใบ

      “ ฉันเตือนเธอแล้วนะเซีย ” เอ๊ดพูดอย่างตำหนิ
      “ ฉันขอโทษ ” เซียบอก
      “ ไม่เป็นไรหรอกเอ๊ด อย่างน้อยสีทองก็เสร็จไปตั้ง 4 ใบ มันก็ต้องมีผิดพลาดบ้าง
      ชั่งเถอะ ว่าแต่…เซีย ขยับได้มั๊ย ” อลิซถาม ทำให้เซียนึกขึ้นได้ว่าตัวเองโดน
      อะไร

      “ ช่วยด้วย มันติดแน่นเลย ฉันเดินไม่ได้เลย ” เซียร้องบอก
      “ รอแป๊บนึงนะเซีย ” อลิซร้องบอก แต่วันนี้คงเป็นวันซวยของเธอจริงๆ เพราะ
      เธอดันเดินไปเหยียบลูกโป่งสีทองที่เป็นแบบเดียวกับของเซีย
      “ ฉันคงช่วยเธอไม่ได้แล้วเซีย ” อลิซบอก

      เชที่อยู่ใกล้ๆอลิซกำลังจะมาช่วยแต่อลิซก็บอกว่าให้ช่วยเซียก่อน เชจึงไปช่วย
      เซีย แต่เค้าคนเดียวก็ไม่สามารถดึงเซียออกได้

      “ มาช่วยกันหน่อย ” เชร้องบอก คนอื่นๆที่อยู่อีกฟากจึงละจากการยิงแล้วมารวม
      กัน ( ทำไมฉันเจอไอ้ลูกโป่งบ้านี่กับเซียแค่ 2 คนนะ มันมีแค่ 5 ใบซะด้วยสิ ฉัน
      กับเซียนี่โชคดีจริงๆ – อลิซคิด )

      “ ช่วยเซียก่อนเถอะ ” อลิซบอกเมื่อเอ๊ดจะเข้ามาช่วย เพราะ เธอคิดว่าการจะดึง
      ขึ้นมาได้คงต้องใช้คนเยอะมาก และเซียเจอทีเดียว 2 ลูกคงต้องการคนช่วย
      มากกว่าเธอ

      “ เรานับหนึ่งถึงสามแล้วดึงเธอนะ หนึ่ง …สอง…สาม !!!!!!!!!!!!!!! ” เอ๊ดนับจบทุกคน
      ก็ช่วยกันออกแรงดึง แต่มันไม่ได้ต้องการแรงมากอย่างที่คิด พวกเค้าออกแรง
      มากไปเซียจึงกระเด็นไป และ…

      “ โครมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!! ” เสียงนี้ดังขึ้นแล้วตามด้วยเสียงร้องดังที่หา
      ได้ยากมากๆจากอลิซ เพราะเซียหล่นไปทับเธอเต็มๆ มันเป็นภาพที่หาได้ยาก
      มากๆเพราะอลิซ จากแค่ขาที่โดน ตอนนี้เธอโดนทั้งตัว ( แล้วดันโชคดีเจอลูกโป่ง
      เมือกอีก 2 – เป็นอันว่าครบ 5 ใบ – แล้วก็ลูกโป่งน้ำมะนาวอีก 1 ใบ ) สภาพของ
      เธอตอนนี้แย่มากๆ ( มันถึงเห็นได้ยาก ) เซียนั่งกองอยู่ข้างๆ

      “ อลิซ ฉันขอโทษ ” เซียบอก
      “ หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้ยินนะเซีย…ฉันไม่น่าเล่นวันนี้เลย วันนี้
      มันวันซวยของฉันจริงๆเลย เอามันออกด้วยเวทย์ตอนนี้ก็ทำไม่ได้ …แต่ชั่งก่อน
      เถอะ บอกพวกนั้นหันมามองแล้วช่วยฉันก่อนได้มั๊ย ” อลิซบอกเซียด้วยเสียง
      แผ่วเบา เธอเจอสภาพสะบักสะบอมเต็มที่ โชคดีที่หน้าของเธอไม่จมไปกับเมือก
      นั้นด้วย

      “ วีน แคต เอามือออกได้แล้ว เช เดรโก ทอม หันกลับมา เอ๊ด ไม่ต้องรีบขนาด
      นั้นเดี๋ยวก็โดนดีหรอก ”
      เซียร้องบอก
      “ ไอ้ลูกแบบนั้นเธอกับอลิซเหมาหมดแล้ว ฉันไม่เจอหรอก ” เอ๊ดบอก ( ยังกวน
      ได้อีก )

      แล้วที่เหลือก็หันมา แล้วเดินมาช่วยอลิซ

      “ ขอบใจ ” อลิซบอกทุกคนหลังจากที่ทุกคนช่วยเธออกมา ( ใช้วิธีนุ่มนวลกว่าเซีย
      เพราะไม่อยากให้
      อลิซเจ็บตัวไปมากกว่านี้ ) จากเมือกนั่นได้แล้ว
      “ เธอน่าจะพักก่อนนะ ” เอ๊ดบอก
      “ โอเค คราวนี้ฉันขอไม่ปฏิเสธ แต่ว่าฉันก็ขอยิงช่วยแล้วกันนะ ” อลิซตอบแผ่ว
      เบา เพราะ เธอเริ่มไม่มีแรงแล้ว
      หลังจากนั้นทุกคนก็ช่วยกันเหยียบ ช่วยกันยิง อลิซต้องนั่งยิงอยู่กับที่เพราะเธอ
      เดินไม่ไหว ส่วนนึงคงเป็นเพราะ ถ้าเดินเมือกที่ติดที่กางเกงคงทำให้เธอหน้า
      คว่ำ

      แล้วก็เหลือลูกสุดท้าย
      “ ฉันขอ ” อลิซร้องบอก แล้วเธอก็ยิงมัน น้ำแตกกระจายไปทั่ว มันเป็นน้ำอะไร
      ซักอย่างที่คล้ายกับน้ำยาล้างจานเอามากๆ ( เพียงแต่มันส่งกลิ่นเหม็น )

      “ มิสเตอร์เดริค เกมส์จบแล้ว รีบๆเปลี่ยนเถอะค่ะ ” อลิซเร่ง
      แล้วเมือกต่างๆที่ตัวเธอ และ สิ่งอื่นๆที่มาจากเกมส์ รวมถึงสภาพห้องก็เปลี่ยนไป
      กลับสู่อย่างเก่า

      “ รับยาพยาบาลได้ที่กลางห้องครับ มีเวลาให้ 20 นาทีในการพยาบาล เสร็จแล้ว
      เรียกด้วยนะครับ ”
      มิสเตอร์เดริคบอก แล้วเสียงก็หายไป

      ทุกคนมาที่กลางห้องแล้วหันไปพยาบาลอลิซก่อน เพราะเธอเจ็บหนักกว่าเพื่อน
      “ ขอบใจ ” อลิซบอกเพื่อนๆ
      “ จริงของเธอที่เธอบอกว่าลางไม่ดี ” วีนบอก
      “ ฉันไม่มั่นใจหรอกนะว่ามันจะแม่น ( ก็มั่นไม่ค่อยแม่นเลย หรือเรียกได้ว่า
      เกือบจะไม่เคยแม่น ) ชั่งเถอะ พวกเธอพยาบาลตัวเองก่อน แล้วเราจะได้เข้าสู่
      อย่างต่อไป ” อลิซบอก แล้วทุกคนก็ทำตาม
      หลังจากที่เสร็จแล้ว ไม่นานทุกคนก็ดีขึ้น
      “ อลิซ เธอน่าจะดื่มน้ำยาบำรุงกำลังซักนิดนะ ” วีนบอก
      “ ก็ดี ” อลิซพูด แล้วเธอก็เอาน้ำยาออกมาจากล็อกเกต รินจากขวดใส่แก้วแล้ว
      ดื่ม แล้วก็เอาแก้วออกมาใหม่ รินยาใส่แก้ว 7 ใบ แล้วส่งให้ทุกคน
      “ ทีแรกไม่คิดว่าต้องใช้เร็วขนาดนี้ ” อลิซบอกขณะที่ส่งให้เอ๊ด
      “ โชคดีที่เธอเอามา ” เอ๊ดพูด
      “ น้ำยาทุกอย่างที่ห้องปรุงยาของฉันมี ในล็อกเกตนี้ก็จะมี ถึงไม่มีก็ให้อะแมนด้า
      ไปเอามาได้ถ้ามันเป็นของฉัน ” อลิซบอก
      “ ดีจริงๆเลย แล้วก็เก็บของได้เหมือนโดเรม่อนด้วย ” เดรโกบอก
      “ คนเกิดมาโชคดีก็งี้ล่ะ ” วีนบอก
      “ น่าจะบอกว่าโชคดีในบางอย่างนะวีน เพราะรู้สึกในเกมส์วันนี้ฉันจะโชคไม่ดี
      เอาซะเลย ” อลิซแก้
      “ ก็จริง ” วีนบอก
      “ เริ่มเลยค่ะ มิสเตอร์เดริค ” เซียบอก แล้วบทสนทนานั้นก็หยุดลง

      “ ครับคุณหนู ” มิสเตอร์เดริคตอบรับ เค้าจะเรียกคนที่เข้ามาเล่นว่า คุณหนู คุณ
      ชาย คุณท่าน คุณผู้หญิง แล้วแต่อายุ สถานะ หรืออื่นๆ
      “ อย่างที่ 5 อย่างสุดท้ายของด่าน 2 นะครับ ” มิสเตอร์เดริคบอก

      -------------------------------------------------------------------------

      บทที่ 9 ผจญด่านสาม

      “ คนคิดคนเดียวกับด่านที่แล้ว ( ขออย่าเป็นลูกโป่งน้ำอีกเลย – อลิซคิด ) เอา
      ลูกโป่งน้ำ ( ให้ตายสิ เอาอีกแล้ว ฉันจะเจออะไรอีกมั๊ยเนี่ย – อลิซคิด ) 10 ใบ
      ผูกติดกับตัว แล้วแต่ว่าจะส่วนไหน แล้วฝ่าอุปสรรคไปถึงเส้นชัย ใครไม่เหลือ
      เลยต้องออกจากเกม เกมนี้ฝึกความระมัดระวังครับ จะใช้เวทย์ ใช้อะไรก็ได้ทั้ง
      นั้น จบเกมส์เมื่อคนสุดท้ายมาถึง กติกาอีกอย่างก็คือ ห้ามช่วยเหลือกันไม่ว่ากรณี
      ใดๆ โปรดรับรู้ไว้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน จบเกมนี้แล้วเราจะมี
      ยาให้พยาบาลตนเองด้วยครับ ขอบคุณครับ ” เสียงนั้นพูด

      “ เวลาเร็วที่สุดที่มีสถิติสำหรับเกมส์นี้คือเท่าไหร่คะ ” อลิซถาม
      “ เหลือ 10 ใบ กับใช้เวลา 25 นาทีครับ พ่อของคุณหนูเป็นคนทำสถิติไว้ ”
      มิสเตอร์เดริคตอบ
      “ พ่อเธอเก่งจังเลย อลิซ ” ทอมชม
      “ อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีใครได้เกมนี้มั้ง ก็มันมีตั้งเยอะแล้วส่วนมากก็ไม่
      ค่อยมีใครมาเล่นซักเท่าไหร่หรอก กับอีกอย่างก็คือ พ่อฉันเก่งจริงๆ แต่พี่เฟิร์ซก็
      ทำได้ไม่เลวนะ เค้าบอกว่าเค้าใช้เวลาในเกมนี้ไป 30 นาที เหลือ 8 ใบ ” อลิซบ
      อก

      “ ขอให้ทุกคนเอาลูกโป่งทั้ง 10 ใบติดไว้ด้วยนะครับ จะเป็นส่วนไหนก็ได้ ”
      มิสเตอร์เดริคพูด แล้วเสียงนั้นก็หายไป

      ทั้งห้องเปลี่ยนไป กลายเป็นป่าที่มีหนามเต็มไปหมด ข้างๆตัวทุกคนมีลูกโป่งน้ำ
      คนละ 10 ใบ เส้น
      สตาร์ทมีแบ่งเป็นช่องขนาด 2 เมตรไว้ 8 ช่อง จากจุดนี้ ไม่มีใครเลยที่มองเห็น
      เส้นชัย หรือเห็นเค้าเดิมว่ามันเป็นห้อง อลิซคิดว่า มันน่าจะเชื่อมต่อกับป่าจริงๆ
      เพราะห้องขนาดนั้นไม่มีวันทำได้

      ทุกคนจัดแจงเอาลูกโป่งน้ำ ( ซึ่งมีขนาดเล็กมาก เป็นลูกโป่งน้ำกลมๆที่เส้นผ่าน
      ศูนย์กลางแค่ 5 ซม. ) ติดตามส่วนต่างๆที่ต้องการ เพราะ มันไม่ต้องใช้อะไรยึด
      แค่เอาส่วนปลายที่มีกาวแถบของมัน ติดกับส่วนที่เราต้องการในตัวเรา

      อลิซเซียติดที่หัว 2 ใบ แขน 2 ใบ ข้อมือ 2 ใบ หลัง 2 ใบ และ สะโพก 2 ใบ
      ส่วนแคต ติดไว้ที่หัวไหล่ไล่ลงมาจนถึงข้อมือข้างละ 5 ใบ

      วีนติดไว้ที่ด้านบนของผม ชาวเมืองแห่งความงามและพลังพิเศษมีความสามารถ
      ที่เหมือนกันอยู่ข้อหนึ่งคือ สามารถเปลี่ยนแปลง รูปร่าง ความยาว ของผมของตน
      เองได้ วีนจึงทำให้ผมเหมือนตะกร้าแล้วเอาลูกโป่งน้ำวางไว้ด้วยกัน โดยเอาผม
      ขั้นเพื่อไม่ให้กระทบกัน สามารถติดไว้ได้ 8 ใบ เพราะ เธอทำให้ผมยาวได้ดีที่
      สุดแค่นั้น ถ้ายาวกว่านั้นมันจะบางมาก ที่เหลือ เธอติดไว้ที่ไหล่ (ดูแล้วหัวของวี
      นไม่ต่างกับรังนกเลยจริงๆ

      ส่วนอลิซ มีสายเลือดเมืองพลังพิเศษ จึงใช้วิธีเดียวกันกับวีนโดยไม่ได้นัดหมาย
      แต่ผมของอลิซยาวกว่าวีนเธอจึงสามารถไว้ได้ทั้ง 10 ใบ และก็หนากว่าของวีนจึง
      ปลอดภัยมากกว่า และเธอก็ทำเหมือนฝาปิดไว้เสร็จสรรพ ถึงเธอจะตีลังกากลับ
      หัว ก็ไม่มีทางว่าจะหล่น

      “ น่าอิจฉาผู้หญิง 2 เมืองนี้จริงๆเลย ผมยาวเอาใส่ไว้ได้ เสียแต่มันคล้ายแบก
      อะไรไว้บนหัว หรือ รังนก ” เดรโกพูด เค้า ทอม และ เช ใช้วิธีเดียวกันกับแคต
      “ แต่มันก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเลยไม่ใช่หรือไง ” เอ๊ดถาม เค้าติดไว้ที่ต้นขา 2 ใบ ที่
      ไหล่ไล่ลงมา ข้างละ 3 ใบ และอีก 2 ใบไว้ที่ข้อศอก
      “ ก็ใช่นะ มันทำให้แตกยากแต่ดูตลกดี ” เดรโกบอก
      “ แล้วพวกเธอจะรู้ว่า มันได้ผลดีขนาดไหน ” วีนบอก
      “ แข่งกันมั๊ยว่าใครจะถึงก่อนกัน แล้วก็เหลือมากกว่ากัน ” อลิซถาม เธอชอบ
      แข่งเสมอ เพราะมันมักจะทำให้เธอกระตือรือร้น ( ถึงแม้ว่าไม่แข่งเธอ
      ก้ยังกระตือรือร้นอยู่ดี )
      “ ก็ดี ” เอ๊ดตอบ

      “ อีก 5 นาที เกมส์จะเริ่มต้น ให้ไปประจำจุดด้วยครับ ” มิสเตอร์เดริคบอก
      แล้วทุกคนก็ไปประจำจุด ( 1.เดรโก , 2.ทอม , 3.เช , 4.เอ๊ด , 5.อลิซ , 6.วีน , 7.
      เซีย , 8.แคต )
      “ พวกเธอทำตัวให้มีชีวิตชีวาหน่อยสิ ” อลิซบอก
      “ ใครจะร่าเริงเหมือนเธอล่ะ ” แคตถาม
      “ วีนไง ดูไม่เห็นคิดมากเหมือนเธอเลย ” อลิซตอบ
      “ ไม่คิดมากเลยนะ เธอดูดีๆสิมือสั่นไปหมดเลย ” เซียประชด
      “ เค้าแค่ตื่นเต้นน่า ” อลิซแก้แทน
      “ ก็ตื่นเต้นกันหมดล่ะ มีแต่เธอสิสบายๆอยู่ได้ ” ทอมพูด
      “ ใครว่า ฉันกำลังตั้งสมาธิต่างหาก ฉันจะทำลายสถิติของพ่อให้ได้ ” อลิซบอก
      และพูดด้วยความเชื่อมั่น ตอนนี้ดวงตาของเธอเป็นประกายอย่างที่มักจะเป็น
      บ่อยๆเวลามุ่งมั่น พยายามหรือปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะทำให้ได้
      “ ทำให้ได้ล่ะ ” เอ๊ดบอก
      “ ขอบใจ แล้วฉันจะพยายาม ” อลิซตอบ ทำเอาเอ๊ดถอนหายใจ
      พวกครูเว่นก็อย่างนี้แหล่ะ ไม่ ‘ จะพยายาม ’ ก็ ‘ ชั่งมันเถอะ ’ ถึงเซียกับแคตไม่
      ค่อยจะเป็น แต่ทั้ง
      อลิซ เฟิร์ซ และ เบล เป็นเหมือนกันทั้ง 3 คน ไม่นับรวมบางคนในตระกูล ที่ส่วน
      มากมักจะเป็นกัน โดยเฉพาะผู้ได้ใช้นามสกุลนี้

      “ เริ่ม ” มิสเตอร์เดริคพูด ทำเอาตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว แล้วทั้งหมดก็ออกวิ่ง
      ไปในป่า แต่อลิซยังไม่ไป

      “ อะแมนด้า ล็อกเกอร์เบอร์ 12 เอาไม้กวาดฉันออกมา ” อลิซบอกกับล็อกเกต
      ของตัวเอง หลังจากนั้นก็มีแสงสีทองๆส่องออกมาจากล็อกเกต แล้วอลิซก็เปิดมัน
      ออก แสงสีทองนั้นออกมารวมตัวกันเป็นรูปไม้กวาด อลิซจับมันไว้ แล้วแสงนั้นก็
      หายไป

      “ อลิซเล่นวิธีอะไรอีกล่ะคราวนี้ ” เซียถามออกมา ในขณะที่ฝ่าดงหนามอย่าง
      ระมัดระวัง ( เซียรู้จักระมัดระวังด้วย! )
      “ ไม่รู้สิ ” แคตตอบ ทั้งคู่ร่วมทางกันไป แต่ไม่ได้ช่วยเหลือกัน เพราะทำตาม
      กติกา ( แค่ตัวเองก็แย่แล้ว ยังจะให้ไปช่วยใครได้ )
      แล้วทั้งคู่ก็ได้รับคำตอบเพราะอลิซบินผ่านทั้งคู่ไป ตอนที่มองขึ้นฟ้าพอดี

      “ ฉันคิดว่าฉันรู้แล้ว ” เซียบอก
      “ ฮื่อ…ฉันก็เหมือนกัน ” แคตพูด

      อลิซคิดว่าเธอไม่ควรประมาท เพราะการใช้ไม้กวาด ซึ่งถ้าพ่อเธอใช้ หรือใช้
      อุปกรณ์อื่นก็ควรจะถึงเร็วกว่า 10 นาทีอยู่แล้ว เธอจึงระมัดระวังและเร่งให้เร็ว
      ขึ้น

      ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงอะไรไล่ตามหลังมา เธอหันไปมอง ปรากฏว่ามันเป็น
      นกยักษ์ชนิดหนึ่ง ปากเหมือนกาแต่ว่าเป็นสีเหลือง สีตัวเหมือนนกแก้ว มันมี 2
      ตัว และมันกำลังมุ่งตรงมาทางเธอ!

      เธอบินต่ำลงและเอาไม้กายสิทธิ์สีชมพูออกมา นกทั้งสองตัวบินเลยผ่านไป และ
      หันกลับมาจะเล่นงานเธออีก ตาของทั้ง 2 ตัวเป็นสีแดงฉาน ( นกเป็นโรคตาแดง
      ด้วยหรอเนี่ย – อลิซคิดเล่นๆ – ยังจะมีเวลาคิดเล่นอีก )

      น่าเสียดาย – เธอคิด – น่าเสียดายที่ไม่ได้ยืมเรื่องเกราะป้องกันมาฝึก เพราะปี
      3 ไม่มีวันจะได้ฝึกอยู่แล้ว และเธอก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ด้วย

      “ ฟ้าววววววววววว!!!!! ” เสียงนกตัวหนึ่งบินผ่านหัวเธอไปอย่างเฉียดฉิว เพราะ
      เธอมัวแต่กำลังคิด
      นกของครูเว่นถึงจะฉลาด แต่มันก็ต้องมีบ้างล่ะน่า มันต้องมีจุดอ่อนสิ ต้องมีบ้าง –
      แล้วอลิซก็คิดถึงตามที่หนังสือพูดไว้ ( ในขณะที่บินหนีไปด้วย ) บรรทัดแรกของ
      หนังสือ ( ที่เธออ่านไปได้ครึ่งเล่มเมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะผลอยหลับไป คาหนังสือเล่ม
      นั้น ) เรื่อง จุดอ่อนของสัตว์ และ วิธีจัดการอย่างง่ายๆ กล่าวเอาไว้ว่า ‘ สัตว์เกือบ
      ทุกชนิดมักจะมีจุดอ่อนที่ดวงตา ’

      ใช่แล้ว…ดวงตา…ควงตาของมัน แต่…ทำให้ตาบอดคงไม่ดี เดี๋ยวมิสเตอร์เดริคจะ
      ว่าเอา แต่ถ้าปิดชั่วคราวคงจะได้ เอาอะไรปิดดีล่ะ เสกผ้าก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอา
      มันอยู่ มันฉลาด มันก็น่าจะเอาออกได้ไม่ยาก มิสเตอร์เดริคเคยฝึกมันนี่นา ไม่
      ดี ไม่ดี ต้องเอาอะไรเหนียวๆ หมากฝรั่งก็เสกไม่ได้ หนังยางล่ะ หนังๆๆ หนังสะ
      ติ๊ก ใช่แล้ว ฉันกับพี่เฟิร์ซเคยเสกแกล้งพี่เบลนี่นาใช่ๆๆ หนังสะติ๊ก เอาล่ะ

      “ หนังสะติ๊ก ออกมา ” อลิซสั่ง แล้วมันก็ออกมาจริงๆ เธอเพ่งจิตพยายามประคอง
      มันไว้ให้ลอยตรงหน้าไม้กายสิทธิ์ แต่ทำได้ยากมากเมื่อต้องพยายามบินหนีมัน
      ไปด้วย แล้วก็ได้จังหวะ เธอบินสูงขึ้นไปเหนือมัน ขณะที่กำลังตามมา อลิซก็เล็ง
      ไปที่ตามัน แต่ผิดพลาด! มันดันเปลี่ยนทิศทางกันไปมาตอนนั้นพอดี ( สอนมาดี
      จริงๆเลย จบเกมนี้ต้องชมหน่อยแล้ว – อลิซคิด )

      แล้วอลิซก็ลองอีกหลายๆทีคอยหาโอกาส แล้วก็
      “ แผละ!! ” เสียงดังบอกชัยชนะ หนังสะติ๊กติดที่ตาของตัวหนึ่งพอดี แต่มันก็ไม่
      เป็นดังคาด เพราะ
      มิสเตอร์เดริค เห็นตอนที่อลิซกับเฟิร์ซแกล้งเบลพอดี ( ก็เค้าแหละที่ช่วยเบล ) ก็
      เลยได้แรงบันดาลใจ ฝึกสอนเจ้าสองตัวนี้แกะออกด้วย อลิซจึงต้องหาวิธีใหม่
      เธอต้องคิดขณะที่บินหนีอย่างเร็ว เพราะ มันเริ่มโกรธ และไม่ว่าคนหรือสัตว์ของ
      ครูเว่น เมื่อโกรธจะน่ากลัวจนขนลุก

      หนังสติ๊กไม่ได้ จะใช้วิธีรุนแรงก็ไม่ได้ เอาไงดี งั้นเอาแผนเดิม ปิดที่ดวงตาแต่
      ต้องเอาอันที่มันแกะไม่ได้ มิสเตอร์เดริคต้องรู้ว่าตาเป็นจุดอ่อน ต้องสอนมันแกะ
      เกือบทุกอย่าง งั้นต้องเอาอันที่มันจะแกะไม่ได้ มันก็ต้องเป็นอันตราย เอาอะไร
      ปิดดวงตาดี…ปิดดวงตา ปิดดวงตา ใช่แล้ว!! หนังตาไง เอาหนังตามันปิดลงซะ
      เลย มันแกะไม่ได้หรอก ต้องรอมิสเตอร์เดริคมาแกะให้ ปัญหาคือต้องเล็งให้
      แม่นเท่านั้น

      “ ปิด ” อลิซพูด แล้วเล็งไปที่มัน ลำแสงสีขาวพุ่งออกมาไปโดนปีกของตัวหนึ่งปีก
      มันเลยหุบเข้าไม่สามารถบินได้และร่วงลงไป

      ปีก ปีกง่ายกว่าดวงตาตั้งเยอะ ถ้าปิดตามันก็ยังบินได้แล้วฟังเสียงเอา เล็งที่ปีกดี
      กว่า เล็งง่ายกว่าด้วย ทำไมเธอถึงไม่คิดถึงข้อนี้นะ แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิด
      ของเธอ เพราะเรื่องดวงตามันดันอยู่หน้าแรก แล้วเรื่องปีกดันอยู่ท้ายเล่ม ซึ่งเธอ
      อ่านยังไม่ถึง

      แล้วอลิซก็เล็งไปที่ปีกของอีกตัว ทั้ง 2 ตัวถูกกำจัดอย่างง่ายดาย ( สงสัยคงต้องฝึก
      ใหม่ – อลิซคิด เพราะถึงจะฝึกใหม่ก็ไม่เกี่ยวกับเธออีกแล้ว เพราะเธอจะไม่ได้
      เล่นเกมนี้อีก จนกว่าจะเล่นเกมอื่นๆครบแล้วก็วนใหม่ )

      แต่มันคงจะง่ายขึ้นถ้าไม่มีนกอีกฝูงหนึ่งที่โจมตีเธออีก คราวนี้ มันมีมากกว่า 10
      ตัว

      เหมือนมีอะไรในหนังสือบอกไว้ เรื่อง การกำจัดหมู่ จำให้ได้สิ…จำให้ได้ ทำลายที
      ละตัวเสียเวลา ดีไม่ดี ไอ้ที่เหลือโกรธขึ้นมา รุมทำร้ายทีเดียวล่ะก็…แย่แน่

      อลิซคิดขณะที่ต้องเร่งความเร็วพุ่งไปข้างหน้า …อีกไกลมั๊ยนะ

      ทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำอะไรรุนแรงมากก็ไม่ได้ แถมเสียเวลาอีก เป็นไปได้นะ
      จะจับใส่กระสอบเผาไฟเลย พวกนกน่ารำคาญพวกนี้… ใส่กระสอบหรอ ใช่แล้ว
      เปลี่ยนจากใส่กระสอบมาเป็นแหแทนก็ไม่เลว ต้องลองดู

      แล้วอลิซก็หันไม้กวาดไปประจัญหน้ากับฝูงกาที่นัยน์ตามุ่งอาฆาตเต็มที่ ( ฉันไป
      ทำอะไรให้มันเนี่ย ยังไม่ทันทำอะไรเลย – อลิซคิด )
      แล้วเธอก็เสกแหคลุมพวกมันได้หมด ( ไม่ยากอย่างที่คิดแฮะ – อลิซคิด )

      หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถึงเส้นชัย

      “ 20 นาที กับ 10 ใบ สถิติใหม่!! ยินดีด้วยครับคุณหนู ” มิสเตอร์เดริคพูด

      “ ขอบคุณค่ะ คุณเห็นจุดบกพร่องของนก 2 ตัวแรกมั๊ยคะ มิสเตอร์เดริค แล้วก็ฝูง
      กาที่เหลือด้วย แล้วก็มันมีน้อยไปหน่อยนะคะ ถ้าคนอื่นใช้วิธีนี้ก็จะผ่านไปได้
      โดยง่ายเลย มันก็จะไม่ได้ฝึกเท่าไหร่ ”
      อลิซบอก

      “ ครับคุณหนู แต่ตอนเข้ามาไม่มีใครได้รับอนุญาติเอาไม้กวาดเข้ามา จึงยังไม่มี
      ใครเคยใช้วิธีนี้เหมือนคุณหนูนี่ครับ ” มิสเตอร์เดริคแย้ง

      “ ค่ะ เอาเป็นว่าเพิ่มด่านแล้วก็ฝึกใหม่นะคะ จะว่าไปก็เล่นเอาแทบแย่เหมือน
      กันนะคะ นัยน์ตาแต่ละตัวอาฆาตมากเลย ” อลิซบอก

      “ เราได้รับวิทยากรฝึกพิเศษมาช่วยจากวีเชอร์น่ะครับ นายหญิง แม่ของคุณหนู
      ส่งมาช่วยฝึก ” มิสเตอร์เดริคบอก

      “ งั้นก็ช่วยบอกวิทยากรหน่อยนะคะว่า ฝึกทักษะอย่างอื่นเพิ่มขึ้นด้วย ” อลิซพูด
      “ ได้ครับ ” มิสเตอร์เดริคตอบ

      หลังจากนั้น 10 นาที เอ๊ดก็ออกมาเป็นคนแรก ด้วยสภาพสะบักสะบอม ( เหลือ
      ลูกโป่งน้ำ 9 ใบ )

      “ ไม่ต้องกลั้นหัวเราะเลยนะอลิซ ” เอ๊ดบอก
      “ โอเค ไม่กลั้น ก็ไม่กลั้น ” อลิซพูด แล้วหัวเราะออกมาตรงๆ
      “ ฉันหมายถึงไม่ต้องหัวเราะเลยต่างหาก ” เอ๊ดบอก อารมณ์กรุ่นนิดๆ
      “ โอเคๆ ก็มันแปลกนี่นา ปกติเธอไม่เคยอยู่ในสภาพนี้ ฉันเจอไปทีแล้ว แล้วพอ
      เธอมาเจอบ้าง ถึงมันจะไม่แย่กว่า แต่ก็แปลกๆล่ะ เอากระจกส่องหน่อยมั๊ย ” อลิ
      ซถามหลังจากหยุดหัวเราะได้แล้ว
      “ ไม่จำเป็น ” เอ๊ดบอก แต่อลิซก็เสกกระจกแบบส่องทั้งตัวมาตั้งตรงหน้าเขา
      แล้วเขาก็เห็นว่าทำไมเธอหัวเราะ และยิ่งหัวเราะหนักกว่าเก่าเมื่อเห็นสีหน้า
      พิลึกของเขา แล้วเขาก็หัวเราะตัวเอง ( นิดๆ ) ร่วมไปกับเธอด้วย

      ตั้งแต่หัวจรดท้าเต็มไปด้วยใยแมงมุม แล้วก็เปียกด้วยน้ำเมือก ทั้งตะไคร่ แล้ว
      ก็มีโคลน แล้วก็รอยถลอก และอื่นๆอีกสุดจะบรรยาย ไม่เหลือเค้าโครงเจ้าชาย
      เลยซักนิด ทั้งหน้าตาก็ดูมอมแมมไปหมด มันเป็นภาพที่อลิซอยากจะถ่ายรูปเอา
      ไว้มากๆ

      “ มีที่ล้างมั๊ย ” เอ๊ดถามหลังจากทั้งคู่หยุดหัวเราะแล้ว
      “ อย่าพึ่งสิ แล้วก็อย่าพึ่งถามนะว่าทำไม เดี๋ยวรู้เอง อย่าพึ่งเช็ดนะ เดี๋ยวคนอื่น
      มา จบเกมโดยสมบูรณ์ก็หายไปเองแหละ ” อลิซบอก แล้วทั้งคู่ก็นั่งคุยกันเล่น
      ระหว่างรอเพื่อน

      5 นาทีต่อมา วีนออกมาด้วยสภาพที่แย่กว่าเอ๊ด หน้าตาบอกว่าเหนื่อยเต็มที เธอ
      เหลือ 9 ใบเช่นกัน
      3 นาทีต่อมาเดรโกออกมาด้วยสภาพที่แย่ยิ่งกว่าวีน เขาอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย เขา
      เหลือ 7 ใบ
      6 นาทีต่อมา เชออกมาด้วยสภาพที่แย่และใบหน้าพะอืดพะอม เขาเหลือ 7 ใบ
      1 นาทีต่อมา ทอมตามออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้งเต็มที่พร้อมกับสภาพที่อลิซคิดว่า
      ไม่อาจแย่ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เขาเหลือ 5 ใบ
      2 นาทีต่อมา แคตออกมาด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์ เหมือนอารมณ์เสีย ( มันก็ควร
      จะเป็นอย่างนั้น ) เพราะสภาพเธอแย่ยิ่งกว่าทอมซะอีก ( อลิซเห็นแล้วตกใจ )
      เธอเหลือ 3 ใบ
      และสุดท้าย ( ตลอดกาล ) 5 นาทีต่อมา เซียออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่เหมือนกับ 5
      คนก่อนหน้าเธอ เพราะ เธอออกมาด้วยรอยยิ้ม และ สีหน้าโล่งใจที่ได้ออกมาซะ
      ที แม้ว่าจะออกมาด้วยสภาพที่แย่สุดๆจนแทบจำไม่ได้ เพราะดูเหมือนมีใครเอา
      โคลนไปราดเธอหลายๆรอบ และเจอสภาพแย่อื่นๆอีก เธอโชคดีมาก เพราะ เธอ
      เหลือเพียง 1 ใบเท่านั้น

      จากการสำรวจ ( อลิซขอไม่ให้ทุกคนเช็ดออกก่อน ) อลิซเป็นคนที่สะอาดที่สุด

      “ อลิซบอกมิสเตอร์เดริคได้รึยังได้รึยัง ” เซียถาม
      “ อย่าพึ่งนะ อะแมนด้า บอกเนลลี่ออกมาหน่อย ” อลิซบอก แล้วเปิดล็อกเกตรอ
      “ มีอะไรรึเปล่าอลิซ ดูสภาพแล้วเธอสะอาดที่สุดเลยนะ แล้วนั่นเอ๊ดใช่รึเปล่า ”
      เนลลี่ถาม แล้วทำท่าจะเข้าไปเช็ดให้
      “ เนลลี่ หยุดนะ อย่าพึ่งเช็ด เอานี่ไป รู้นะว่าต้องทำยังไง ” อลิซห้าม แล้วส่งกล้อง
      ถ่ายรูปให้
      “ ฉันไม่คิดว่าพวกเค้าต้องการรูปถ่ายในสภาพอย่างนี้หรอกนะ ” เนลลี่บอก
      “ เอาเถอะน่า ไม่มีใครว่าอะไรหรอก เป็นที่ระลึกไงล่ะ ” อลิซบอก แต่เพื่อนๆ
      กำลังจ้องมองเธอ
      “ เอาเถอะน่า…นะ เตรียมแอ๊คท่านะ เนลลี่นับ ” อลิซบอก แล้วเพื่อนๆก็รู้ว่า
      เปลี่ยนไม่ได้ก็เลยยอมทำตามโดยดี ( ใจจริงก็อยากได้ที่ระลึกเหมือนกัน )
      “ หนึ่ง…สอง…สาม ” แล้วเนลลี่ก็ถ่ายภาพออกมา แต่ละคนยิ้มแย้ม ทั้งที่สภาพไม่
      หน้าจะยิ้มได้
      เนลลี่กดถ่ายไปหลายภาพมาก ประมาณสิบกว่าภาพ แต่ละภาพจะเปลี่ยนท่าไป
      เรื่อยๆ

      และภาพสุดท้ายก็จบลงด้วยภาพที่อลิซถูกเพื่อนรุมป้ายโคลนใส่ โทษฐานไม่
      เปื้อนอะไรแล้วยังต้นคิดถ่ายภาพไว้อีก ในที่สุดก็ปรากฏว่า กลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่
      ยุติธรรมเอามากๆ เพราะทุกคนเปื้อนเหมือนกันหมด ไม่มีใครสะอาดซักคน
      เดียว ( จะปล่อยให้ฉันรอดหน่อยก็ไม่ได้ – อลิซคิด )

      “ อลิซ ฉันกลับก่อนนะ ” เนลลี่พูด แล้วกลับเข้าไปพร้อมกล้อง ทุกคนโบกมือลา
      แล้วเริ่มสงครามโคลนต่อ ส่วนอลิซ ก็วิ่งไปริมๆป่าแล้วใช้เวทย์เอาโคลนไปฝาก
      เพื่อนๆทำให้เลอะกว่าเดิม แล้วก็โดนเพื่อนๆป้ายกลับมา ทุกคนเล่นอย่างนี้อยู่
      10 นาที จนอลิซเอาโคลนสาดใส่เพื่อนอีกรอบ ก่อนที่เพื่อนจะขว้างกลับ อลิซรีบ
      บอกมิสเตอร์เดริค แล้วทุกอย่างก็หายไปก่อนที่เธอจะโดนดี

      “ ด่านต่อไป ด่านที่ 3 เป็นด่าน นิสัย และการตัดสินใจของครูเว่น จะแบ่งเป็น 2
      ทีม ให้จับฉลากเอา แล้วเราจะอธิบายต่อ ให้คุณหนูอลิซ อลิเซีย และ คุณหนู
      แคร์ตี้ จับแยกก่อนครับ เพราะ การแบ่งเป็น 2 ทาง ในแต่ละทีม จำเป็นต้องมีครู
      เว่นติดไปด้วย 1 คนเป็นอย่างน้อย เกมนี้ ถ้าทีมไหนไม่ผ่าน สมาชิกทั้ง 4 ของ
      ทีมนั้นจะถูกออกจากเกม ” มิสเตอร์เดริคบอก แล้วโถสีฟ้าสูง 1 ฟุตก็ปรากฏขึ้น
      ตรงหน้า ด้านในมีฉลาก 4 ใบ

      “ ฉันจับก่อน ” อลิซบอก แล้วเดินมาจับ ท่ามกลางความลุ้นของทุกคน
      “ ได้กลุ่มที่ 2 ” อลิซบอก แล้วเซียกับแคตก็มาจับบ้าง
      “ ฉันได้…1 ” แคตบอก แล้วสุดท้ายเซียก็มาจับ
      “ ฉัน…ได้ 1 ได้อยู่กับแคต!!!! ” เซียร้องออกมา
      “ ทำไม อยู่กับฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมต้องร้องออกมาด้วย ” แคตถาม
      “ เปล่า เปล่า ไม่ได้ว่าไม่ดี แต่ฉันไม่มั่นใจ กลัวฉันทำผิดพลาด เพราะ ถ้าอยู่กับ
      อลิซ เธอจะตัดสินใจได้ แล้วฉันก็จะได้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนไง ” เซียบอก
      เศร้าๆ
      “ เอาเถอะ ชั่งมันเถอะ มิสเตอร์เดริคคะ ต่อไปเลยค่ะ ” อลิซร้องบอก

      “ ต่อไปจะแยกว่าจะได้อยู่กลุ่ม 1 หรือ 2 ในโถจะมี 5 ใบ 1 มี 2 ใบ 2 มี 3 ใบ เมื่อ
      จับกันเสร็จแล้วให้บอกด้วยนะครับ จะได้อธิบายต่อครับ ” มิสเตอร์เดริคพูดจบ
      โถใบเก่าก็หายไป โถใบใหม่ที่เหมือนกันแต่สีชมพู โผล่มาแทนที่

      “ โถสีน่ารักจัง ” อลิซพูด
      “ จะขอเค้ารึไง ” เอ๊ดถาม
      “ เปล่า ฉันแค่ชมเฉยๆ ฉันไม่ขอหรอก นี่มันสมบัติของเกมส์ประจำตระกูล ” อลิ
      ซบอก
      “ แต่ถ้าเค้าให้ก็จะเอาใช่มั๊ยล่ะ ” เอ๊ดแซว
      “ ชั่งฉันเถอะน่า จับได้แล้ว ” อลิซบอก
      “ ครับๆๆ ” เอ๊ดตอบ แล้วเดินไปจับเป็นคนแรก เพราะคนอื่นอยากให้เค้าจับ
      ก่อน

      “ ฉันได้อยู่กลุ่ม 2 !!!!! ” เอ๊ดร้องออกมา แสดงอาการดีใจ
      “ ดีใจออกนอกหน้าไปหน่อยล่ะมั๊ง ” เซียแซว
      “ แต่ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้เอ๊ดอยู่กลุ่มเซียมากกว่า ” อลิซบอก
      “ ทำไมล่ะ ” เอ๊ดถามหงอยๆ
      “ ก็ฉันเชื่อว่าเธอเก่ง จะได้ดูแลพวกเซียได้ ” อลิซบอกแล้วลดเป็นเสียงกระซิบ
      ให้เธอกับเอ๊ดได้ยินกัน 2 คน “เพราะฉันเชื่อเธอมากกว่าทอมกับเช ” อลิซบอก
      ทำให้เอ๊ดยิ้มออกมา
      “ กระซิบอะไรกันสองคนนี้เนี่ย ทำเป็นมีความลับ ” เซียพูด
      “ ไม่มีอะไรหรอก คนอื่นๆจับต่อเถอะ ” อลิซบอก

      ผลออกมาปรากฏว่า
      กลุ่ม 1 มี เซีย แคต ทอม และ เดรโก
      ส่วนกลุ่ม 2 คือ อลิซ เอ๊ด วีน และ เช

      “ ฉันเป็นห่วงกลุ่ม 1 จังเลย กลัวไม่ผ่าน ” วีนบอก
      “ ไม่ต้องห่วง เกมนี้เป็นเกมง่ายๆ แค่การตัดสินใจเท่านั้น ผ่านอยู่แล้ว พี่เฟิร์ซ
      เคยเล่าให้ฟังน่ะ แถมยังบอกอีกว่า ใครไม่ผ่านก็ห่วยแตก เธอก็รู้ ปกติพี่เฟิร์ซ
      ไม่เคยว่าใครเลย ถ้าไม่ผ่านก็แสดงว่าห่วยสุดๆจริงๆ ฉันเชื่อว่ากลุ่ม 1 ต้อง
      ผ่าน ” อลิซบอก เพิ่มความมั่นใจให้วีน ( และ ตัวเอง )
      “ มิสเตอร์เดริคคะ อธิบายได้เลยค่ะ ” อลิซบอก
      “ ด่านนี้ง่ายๆ จะมี 2 หรือ 3 ทางให้เลือก เป็นข้อๆ ตามทางที่ไป ต้องตัดสินใจ
      เลือก เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ง่ายมากๆเลยครับ เราจะมีประตู 2 บาน ให้แต่ละกลุ่ม
      เข้าไป แล้วก็จะรู้เอง ขอให้สนุกนะครับ แล้วพบกันที่ด่าน 4 ” มิสเตอร์เดริคพูด
      จบ ก็มีประตู 2 บานตั้งอยู่

      “ เซีย ฉันคุยด้วยหน่อยสิ ” อลิซบอก แล้วเซียก็เดินมา ทั้งสองเดินไปคุยกันห่าง
      เพื่อนๆ
      “ เธอกังวลรึเปล่า บอกฉันตามตรงนะ ” อลิซถาม
      “ ก็ คือ อืม…ใช่ ฉันกลัว…อลิซ ฉันกลัวว่าฉันจะทำไม่ได้ ฉันกลัวเป็นตัวถ่วงให้
      พะ… ”
      “ หยุดนะ ” อลิซขัด

      “ เธอไม่เคยเป็นตัวถ่วงให้ใคร อย่าพูดอย่างนี้อีก เธอเป็นครูเว่นคนนึง แล้ว
      ด่านนี้ก็เป็นแค่การตัดสินใจเท่านั้น เธอยังมีแคตช่วยอีกคนนะ อย่าลืมสิ แล้ว
      ฉันก็เชื่อด้วย ว่าเธอจะทำได้ อย่าท้อสิ ถึงเธอจะไม่ผ่านจริงๆ นี่เป็นแค่เกมนะ
      เซีย ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ยังไงเรามาตั้ง 8 คนก็ต้องผ่านถึงสุดท้าย ไม่ว่าจะเหลือ
      เท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ผ่านรึเปล่าเท่านั้น ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้ ” อลิซบ
      อก

      “ อย่าหลอกตัวเองเลยอลิซ ” เซียบอกเศร้าๆ
      “ เซีย ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ มั่นใจหน่อยสิ ปกติเธอเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองนี่
      นา…เธอเป็นคนใหม่แล้ว อย่าเอาคนเก่ามาปะปนกับเธอ ขอให้เธอเชื่อฉัน และ
      เชื่อตัวเธอเอง เธอต้องทำได้ ” อลิซบอกและไม่รอฟังเซีย เธอเดินนำคนอื่นๆเข้า
      ประตูที่ 2 เข้าไปแล้ว ก่อนหน้านั้น เธอบอกกับคนอื่นว่า
      “ แล้วเจอกัน ” และคุยอะไรบางอย่างกับแคต แล้วคนอื่นๆในกลุ่ม 2 ก็ตามเธอ
      เข้าไป

      “ ไปกันเถอะเซีย เดี๋ยวอลิซถึงก่อนจะว่าเอานะ เธอก็รู้ว่าอลิซไม่ชอบรอ ” แคตบ
      อก

      เซียคิดถึงคำพูดของอลิซ…เธอเป็นคนใหม่แล้ว อย่าเอาคนเก่ามาปะปนกับเธอ
      อย่าเอาคนเก่ามาปะปน ใช่สินะ ฉันเป็นคนใหม่แล้ว อย่างที่อลิซบอก ฉันต้องทำ
      ได้

      “ ไปสิ ” เซียตอบ แล้วกลุ่ม 1 ก็เข้าไป หลังจากนั้น ประตูทั้ง 2 บานก็ปิด



      ทางกลุ่มที่ 2

      เมื่อทั้งหมดเดินเข้าไป ประตูก็ปิดลง และมีคนสวมชุดกระต่ายกระโดดมาอยู่ข้าง
      หน้า
      “ สวัสดีครับ ผมเป็นคนเฝ้าด่านนี้ชื่อ นายกระทิง ( “ แต่งตัวเป็นกระต่ายแต่ดัน
      ชื่อกระทิง ทำไมไม่แต่งเป็นกระทิงไปเลยล่ะ ไอ้นี่ท่าจะประสาท ” เอ๊ดกระซิบ “
      ชั่งเค้าเถอะน่า แต่งเป็นกระต่ายก็น่ารักดีออก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตามชื่อนี่
      นา ขืนแต่งเป็นกระทิงนายลองคิดสภาพสิ ” อลิซบอก “ จริงที่สุด ” เชสนับสนุน )
      ด่านนี้เป็นด่านง่ายๆมากๆครับ ก็แค่เลือกทางที่จะไปต่อจากคำถามเท่านั้นเอง ”
      นายกระต่าย ( ขอเรียกว่ากระต่าย เพราะ มันเวิร์คกว่ากระทิง ) บอก

      “ นี่ อลิซ ถามจริงเถอะ ใครเป็นคนตั้งชื่อเนี่ย ตั้งพิลึก ” เอ๊ดถาม
      “ ยังติดใจเรื่องชื่อเค้าอีกหรอ ชื่อนี้เค้าคิดของเค้าเองแหละ ฉันเคยถามเหมือน
      กัน เค้าบอกว่าเค้าชอบ แล้วยังเสริมอีกว่าเท่ดี ดูแข็งแรง แต่ฉันว่ามันไม่สมกับ
      รูปร่างเลย ” อลิซบอก
      “ จริงของเธอ แต่มันเท่ตรงไหน ” เอ๊ดถาม
      “ ฉันจะไปรู้หรอ…พี่น้องเค้าอีกคนยิ่งกว่านี้อีก พวกเซียเจอแน่ๆเลย… เดี๋ยวพอ
      เจอพวกนั้นเธอก็ลองถามถึงอีกคนจากพวกนั้นดูแล้วกัน ” อลิซบอก

      “ คนของครูเว่นเป็นคนตอบนะครับ คนอื่นช่วยด้วยก็ได้ ระหว่าง บราชีล่า กับ
      ฟรังส์ คุณอยากจะเจอใครมากกว่ากัน ” นายกระต่ายถาม

      บราชีล่า ต้นแบบของพี่เบล ส่วนฟรังส์ก็ต้นแบบของพี่เฟิร์ซ ดูเอามาถามสิ ไม่
      อยากเจอทั้งคู่เลย พี่เฟิร์ซฉลาดกว่าพี่เบล แต่อีกแง่นึงถ้าพี่เบลโกรธคงกลาย
      เป็น… ถามอย่างนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องเจอแน่ๆเลย ถ้าดูจากความสามารถในการ
      ออกเกมส์แล้ว พี่เบลไม่เก่งเท่าพี่เฟิร์ซ เลือกพี่เบลก็แล้วกัน อย่างมากคงเป็น
      เย็บปักถักร้อย ทำอาหาร งานง่ายๆ หรือไม่ก็อาละวาด กับ ห้ามปรามคน

      “ อลิซ ตกลงเอาใคร ” วีนถาม
      “ ฉันเลือก บราชีล่า ” อลิซบอก
      “ งั้นเชิญที่ประตูด้านซ้ายมือของผมครับ ” นายกระต่ายบอก

      แล้วทั้งหมดก็เดินไปที่ประตูแล้วก็เปิดประตูเข้าไป
      เมื่อเข้าไปแล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ซึ่งอลิซจำได้ว่า เคยเป็นคนสอนมารยาทเธอ
      กับพี่ๆ รวมถึงคนอื่นๆของครูเว่นด้วย แต่เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว นี่คงอุทิศ
      วิญญาณให้เกมนี้ ( เธอสนิทกับบราชีล่ามากๆด้วย และ คงอยากทำหน้าที่ต่อ เลย
      ไม่ยอมไปผุดไปเกิด เพราะละกิเลสเรื่องนี้ไม่ได้ )

      “ ฉันว่าแล้วเชียว งานนี้ไม่มารยาทก็เย็บปักถักร้อย เนี่ยนะ เกมส์แก้เซ็ง เซ็ง
      ตายชักซะมากกว่า มิสเตอร์เดริคไม่น่าให้ผ่านด่านเลย น่าจะรู้ว่ามันน่าเบื่อ
      ขนาดไหน แต่จะว่าไป เค้าสนิทกับบราชีล่าเหมือนกัน คงให้ผ่านโดยไม่มีการ
      ตรวจสอบ แต่ปกติเค้าเป็นคนตรงนี่นา …ฉันลืมไปว่า มิสเตอร์เดริคเค้าไม่เคย
      เห็นเรื่องนี้น่าเบื่อเลยซักอย่าง มิน่า ถึงผ่านมาได้ ” อลิซบ่นอยู่คนเดียว
      “ แล้วทำไมเลือกบราชีล่าล่ะ ” เอ๊ดถาม
      “ ก็มันคงง่ายกว่า ฟรังส์ ถึงแม้ของฟรังส์จะสนุกกว่า แต่เอาชัวร์ไว้ดีที่สุด ฟรังส์
      เป็นต้นแบบส่วนหนึ่งของพี่เฟิร์ซ ต้องยากกว่าของบราชีล่าที่เป็นต้นแบบของพี่
      เบลอยู่แล้ว ” อลิซบอก
      “ เธอจำว่าใครเป็นต้นแบบใคร นิสัยอะไรยังไง ได้หมดเลยหรออลิซ ” เชถาม

      “ ก็มันเป็นข้อควรปฏิบัติของครูเว่น ทุกคนจะมีหนังสือประจำตระกูลอยู่ บอก
      ข้อมูลบางอย่างของคนในตระกูล เนลลี่กับอะแมนด้าเฝ้าพร่ำเตือน พร่ำบ่นให้
      อ่าน ก็เลยต้องอ่าน แล้วก็ตอน 4 ขวบ มีข้อสอบเรื่องนี้ออกด้วย เป็นข้อสอบของ
      ตระกูล ที่เอามาทดสอบว่ารู้เรื่องในตระกูลมากแค่ไหน มันก็เลยมีประโยชน์
      แล้วก็ต้องจำให้หมดถึงจะดี ก็เลยจำได้หมด ” อลิซตอบพร้อมอธิบายยาว

      “ ทุกคนนั่งที่!! ” มิสรีซา สั่ง ทุกคนจึงรีบนั่งที่เก้าอี้ 4 ตัวที่เรียงล้อมโต๊ะไม้สักอย่าง
      ดีขัดเงาเอาไว้ บนผ้าปูโต๊ะสีขาว มีผ้าสีขาว 4 ผืน ดินสอ และลูกปัดตั้งไว้ ทำให้พอ
      จะเดาได้คร่าวๆว่าต้องทำอะไร

      “ ด่านนี้ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ต้องทำทั้งนั้น นี่เป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติของครู
      เว่น บางสถานการณ์มันจำเป็น จึงต้องเรียนรู้ สำหรับด่านนี้เป็นด่านที่ง่ายมากๆ
      ถึงคนอื่นจะทำได้ แต่คนที่เป็นครูเว่นต้องทำได้ดีกว่า เข้าใจมั๊ย ” มิสรีซาถาม
      “ เข้าใจค่ะ ” อลิซตอบเรียบๆ ( เพราะรู้อยู่แล้ว เนื่องจากตอนเรียนถูกกำชับมา
      ตลอด )
      “ งานนี้ต้องมีความละเอียดใครทำเสร็จแล้วต้องให้ฉันตรวจ ถ้าไม่ผ่านต้องไปทำ
      ใหม่ ถ้าไม่ทำใหม่ก็ออกไปจากเกมนี้ซะ แล้วก็กรุณามีมารยาท อย่าพูดคุยกัน
      ด้วย พวกเธอคงเห็นผ้าที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ผืนแรก ให้เย็บรังดุม ผืนที่ 2 ให้เย็บ
      ซิกแซ็ก ผืนที่สาม ให้เย็บมุมผ้าเช็ดหน้าทั้ง 4 มุม และผืนสุดท้ายให้เย็บลูกปัด
      ใส่ มีดินสอ ยางลบ และลูกปัดให้เลือกอยู่ด้านหน้าของทุกคนแล้ว ทำเป็นลาย
      อะไรก็ได้ ตามใจ เริ่มได้ ” มิสรีซาบอก

      แล้วทั้งหมดก็เริ่มทำ

      อลิซ เคยถูกสั่งให้เย็บรังดุมมาก่อน ( ก็จากมิสรีซานี่แหละ ) เธอจึงทำได้ประณีต
      และเสร็จไวที่สุด แล้วเธอก็ต่อด้วยการเย็บซิกแซ็ก ที่เห็นได้ชัดว่ามันต่อกัน
      อย่างสมบูรณ์ จนแทบไม่เห็นรอยต่อ และมันก็เท่ากันทุกอัน มองดูแล้วเหมือน
      ใช้เครื่องจักรเย็บเลยทีเดียว ส่วนผืนที่ 3 อลิซใช้ด้ายสีชมพูเข้มในการเย็บขอบ
      แล้ว 15 นาทีผ่านไป เธอก็เย็บเสร็จ ส่วนผืนสุดท้าย เธอวาดรูปกระต่ายกำลัง
      แหงนมองไปบนท้องฟ้า ( เห็นภาพแล้วทำให้คิดถึงสำนวน กระต่ายหมาย
      จันทร์ ) แล้วเธอก็ใช้ลูกปัดเล็กๆสีชมพู เย็บติดตรงที่มีรอยดินสอขีดไว้ก่อน
      แล้วอย่างบรรจง เธอทำไปยิ้มไป ซึ้งต่างกับเอ๊ดและเช ที่ทำไปจากหน้าบึ้งก็กลาย
      เป็นหน้าบูด ส่วนวีนก็ยังมีสีหน้าเรียบๆไม่เปลี่ยนแปลง

      วีน ก็เคยเรียนเรื่องงานพวกนี้มา แน่นอนว่าเจ้าหญิงก็ต้องได้เรียนมาบ้าง และ
      เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองแห่งความงาม ข้อนี้เป็นคุณสมบัติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึง
      วีนจะเรียนมาพอสมควร แต่ก็ไม่มากเท่า
      อลิซ ที่มีมิสรีซาเฝ้าจ้ำจี้จ้ำไชเธอกับพี่ๆอยู่เสมอในเวลาเรียน

      อลิซเป็นคนแรกที่เสร็จ เธอเดินไปให้มิสรีซาตรวจเป็นคนแรก
      ( สู้เค้านะอลิซ – เอ๊ดและเชคิดเชียร์อยู่ในใจ )
      “ อืม…ไม่เสียแรงที่ฉันสอนมา ทำได้ดีมาก ผ่าน ” มิสรีซาบอก
      “ คือ…หนูขอผ้าคืนด้วยได้มั๊ยคะ อยากได้เป็นที่ระลึกน่ะค่ะ ” อลิซบอก
      “ โดยเฉพาะผืนสุดท้าย อยากได้คืนเป็นพิเศษใช่มั๊ยล่ะ ” มิสรีซาถามอย่างรู้ทัน
      เธอเคยสอนอลิซมา เธอก็ย่อมต้องรู้อยู่แล้ว คำพูดนี้ทำให้เชคิดว่า มิสรีวาอาจไม่
      เข้มงวดแล้วก็ขรึมอย่างที่คิดก็ได้ สวนหนึ่งของความคิด ก็คงจะมาจากการที่เป็น
      คนสอนคนของครูเว่นด้วยนั่นแหละ
      “ ใช่ค่ะ ” อลิซตอบแล้วยิ้ม
      “ เอาคืนไปได้ ” มิสรีซายื่นให้แล้วก็ยิ้มให้อลิซ
      “ ขอบคุณค่ะ ” อลิซบอกเธอรับผ้ามาแล้วให้อะแมนด้าเก็บไว้ในล็อกเกต

      15 นาทีต่อมาวีนก็มาตรวจ แล้วเธอก็ผ่าน มิสรีซาก็กล่าวชมเธอว่าทำได้ดี แล้วก็
      คืนให้เธอ
      ครึ่งชั่วโมงต่อมา เอ๊ดมาส่งพร้อมคำว่าผ่าน แบบไม่มีคำชม แล้วมิสรีซาก็คืนผ้า
      ให้เค้า
      10 นาทีต่อมา เชเอามาส่ง แล้วมิสรีซาก็บอกว่าผ่านแบบไม่ค่อยเต็มใจ เพราะทำ
      ได้ดีไม่สู้ 3 คนก่อนหน้าเขา เธอคืนผ้าให้เขา แล้วทั้งหมดก็เดินไปเปิดประตูสู่
      ด่านต่อไป
      “ อลิซ ถามหน่อยเถอะ รีซานี่เป็นชื่อ หือนามสกุล ” เชถาม ในโลกของสเปช ที่
      ใช้คำว่ามิสแล้วตามด้วยชื่อ ชื่อนั้นอาจเป็นชื่อจริง หรือนามสกุลก็ได้ มันเลยค่อน
      ข้างจะสับสน

      “ นามสกุล ชื่อเต็มของมิสรีซา คือ คือ ลูซี่ รีซา เราก็เลยเรียกว่ามิสรีซา เพราะมัน
      เหมาะกว่าที่จะเรียกมิสลูซี่ จริงมั๊ยล่ะ ” อลิซถามความเห็น

      “ แล้วมิสรีซา ไม่ใช่คนเข้มงวด? ” เชพูดเป็นเชิงถาม
      “ ถูกครึ่งผิดครึ่ง ” อลิซตอบ
      “ ยังไง ” เชถาม
      “ เดี๋ยวนี้มิสรีซาไม่ค่อยเข้มงวดก็จริงอยู่ แต่ตอนแรกที่เธอรับหน้าที่สอนคนของ
      ครูเว่น ก็กลายเป็นว่า เราเปลี่ยนเธอ พวกเธอก็รู้ว่าครูเว่นไม่เคร่งระเบียบมาก
      นัก เอาครูเจ้าระเบียบมาสอนก็เซ็งน่ะสิ เรียนกันได้ไม่ถึง 5 นาทีมีหวังวางยาครู
      ผู้สอนแน่ ” อลิซบอก
      “ เปลี่ยนเหรอ เปลี่ยนยังไง ” เอ๊ดถาม

      “ ก็ไม่รู้สิ ทีแรกๆเค้าก็เข้มงวด แต่สอนเราไปนานๆเข้า ก็เริ่มอ่อนลง แล้วเราก็
      เลยกลายเป็นว่า ชวนเค้าเล่นบ้าง อะไรทำนองนี้ แต่ละชั่วโมงก็เลยเรียนซะ
      ครึ่ง เล่นซะครึ่ง แต่ว่าเดี๋ยวนี้ มิสรีซาตายแล้ว คนใหม่ก็เลยมาแทน รู้สึกว่าเป็น
      ญาติของเธอ ก็คงต้องลำบากมาเปลี่ยนกันใหม่ ” อลิซบอก

      “ ทำอย่างกับว่าการเปลี่ยนนิสัยคนทำง่ายๆอย่างนั้นล่ะ ” เชพูด
      “ ไม่ถึงกับง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ” อลิซบอก
      “ ความสามารถข้อนี้ ของครูเว่นเค้าล่ะ ” วีนบอก
      “ แล้วมีข้อด้อยอะไรบ้างเนี่ย ตระกูลนี้ ” เชถาม
      “ ทุกคนมีจุดด้อยของตัวเอง เธอจะพบว่า ในครูเว่น ไม่มีใครเก่งไปหมด
      ทุกอย่าง แต่คงไม่ค่อยมีใครอยากบอกเท่าไหร่หรอกนะ แต่ของฉัน เซีย แล้วก็
      แคต พวกเธอก็รู้แล้วนี่ ” อลิซบอก

      อลิซเก่งพวกกังฟู ฟันดาบ ก็จริงอยู่ แต่กีฬาของมนุษย์ พวก ฟุตบอล
      วอลเลย์บอล ปิงปอง เบสบอล หรือกีฬาประเภทที่มีลูกกลมๆ เธอจะไม่เก่งเลย ทำ
      ให้พละ เธอได้เพียงแค่เกรด 3 เท่านั้น แต่ปีนี้ มีซอคบอล ซึ่งมีตำแหน่งผู้ใช้
      เวทย์ เธออาจจะได้เกรด 4 ก็ได้ แต่ปีนี้ก็มีสังคม ที่เธออาจจะได้เกรด 3 เพราะ
      พี่ของเธอทั้ง 2 คนได้เกรด 3 คะแนน 79 ทั้งคู่ ( เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ) ส่วน
      ที่อลิซไม่เก่งก็มีอีกด้านละนิด ด้านละหน่อย สรุปว่าเธอไม่ได้เก่งไปซะหมดที
      เดียว เธออาจจะเทียบกับเอ๊ดไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเค้าทำได้ ( ทำได้ คือ ทั้งดีมาก
      ดี และ ปานกลาง ) เกือบทุกอย่าง แต่วิชาศิลปะ เป็นวิชาที่เค้าได้ต่ำสุด เพราะ
      เค้าไม่ค่อยพยายามกับวิชานี้เท่าไหร่ เพราะไม่สนุกไปกับมัน ซึ่งข้อนี้ เพื่อนๆ
      พยายามแล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีใครเปลี่ยนได้

      ถึงแม้ดูเหมือนว่าอลิซไม่พยายามช่วย แต่เธอบอกในชั่วโมงศิลปะตอนปี 2 ว่า
      มันเป็นธรรมชาติของคน ช่วยไปก็เท่านั้น ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น และดูเหมือนเธอ
      จะจงใจพูดดังๆให้เค้าได้ยิน เอ๊ดได้ยินเข้าก็เลยตั้งใจสุดๆกับผลงานที่วาดอยู่
      แล้วเอามาอวดอลิซ มันค่อนข้างที่จะดีทีเดียว เพื่อนๆเห็นภาพแล้วก็ชมเค้า แล้ว
      เมื่อเห็นภาพแล้วก็คลายข้อสงสัยว่าทำไมอลิซพูดแบบนั้น เพราะ ปกติ อลิซไม่
      เคยพูดอย่างนี้ใส่ใครเลย แต่เธอก็ทำได้ครั้งเดียว เพราะ หลังจากนั้น เอ๊ดควบ
      คุมอารมณ์ได้ และรู้ทัน

      นอกจากกีฬาบางประเภท ในกลุ่ม 8 คน อลิซยังเป็นคนที่ลายมือสวยเป็นอันดับ
      ที่ 7 ของกลุ่ม เพราะ แคร์ตี้ ห่วยกว่าเธอ ลายมือเธอบางครั้งมันดูเหมือนจะรีบ
      เขียน หรือ เขียนอย่างไม่ตั้งใจ แต่พอลองให้เธอเขียนแบบตั้งใจจริงๆ ลายมือ
      เธอก็สวยมากทีเดียว แต่ถ้าเฉลี่ยรวมๆแล้ว ดูเหมือน อลิซจะใช้ลายมือแบบ
      เขี่ยๆนั้นบ่อยกว่าลายมือสวยๆ ก็เลยตกอยู่อันดับ 7 ของกลุ่ม ( กลุ่มนี้ จะมีการวัด
      กันในทุกๆด้าน กรรมการตัดสิน คือ เพื่อนๆคนอื่น หรือ ผู้อาวุโสกว่า ที่เชื่อถือ
      ได้ และ ไม่เข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง ) ส่วนลายมือแคร์ตี้ ไม่ว่าจะบรรจงซักเท่า
      ไหร่ก็ตกอยู่ที่ 8 อยู่ดี

      เรื่องที่แปลกที่สุดคือ อลิซว่ายน้ำเก่งเป็นอันดับที่ 8 ของกลุ่ม ซึ่งนั่นก็คืออันดับสุด
      ท้าย เพราะดูเหมือน เธอจะว่ายแค่พอไปรอด ไม่เน้นเรื่องเก่งหรือเรื่องความ
      เร็วเอาซะเลย แล้วก็ว่ายตามใจไม่เน้นท่า ทำให้การแข่งของกลุ่มเธออยู่ที่อันดับ
      8 มันคงไม่แปลกหรอก ถ้าไม่ใช่ว่า เธอก็ถือว่ามีเชื้อสายเมืองบาดาล หรือ เป็น
      เจ้าหญิงเมืองบาดาล แห่ง มิลเลอร์ มัลเลน คนหนึ่งเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ เป็น
      เฉพาะกับอลิซคนเดียว เบล กับ เฟิร์ซ ว่ายน้ำเก่งทั้งคู่

      “ สวัสดีครับ ” นายกระต่ายโผล่พรวดเข้ามาทำให้ทุกคนตกใจ
      “ ต่อไป มีคำถามให้ มีตัวเลือก 2 ข้อ ข้อนี้ถามว่า ระหว่างความตาย กับ ความ
      ทรมาน คุณจะเลือกอะไร ” นายกระต่ายถาม

      “ เอาไงดี อลิซ ” เชถาม
      “ ถ้าถามฉัน ฉันเลือกความตาย แต่ถ้าคิดในแง่ของเกม ความตาย น่าจะหมาย
      ถึงว่า เราต้องเจอผี ส่วนความทรมานก็ต้องเจออะไรที่ไม่ค่อยดี ครือทำให้บาด
      เจ็บ ไม่ก็เจ็บปวด ฉันก็เลือกผีอยู่ดี ” อลิซบอก
      “ พวกเราเลือกความตาย ” เอ๊ดฟังเหตุผลจากอลิซก็ไม่รอช้า รีบบอก
      นายกระต่ายทันที
      “ เชิญที่ประตูด้านขวามือของผมครับ ” นายกระต่ายบอก แล้วทุกคนก็เดินไปที่
      ประตูด้านซ้ายมือของตน อลิซ เป็นคนนำเข้าไปคนแรก

      เมื่อก้าวเท้าเข้าไปได้ก้าวแรก บรรยากาศเยือกเย็นและวังเวงก็ถามหา ดูแล้ว
      บรรยากาศมันน่าขนลุก
      ทำให้อลิซเริ่มคิดว่า เธอคิดผิดรึเปล่า เพราะ ตอนเลือก เธอลืมไปว่า ตัวเธอเอง
      นั้นก็กลัวผีอยู่เหมือนกัน แต่ผีที่เธอกลัว คือ ประเภทเลือดไหลเยิ้ม ไม่ก็หน้าตา
      เละ หรือสภาพน่าเกลียดน่ากลัว แต่ถ้าเป็นวิญญาณธรรมดา ที่เหมือนๆคน อลิ
      ซก็คงชินซะแล้ว เพราะ ครูเว่น ถูกทดสอบการสะกดวิญญาณอยู่บ่อยๆ ( เป็น
      วิญญาณที่สภาพธรรมดา อลิซเลยชินแต่แบบประเภทนี้ )

      “ อลิซ บรรยากาศไม่ค่อยดีเลย อย่าบอกนะว่า เราต้องเจอผีจริงๆ ”วีนถามพลาง
      ตัวสั่น วีนเองก็กลัวผีประเภทเดียวกับอลิซ

      “ ฉันก็ว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เจอผี ก็อาจจะดีกว่าเจอความทรมานก็ได้ ” อลิ
      ซบอกปลอบวีน ( และตัวเอง ) ว่า ถ้าเจออีกด่านอาจแย่กว่านี้

      “ แล้วเราต้องทำอะไรบ้างเนี่ย ” เอ๊ดถาม
      “ ฉันว่าด่านนี้ อาจแค่ทดสอบความกล้าก็ได้ ” อลิซบอก

      “ ซา…า หวาด…ด ดี ” เสียงยานคางน่าขนลุกดังมาจากข้างหลัง แล้ววีนก็กรี๊ดออก
      มา ส่วนอลิซก็เอามือ 2 ข้างขึ้นมาปิดตาแน่น

      “ ยีน…น ดี ที่ด้าย…ย รู้จาก…ก โผม…ม เปน…น โคน…น เฝ้าด่านนี้…น ” เสียงยาน
      คางนั้นดังขึ้น ท่ามกลางความขนลุกของสองสาว

      “ อลิซ เอามือออกได้แล้ว เค้าไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก ” เอ๊ดบอก พลางแกะมือ
      ของอลิซที่ปิดแน่น ออกจากหน้าของเธอ

      “ วีน เปิดตาได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องร้องด้วย เค้าไม่น่ากลัวหรอก ” เชบอกวีน

      “ เอามือออกเถอะครับคุณหนูทั้งสอง ผมไม่ได้น่ากลัวอย่างนั้นหรอก ” จากร่างที่
      เคยพูดยานคาง กลับพูดอย่างกระฉับกระเฉงแถมกลั้วหัวเราะ

      “ คุณคลัช คุณแกล้งหนู ” อลิซพูด หลังจากที่เงยหน้าขึ้นมอง
      “ ขอโทษครับ ด่านนี้มันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ” ผีคุณคลัชพูด
      “ เธอรู้จักเค้าด้วยหรอ ” เชถาม
      “ รู้จักสิ เมื่อก่อน เค้าเคยทำงานที่บ้าน พอเค้าตาย เราก็เลยให้เค้าเลือกว่า จะ
      สงบใจตัดกิเลสก่อน หรือว่าไปเกิดใหม่ เค้าเลือกที่จะทำงานให้ตระกูลต่อ พ่อก็
      เลยส่งวิญญาณเค้ามาทำงานในนี้ ” อลิซบอก
      “ ทำอย่างกับผู้พิพากษา ไม่ก็ยมทูต ” เชบอก
      “ ก็ใกล้เคียง แต่ส่วนมากวิญญาณที่เลือกได้ จะเป็นวิญญาณของคนดีเท่านั้น
      เลือกว่าจะไปที่โลกแห่งกระจก ที่เป็นโลกของวิญญาณที่เข้าไปสงบใจ ก่อนตัดสิน
      ใจไปเกิด หรือว่าเลือกที่จะไปเกิดเลย แล้วก็มีอีกประเภทนึง เป็นการลงโทษ
      แก่ผู้กระทำผิดร้ายแรงในเมือง แต่ฉันไม่บอกหรอก ” อลิซพูด

      “ ทำไมล่ะ ” เอ๊ดถาม
      “ ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก คุณคลัชคะ ด่านนี้ทำอะไร ” อลิซเปลี่ยนเรื่อง
      “ ไม่ยากเลยครับ ก็แค่ทำหน้าที่สับปะเหร่อ นิดๆหน่อย ( อลิซและวีนชักใจไม่
      ดี ) แค่อาบน้ำศพผมเอง ไม่มีอะไรมาก ” คุณคลัชบอกอย่างสบายใจ
      “ อาบน้ำศพ!!!! ” อลิซและวีนร้องออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
      “ ใช่ครับ ขอให้สนุกนะครับ อาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็เรียกผมไปตรวจเลยนะ
      ครับ ไปละ ” คุณคลัชบอก
      “ ดะ…เดี๋ยว เดี๋ยวค่ะ มันทดสอบอะไรกันคะ ด่านนี้ คงไม่ได้ทดสอบอาชีพสับปะ
      เหร่อ หรือ ทดสอบการอาบน้ำให้เบามือหรอกใช่มั๊ย ” วีนถาม ทั้งที่คิดอยู่แล้วว่า
      ไม่ใช่ แต่เพราะความกลัวก็เลยพูออกมา
      ยังดีที่วีนพูดออกมาได้ เพราะอลิซได้ฟังก็ช็อคไปเรียบร้อยแล้ว เอาแต่เบิก
      ตากว้างไม่พูดไม่จา แน่ล่ะ เพราะเธอเกลียดการเห็นศพที่สุด แล้วยิ่งต้องอาบน้ำ
      ให้ ถึงจะเป็นคนรู้จักก็เถอะ แค่คิดก็สยองแล้ว

      “ ทดสอบความกล้าครับ ” คุณคลัชตอบ
      “ ด่านนี้ใครคิดคะ ” อลิซถาม ในที่สุดเธอก็พูดออกมาได้
      “ ปู่ทวดของคุณหนูครับ ” คุณคลัชตอบพลางยิ้มเป็นกำลังใจให้ แล้วเขาก็ลอยไป
      นั่งที่เก้าอี้ข้างประตูผ่านด่าน แล้วห่างจากประตู 2 เมตรก็มีโลงศพตั้งอยู่

      “ อลิซ ปู่ทวดสุดที่รักของเธออุตส่าห์คิด ก็เล่นตั้งใจทำหน่อย อย่าให้เสียน้ำใจ ”
      เอ๊ดแหย่
      “ ปู่ทวดไม่เคยบอกฉันเลยนะ ” อลิซพูด
      “ อลิซ เรารีบทำกันดีกว่า ” เชเตือน
      “ ใช่ เราจะได้ออกจากที่นี่ซักที ” วีนบอก
      เอ๊ดเดินไปที่โลงเป็นคนแรก แล้วเปิดฝาโลงออก
      “ ไม่มีกลิ่นเลยแฮะ ” เอ๊ดพูด
      “ ใช่ครับ ปกติครูเว่นมักเลือกด่านนี้มากกว่าอีกด่านศพผมก็เลยสะอาด ” คุณ
      คลัชตอบ
      “ ที่นี่ เคยเป็นป่าช้าด้วยใช่มั๊ยคะ ” วีนถาม
      “ ใช่ครับ ” คุณคลัชตอบ
      “ แล้วกลุ่มที่ 1 กับ กลุ่มที่ 2 จะเจอคำถามและด่านแบบเดียวกันรึเปล่าครับ ” เช
      ถาม
      “ ใช่ครับ ” คุณคลัชตอบ
      “ แล้วถ้าเลือกแบบเดียวกัน แล้วเวลาเดียวกัน จะทำยังไงละคะ ” วีนถาม

      “ 2 กลุ่มจะต่างกันตรงที่คนประจำ ของพวกคุณเป็นนายกระทิง นอกนั้น คำถาม
      และด่านจะเหมือนกัน เมืองนี้เป็นเมืองกระจก ความสามารถในการก๊อบชั่ว
      คราวจึงทำได้ไม่ยากเลย ตัวที่ก๊อบเรามา จะเหมือนกับเราทุกอย่างครับ ก๊อบได้
      3 ชั่วโมง มันนานพอสมควรจึงไม่มีปัญหา เราจะใช้การก๊อบเฉพาะเมื่อ 2 กลุ่ม
      เลือกแบบเดียวกัน และ เวลาเดียวกันเท่านั้น ” คุณคลัชอธิบาย

      “ อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง ” เชพูด
      “ อลิซ เธอไม่สงสัยเพราะเธอรู้อยู่ก่อนแล้วใช่มั๊ย ” วีนถาม
      “ ก็ใช่ เพราะ การก๊อบ เป็นความคิดของฉันกับปู่ทวด ” อลิซบอก
      “ พวกคุณรีบทำเถอะครับ เดี๋ยวช้าจะไม่ดี ” คุณคลัชเตือน
      “ งั้นพวกเรารีบกันเถอะ เดี๋ยวเที่ยง จะได้รอกินข้าวพร้อมพวกเซียเลย ” อลิซบ
      อก
      “ เธอรู้ได้ไงว่าพวกนั้นจะผ่าน ” เชถาม
      “ ฉันเชื่อ ” อลิซตอบสั้นๆ ( แต่ได้ใจความ ) แล้วทั้งหมดก็ล้อมโลงนั้นไว้

      สภาพศพไม่เละซักเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าดี เพราะกระดูกเปราะมาก ถ้าเอาขึ้นมาไม่
      ระวัง กระดูกจะแตกหักได้ง่าย เหมือนกับว่าจะกลายเป็นผง เนื้อตัวของศพนั้นดู
      สะอาดกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนอื่นๆก็ใช้ได้ ถ้าไม่นับดวงตาที่ลึกโบ๋ ดูเหมือนตา
      แทบจะหลุดออกมาหากเพียงแค่แตะ และส่วนอื่นๆที่บอกได้ว่า นี่เป็นศพ

      “ เธอว่าเซีย กับ แคต จะเลือกด่านนี้มั๊ย ” วีนถาม
      “ ถึงแม้สองคนนั้นจะกลัวเหมือนเรา ถึงจะไม่ได้คิดถึงเกมข้างหน้า แต่ถ้าให้เดา
      คนครูเว่นย่อมเลือก ความตาย มากกว่าความทรมาน เพราะบางคนก็คิดว่า
      ความตายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เหมือนการผจญภัยอย่างหนึ่ง เพราะ ทวดของฉัน
      บางคน ตายไปแล้วยังไปบริหารงานในโลกวิญญาณเลย ” อลิซบอก
      “ แล้วพวกเค้าไม่กลัวบ้างหรอ ” วีนถาม
      “ ในโลกนั้น วิญญาณจะมีสภาพไม่ต่างจากตอนเป็นมนุษย์เลย มันมีข้อจำกัด
      หลายอย่าง ฉันไม่ค่อยอยากอธิบายหรอกนะ เพราะมันเยอะมากๆ ” อลิซบอก
      “ โอเค งั้นเรามาเริ่มงานกัน ” วีนพูด
      “ สวรรค์ทรงโปรด ในที่สุดพวกเธอก็คิดได้ ” เชพึมพำ
      “ ได้ยินนะ ” วีนบอก
      “ เอาล่ะ เราจะเริ่มจากตรงไหนดี” เอ๊ดถาม

      “ คุณคลัชคะ คุณจะให้เราทำยังไงบ้าง ” อลิซถาม
      “ ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่ เอาศพใส่อ่างน้ำสีฟ้าที่เตรียมไว้ ในนั้นมีน้ำยา
      ล้างอยู่ เสร็จแล้วก็เอาลงอีกอ่างนึงที่เป็นสีเขียว แล้วก็เอาขึ้นมา ข้างๆจะมีที่เป่า
      ให้เสียบปลั๊ก แล้วเป่าศพผมให้แห้ง แล้วก็เอาเก็บไว้ในโลงใหม่ที่อยู่ข้างๆ ตอน
      ลงอ่างแรกช่วยขัดกระดูกซักนิดนึงนะครับ ” คุณคลัชตอบ
      “ พึ่งรู้นะว่าอาบน้ำศพ เค้าทำกันอย่างนี้ ” เชพูด
      “ ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเค้าทำยังไงกัน ผมคิดวิธีเอง ปู่ทวดของคุณหนู
      บอกให้ผมคิดวิธีตามใจชอบ ” คุณคลัชบอก

      “ ฉันจะใช้พลังทางดวงตายกศพขึ้นมา เพราะมันคงง่ายกว่าใช้เวทย์ที่ต้องบังคับ
      ไม่ขึ้นๆลงๆ แล้วที่เหลือ ก็ช่วยๆกัน” อลิซบอก
      “ โอเคๆ เริ่มได้ ” เอ๊ดพูด

      แล้วอลิซก็เอาศพขึ้น แล้วลงในอ่างแรก แล้วทั้งหมดก็ช่วยกันขัดกระดูกอย่าง
      ระมัดระวัง วีนขัดในขณะที่ตัวสั่นไปด้วย ส่วนอลิซก็เหมือนกับว่าไม่ได้มองอยู่
      เลย

      “ อลิซ ก้มมองหน่อยสิ เธอขัดแขนฉันแทนแล้วนะ ” เอ๊ดบอก เพราะ อลิซขัด
      แขนเค้า ทั้งที่อีกมือหนึ่งของเธอจับกระดูก แต่แปรงกลับพลาดไปขัดแขนเอ๊ด
      แทน เพราะเธอไม่ได้ใส่ใจ และไม่แม้แต่ก้มมองว่ากำลังขัดอะไรอยู่ จึงพลาดไป
      ขัดแขนเอ๊ดแทน
      “ เอ่อ…ขอโทษ เผอิญใจลอยไปหน่อย โทษที เอ๊ด พอขัดเสร็จ ฉันจะทำให้ชิ้น
      ส่วนลอยขึ้นไปลงอ่าง และพอยกขึ้นอีกทีเธอก็ใช้พลังประกอบให้สมบูรณ์ แล้วฉัน
      ก็รับช่วงต่อ แล้วพวกเธอก็เป่าให้แห้ง ”
      อลิซแจกแจง

      “ โอเค แต่ตอนนี้ เธอก้มลงมองแปรงขัดของเธอก่อนเถอะ รู้สึกว่ามันเริ่มมาทาง
      แขนฉันอีกแล้วนะ อีกอย่าง…ฉันว่าเธอไม่ได้ใจลอยหรอก ไม่อยากมองมากกว่า
      กับแค่กระดูก จะกลัวอะไรนักหนา ”
      เอ๊ดว่า

      “ เธอจะไปรู้อะไร เธอไม่เคยเจออย่างฉันนี่ ฉันเคยถูกใช้ให้ขัดกระดูกทีนึง
      แล้วก็…เจอหนอนโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋เข้าให้ พูดแล้วขนลุก ” อลิซพูด พลางตัวสั่น
      แบบขนลุกนิดๆ เหมือนความทรงจำนั้นพึ่งผ่านไปไม่นาน

      “ กระดูกคุณคลัชเค้าสะอาดออก คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ” วีนบอกกับอลิซ ( และกับ
      ตัวเธอเอง )
      “ ก็อาจจะใช่… เอ๊ด เธอรับหน้าที่ขัดหัวนะ ” อลิซบอก
      “ ทำไมเธอไม่ทำล่ะ ” เอ๊ดถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร
      “ เธอรู้อยู่แล้วยังจะถามอีก ” อลิซพูด
      “ รู้อะไร ไม่เห็นรู้ซักหน่อย ” เอ๊ดแกล้งตอบ
      “ ก็ฉัน กะ…ไม่ถนัด ” อลิซแก้ตัว เธอเกือบจะบอกว่ากลัวออกมา แต่เธอกลัวเสีย
      ฟอร์ม
      “ ไม่ถนัดหรือว่ากลัวกันแน่ ” เอ๊ดแหย่เข้าให้อีก
      “ ชั่งฉันเถอะน่า รีบๆทำไป จะได้เสร็จๆ บรรยากาศยิ่งดีๆอยู่ ” อลิซพูด
      “ ดีก็ต้องอยู่นานๆสิ ” เอ๊ดแหย่อีก
      “ ฉันประชดย่ะ ” อลิซบอก
      “ หัดอยู่สงบๆกับเค้าซะบ้างสิ สองคนนี้ ว่างมากใช่มั๊ย ” เชว่าเข้าให้
      “ ถ้านายจะว่า ก็ว่าให้ถูกคนหน่อย เอ๊ดกวนประสาทฉันก่อนนะ ” อลิซพูด
      “ ฉันว่าเค้าไม่เรียกกวนประสาทหรอกนะ เค้าเรียกแหย่เล่น ” เอ๊ดบอก
      “ ก็คล้ายๆกันนั่นแหละ ” อลิซพูด
      “ แต่ฉันว่าไม่นะ ” เอ๊ดบอกแล้วตามด้วยบทสนทนาเถียงกันยาวเหยียด จน
      เชถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับทั้งคู่ แล้วคิดว่าห้ามไปก็ไม่มี
      ประโยชน์ เดี๋ยวก็หยุดกันไปเอง ( ถึงแม้จะอีกนาน ) แล้วเค้าก็หันไปขัดต่อ ทำ
      เงียบๆฟัง 2 คนนี้เถียงกันเหมือนกับวีน แล้ว 15 นาทีต่อมา บทสนทนานั้นก็หยุด
      ลง เพราะทั้งคู่เริ่มคอแห้ง
      “ เสร็จซะที ” เชพูดออกมาเป็นคนแรก
      “ งั้นฉันเอาขึ้นเลยนะ ” อลิซบอก
      “ อือ ” เชตอบ แล้วอลิซก็เอาขึ้น แล้วลงไปที่อีกอ่าง แล้วก็เอาขึ้นกลางอากาศ
      แล้วเอ๊ดก็รับช่วงต่อ

      แล้วเค้าก็เอากระดูกจากที่เป็นกองๆ ต่อกันเป็นรูปร่างกลางอากาศ แล้วอลิซก็รับ
      ช่วง หลังจากนั้น อีก 3 คนก็ช่วยกันเป่ากระดูกให้แห้ง แล้วอลิซก็เอาลงโลงใหม่
      หลังจากคุณคลัชตรวจแล้ว เป็นอันว่าเสร็จภารกิจนี้ ท่ามกลางความโล่งใจของทุก
      คน

      หลังจากนั้นทั้ง 4 คนก็เปิดประตูผ่านเข้าไป นั่งรอที่โต๊ะอาหาร รอกเซีย แคต
      ทอม และเดรโก

      ครึ่งชั่วโมงผ่านไปพวกนั้นก็ออกมา

      “ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกเธอต้องทำได้!! ” อลิซร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นพวกนั้น
      ออกมาจากประตู ปากเธอก้บอกว่ารู้ แต่ดูเหมือนจะร้องอย่างดีใจและโล่งอกมาก
      ไปหน่อย

      “ กว่าจะผ่านก็แทบแย่ ” เซียบอก
      “ เจออะไรมาบ้าง ” เอ๊ดถาม

      “ เจอก่อนเลยก็คือนายกระต่าย ตัวอะไรก็ไม่รู้ ชื่อกระต่าย แต่ตัวอย่างกับ
      กระทิง ” เดรโกบอก
      “ พวกฉันเจอนายกระทิงแต่รูปร่างเป็นกระต่าย ” วีนบอก
      “ อลิซ เธอคงชอบล่ะสิ ” แคตถาม
      “ ก็แหงอยู่แล้ว ” อลิซตอบ

      “ แล้วคำถามข้อแรก พวกเธอเลือกของใคร ” อลิซถาม
      “ ฟรังส์กับบราชีล่า พวกเราเบือกบราชีล่า ” เซียตอบ
      “ เพราะอะไร ” เอ๊ดถาม
      “ เราเคยรู้มาก่อนว่า ฟรังส์เป็นต้นแบบของพี่เฟิร์ซ เราก็เลยคิดว่าถึงจะสนุกแต่
      ยาก เอาชัวร์ๆไว้ดีกว่า แล้วของบราชีล่า ก็เป็นต้นแบบของพี่เบล ถึงจะน่าเบื่อไป
      นิด ก็น่าจะผ่านง่ายกว่า แต่พูดตรงๆกไม่อยากเจอทั้งคู่ ” เซียตอบ
      “ คิดเหมือนฉันเลย ” อลิซบอก
      “ เราก็รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องคิดเหมือนกับเรา เราก็เลยเลือกอย่างไม่ลังเล ” แค
      ตบอก
      “ สมเป็นครูเว่น คงเหมือนกันทั้งตระกูล ความคิด… ” เอ๊ดพึมพำแล้วถอนหายใจ
      “ แล้วพวกเธอผ่านมาได้หรอ ” วีนถาม

      “ ก็เสร็จเกือบพร้อมๆกัน เกือบไม่ผ่านแล้วด้วย แต่ฉันกับแคตเคยทำมาก่อน
      เลยพอไปรอด พอผ่าน เดรโกก็ผ่าน แต่ดูเหมือนมิสรีซาจะให้ผ่านอย่างไม่ค่อย
      เต็มใจเทาไหร่ ส่วนของทอม เราคิดว่าเสียเวลานาน ขี้เกียจรอให้เค้าทำใหม่
      ฉันกับแคตก็เลยช่วยกันอ้อนมิสรีซา ในที่สุดเธอก็ให้ผ่านจนได้นั่นแหละ เราก็
      เลยผ่านด่านนั้นไป ” เซียตอบ

      “ ใช้อ้อนกับมิสรีซาได้ด้วยเหรอเนี่ย ” เชถาม
      “ เธอไม่รู้อะไร นอกจากฝึกคุณสมบัติทางการงานแล้ว การรู้จักเกลี้ยกล่อมเป็น
      คุณสมบัติอีกข้อหนึ่งที่ควรมี มันก็เป็นการฝึกอย่างนึง ” อลิซบอก
      “ ใช่ ” แคตและเซียสนับสนุนพร้อมกัน

      “ ตระกูลประหลาด ” เอ๊ดพึมพำเบาๆแล้วถอนหายใจอีกรอบ แล้วข้อนี้ก็ทำให้เค้า
      ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอลิซถึงได้เกลี้ยกล่อมคนเก่งและทำได้ง่ายดายอย่างไม่
      น่าจะเป็น ก็ตระกูลเค้าคงฝึกมาแบบนี้ด้วยนั่นแหละ จะว่าไป มันอาจจะอยู่ใน
      สายเลือดก็ได้ เพราะ เซีย กับ แคตก็ทำได้ไม่เลว ถึงจะทำได้ไม่เก่งเท่าอลิซ แต่
      ก็เก่งกว่าคนทั่วๆไป

      “ แล้วด่านที่สองเธอเลือกอะไร ” เชถาม
      “ ความทรมานกับความตาย ฉันกับแคตตอบเป็นเสียงเดียวเลยว่า เราเลือก
      ความตาย ” เซียตอบ
      “ ทั้งที่พวกครูเว่นอย่างพวกเธอเกลียดความตาย แต่ทำไมถึงเลือกมัน ” เอ๊ด
      ถาม

      “ ก็เพราะว่า…เรามีคนที่ห่วงอยู่เบื้องหลัง ถ้าเราทรมาน คนนั้นก็อาจจะไม่สบาย
      ใจ แล้วเราก็ไม่ชอบทำให้ใครกังวล ถ้าตายไปอาจดีกว่า ตัวเราเองไม่ทรมาน ถึง
      คนที่ห่วงอาจจะเสียใจ แต่ถึงเราจะตาย เราก็อาจจะยังได้พบ ได้คุยบ้าง ความ
      เสียใจของคนนั้นอาจจะน้อยกว่าตอนที่เราทรมานอยู่ก็ได้ แล้วก็ ข้อสำคัญ ไม่ใช่
      ว่าเราไม่รักชีวิต แต่ถ้าทรมาน กับ ตาย เราก็เลือกตาย มันจะไม่เจ็บปวดเท่า
      ทรมาน แล้วก็ไม่ใช่ว่าเราจะหายไป ” อลิซตอบ

      “ ก็จริงของเธอ พวกเธอเป็นคนของมัลเลน ตายแล้วก็ไม่สาบสูญไปซะทีเดียว
      ฉันเคยอ่านเจอ แต่มันก็มีข้อจำกัดไม่ใช่หรอ ” เชถาม

      “ มี แต่ยาวเหยียดเลยล่ะ ฉันหิวแล้ว ลงมือกันเถอะ ” เซียบอก
      “ งั้นเราก็ทานกันเลย ” แคตพูด
      “ แล้วเรามาทานกลางวันที่นี่ ที่ห้องอาหารจะไม่มีใครสงสัยหรอ ” เอ๊ดถาม
      “ พวกเค้าคงคิดว่าเราอยู่ร้านอาหาร ร้านใดร้านหนึ่งในโรงเรียนนั่นแหละ ” อลิ
      ซตอบ แล้วทั้งหมดก็ลงมือรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย เพราะ อาหารมื้อนี่เป็น
      ฝีมือจากคนที่ไม่ใช่แม่ครัว แต่ก็นับได้ว่าเป็นแม่ครัวมือเอกจากครูเว่นคนหนึ่ง
      เพราะฝีมอทำอาหารเยี่ยมยอด…

      ป้ามอนต้านั่นเอง…

      ----------------------------------------------------------------------

      บทที่ 10 น้ำยากัดเซาะ

      หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็ได้เวลาลุยต่อใน…ด่านที่ 4

      “ ด่านที่ 4 ก็นับว่าง่ายเช่นกันนะครับ ด่าน 4 เล่นพร้อมกับด่าน 5 ไปเลยนะ
      ครับ ด่าน 4 หาอุปกรณ์ ส่วนด่านที่ 5 ก็ปรุงยา งานนี้เป็นงานเดี่ยว โต๊ะของแต่ละ
      คนจะมีรายชื่อของยาให้เลือก 10 ชื่อ แล้วเลือกเอา 1 เพื่อปรุง ในนั้นจะมีให้
      เลือก กดที่รายชื่อ ดูส่วนผสม และ วิธีปรุงได้ในนั้นเลย อุปกรณ์มีให้ ส่วนของ
      ส่วนผสม เราจะมีกระจกให้ทุกคน 1 บาน อยากได้อุปกรณ์อะไรก็บอกภูติเองแล้ว
      กัน ภูติที่นี่ถูกฝึกการไปสถานที่อย่างดี เค้าจะพาไปสถานที่ที่มีสิ่งที่ต้องการ ต้อง
      ไปเอามาเอง พวกคุณมีเวลาถึง 5 ชั่วโมงครึ่ง ห้ามบอกเคล็ดลับวิธีส่วนตัวที่ตัว
      เองจะเอา ที่เป็นเคล็ดที่คิดเองแก่กันเด็ดขาด ปรึกษากันได้ว่าจะเอาอะไร สอบ
      ถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากภูตินะครับ เชิญครับ ” มิสเตอร์เดริคอธิบาย

      แล้วทุกคนก็เข้าประจำโต๊ะตัวเอง

      1.เอ๊ด 2. อลิซ 3. วีน 4. เดรโก
      5.เช 6. แคต 7. เซีย 8. ทอม

      “ เอาอะไรดี อลิซ ช่วยเลือกหน่อยสิ ” แคตถาม
      “ จะบอกวิธีเลือกให้ เธอดูส่วนผสมสิ อันไหนง่ายสุดก็เอาอันนั้นแหละ วิธีปรุงมัน
      ไม่ยากถ้าทำตามขั้นตอน เพราะฉะนั้น เธอต้องเลือกที่ส่วนผสม ” อลิซบอก
      “ ฉันว่า น้ำยาเปลี่ยนรสอะไรเนี่ย น่าจะง่ายที่สุด ฉันเห็นเธอทำบ่อยนะอลิซ แต่
      ไม่เคยรู้ว่าส่วนผสมเอามาจากไหน แต่ยังไงฉันก็เอาอันนี้แหละ ” แคตบอก
      “ งั้นฉันเอาอันเดียวกับเธอ ” เซียตัดสินใจ แล้วที่เหลือก็เลือกบ้าง เช กับ ทอม
      ก็เอาอันเดียวกับแคต เพราะทั้งหมดแล้วมันง่าย และ คุ้นที่สุด
      “ อลิซ เลือกได้รึยัง ” วีนถาม
      “ ยังเลย เธอล่ะ ” อลิซถาม
      “ ฉันไม่รู้จะเอาอะไรดี เอาแบบเธอแล้วกัน รีบๆเลือกล่ะ ” วีนบอก
      “ แล้วนาย 2 คนเลือกได้รึยัง ” อลิซถาม
      “ ยัง แต่ฉันว่าฉันจะเอาแบบเอ๊ดล่ะ ” เดรโกตอบ
      “ แล้วฉันก็คิดว่าจะเอาแบบเธอ ” เอ๊ดตอบ
      “ เจริญล่ะ ชั่งเถอะ ดีเหมือนกัน ผลออกมาจะได้วัดไปด้วย เพราะคนที่ตรวจ
      เป็นนักปรุงยาที่เยี่ยมยอดคนหนึ่งของครูเว่น นายสองคนฟังคำวิจารณ์จะรู้ทันที
      ว่าทำอะไรผิดรึเปล่า แค่มอง คุณปาเรซ่าก็รู้แล้ว เค้าเป็นคนที่เข้มงวดเรื่องปรุง
      ยามาก แต่แค่เรื่องปรุงยาเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ นอกนั้นก็ไม่เข้มงวดอะไร
      แต่เค้าจะวิจารณ์ออกมาได้ถึงใจเชียวล่ะ …( อลิซ มองไปที่ทั้ง 2 คน ) ฉันเลือก
      แล้ว เป็นน้ำยาที่ง่ายมากๆ ฉันภูมิใจเสนอ สูตรน้ำยาพื้นฐานอันหนึ่งของครูเว่น
      …น้ำยากัดเซาะ ” อลิซบอก

      “ ส่วนผสม 7 อย่างเอง โอเค แต่ประสิทธิภาพของมันเป็นยังไง ” เดรโกถาม

      “ มันเป็นน้ำยาง่ายๆ แต่ถ้าเทียบกับน้ำยาเปลี่ยนรส จะยากกว่า เพราะอันนั้น
      ถึงจะมี 15 อย่างที่ต้องหา แต่ว่าส่วนมากไม่เป็นอันตราย และ หาง่าย ส่วนน้ำยา
      กัดเซาะนี่ก็ง่ายเหมือนกัน ยากกว่าเปลี่ยนรสแค่นิดหน่อย… ” อลิซอธิบาย

      “ โอเคๆ พอๆ เอาเป็นว่าเธอบอกประสิทธิภาพ รายละเอียดของมันมา ไม่ต้อง
      เปรียบเทียบกับอันอื่นๆ เดี๋ยวเวลาไม่พอ ” วีนขัดขึ้น

      “ โอเค ก็อย่างชื่อมันนั่นแหละนะ กัดเซาะ คือมันจะสามารถกัดเซาะทุกอย่าง ยก
      เว้นแก้วกับบางอย่างเท่านั้น แต่สูตรของครูเว่นจะกัดได้ทุกอย่างยกเว้น
      แก้วอย่างเดียว เพราะ เราจะใส่ในขวดแก้ว ส่วนหม้อที่เราปรุง ด้านในจะบุแก้ว
      ที่ควบคุมการระเบิดของพวกกรดต่างๆ เป็นหม้อที่ใช้ปรุงยาที่มีส่วนผสมอันตราย
      โดยเฉพาะ ( ฟังแล้วไม่น่าไว้ใจแฮะ – เดรโกคิด ) ส่วนผสมต่างๆ ดูในรายชื่อ
      แล้วกดชื่อน้ำยา แล้วก็ปรุงเองนะ ฉันแนะนำได้แค่นี้ล่ะ ” อลิซบอก

      “ ไหนดูซิ อันแรก…น้ำลายแอซิด คำอธิบายบอกว่า มันเป็นสัตว์ประหลาด 2 หัว
      น้ำลายเป็นกรด มีสีเหลือง ทำลายล้างอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวสูง 1 เมตร นิสัยดุ
      ร้าย เขี้ยวคมเหมือนใบมีด กรงเล็บเหมือนเสือ หนังหนา ไม่สามารถใช้
      เวทมนตร์ด้วยได้ ชอบกินกล้วยเป็นอาหาร ตกลงมันเป็นแอซิดหรือลิงกันเนี่ย
      ไอ้ตัวประหลาดนี่ ฉันพึ่งเคยรู้จักนี่แหละ คิดสภาพไม่ออกเลย โชคดีที่มีภาพ
      ให้ ” วีนพูด

      “ แล้วกว่าจะเอาน้ำลายมันได้ มีหวัง… ” เดรโกพูด แล้วเอามือปาดคอแล้วทำคอ
      พับ เป็นสัญญาณให้รู้

      “ ไม่ยากหรอก มีข้อมูลขนาดนี้ รับรองจัดการได้แน่ ” อลิซบอก
      “ จะให้ทำยังไงล่ะ ” เดรโกถาม
      “ ฉันอยากบอก แต่บอกไม่ได้ มันจะผิดกติกา แล้วเราจะตกกันหมด ถูกเอาออก
      จากเกมนี้ ” อลิซบอก

      “ เรื่องนั้นก็หาวิธีกันเอาเอง ต่อไปอันที่ 2 ก้างปลาเทียร์ลิค มันเป็นปลาที่มี 5
      ครีบ ไม่มีเกล็ด มี 3 หาง วิธีทำ ให้ฉีดยาชามัน แล้วแร่สด เอาก้างที่เล็กที่สุดของ
      ปลา แล้วใช้กาววิเศษปิดเหมือนเดิมปล่อยกลับลงที่ที่เอามา เวลาเอาให้ใช้แก้ว
      คีบ เพราะมันมีฤทธิ์เป็นกรด นอกจากก้างเป็นกรดแล้วมันยังเป็นปลาที่เนื้อเป็น
      พิษ จึงไม่มีใครกินเนื้อของมัน และมักใช้ทำยาพิษ และแค่กาววิเศษก็สามารถ
      ปิดเนื้อมันได้ และมันก็จะมีชีวิตตามปกติ กระดูกที่หายไปของมันจะถูกสร้างขึ้น
      มาใหม่ภายใน 5 ชั่วโมง เวลาทำควรระวัง เพราะมันมีพิษมาก แต่อวัยวะภาย
      นอกของมันไม่มีพิษอะไร จึงจับได้ง่าย ต้องระวังอย่างเดียวเวลาจับคือพิษของ
      มัน ” เอ๊ดอ่านให้ฟัง

      “ อย่างที่ 3 พิษปลาเทียร์ลิค เป็นอันตรายต่อทุกส่วนของร่างกาย ผ้า แต่ไม่มีผล
      ต่อเหล็ก และ แก้ว รายละเอียดของปลาดูจากข้อ 2 ” อลิซอ่าน

      “ อย่างที่ 4 น้ำจากถ้ำดิสทรี่ เป็นสีเขียว เกิดจากน้ำพิเศษที่มีในถ้ำโดยเฉพาะ
      ชะล้างเขี้ยวของโมริช สัตว์ในถ้ำ เมื่อโดนน้ำเขี้ยวของมันส่วนที่ไม่ดีจะเริ่ม
      กร่อนและหลุดไป โมริชจึงมักใช้น้ำล้างเพื่อเป็นการลับเขี้ยวไปในตัว เขี้ยวของ
      โมริชเป็นสีเขียว น้ำจึงเป็นสีเขียวไปด้วย ” เดรโกอ่านจากรายการ แล้วยิ้ม
      แหยๆ

      “ ต่อไปก็ 5 เขี้ยวของโมริช เจริญล่ะสิ เอาน้ำมาไม่พอ ยังจะเอาเขี้ยวอีก พวกเธอ
      คิดว่ามันจะยอมให้ฉันถอนฟันรึเปล่านะ ฉันว่าไม่ ชัวร์เลย ” เดรโกพูด

      “ เอาน่า มันต้องมีวิธีสิ หรือไม่เธอก็ให้มันฝังเขี้ยวแล้วหลุดติดคอเธอมาก็ได้ ” วี
      นแนะ
      “ ไม่เอาแน่ๆ เธอแนะได้โดยไม่ผิดกติกาแสดงว่าเธอคงไม่เลือกวิธีนี้เหมือนกัน
      ล่ะสิ ” เดรโกถาม
      “ ฉันไม่เหมือนเธอ ” วีนบอก
      “ ฉันว่าข้อมูลที่ให้มาอาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้นะ ” เอ๊ดบอก
      “ ใช่ เป็นประโยชน์มากเลย โมริชเป็นสัตว์ที่ดุร้าย ชอบกินเนื้อสดๆ ข้อมูลแรก
      เป็นไงล่ะ มีประโยชน์ไหม แล้วดูอันต่อมา มันมีสายตาที่เฉียบคมจมูกรับกลิ่นได้
      ดี หูที่ได้ยินเสียงว่องไว ฟังไปฟังมา 2 อย่างหลังชักคล้ายหมาเข้าไปทุกที ดูสิ
      ข้อมูลมีแค่นี้ แล้วแถมต่อท้ายอีกว่า ถ้าคุณอยากปรุงน้ำยานี้ ถ้าเอาเขี้ยวมาไม่ได้
      ก็ไม่ต้องอ่านต่อ …ตำราน่าฉีกทิ้ง ( หรือน่ากระทืบคนเขียน ) ใครเขียนเนี่ย ” เด
      รโกถาม
      “ บรรพบุรุษ 1 ในนักหาส่วนผสมที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของครูเว่น ” อลิซตอบ

      “ ฉันก็ลืมไปว่า… ชั่งเถอะ หาวิธีเอาก็ได้ ที่แน่ๆฉันคงไม่สนใจวิธีของเธอหรอก
      นะวีน ” เดรโกบอก
      “ ฉันว่าวิธีของฉันก็ไม่เลวนะ สนุกดีออก โมริชน่ะนะมันฉลาด แล้วเธอก็คงไม่
      ได้อ่านตอนต้นว่าเขี้ยวพิษของโมริชจะทำให้เธอไปพบยมทูตได้ใน 3 ชั่วโมง
      เชียวล่ะ เธอจะได้บอกฉันถูกไงว่ามันเป็นยังไงเมื่อตายแล้ว แต่ถ้าตายสภาพศพ
      ไม่สวยไม่ต้องมานะ ” วีนบอก
      “ พอๆก่อนได้มั๊ย ” เอ๊ดขัดขณะที่เดรโกอ้าปากจะพูด
      “ อะไรกัน นานๆทีฉันจะต่อปากต่อคำทำเป็น… ทีนายกับอลิซล่ะ… ” เดรโกพูด
      “ พอทั้งคู่เลย แล้วก็อย่าเอาฉันไปเกี่ยวด้วยสิ ” อลิซบอก

      “ ก็ได้ ต่อไป อย่างที่ 6 ใกล้จะสุดท้ายแล้ว พิษแทรปป้า ในภาพมันไม่น่ารักเอา
      ซะเลย ” วีนบอก แล้วคนอื่นๆก็ก้มลงไปดูบ้าง

      “ ฉันเห็นด้วย ฉันว่าอันนี้ง่ายกว่าอันเมื่อกี๊นี้นะ เค้าบอกว่ามันจะคายพิษไว้ที่รัง
      พิษของมันเมื่อคายออกมาไม่นานจะเป็นก้อน ให้ใช้แก้วคีบมาก้อนนึง แต่ว่า
      ต้องระวังแทรปป้าให้ดี แค่นั้น แต่ส่วนมากมันมักจะไม่อยู่ที่รัง ก็ดีไปอย่าง แต่
      บางครั้งเราก็อาจจะจ๊ะเอ๋กับมันถ้าเกิดว่าเราดวงดีสุดๆขึ้นมา ”
      อลิซบอก

      “ หวังก็แต่ ฉันจะไม่โชคดีขนาดนั้น ” เดรโกบอก
      “ แต่งานนี้ฉันอาจจะเป็นผู้โชคดีก็ได้ ไหนๆฉันก็ดวงดีมาตั้งแต่เริ่มแล้วนี่ ” อลิ
      ซบอก
      “ เอาเป็นว่าระวังตัวให้ดีก็ใช้ได้ ” เอ๊ดบอก
      “ ใช่ แทรปป้าก็แค่ตัวน่ารักๆตัวนึง ถ้าไม่ติดว่าอันตรายสารพัดชนิด กับ ตัว
      ตะปุ่มตะป่ำ ตาโปนๆ เขี้ยวเล็บแหลมๆ น้ำเมือกเหลืองๆเขียวๆที่ตัว ก็โอเค ” อลิ
      ซประชด
      “ ฉันว่าเธอต้องผ่านได้ ” เอ๊ดพูด
      “ ขอบใจ แล้วฉันจะพยายาม ” อลิซบอก

      “ ต่อไปอย่างสุดท้าย ขนหัวของเครวี่ มันเป็นสัตว์ที่หวงขนมากๆ โดยเฉพาะขน
      หัวที่มีอยู่น้อยมาก และคงจะเอาง่ายถ้าไม่ใช่ว่า ส่วนมากมันจะเป็นพวกฉลาด
      พิษสงมาก แต่ถ้าคุณโชคดี ( ในกรณีดวงดีมากๆจริงๆ ) คุณจะเจอเครวี่ ที่โง่ และ
      ไร้พิษสง ” วีนอ่าน

      “ ฉันก็ว่าฉันคงไม่พ้นไอ้ตัวที่ฉลาดอยู่ดีนั่นแหละ ” อลิซออกความเห็น
      “ อะไรอะไรอาจจะไม่ร้ายอย่างงั้นก็ได้มั้ง ” เดรโกพูด พยายาม ( ถึงที่สุด ) ที่จะ
      มองโลกในแง่ดี

      “ งั้นก็เจอกกันตอนอีกทีหลังจากเอามาได้แล้วก็แล้วกันนะ โชคดี ” เอ๊ดบอก
      แล้วนำไปก่อน
      “ สมพรปากเถอะ …โชคดี…คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะเจอในวันนี้ ” อลิซบ่นแล้วไป
      ที่กระจก หลังจากนั้นวีนและเดรโกก็ไปบ้าง

      อลิซเดินมาที่กระจกแล้วเอาไม้กายสิทธิ์ออกมา แล้วเธอก็ใช้ดวงตาจ้องกระจกอยู่
      ซักครู่ จากนั้นก็เอาไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่กระจก

      “ แซลลี่ ออกมา ” อลิซพูด แล้วแสงสีเงินยวงก็พุ่งออกจากปลายไม้แล้วอาบอยู่
      บนบานกระจก
      แล้วร่างของภูติหญิงตัวเล็กๆขนาด 1 ฝ่ามือ ท่าทางอารมณ์ดีก็ออกมา

      “ จะเอาอะไรล่ะจ๊ะ อลิซ ” แซลลี่ ภูติกระจกที่ประจำกระจกบานนั้นถามอย่าง
      ร่าเริง
      “ อย่างแรก ฉันต้องการ น้ำลายแอซิด แซลลี่ จัดการพาไปหน่อยนะจ๊ะ ” อลิซบ
      อก
      “ โอเค น้ำลายแอซิด ที่ป่านั้นสินะ ” แล้วแซลลี่ก็หันไปที่กระจกตัวเอง แล้ว
      พึมพำสถานที่ แล้วกระจกก็สว่างวาบก่อนจะเปล่งประกายแสงออกมา หลังจาก
      นั้นอลิซก็ถาม แล้วแซลลี่ก็บอกข้อมูลของทุกอย่างเพิ่มเติมให้แก่อลิซ

      “ ที่ที่ฉันพาไปคือที่ที่มีแอซิด โชคดีนะอลิซ ” แซลลี่อวยพร
      “ ขอบใจจ้ะแซลลี่ ฉันสัญญาว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย ” อลิซบอก
      “ แสดงว่าเธอมีแผนแล้วสิ ” แซลลี่ถาม
      “ แน่นอน จะทำอะไรเราก็ต้องมีแผนไว้ก่อนเสมอถึงจะดี ไปแล้วนะแซลลี่ แล้ว
      เจอกันนะ ” อลิซบอก แล้วเดินเข้าไป

      ทันทีที่เธอเดินเข้าไปก็เหยียบเอาโคลนแฉะๆ เข้าเต็มรองเท้าบอกถึงลางไม่ดีมา
      ก่อน แล้วอลิซก็เดินเข้าไปต่อ เธอเห็นถ้ำๆหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นที่ๆแอซิดอยู่ เธอมอง
      แวบนึงแล้วก็เดินเลยไปในป่า เธอกำลังดำเนินการตามแผนของเธอ ก่อนอื่น
      เธอมองหาต้นกล้วยก่อน แล้วเธอก็เห็น เสียแต่ว่ามีลิงกำลังกินกล้วยอยู่เท่านั้น
      มันดันนั่งคุมอยู่ข้างบนด้วย ทำให้ยิ่งยาก ( ลิงบ้า นั่งคุมทำไมบนต้น กินข้างล่าง
      ไม่ได้รึยังไง – อลิซคิด )

      อลิซพยายามย่องอ้อมให้เบาที่สุดแล้วเด็ดกล้วยมาเพียงแค่ 2 ลูก แต่ดูเหมือนว่า
      ลิงตัวนี้จะประสาทไวมาก ทั้งที่อลิซมั่นใจว่าเธอเด็ดอย่างเบาที่สุด แล้วเงียบที่สุด
      ความจริงอาจเป็นโชคร้ายของอลิซเองที่ลิงตัวนั้นดันกินหมดแล้วหันมาจะเด็ดอยู่
      พอดี ก็เลยจ๊ะเอ๋กับเธอ

      ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างจ้องมองตาเหมือนจะลองเชิง แล้วอลิซก็ค่อยๆก้าวออกมาช้าๆ
      เธอยังไม่อยากใช้แรงจัดการกับลิงตอนนี้ เพราะเธอคงต้องเก็บแรงเอาไว้เจอ
      ตัวประหลาดอื่นๆที่รอเธออยู่

      แล้วเมื่ออลิซเดินพ้นออกไปได้เพียง 3 ฟุต ลิงตัวนั้นก็หรี่ตาลง อลิซเดินมองมัน
      มากไปหน่อยจนไปสะดุดกับหินที่อยู่ข้างหลังแล้วก็ล้ม กล้วยที่อุตส่าห์เอาแอบไว้
      ข้างหลังเพราะไม่อยากให้มันเห็นแล้วมีเรื่อง กระเด็นหลุดจากมือ แล้วอลิซก็รีบ
      เก็บ พร้อมกับวิ่งเร็วที่สุด ให้พ้นจากไอ้ลิงบ้านั่นที่ไม่รู้หาหินมาจากไหนนักหนา
      ( บนต้นกล้วยมีหินด้วยรึไงนะ – อลิซคิด ) ไล่ขว้างเธออยู่ได้ แล้ววิ่งขว้างจนหิน
      หมดแล้วยังไม่พอ เอากล้วยขว้างต่ออีก จนอลิซแทบหลบไม่ทัน เมื่อมันหมด
      อาวุธที่จะขว้าง เธอก็ใช้เวทย์ส่งของที่มันขว้างมาส่งกลับคืนไปให้หมด แล้วมันก็
      วิ่งหนีเข้าป่า

      ตอนนี้จากไม่อยากปะทะ กลายเป็นบั่นกำลังตัวเองไปอีก ( หัวโนนิดหน่อย ) ถ้า
      ใช้เวทย์ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง - อลิซคิด

      แล้วเธอก็เดินไปหน้าถ้ำแอซิด จากนั้นก็เรียกอะแมนด้าให้เอายาสลบออกมา
      ตามแผน แล้วเธอก็ฉีดใส่ในกล้วยทั้ง 2 ลูก แล้วก็ใช้เวทย์ส่งกล้วยลอยเข้าไป
      ในถ้ำที่ลึกไม่มากนัก จากข้อมูลของแซลลี่ แซลลี่บอกว่าแอซิดไม่ค่อยจะฉลาด
      นัก และเวลานอนหลับน้ำลายจะไหลเยิ้ม อลิซก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไป
      ด้วยดี

      “ ตึง!!! ” เสียงดังมาจากข้างใน บ่งบอกว่ามันหลับไปเรียบร้อยตามแผน แล้วอลิ
      ซก็เดินเข้าไปข้างใน เอาขวดแก้วออกมาลองน้ำลายที่กำลังไหลเยิ้มของมัน เธอก็
      ปิดฝาขวดเล็กๆนั้น แล้วก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี …อย่างน้อยวันนี้คงไม่โชค
      ร้ายซะทีเดียว - เธอคิด

      พอมาถึงหน้าถ้ำ อลิซก็ต้องรีบเปลี่ยนความคิดโดยทันที เพราะ…

      ลิงตัวที่เธอใช้เวทย์ส่งของกลับไปคืนมัน มาดักรอเธออยู่แถวๆหน้าถ้ำ แล้วไม่ได้
      มาตัวเดียว แต่ดันมาเป็นฝูง แล้วแต่ละตัวก็มีหินอยู่ในมือ แล้วมันดันมีมากกว่า
      10 ตัว

      แล้วพอมันเห็นอลิซ ไอ้ตัวนั้นก็ส่งสัญญาณบอกพักพวก ( ดูเหมือนมันจะเป็นหัว
      ฝูง ) แล้วหินหลายสิบก้อนก็ถูกส่งมา พร้อมกับอลิซที่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตแล้ว
      เข้ากระจกไป

      “ แซลลี่ รีบปิดก่อนเร็ว ” อลิซบอก แล้วแซลลี่ก็ปิดทันควัน มีหิน 5 – 6 ก้อนที่
      โผล่เข้ามาในห้อง

      “ อลิซ เป็นอะไรรึเปล่า ” เดรโกถาม ดูเหมือน ในบรรดา 4 คน เค้าจะออกมา
      เป็นคนแรก อลิซที่ 2 ส่วนวีนและเอ๊ดยังไม่ออกมา เพราะ อลิซยังไม่เห็นน้ำลาย
      แอซิดตั้งที่โต๊ะ

      “ ก็นิดหน่อย เอาไว้จะเล่าให้ฟังพร้อมกันนะ ” อลิซบอกพร้อมดูข้อมูลอย่างที่ 2
      และ 3 อีกครั้ง แล้วเตรียมแผน

      “ แซลลี่ ฉันอยากได้ชุดเกราะที่ทำด้วยเหล็กทั้งชุด แล้วก็กระชอนเหล็ก ” อลิซบ
      อก
      “ ได้เลย ” แซลลี่พูด แล้วซักพัก ของที่อลิซต้องการก็โผล่ออกมา
      “ ต่อไป แซลลี่ เธอช่วยพาฉันไปหาปลาเทียร์ลิคหน่อยนะ ” อลิซพูด
      “ ไม่มีปัญหา ” แซลลี่บอก แล้วก็ส่งสัญญาณให้อลิซเข้าไป

      เมื่ออลิซเดินเข้าไป ก็เจอบรรยากาศอึมครึม ป่าเงียบสงัด วังเวงน่าขนลุก รอบ
      ด้านมีแต่ป่า ป่า ป่า และป่า ต้นไม้แต่ละต้น มีเถาวัลย์ขึ้นหนา ตามพื้นนั้นเฉอะ
      แฉะเต็มไปด้วยหญ้าที่แย่งพื้นที่กับตะไคร่ บริเวณนั้นแทบไม่มีหินเลยซักก้อน
      อากาศบริเวณนั้นหนาวเย็นยะเยือก ทั้งสภาพที่ชื้น และป่ารอบด้าน บอกได้ว่า ที่
      นี่คงจะอยู่ลึกมากๆของป่าที่ไหนซักแห่งที่อลิซไม่อยากรู้ เพราะเธอกำลังสนใจ
      หนองน้ำเบื้องหน้ามากกว่าที่จะสนใจบรรยากาศรอบด้าน ที่พลันแต่จะบั่นทอน
      กำลังใจเปล่าๆ

      หนองน้ำเบื้องหน้าเป็นสีเขียวออกจะดำด้วยซ้ำไป แค่มองลงก็เกิดความไม่ไว้ใจ
      แล้ว แล้วนี่ อลิซยังไม่เห็นปลาซักตัว หรือว่าหนองน้ำนี่จะลึกมาก อลิซลองเอา
      กระชอนที่มีด้ามจับยาว หย่อนลงไป ปรากฏว่าหนองน้ำนี้ลึกเพียงแค่ประมาณ
      60 เซนติเมตรเท่านั้น

      แล้วอลิซก็ค่อยมีแรงใจขึ้นหน่อย เธอคิดว่าเธอไม่มีวันจมน้ำแน่ๆ แต่บางอย่างก็
      ทำให้วางใจไม่ลง
      อลิซเอากระชอนช้อนปลาขึ้นมาได้ตัว 1 มันเป็นปลาเทียร์ลิคจริงๆ แต่ตอนที่จับ
      ปลาเทียร์ลิคจะพ่นพิษออกมา อลิซกลัวพิษจะหมดก่อน จึงใช้เวทย์หยุดมันไว้

      หลังจากนั้นอลิซก็กำลังจะเดินกลับ แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจ เธอวางกระชอน
      นั้นไว้หน้ากระจก แล้วเดินหันหลังกลับ อลิซพึ่งสังเกตเห็นว่าน้ำนั่นไม่ได้เป็นสี
      เขียวออกดำน่าขยะแขยง หรือ น่าสะอิดสะเอียน มันกลับกลายเป็นสีเขียวมรกต
      ชวนหลงใหล และส่งกลิ่นหอมประหลาดลอยขึ้นมาเหนือน้ำ

      ตอนนี้ อลิซกำลังเดินเข้าไปใกล้มันมากขึ้น แล้วเธอก็ได้ยินเสียงประหลาดที่
      เหมือนดังจากที่ไหนซักแห่งใกล้ๆ อบอุ่น แต่แผ่วเบาราวเสียงกระซิบ

      “ อลิซ… ฉันรอเธออยู่…… อลิซ… เดินเข้ามาหาฉันสิ … ไม่ต้องกลัว…ไม่มีใครทำ
      อะไรหรอก ที่นี่มีแต่เพื่อนๆ ทั้งนั้น จะไม่มีอะไรทำร้ายเธอ…เดินเข้ามาหาฉัน
      แล้วเธอจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างสมปรารถนา… ” เสียงนั้นเหมือนมีอำนาจประหลาด
      มันทำให้เธอผ่อนคลาย และเดินเข้าไปใกล้ทุกที

      “ เธอทำได้จริงๆหรอ ” อลิซเอ่ยถาม แต่น้ำเสียงที่ถามดูเหมือนมีความหวัง

      “ ใช่…อลิซ…เชื่อฉัน…ฉันสามารถให้ในสิ่งที่เธอปรารถนาได้…แม้แต่…ชีวิตของปู่
      ทวดของเธอ ฉันสามารถทำให้ท่านกลับมาเล่นกับเธออีกครั้งได้ ” เสียงนั้นแว่ว
      มาอีก

      “ เธอเป็นใคร ” อลิซถามแผ่วเบา และผ่อนคลาย ลืมเรื่องปลาไปสิ้น

      “ ฉันคือเพื่อนของเธอ…คนที่จะทำให้เธอสมปรารถนา…ขอเพียงแค่…เธอเดินเข้า
      มา …นั่นแหละ …เดินเข้ามาเรื่อยๆ ในที่แสนวิเศษที่ฉันอยู่ มาเป็นเพื่อนของฉัน
      …ใช่ อย่างนั้นแหละอลิซ… ใกล้เข้ามาอีก ใกล้เข้ามา…ฉันจะทำให้เธอสม
      ปรารถนา…เธอจะได้ทุกอย่าง…ใกล้เข้ามาอีก…อีกนิดเดียวเท่านั้น…อีกนิดเดียว…
      อีกนิดเดียว… ” เสียงนั้นแว่วมา ตอนนี้ อลิซหยุดอยู่ที่ริมหนองน้ำ ที่ในความคิด
      ของเธอ ตอนนี้เรียกได้ว่าสระทีเดียว เพราะดูเหมือนใสสะอาด ยั่วยวนเหลือเกิน

      “ รออะไรล่ะ…อลิซ…ถอดชุดเกราะออกสิ ชุดนั่นหนักเหลือเกิน จะใส่ไปทำไม ไม่
      จำเป็นต้องป้องกันอะไร ที่นี่ไม่มีอันตรายหรอก ถอดมันออก ” เสียงนั้นบอกอย่าง
      นุ่มนวล
      แล้วอลิซก็ถอดออกเกราะเหล็กนั้นออก ในใจตอนนี้หวังเพียงแต่สิ่งที่ปรารถนา
      มานาน สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้คืนมา แน่น้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวลนั้นบอกว่าเธอจะ
      ได้ และตอนนี้ …อะไรบางอย่างในน้ำเสียงที่ทำให้เธอผ่อนคลาย บอกกับเธอว่า
      เธอจะได้…

      “ ใช่…นั่นล่ะ…อลิซ ขอเพียงแค่ตอนนี้ เธอก้าวลงมา…ก้าวลงมาในสระน้ำแสน
      สะอาดนี่ เธอเห็นมั๊ย ว่ามันสะอาดบริสุทธิ์น่าเล่นขนาดไหน แล้วเพียงแค่เธอ
      ก้าว เพียงก้าวเดียวเท่านั้น…อลิซ…เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แล้วเธอจะพบฉัน…
      เราจะอยู่ด้วยกัน…เราจะเป็นเพื่อนกัน…ฉันจะให้ในสิ่งที่เธอปรารถนา…ทิ้งความ
      รู้สึก และ ทุกอย่างไว้ที่นั่น…ขอเพียงแค่เธอก้าวลงมา ไม่ต้องไปใส่ใจอะไร…เพียง
      ก้าวเดียวเท่านั้นอลิซ…เพียงก้าวเดียวเท่านั้น…แล้วเรื่องราวอื่นๆในตอนนี้…จะ
      ไม่สำคัญกับเธออีกต่อไป…มีเพียงสิ่งที่ปรารถนาเท่านั้น…ที่สำคัญกับเธอ…อลิซ…ปู่
      ทวดของเธอไงล่ะ…ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง…แล้วก้าวลงมา…มาหาฉัน กับปู่ทวดของ
      เธอ…เราจะคอยเธออยู่…เพียงแค่เธอก้าวลงมาเท่านั้น…อลิซ…เพียงแค่ก้าว
      เดียว ” เสียงนั้นแว่วเข้ามาอีก ดูอบอุ่น อ่อนโยน และนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม

      อลิซกำลังจะก้าวออกไป แต่ก็ชักเท้ากลับ เพราะเสียงหนึ่งในห้วงคิดดังขึ้น ทวน
      คำจากเสียงแผ่วนั้น

      ทิ้งความรู้สึกและทุกอย่างไว้ที่นั่น…ไม่ต้องไปใส่ใจอะไร…เรื่องราวอื่นๆในตอนนี้
      จะไม่สำคัญกับเธออีกต่อไป…ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

      คำพูดเหล่านี้ทำให้อลิซคิด แล้วมโนภาพหนึ่งในหัวก็ผุดขึ้น เป็นภาพที่เธอและ
      เพื่อนๆคุย และ เล่นกันอย่างสนุกสนาน

      ถ้าฉันทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แล้วเพื่อนของฉันล่ะ…พวกเค้าจะเป็นยังไงเมื่อไม่
      เห็นฉันกลับไป

      แล้วอลิซก็ถอยหลังกลับ

      “ อลิซ…จะไปไหนล่ะ…มาหาฉันสิ…ฉันกับปู่ทวดคอยเธออยู่นะ ” เสียงนั้นแว่วมา
      อีก แต่ตอนนี้อลิซมีสติอย่างเต็มที่

      “ ไม่ ” อลิซปฏิเสธแล้วหันหลังกลับ เธอกำลังเดินไปใกล้กระจกขึ้นทุกที ใกล้จะ
      ได้กลับแล้ว แต่…

      “ หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ ” เสียงดังขึ้นแต่ไม่นุ่มนวลอย่างเคย กลับเป็นเสียงที่ดุดัน
      และมีอำนาจอย่างน่าสะพรึงกลัว

      “ ไม่…ไม่มีวัน…ฉันจะไม่ตกหลุมพลางของแกอีก ” อลิซปฏิเสธอีก แล้วเดินไป
      ใกล้กระจกมากขึ้น แล้วเสียงเหมือนอะไรขึ้นจากน้ำก็ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้อลิ
      ซหันหน้ากลับไป

      เงือกสาวตนหนึ่ง นั่งอยู่บนเถาวัลย์ที่เกี่ยวกันเป็นเสมือนบัลลังก์ เงือกตนนี้โผล่
      ขึ้นมาจากน้ำที่ตอนนี้เป็นสีดำขุ่นมัว พอๆกับแววตาโกรธเกรี้ยวของหล่อน หางสี
      ดำกับเล็บเรียวยาวสีดำที่กำลังชี้มาทาง
      อลิซ ยิ่งทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นไปใหญ่

      “ หยุดอยู่ตรงนั้น เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าจะไป ก็ห้ามเอาของของที่นี่ไป
      เด็ดขาด คืนปลานั่นมาซะ แล้วจะไปไหนก็ไป ” เงือกผู้พิทักษ์หนองน้ำแห่งนั้น
      บอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและมเกรียม แทบไม่เหลือเค้าของน้ำเสียงเดิมเลย

      แล้วพออลิซได้ยินก็รู้ว่า เงือกตนนี้ คงเป็นผู้พิทักษ์หนองน้ำที่นี่ แต่อลิซก็ใช้พลัง
      ทางตาทำให้ทั้ง
      กระชอนที่ยังมีปลาอยู่ และ ชุดเกราะริมหนองน้ำ ลอยเข้าไปในกระจกต่อหน้าต่อ
      ตาเงือกตนนั้นเหมือนไม่ได้ยิน หรือไม่ก็ท้าทาย เพราะเธอกำลังโกรธที่ถูก
      อำนาจเสียงสะกดนั้นหลอกเอา

      “ อลิซ อย่าท้าทายข้า ” เงือกตัวนั้นบอกด้วยเสียงกราดเกรี้ยวกว่าเดิม ( ถ้านั่นจะ
      ยังเป็นไปได้ )
      “ เราไม่ได้ท้าทายท่าน หลังจากที่เราได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เราจะนำปลาตัวนี้มา
      คืนท่านเอง ” อลิซตอบ หลังจากสงบอารมณ์ได้แล้ว

      “ ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อ…ทั้งมนุษย์ ทั้งสเปช ต่างยากที่จะเชื่อถือ ” เงือก
      ตัวนั้นพูด น้ำเสียงสงบลงแต่ยังทรงอำนาจ สมกับเป็นผู้พิทักษ์ที่นี่
      “ ข้าขอสัญญา ด้วยเกียรติของเจ้าหญิงแห่งมัลเลน และหนึ่งในเจ้าหญิงของเมือง
      บาดาล ” อลิซบอก
      แล้วเดินไปที่กระจก จากนั้นก็เข้าไป ทิ้งเงือกผู้พิทักษ์ไว้เบื้องหลัง
      “ ท่านสมแล้ว ที่เป็นเจ้าหญิงแห่งมัลเลน… ท่านคู่ควรกับตำแหน่งนั้นจริงๆ ”
      เงือกตนนั้นพึมพำ
      ( โดยที่ไม่ได้รู้อะไรซะเลย )
      +++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--+++++++++

      ด่านนี้ผ่านไปด้วยดี…แต่เกือบไปแล้ว – อลิซคิด ขณะที่วางปลาลงบนโต๊ะ

      หลังจากนั้นเธอก็ใช้ผ้าที่แซลลี่เตรียมไว้ให้ เช็ดเหงื่อ เหงื่อเธอออก ไม่ใช่เพราะ
      เหนื่อยอะไรนักหนา มันออกตอนบอกเงือกตนนั้น และตอนเข้ากระจกมา ทั้งที่
      ไม่คิดว่าเงือกตนนั้นจะเชื่อ เพราะจากท่าทางโกระเกรี้ยวนั้น ไม่น่าจะสงบลงได้
      ง่ายๆ ตอนเดินเข้ากระจกมา ขาของเธอแทบขยับไม่ได้ และระหว่างเดิน ก็แทบ
      จะเรียกได้ว่าเป็นวินาทีดับจิตเลยจริงๆ เพราะคิดกลัวว่าจะถูกทำร้ายจากด้าน
      หลัง แต่โชคดี ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะถ้าสู้จริงๆ เธอก็คิดไม่ออกว่าจะเอาอะไร
      ไปสู้ เพราะดูเหมือนเวทมนต์ จะใช้กับเงือกผู้พิทักษ์นั่นไม่ได้ แถมอาวุธต่างๆถ้า
      จะเอาก็คงเรียกออกมาไม่ทัน ถ้าจะใช้ศิลปะการป้องกันตัว ก็คงไม่รอด เถาวัลย์
      ที่เป็นบัลลังก์นั่นไม่แน่ว่าจะสู้ได้ ความคิดนี้ คือ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเหงื่อตก

      หลังจากเช็ดเหงื่อเสร็จ อลิซก็เอาปลานั้นใส่กล่องเหล็ก แล้วคลายเวทย์ออก ปลา
      ตัวนั้น ทั้งดิ้น ทั้งพ่นพิษไปมาจนในที่สุดมันก็เหนื่อย แล้วนอนพะงาบพะงาบอยู่
      ในกล่องเหล็กนั้น

      อลิซใช้เวทย์สะกดอีกครั้ง แล้วคีบปลาออกมา จากนั้นก็เอาพิษปลาใส่ในขวด
      แก้ว แล้วเอาตัวปลาไปวางไว้บนเขียงที่วางบนโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นก็เอา
      ยาชาฉีด แล้วคลายมนตร์สะกด

      จากนั้นเธอก็สวมวิญญาณคนทำอาหาร ( ไม่ใช่ร่างทรงนะ อย่าเข้าใจผิด ) เธอ
      แร่เนื้อปลาทางปลาย แล้วเอาก้างที่เล็กที่สุด จากนั้นก็เอากาววิเศษปิด

      อลิซเดินไปที่กระจก แล้วเข้าไป ( เธอไม่ได้บอกให้แซลลี่ปิด ) อลิซบอกขอบคุณ
      เงือกผู้พิทักษ์ แล้วจากนั้นก็ปล่อยปลาลงหนองน้ำ ( ฉีดยาชามันแล้วมันจะว่ายได้
      ยังไงล่ะเนี่ย?…แต่ยาชาอันนี้อาจมีฤทธิ์ไม่นานก็ได้ )

      “ แซลลี่ ต่อไปก็พาไปที่ถ้ำดิสทรี่ ที่มีโมริชอยู่ข้างใน ” อลิซบอก
      “ โอเค ” แซลลี่ตอบรับ แล้วซักพักก็พยักหน้าให้อลิซ แล้วอลิซก็เดินเข้าไป

      เธอยืนอยู่หน้าถ้ำ 2 ถ้ำ ต่างเป็นถ้ำดิสทรี่ทั้งคู่ ( ถ้ำดิสทรี่เรียกได้ว่าเป็นถ้ำแฝด
      ไม่ว่าที่ไหนก็จะมี 2 ถ้ำติดกันเสมอแต่ละถ้ำ จะมีดิสทรี่ไม่เกิน 2 ตัว ) อลิซ เลือก
      เดินไปที่ถ้ำทางด้านขวา
      ในถ้ำบรรยากาศวังเวง มีเพียงเสียงน้ำหยดเท่านั้น ถ้ำนี้มีทั้งหินงอกหินย้อยเต็ม
      ไปหมด และดูเหมือนจะไม่ใช่ถ้ำธรรมดา เพราะเหมือนกับว่ามันยาวมากเหลือ
      เกิน จนคาดคะเนจุดสิ้นสุดแทบไม่ได้

      ถ้ำดิสทรี่ ถูกเรียกอีกอย่างว่าถ้ำอสรพิษ เพราะภายในถ้ำ นอกจากมีโมริชแล้วก็
      ยังมีงูอีกด้วย บ่อยครั้งที่อลิซอยากจะกรี๊ดออกมา เพราะสัตว์ต่างๆที่อยู่ในถ้ำ และ
      เธอคงตายคาถ้ำเพราะพิษงูไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่า เธอกำลังใช้เวทย์ ใส่ไปที่มัน
      และขับไล่มันไป ก่อนที่มันจะฝังเขี้ยวลงเนื้อของเธอ

      หลังจากนั้นอลิซก็เดินต่อไปเรื่อยๆ และยังเจอสัตว์พิษอีก ทั้งตะขาบ แมงป่อง
      ล้วนเป็นสิ่งที่เธอเกลียดทั้งนั้น ถึงพิษจะทำอะไรเธอไม่ค่อยได้ แต่การโดนไอ้
      พวกนี้กัดมันก็ไม่ใช่เรื่องดี และอลิซก็ยังไม่แน่ใจว่า ตัวเธอจะไร้ผลกับพิษสัตว์
      พวกนี้ได้ 100% โชคดีที่มันไม่มีที่เพดานด้วย เพราะเพดานที่ถ้ำนี้เต็มไปด้วย
      พิษ สัตว์ต่างๆที่นอกจากโมริชแตะต้องไม่ได้ ไม่งั้นอลิซคงต้องระวังเพิ่มขึ้นอีก
      หลายเท่าตัว

      อลิซยังคงเดินเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินเข้าไป อากาศก็ยิ่งหนาวมากขึ้น มีไอพิษมาก
      ขึ้น วังเวงมากขึ้น และเงียบ ถึงตอนนี้ ไม่มีเสียงน้ำและหินงอกหินย้อยอีกแล้ว
      แล้วอลิซก็เดินต่อไปเรื่อยๆ และส่องไฟฉายมุ่งตรงไปข้างหน้า

      พอเดินมาได้ซักพักเธอก็หยุดเดินไปเฉยๆ เธอได้ยินเสียงบางอย่างแว่วเข้ามา

      ถ้าจำไม่ผิด เสียงนี้คงเป็นเสียงของน้ำในถ้ำกำลังกระทบกับอะไรบางอย่าง น่าจะ
      เป็นเขี้ยวของโมริช – อลิซคิด เธอรู้ว่ากำลังเข้าใกล้มากขึ้นไปทุกที กลิ่นไอของ
      พิษนั้นกำลังคละคลุ้ง แต่ไม่มีผลอะไร มีเพียงแค่กลิ่นเท่านั้น

      นี่แหละ กลิ่นน้ำจากถ้ำดิสทรี่ และ เขี้ยวของโมริช ไม่ผิดแน่…สงสัย คราวนี้คง
      ต้องปะทะกันจริงๆ หรือไม่ก็หาวิธีที่ง่ายกว่า – อลิซคิด แล้วก็ยิ่งเดินเข้าไป

      แต่จู่เสียงเขี้ยวกระทบน้ำก็หายไป ทำให้อลิซยิ่งระวังมากขึ้น แต่เธอก็ยังไม่หยุด
      เดิน เธอยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ

      แล้วอลิซก็มาถึงจุดปลายสุดของถ้ำ เธอเห็นน้ำสีเขียวนั่น แต่ไม่เห็นโมริช !!!!
      อลิซเดินไปที่น้ำนั่นแล้วเอาขวดแก้วกับที่ตักที่ทำด้วยแก้วออกมาแล้วตักน้ำใส่
      ในขวด จากนั้นก็ปิดฝา

      แล้วในทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมา อลิซก็ต้องผงะถอยหลัง!! เธอไม่ต้องไปเสาะหา
      แล้วว่าโมริชอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้…มันอยู่ตรงหน้าเธอ!!!

      อลิซมองด้วยความตกใจสุดขีด ในความตกใจนั้นมีความกลัวปนอยู่เล็กน้อย
      ตอนนี้ถ้าเหงื่อเธอออกได้ มันคงจะเต็มขวดขนาดย่อมเลยทีเดียว แต่ตอนนี้มัน
      ออกไม่ได้ เพราะเจ้าของร่างกำลังตกใจกับภาพเบื้องหน้า

      โมริชร่างยักษ์ตัวนี้ มีความสูงมากจะเรียกว่าใหญ่ยักษ์ก็คงไม่ผิด เพราะขนาดตัว
      ของมันใหญ่มาก ใหญ่กว่าภาพที่อลิซจินตนาการไว้ แม้จะมีภาพในหนังสือช่วย
      ขยายจินตนาการ แต่หนังสือเทียบไม่ได้กับภาพตรงหน้า มันใหญ่กว่าที่แซลลี่
      บรรยาย น่ากลัวกว่าภาพในหนังสือ ตัวมันใหญ่ยิ่งกว่าหมีแพนด้า 3 ตัวรวมกัน
      ซะอีก ส่วนหน้าตาก็สุดจะบรรยาย

      ทั้งตาที่ควรจะอยู่ในเบ้า กลับมาอยู่ข้างนอก( ? ) มีเพียงเส้นเลือด 6 – 7 เส้นที่
      โผล่ออกมายึดเอาไว้ ตาของมันมีขนาดใหญ่กว่าลูกปิงปอง แต่เล็กกว่าลูกเทนนิส
      ดูไม่ต่างกับสัตว์ประหลาด
      มันมีหูถึง 4 หู ( สัตว์ประหลาดขนานแท้ ) แต่จมูกดันมีรูเดียว แต่เป็นรูกว้าง
      ขนาด 3 เซนติเมตร
      เท้ามีขนาดใหญ่โตขนาดท้าช้าง ตอนนี้สภาพมันยิ่งน่าสยองมากขึ้นไปอีกเมื่อมัน
      เคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปาก อะไรบางอย่างที่มันชอบกิน และเป็นสีเลือดสด
      ไหลย้อยลงมา เพิ่มความน่าสะอิดสะเอียนและความหน้าสะพรึงกลัวเป็นสองเท่า
      ( มันจะน่ากลัวได้มากกว่านั้นอีกหรอ? )

      ตอนนี้มันเล็งมาที่อลิซ หลังจากเคี้ยวอะไรบางอย่างที่เหลือตกลงมาให้เธอเห็น
      นอกจากเลือดแล้ว อะไรที่มันเคี้ยว ( จะต้องเป็นสัตว์เป็นๆ หรือสิ่งมีชีวิตที่มี
      เลือด เนื้อ และ กระดูก )
      นั้นเหลือซากออกมาให้อลิซเห็น ซากนั้นไม่ใช่กระดูก แต่เป็น แขนเสื้อ!!!

      มันเป็นแขนเสื้อสีแดง เพราะถูกย้อมด้วยสีเลือด เป็นเสื้อแบบเดียวกับที่อลิ
      ซกำลังใส่อยู่ แขนเสื้อนั้นมีประมาณครึ่งหนึ่งของแขนเสื้อด้านนั้นๆ และเป็น
      แขนเสื้อที่เล็กพอๆกับแขนเสื้ออลิซ มันเป็นแขนเสื้อของวีน !!!

      ทันทีที่เห็น ความเสียใจก็พุ่งขึ้นมา แต่ในใจส่วนหนึ่งอลิซคิดว่า วีนคงไม่ตาย
      เพราะ มันมีแขนเสื้อยังไม่ถึงข้าง แต่พอความเสียใจเริ่มลดลง ความโกรธก็พุ่ง
      ขึ้นมาแทน
      มันทำร้ายเพื่อนของเธอ…

      คิดแค่นั้น นัยน์ตาของอลิซก็เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเขียวมรกต ผมจากสีดำก็กลับ
      กลายเป็นสีทอง มันคือสัญลักษณ์ของวีเชอร์!! ตระกูลผู้ล่า หรืออาจเรียกได้ว่า
      สายเลือดที่ไม่เคยปรานีต่อปีศาจหรือสัตว์ร้าย เพราะคำสอนของตระกูล คือ อย่า
      ปรานีต่อปีศาจ หรือสัตว์ร้าย ถ้าใครในตระกูลได้ ฆ่า หรือล่าปีศาจได้ จะได้รับคำ
      ชมเชย และ ได้เลื่อนขั้น ซึ่งมีแบ่งในตระกูล มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นแรก

      แล้วอลิซก็จ้องหน้ามันอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างจ้อง แต่มันยังไม่ลงมือทำอะไร เหมือน
      กับดูเชิง เพราะโมริชเป็นสัตว์ที่ฉลาดพอสมควร มันจึงเก็บข้อมูลคู่ต่อสู้ตรงหน้า
      ก่อนที่จะปะทะ ส่วนอลิซก็เหมือนกับใช้ดวงตาสแกนข้อมูลคู่ต่อสู้ตรงหน้า

      อลิซมองเห็นว่า มันไม่ได้เห็นวีนด้วยซ้ำไป แล้วแขนเสื้อวีนไปอยู่ได้ยังไง? คำ
      ถามที่อลิซเก็บไว้ในใจ แม้ความโกรธจะลดลง แต่สัญลักษณ์ของวีเชอร์ก็ยังไม่
      หายไป ซึ่งตอนนี้ อลิซคิดว่าดี เพราะตอนนี้ต้องใช้สัญชาตญาณนักล่าของวีเชอร์
      มากกว่านักสะกดแบบครูเว่น

      อลิซมองเห็นความสามารถทั้งหมดของมัน เธอถึงได้รู้ว่าถึงมันจะฉลาด แต่มันก็
      ไม่ได้ฉลาดไปกว่าพวกมนุษย์ หรือ สเปชเลย สภาพภายนอกมันดูน่ากลัวไป
      อย่างนั้นเอง แต่ก็มีผลต่อเวทมนต์ ผิวหนังของมันแพ้ไฟ การที่จะเอาเขี้ยวของ
      มันคงต้องใช้วิธีคล้ายๆกับที่เธอจัดการกับแอซิด

      แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏอยู่บนริมฝีปากของร่างที่ไม่น่าจะยิ้มเมื่ออยู่ในเหตุการณ์
      อย่างนี้ รอยยิ้มนั้นสร้างความงุนงงให้กับโมริช เพราะมันไม่เคยเห็นมนุษย์ หรือ
      สเปช ยิ้มต่อหน้ามันมาก่อน

      “ ฉันจะเล่นกับแก ” อลิซประกาศ ( ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันจะฉลาดพอที่จะรู้เรื่องรึ
      เปล่า – ถ้ามันไม่รู้เรื่อง…ไม่มันโง่ เธอก็บ้า )

      แล้วจากนั้นอลิซก็เรียกอะแมนด้าให้เอาไม้กวาดออกมา เพราะอยู่ที่สูงได้เปรียบ
      กว่า แล้วอลิซก็เอาไม้กายสิทธิ์อันที่ 1 ออกมา

      “ วินดี้ เบลซ ” อลิซพูดด้วยเสียงดังก้องแล้วชี้ไม้ไปทีเท้าของโมริช ทันไดนั้น ไฟ
      ขนาดยักษ์ก็พุ่งจากไม้กายสิทธิ์ไปที่เท้าของโมริช จนมันต้องกระโดดขึ้นด้วย
      ความร้อน ทำให้ถ้ำนั้นสั่นไปหมด
      แล้วอลิซก็ใช้โอกาสตอนที่มันเผลอ เอาเข็มฉีดยาขนาดยักษ์ที่เรียกออกมา ฉีดที่
      แขนมัน …ฉีดไปเกือบหมดแล้วแต่เข็มก็หักคาแขนของมันด้วยความที่มันดิ้น
      มาก แล้วเธอก็เกือบต้องดับคาที่ถ้าไม่ใช่ว่าหลบได้ทัน เพราะมันเริ่มฟาดแขน
      ฟาดขาไปรอบ ก่อนที่จะล้มลง แล้วหลังจากนั้นอลิซก็ดับไฟ เธอบังคับไม้กวาดบิน
      เข้าไปใกล้ แล้วจู่ๆ มันก็กระโดลุกขึ้น ทำให้อลิซต้องรีบบินหนีขึ้นที่สูงอีกครั้ง

      แผนแกล้งสลบของมันเป็นแผนที่หลอกให้ดับไฟ…สมแล้วที่เค้าว่ามันฉลาด แต่
      สัตว์ ก็คือสัตว์… – อลิซคิด

      หลังจากมันลุกขึ้นได้ไม่นาน มันก็ล้มตึงไปอีก เพราะฤทธิ์ยาสลบขนาดแรงใน
      เข็มฉีดยาอันยักษ์ ที่
      อลิซภูมิใจเสนอ ( แต่คงไม่มีใครกล้าเสนอหน้ามารับสนอง )

      แล้วอลิซก็เดินเข้าไปใกล้มัน เอาที่คีบที่เป็นแก้วออกมา แล้วจัดการถอนฟันมัน
      ถอนไปด้วยก็ต้องเอามืออุดจมูกไปด้วย เพราะกลิ่นคาวที่มันพึ่งกินเนื้อสดมา
      ตอนนี้ อลิซต้องสวมวิญญาณหมอฟันชั่วคราว เธอถอนฟันมันออกมาด้วยความ
      ขยะแขยง เสร็จแล้ว เธอก็เอาฟันมันใส่กล่อง แล้วเตรียมกลับออกไป

      ขากลับ อลิซใช้ไม้กวาดพาเธอบินออกไปจากถ้ำ ขามาที่เธอไม่ใช้เพราะยังไม่รู้ว่า
      จะมีอะไรบ้าง เดินเข้ามาอาจดีที่สุด เพราะถ้าเดินจะทำให้รู้สภาพของถ้ำ แต่เธอก็
      ผิดคาด เพราะมันไม่ต้องใช้อะไรพวกนั้นในการจัดการเลย …เธออาจจะประเมิน
      มันสูงไป

      อลิซเดินกลับเข้ามา แล้ววางทั้ง 2 อย่างไว้บนโต๊ะ เธอเอากระดาษออกมาเขียน
      อะไรบางอย่าง แล้วเธอก็เดินไปทีกระจก พร้อมจะเผชิญอีกอย่าง

      “ ฉันต้องการ พิษของแทรปป้า พาฉันไปที่รังของมันหน่อย แล้วก็ขออุปกรณ์ตาม
      ใบนี่ด้วยนะ ”
      อลิซบอกแซลลี่ หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว อลิซก็เดินเข้าไป

      ++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--++++++++

      ป่าไม้สีเขียวขจีบ่งบอกถึงความสมบูรณ์รายรอบอยู่ตลอดทาง อากาศชื้นๆ
      กับหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามใบไม้ รวมทั้งพื้นดินที่เปียกๆจนแทบจะกลายเป็นโคลน
      บ่งบอกว่าฝนพึ่งหยุดตกไปไม่นาน
      ตอนนี้ทั่วผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ไม่มีเสียงสัตว์ตัวใด มีแต่เสียงลมพัดกับ
      ใบไม้ไหวเท่านั้น ถึงแม้บรรยากาศจะดี แต่มันดูวังเวงพิลึก

      อลิซยังคงเดินไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่มีคนสร้างขึ้น ป่านี้คงเป็นที่พักผ่อน
      หย่อนใจอะไรซักอย่าง แต่บัดนี้กลับไม่มีผู้คน ไม่มีเสียงสัตว์ มันทำให้เธอระวัง
      ตัวอยู่ตลอดเวลา

      และแล้ว เส้นทางที่มีผู้สร้างขึ้นก็จบลงตรงที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่อลิซก็ยังคงมองไม่
      เห็นแม้แต่เงาหรือสัตว์ตัวใด เส้นทางจบลงแค่นี้ ทำให้อลิซคิดว่า ต้องมีอะไร
      บางอย่างจึงมาจบแค่ตรงนี้ อะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถสร้างต่อไปในป่าได้
      และอะไรบางอย่างที่ทำให้ไม่มีเสียงสัตว์ตัวใด แม้แต่นก หรือ แมลง หรือที่นี่ อาจ
      เป็นที่พิเศษก็ได้ เพราะในโลกของเธอ ที่แบบนี้มีออกถมไป แต่ความคิดนี้ก็ไม่
      ช่วยให้อะไรดีขึ้น อลิซไม่อยากหาคำตอบเลยซักนิด ตอนนี้เธอรู้ว่าต้องเพ่งความ
      สนใจไปที่เดียว คือ พิษของแทรปป้า

      ถึงแม้อลิซจะเคยปรุงน้ำยากัดเซาะมาแล้วหลายครั้ง แต่นั่นก็แค่ปรุงเพื่อฝึกฝน
      หรือปรุงเพื่อความสนุกเท่านั้น

      ในการเล่นเกมส์แต่ละครั้ง รายชื่อน้ำยาที่เคยปรุงในเกมส์แล้วจะถูกตัดทิ้ง แล้ว
      รายชื่อใหม่จะโผล่เข้ามาในรายการ อลิซเคยปรุงมาเยอะแล้ว จนในที่สุดน้ำยา
      กัดเซาะก็โผล่มาในรายการจนได้

      เหตุผลที่เธอเลือกมัน ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่เธอพล่ามให้เพื่อนๆฟังเท่านั้น แต่อีก
      เหตุผลนึงคือ ถึงแม้เธอจะเคยปรุงมันหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยหาส่วนผสมของ
      มันด้วยคัวเธอเองซักที เพราะเกือบทุกอย่างจะมีอยู่ในคลังเก็บอุปกรณ์ปรุงยา
      ของตระกูล ( แต่ในเกมส์ภูติจะไม่เคยพาไปเอาอุปกรณ์ที่นั่น เพราะต้องการให้
      ใช้ความสามารถหาเอาเอง )

      อลิซมาหยุดอยู่ที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง แต่หญ้าพวกนี้ไม่ได้เป็นสีเขียวอย่างที่ควรจะ
      เป็น แต่มันกลับเป็น…

      “ สีขาวเหรอ? ” อลิซพูดทวนภาพที่ได้เห็น
      “ งั้นก็คงใกล้แล้วสินะ ”

      กลางทุ่งหญ้ามีดอกไม้มากมาย มันคงเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมากทีเดียว… ถ้า
      ดอกไม้นั้นไม่ใช่สีดำ สีเทา และ สีน้ำตาล

      อลิซเดินผ่านทุ่งหญ้าขณะที่ระวังตัวไปด้วย เพราะสถานที่นี้ไม่คุ้นมาก่อน เธอได้
      ยินมันผ่านจากปากของแซลลี่ ว่าจะต้องผ่านทุ่งหญ้านี้ เดินไปเรื่อยๆจนกว่าจะ
      เจอรังของแทรปป้า

      เวลาผ่านไป แล้วอลิซ ก็มาหยุดอยู่ที่หน้ารังนกยักษ์รังหนึ่ง นั่นหมายความว่า …
      เธอมาถึงรังของแทรปป้าแล้ว …แต่โชคไม่ดีเอาซะเลยที่ แทรปป้ามันอยู่ในรัง
      ด้วย

      อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆเลย เจอแทรปป้าจนได้ - อลิซคิด

      แทรปป้าเป็นนกยักษ์ที่มีตาปูดโปน ตัวตะปุ่มตะป่ำ มีน้ำเมือกสีเขียวอมเหลืองอยู่
      ที่ขนที่ตัว มีเขี้ยวและเล็บที่แหลมคม สีตัวของมันเป็นสีดำด่างๆมีน้ำตาลแซม ตัด
      กับปีกสีขาวอันสวยงาม ว่ากันว่า… ขนปีกของแทรปป้า มักใช้ปรุงยา หรือทำ
      อุปกรณ์ที่มีขนนกอยู่ด้วย แต่ส่วนมากมักเอาไปใช้ประดับตกแต่ง เพราะขนปีก
      ของมันสวยงาม เป็นเหตุให้แทรปป้าหลายตัวถูกตัดปีกไป

      อลิซพยายามปีนเข้าไปในรังของแทรปป้าอย่างระมัดระวังที่สุดแต่เธอ ( คงได้เชื้อ
      ติดมาจากเซียมากไปหน่อย ) ก็ตกลงไปในขณะที่จะปีนลง แทรปป้าตัวนั้นจึงตื่น
      ขึ้น! โชคดี ( ? ) ที่อลิซตัวเล็กกว่ามันหลายเท่ามันจึงมองไม่เห็นตัว

      พิษของแทรปป้าเป็นก้อนสีขาวบริสุทธิ์ และดูสวยงามมากทีเดียว มันจับตัวเป็น
      ผลึก และเป็นก้อนแข็งๆ สีขาว ดูสวยงามราวกับอัญมณีเลยทีเดียว พิษของแทรป
      ป้า เมื่อผ่านกระบวนการเผาแล้วจะเริ่มอ่อนตัว สามารถใช้คีมเหล็กจับเป็นรูป
      ร่างต่างๆได้ หรือจะเอาเป็นก้อนแบบนี้ก็ได้ แต่ต้องผ่านขั้นตอนการรีดพิษออก
      ก่อน นี่เป็นเหตุให้ คนพยายามจับแทรปป้าไปเลี้ยงกันมาก แทรปป้าจึงกลาย
      เป็นสัตว์สงวนที่ห้ามเลี้ยง หรือ มีไว้ในครอบครอง ( แต่คนก็ยังพยายามขโมย
      พิษจากรังของมันอยู่ดี )

      ในรัง ห่างจากอลิซไป 1 ฟุต มีพิษของแทรปป้ากองอยู่ อลิซจึงใช้คีมคีบใส่โถแก้ว
      เอาฝาปิด และปีนออกมาจากรังอย่างทุลักทุเล เธอบอกให้อะแมนด้าเก็บเข้าล็อก
      เกอร์ แต่โชคไม่ดี ( อีกแล้ว ) ที่แสงตอนเก็บดันไปเตะตาของแทรปป้าเข้าพอดี (
      อะไรจะโชคดีปานนั้น )

      “ ซวยแล้วสิ ” อลิซพึมพำหลังจากที่เก็บเข้าไปแล้ว ( หลังจากที่รู้ว่าแทรปป้ารู้ตัว
      แล้วด้วย )

      สัญชาตญาณบอกให้เธอวิ่งหนีเอาตัวรอด แล้วอลิซก็ไม่ปฏิเสธเลยซักนิดที่จะทำ
      เพราะถ้าสู้ เธอคงลำบาก เนื่องจากถ้าเทียบขนาดกันแล้ว เธอคงเทียบเท่าแค่
      เล็บของมันเท่านั้น

      ฉันต้องวิ่งหนีทุกงานเลยเหรอเนี่ย ไม่มีอะไรสร้างสรรค์กว่านี้แล้วรึไงกันนะ –
      อลิซคิดอย่างหงุดหงิด
      ขณะที่วิ่งจนเหนื่อยหอบแทบจะหมดแรง

      โอ๊ย เหนื่อย วิ่งไม่ไหวแล้ว เอาไม้กวาดออกมาก็คงไม่ทันการ แถมแทรปป้ามัน
      คงได้ไล่งับไม้กวาดอีก อย่างนี้มีทางเดียวคือต้องสู้ – อลิซคิดแล้วก็เอาไม้
      กายสิทธิ์สีชมพู ( เห็นสีชมพูแล้วค่อยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย – อลิซคิด ) ออกมา

      ขนนกของแทรปป้า ขนนกของแทรปป้า มันแพ้อะไรนะ… - อลิซคิดขณะที่ตาจับ
      จ้องที่แทรปป้าที่บินวนอยู่เหนือหัวขึ้นไป เหมือนเตรียมพร้อมที่จะโฉบมาจิกหัว
      เธอเป็นอาหารอยู่ตลอดเวลา

      สัตว์ส่วนมากมักจะแพ้ไปนี่นา ลองเอาไฟดูแล้วกัน

      “ วินดี้ เบลซ ” อลิซร้องขึ้นแล้วเอาไม้อายสิทธิ์ชี้ขึ้นฟ้า เล็งไปที่แทรปป้า มันให้
      ผลเหมือนเมื่อคราวก่อน แต่กำลังไฟขึ้นไปไม่สูงพอ เพราะแทรปป้าบินหลบขึ้น
      ไปที่สูงกว่า

      ตายล่ะสิ ไฟใช้ไม่ได้ เอาไงดี…ไฟใช้ไม่ได้ งั้นก็ต้องน้ำ…แต่น้ำก็ไม่ถึง ถึงจะถึง
      แต่ก็ทำได้แค่ให้มันเปียก ใช้น้ำธรรมดาไม่ได้ก็…

      ว้ายยย !!!!!!

      อลิซร้องออกมา เพราะแทรปป้าโฉบลงมา หมายจะงาบหัวเธอ โชคดีที่เธอวิ่งหลบ
      ทัน ไม่งั้นหัวเธอคงไปประดับในปากมัน

      แทรปป้าเสียจังหวะ เป็นการเสียจังหวะที่อลิซแทบจะหัวเราะออกมา เพราะมัน
      เสียจังหวะจนหน้าคว่ำแล้วตีลังกาไปหลายตลบ

      ตอนนี้เป็นทีของอลิซที่จะคิดเล่นงานมัน

      “ วินดี้ เบลซ ” อลิซร่าย พลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แทรปป้า พายุไฟลูกใหญ่พุ่งออก
      มาโดนแทรปป้าแต่ปีกสีขาวของมันกันไฟไว้ได้ ไฟจึงไม่มีผลต่อแทรปป้าเลย …
      แล้วมันก็กลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง!!!!

      “ แย่แล้ว…เอาไงดี เอาไงดี ” อลิซพึมพำพลางเดินวนไปมา ( เอาเวลาไปคิดเร็วๆ
      เถอะ )
      ในสมองคิด ส่วนตาก็จับจ้องที่แทรปป้า ขาก็คอยวิ่ง หรือกระโดดหลบ ( โห…ความ
      สามารถ…แล้วมันจะไปรอดซักอย่างเหรอเนี่ย ) มือหนึ่งถือไม้กายสิทธิ์ ส่วนอีกมือ
      ก็กุมอยู่ที่จี้ห้อยคอ

      โอ๊ย!! จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดล่ะเนี่ย คิดไม่ออกเลย จะใช้อะไรดี จะเรียกเอาของ
      ที่เตรียมมาก็ไม่ทัน
      ( แต่มีเวลามากลุ้มเนี่ยนะ ) แถมลืมแล้วด้วยว่าสั่งให้เตรียมอะไรมา ( หา!! เธอ
      เป็นคนสั่งเองเนี่ยนะ ปกติเธอไม่เคยลืมไวขนาดนี้นี่ ) ก็ดันรีบมากไป เขียนๆ
      ไปอย่างนั้นเองลืมอ่าน ทำไงดีๆ เวลาคิดมีไม่มาก ถ้ามีเวลาหยุดคิดซัก 3 นาทีก็
      คงจะดี ใช่แล้ว!! หยุดไงล่ะ ( เออ กว่าจะคิดออก )

      “ หยุด ” อลิซร้องออกมาแล้วชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แทรปป้า ถึงจะโดนมันเต็มๆแต่ดู
      เหมือนว่าพลังเธอน้อยเกินไปที่จะใช้หยุดแบบนี้ได้ การพูดว่าหยุดแบบนี้เรียก
      ได้ว่าหยุด ( เกือบ ) ถาวร และถ้าไม่ปล่อยก็จะขยับไม่ได้ จึงจำเป็นต้องใช้พลัง
      มาก

      แต่มันก็มีผลทำให้ขนของแทรปป้าหลุดออกมาถึงแม้มันจะไม่มาก แต่ก็ทำให้
      แทรปป้าโกรธได้
      ( หนักกว่าเดิม ) เพราะ แทรปป้า ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์หวงขนเอามากๆตัวหนึ่ง อลิ
      ซในตอนนี้ จึงพูดได้คำเดียวว่า

      “ ซวย ”

      เอาล่ะสิ ดันยั่วต่อมโมโหมันเข้าแล้ว ติดเชื้อเซียมากไปหน่อยมั๊งเนี่ย ( ว่าคนอื่น
      ไม่แน่ อาจจะเป็นเชื้อเธอเองก็ได้ ญาติกันไม่ใช่เรอะ ) หยุดถาวรไม่ได้ ชั่วคราว
      ก็แล้ว…

      “ ว้าย!! ไอ้นกบ้า ” ( เธอนั่นแหละบ้า ใจลอยอยู่ได้ ) อลิซร้องออกมาด้วยความ
      ตกใจ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของมันเลยที่โจมตีตอนเธอคิดอยู่

      “ เรสท์ ซัสเปนด์ ” อลิซร่ายอย่างชัดถ้อยชัดคำและเอาไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่เป้า
      หมาย แสงสีทองพวยพุ่งออกมาหุ้มร่างเจ้านกยักษ์ ( ที่เกือบจะจิกหัวอลิซได้แล้ว
      เชียว ) เอาไว้

      เฮ้อ! โชคดีที่อ่านเจอคาถานี้ คงหยุดมันได้ซัก 3 ถึง 6 นาที เผ่นก่อนดีกว่า – อลิ
      ซคิด

      เธอวิ่ง ( เพราะถ้าเดินจะเสียเวลา ) ด้วยความเร็วอย่างไม่คิดชีวิต ถึงเธอจะไม่
      ใช่นักวิ่งและไม่ถนัดเท่าที่ควร แต่เธอก็สามารถวิ่งได้เร็วเสมอในสถานการณ์
      แบบนี้ ( ถึงแม้จะเหนื่อยจากการวิ่งมาแล้วเพียงใดก็ตาม )

      แล้วเธอก็หยุด และ เอาไม้กวาดออกมา ทั้งที่น่าจะเอาออกมาตั้งนานแล้ว แต่
      เป็นเพราะอยากให้พ้นรัศมีนกบ้านั่นก่อน

      “ ไป ” อลิซเร่งไม้กวาดให้เร็วขึ้นด้วยการออกคำสั่งไม่นานนักก็เข้าใกล้กระจก
      แต่ว่าไม้กวาดเร็วก็จริง แต่ก็สู้นกยักษ์แทรปป้า ที่ปีกใหญ่ และขึ้นชื่อว่าบินเร็ว
      ติด 1 ใน 10 อันดับนกบินเร็วที่สุด แทบไม่ได้

      “ ได้แค่ 5 นาทีกว่าๆเอง ไหนในหนังสือมันว่าหยุดแทรปป้าได้ 6 นาที ” อลิ
      ซถามอะแมนด้า พลางขยับไม้กวาดหลบไปด้วย

      “ 6 นาทีสำหรับคนที่ชำนาญและมีพลังเวทย์ดี เธอทำได้แค่นี้ก็ดีแล้ว สำหรับ
      แทรปป้า 5 นาทีกว่า อายุแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วนะ ” อะแมนด้า ( ที่ออกมาตอนไหนก็
      ไม่รู้ ) บอก ที่เธอไม่ชมว่าเก่ง เพราะชมทีไรได้เรื่องทุกที เพราะอลิซเป็น
      ประเภท ถ้าทำอะไรได้ดีๆอยู่ แล้วมีคนชม ความเก่งจะตกฮวบทันที แล้วค่อยฟื้น
      ขึ้นมาใหม่ แต่ในเวลาอย่างนี้ อย่าให้ตกเลยดีที่สุด ( เอาเวลารักษาชีวิตรอดก่อน
      เถอะ )

      จากที่โกรธมากอยู่แล้วนกยักษ์แทรปป้า กลับโกรธมากขึ้นไปอีก เพราะดูเหมือน
      มันจะเกลียดที่อลิซ ใช้เวทย์หยุดมัน ( ก็เธอหยุดตอนมันจะพุ่งโจมตี พอมันคลาย
      จากมนตร์ มันก็เลยหัวทิ่มอีกรอบ )

      “ โถ่เอ๊ย! อีกนิดเดียวเอง ( อีกตั้ง 11 เมตร ) มาขัดอะไรตอนนี้นะ ” อลิซบ่นออก
      มา

      “ อลิซ เร็วๆเถอะ ยิ่งเสร็จเร็วก็ยิ่งดีนะ ” อะแมนด้าเร่ง

      “ ค่า ค่า ค่า…า ” อลิซตอบลากเสียงอย่างเบื่อๆ แล้วพูดต่อ “ เธอเห็นฉันทำอะไร
      อยู่ล่ะ ยืนกวาดบ้านงั้นเรอะ ” อลิซย้อนถามอย่างหงุดหงิด ( หงุดหงิดกับนกบ้านี่
      แล้วยังมีภูติชั่งบ่นนี่อีก – อลิซคิด )

      “ คงงั้นมั้ง ” อะแมนด้าย้อนได้กวนพอๆกัน “ เอาเถอะน่า เร็วๆหน่อยก็แล้วกัน
      เดี๋ยวเอ๊ดแซงเธอได้ จะหาว่าฉันไม่เตือน ” อะแมนด้าพูด

      “ อะแมนด้า เช็คกับภูติประจำกระจกเค้าให้หน่อยสิ เค้าถึงไหนแล้ว ” อลิซถาม
      ขณะที่หลบกรงเล็บของแทรปป้าได้อย่างเฉียดฉิว

      “ มัวแต่ห่วงอย่างอื่น ระวังเถอะอลิซ เดี๋ยวหัวจะไม่อยู่บนบะ…ว้าย!! ” อะแมนด้า
      พูดยังไม่ทันจบ
      แทรปป้าก็เล็งจิกอลิซ แต่เธอหลบทัน อะแมนด้าที่ลอยอยู่ข้างๆนั้นหลบไปได้หวุด
      หวิด

      “ ไอ้นกบ้า นก… ” อะแมนด้าด่ามันต่ออีกยาว อลิซอยากจะบอกเหลือเกินว่า ถ้า
      มันรู้เรื่อง หัวของภูติน้อยอย่างอะแมนด้าคงเข้าไปอยู่ในปากมันเรียบร้อย โทษ
      ฐานยั่วโมโห และ หมิ่นประมาท

      ฟ้าววววว!!!!!

      เสียงแทรปป้าผ่านหัวอะแมนด้าและอลิซไป ( ทำให้อะแมนด้าหยุดด่า ) ก่อนที่มัน
      จะบินหลับหลังหัน และมุ่งตรงอีกครั้ง

      “ หนอย…แก ไอ้นกบ้า รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว ” อะแมนด้าร้องลั่น แต่ไม่ได้ทำ
      ให้นกยักษ์หยุดชะงัก
      ทำเอาอะแมนด้าหลบแทบไม่ทัน

      อลิซอยากจะให้อะแมนด้าดูขนาดตัวของตัวเองกับแทรปป้าเหลือเกินว่า ต่างกัน
      ราวฟ้ากับเหว แต่อลิซก็ไม่ว่างมากนัก ตอนนี้เธอเข้าใกล้กระจกมากกว่าเดิม แล้
      วอลิซก็คิดอะไรขึ้นมาได้

      “ อะแมนด้า อยากสู้กับมันอย่างสูสีรึเปล่า ” อลิซถามพลางยิ้ม

      “ ไม่ต้องมายิ้ม ฉันต้องอยากอยู่แล้ว บอกเร็วๆสิอลิซ ไม่ต้องมายิ้มอมภูมิ เดี๋ยว
      มันก็งาบฉันหรอก ”
      อะแมนด้าร้องบอกพลางหลบจากการถูกงาบไปด้วย อลิซหัวเราะนิดๆกับภูติที่พึ่ง
      ท้ามันอยู่หยกๆ ที่ตอนนี้กำลังหลบมันอย่างเฉียดฉิว และเหงื่อเริ่มตก ตอนนี้นก
      นั่นพุ่งความสนใจไปที่อะแมนด้า ที่ห่างกับอลิซพอสมควร อลิซไม่ได้ฉวยโอกาส
      ทั้งหมดตอนมันเผลอแล้วเข้าไปในกระจก เธอห่วงอะแมนด้า และอยากดูอะไร
      สนุกๆ

      “ เอายาแปลงร่างกับยาขยายขนาดชั่วคราวแบบพิเศษออกมาจากที่เก็บสิ ” อลิ
      ซร้องบอก และไปรอ
      อะแมนด้าอยู่หน้ากระจก

      “ ใช่สิ ลืมไปเลย ” อะแมนด้าพูด พลางหลบอีกครั้ง แล้วดีดนิ้ว และ พูดชื่อยา ยา
      ที่อยู่ในขวดขนาดเล็กทั้ง 2 ก็ปรากฏอยู่ในมือภูติน้อย อะแมนด้า…

      “ แกเสร็จฉันแน่ ” อะแมนด้าพูดอย่างสะใจแล้วดื่มยาทั้ง 2 ขวดอย่างรวดเร็ว

      ขวับ!! เสียงหนึ่งดังขึ้น อะแมนด้ากลายเป็นนกแสนสวยตัวกระจิ๋ว
      บึ้ม!! อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกลุ่มหมอกควันที่ค่อยๆจางหายไป นกน้อยอะ
      แมนด้ากลายเป็นนกยักษ์ คงขนาดซักแทรปป้าตัวโตอย่างมัน 5 ตัวรวมกันเห็น
      จะได้ งานนี้ต้องยกความดีให้กับน้ำยาของอลิซ

      แทรปป้าเห็นแค่นั้นแล้วมันก็เกิดประกายสายตามุ่งมั่นมาก แล้วมันก็…

      ---------------------------------------------------------------------

      บทที่ 11 ปรุงยา

      แทรปป้าเห็นนกยักษ์อะแมนด้าที่ยักษ์กว่ามัน ตามันเป็นประกายมุ่งมั่นมาก
      แล้วมันก็…


      บินหนีอย่างไม่คิดชีวิต

      ท่าทางคล้ายตอนที่อลิซวิ่งหนี ผิดแต่ว่ามันบิน ( แล้วก็ก่อนวิ่ง อลิซไม่ได้ทำ
      ประกายตากล้าเหมือนจะสู้อย่างนั้น ) …ก็ใครจะอยู่ให้โง่ล่ะ นับว่ามันฉลาดมากที
      เดียวที่หนี เพราะสู้ไปก็ไม่ชนะหรอก ไซด์มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

      “ โถ่เอ๊ย! นึกว่าจะแน่ ” อะแมนด้าในร่างนกยักษ์แสนสวยพูด ขณะที่อลิซหยุด
      หัวเราะอย่างยากเย็น
      ทั้งหัวเราะนกนั่น และหัวเราะอะแมนด้าที่ทำปากดีอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนนี้ เอาแต่
      หลบมัน
      อลิซเอาไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่ตัวอะแมนด้า ร่ายคาถา แล้วอะแมนด้าก็กลับเป็นอย่าง
      เดิม

      “ กลับกันเถอะ เดี๋ยวจะเสียเวลา แล้วก็คราวหน้าอย่าออกมาตามอำเภอใจแบบนี้
      อีกนะ ” อลิซพูด
      “ ฉันจะพยายาม ” อะแมนด้าบอก แล้วก็กลับเข้าล็อกเกตของอลิซตามเดิม

      +++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--+++++++++

      “ แซลลี่ เอาของพวกนี้กลับไปให้หมด ฉันคงไม่ใช้มันแล้ว ” อลิซบอก แล้วยื่น
      ถุงของกลับคืน
      “ ทำไมล่ะอลิซ ” แซลลี่ถาม
      “ เอาไปก็ไม่ได้ใช้ ไม่มีเวลา หาทางอื่นง่ายกว่า เร็วกว่า จริงมั๊ยจ๊ะ อะแมนด้า ”
      อลิซถามเสียงหวาน
      “ จริงอย่างที่สุดจ้ะ อลิซ ” อะแมนด้าตอบด้วยเสียงพอกัน
      “ ใช้วิธีไหนกันจ๊ะ ” แซลลี่ถามงงๆ เธอไม่ได้ดูตอนที่อลิซไปเอาวัสดุเพื่อมาปรุง
      ยา เพราะเธอรอแต่ในห้องนี้ ไม่ได้ไปดูอีกด้าน
      “ ก็ใช้ฉันไง ” อะแมนด้าตอบก่อนที่อลิซจะพูดอะไร อลิซฟังแล้วส่งยิ้มหวานให้อะ
      แมนด้า แล้วพยักหน้าให้แซลลี่เป็นเชิงบอกว่า ‘ ถูกต้องที่สุด’

      “ แซลลี่ ต่อไป ฉันต้องการขนหัวเครวี่ อุปกรณ์ไม่ต้องแล้วนะจ๊ะ ” อลิซบอกเข้า
      เรื่อง แล้วหลังจากนั้นก็เดินเข้าไป เตรียมเจอกับเจ้าของวัสดุ ชิ้นสุดท้าย

      +++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--+++++++++

      อลิซเดินผ่านป่าที่ชื้นแฉะและอุดมสมบูรณ์ เดินจากกระจกมาระยะทาง
      เพียงแค่ 4 เมตร เธอก็เห็นน้ำตกอันสวยงาม ป่าอันอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้และ
      ดอกไม้นานาพันธุ์ขึ้นอยู่รายรอบ มีเสียงนกร้องขับขานเป็นระยะระยะ แสงแดด
      ยามบ่ายที่สาดส่องต้องผิวน้ำทำให้เกิดประกายและมนตร์ขลังอันน่าหลงใหล สัตว์
      บางตัวอย่างเช่น กวางป่า กำลังดื่มน้ำจากธารน้ำตกที่ใสสะอาดจนเห็นทุกอย่างใต้
      ผืนน้ำ ที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดที่ไหน น้ำตกนี้มีอยู่หลายชั้นด้วยกัน ทำให้สถานที่นี้สวย
      งามน่ามองยิ่งขึ้น

      อลิซไม่เคยมาที่นี่มาก่อน หากมีเวลาเธอคิดว่าจะมาเที่ยวเล่นชมบรรยากาศ แต่
      เวลานี้ เธอต้องปฏิบัติภารกิจตามจุดประสงค์ให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะเที่ยว…

      “ เฮ้อ.. ” อลิซถอนหายใจ แล้วตามมาด้วยเสียงบ่นของอะแมนด้าที่ออกมาตาม
      อำเภอใจ ทั้งที่เจ้าตัวบอกแล้วว่า ‘ จะพยายาม ’

      “ อะไรกันอีกล่ะ อลิซ ถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ ” อะแมนด้าออกมาแล้วก็บ่น
      แต่อลิซไม่ได้ว่าอะไรที่ออกมา

      “ เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวตั้งนานแล้ว แล้วมาคราวนี้ก็มาแบบเกมส์ ต้อง
      รีบกลับให้ไวที่สุด ”
      “ คราวหน้าก็ค่อยมาก็ได้ รอวันเสาร์ อาทิตย์ที่ว่างๆก็ได้นี่นา ”
      “ มาคนเดียวก็เซ็ง ”
      “ ก็ชวนเพื่อนมาด้วยสิ ”
      “ เดี่ยวมีการบ้าน เพื่อนๆก็อาจจะไม่ว่างก็ได้ แล้วถึงว่างก็อาจจะอยากพักผ่อน
      เพราะเสาร์ อาทิตย์ทั้งที ใครๆก็อยากพักทั้งนั้น ”
      “ ชวนเอ๊ดสิ ฉันว่าเค้าต้องอยากมากับเธอแน่ ”
      “ ไม่เอา อยู่กัน 2 คนเดี๋ยวโดนกวนประสาทบ่อยๆแล้วจะเสียอารมณ์ แล้วก็… ”
      “ เรื่องมาก ”
      “ เออ ใช่ๆๆ เพราะเรื่องมากด้วยนั่นแหละถึงไม่อยากให้มา เดี๋ยวก็ห้ามโน่น
      ห้ามนี่ แล้วก็… ”
      “ เธอนั่นแหละที่เรื่องมาก! มองเอ๊ดแต่ในแง่ร้าย มองดีๆเค้าก็มีข้อดีเยอะนะ ไม่
      เหมือน… ”

      “ ไม่เหมือนฉันล่ะสิ เธอก็เอาแต่เข้าข้างเค้านี่แหล่ะ เซ็ง…อีกอย่างที่ไม่อยากมา
      กับเค้าก็เพราะว่า เธอกับเนลลี่จะแย่งกันออกมาแล้วก็แข่งกันชมเอ๊ดกรอกหูฉัน
      นี่แหละ ”

      “ ไม่จริง ฉันกับเนลลี่ไม่เคยแย่งกันออกมา เราออกมาพร้อมๆกัน แล้วก็ไม่เคย
      แข่งกันชม เพราะเราสามัคคีกันในการชม เธอน่ะผิดแล้วล่ะ
      อลิซ ” ก็เพราะอย่างนี้ล่ะที่อลิซอยากจะเถียงเหลือเกินว่าน่าเบื่อ
      แต่เธอก็นึกได้ว่าเถียงไปก็เสียเวลา แล้วอลิซ ก็เดินต่อไป ริมธารน้ำอันใส
      สะอาด

      +++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--+++++++++

      อลิซเดินเรื่อยๆ แล้วก็หยุดเดิน เธอหยุดอยู่ใกล้ชั้นน้ำตกอันสวยงาม ด้านบนมัน
      ก็เป็นชั้นๆ แต่ชั้นสุดท้าย ไม่ต่างกับน้ำตกสูงๆ อลิซเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น แล้ว
      เธอก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง…

      ว้าย!!

      เสียงร้องตามมาด้วยการชักเท้ากลับและเดินออกห่างอย่างรวดเร็ว อลิซเดินไป
      เหยียบกับรังของสิ่งที่เธอไม่เคยถูกชะตาด้วย นั่นคือรังมด
      อลิซไม่ค่อยถูกกับมด เพราะเธอถูกกัดทีไรตรงที่ถูกกัดจะบวมเป่ง และต้องใช้
      เวลานานกว่าคนปกติ จึงจะหายบวม แต่ก็ยังคันอยู่ ดังนั้น สำหรับอลิซ ถ้าถูกมด
      กัดที จะใช้เวลาเป็นเดือนๆกว่าจะหาย เธอจึงไม่ถูกชะตากับมันเอาซะเลย และดู
      เหมือนว่า มดส่วนมากจะชอบเข้าหา
      อลิซซะด้วยสิ

      มีหลายครั้ง ที่อลิซและเพื่อนๆนั่งเล่นที่ใดที่หนึ่ง แล้วในบรรดา 8 คน มีอลิซคน
      เดียวที่ถูกมดกัด ในขณะที่คนอื่นๆนั่งสบายๆ ถึงไม่ลุกก็ไม่โดนกัด นี่จึงเป็นข้อ
      พิสูจน์ที่เพื่อนๆคิดว่า มดมันคงถูกชะตากับอลิซจริงๆ

      “ เอาแต่ร้องอยู่นั่นแหละ กับแค่มดจะอะไรนักหนา ” เสียงบ่นดังมาจากอะแมน
      ด้า
      “ ใช่ เธอควรจดจ่อกับการหาขนหัวเครวี่ มากกว่าจะมาสนใจอะไรจุกจิกแค่นี้นะ
      อลิซ ” อีกเสียงที่รับกันอย่างดี มาจากเพื่อนซี้ของอะแมนด้า นั่นก็คือ เนลลี่

      อลิซไม่เถียงอะไร ถึงเธอจะเอาเหตุผลมาอ้างต่างๆก็ไม่มีวันที่จะเถียงชนะเนลลี่
      กับ อะแมนด้าได้ง่ายๆ แล้วยิ่ง 2 คนนี้อยู่ด้วยกันแล้วยังร่วมมือกันและเข้ากันดี
      เหมือนน้ำมันกับไฟ ที่จุดเมื่อไหร่เป็นได้ลุก

      อลิซหยุดความคิดต่างๆ แล้วมองที่น้ำตก อลิซใช้ตามองผ่านม่านน้ำตกแสนสวย
      เธอเห็นถ้ำซึ่งตามคำบอกของแซลลี่ นั่นต้องเป็นถ้ำเครวี่ ไม่ผิดแน่

      อลิซเรียกเอาไม้กวาดออกมา ในเกมส์แก้เซ็งนี้มันมีประโยชน์มาก และอลิซก็ใช้
      ไม้กวาดเกือบทุกครั้ง เธอโชคดีกว่าคนอื่นๆก็ตรงที่สามารถเรียกเอาอะไรหลายๆ
      อย่างออกมาใช้ได้

      อลิซไม่รอช้า เธอขี้เกียจฟังบทสนทนาของแซลลี่และอะแมนด้า ( เพราะ
      ส่วนมากก็มักจะวิจารณ์อลิซนั่นแหละ ) เธอขึ้นไม้กวาดแล้วบินฝ่าสายน้ำเข้าไป
      โดยไม่รอภูติทั้ง 2 ที่ยังคงสนทนาหัวข้อเดิมกันอยู่

      อลิซถึงปากถ้ำแล้ว เธอฝากไม้กวาดไว้กับอะแมนด้าที่หายตัวตามมา และบ่นว่า
      ต่างๆนาๆที่ไม่รอ
      เนลลี่ขอรออยู่ ( เตรียมโม้ต่อ ) กับอะแมนด้า

      อลิซเดินมาจากปากถ้ำได้แค่ 5 ก้าวก็เห็นสิ่งที่เหมือนกำแพงกั้นใสๆ เธอเงย
      หน้ามองป้ายที่ดูเหมือนว่าจะเขียนด้วยเลือดข้อความนั้นเขียนว่า

      *******************************************************************************

      ถ้ำ พ้อยซั่น เครวี่
      นี่คือถ้ำของพ้อยซั่น เครวี่เจ้าแห่งพิษ หากผ่านกำแพงนี้ไป
      ไม่ได้ ก็ไม่ควรเข้าไป ถ้ารักชีวิตก็ตัดใจแล้วไปซะ
      คำเตือน : อย่าหาวิธีอื่นในการเข้า เพราะถ้าผ่านกำแพงนี้ไม่ได้ เข้ามาก็มีแต่
      ตาย ไม่มีโอกาสรอด
      พ้อยซั่น
      เครวี่
      เครวี่เจ้าแห่ง
      พิษ

      *******************************************************************************

      อลิซกับเนลลี่อ่านแล้วหัวเราะกิ๊ก ( หัวเราะก๊ากไม่ได้ เสียมาดกุลสตรี เดี่ยวจะ
      โดนอะแมนด้าว่าเอา )

      “ ฉันว่านะ ไอ้เครวี่ที่ชื่อพ้อยซั่น ตัวนี้ต้องฉลาดแน่ๆ ถึงกับเขียนภาษาคนได้นี่
      ไม่ใช่ย่อย ” เนลลี่พูด
      “ ใช่ๆแล้วยังเขียนเตือนไว้อีกว่าเป็นเครวี่เจ้าแห่งพิษ น่าขำชะมัด พึ่งเคยเจอะ
      เคยเจอสัตว์ที่เขียนป้ายอย่างนี้ไว้หน้าถ้ำก็ครั้งนี้ครั้งแรกในชีวิตล่ะ ” อลิซพูด
      แล้วขำกับเนลลี่ต่อ ( มันน่าขำตรงไหนนะ )

      “ ที่ขำที่สุดก็คงเป็นตรงที่มันอุตส่าห์เขียนชื่อกำกับไว้ท้ายอย่างเป็นทางการนี่
      แหละ ” เนลลี่บอก
      “ นี่ หยุดขำกันซะที เดี๋ยวจะเสียเวลานะ ” อะแมนด้าเตือน

      “ อลิซ เอาไงล่ะ ” เนลลี่ถาม ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
      “ เธอก็รู้ว่าฉันไม่กลัวอยู่แล้ว ไม่แน่ อาจมีอะไรสนุกกว่าที่คิดก็ได้ ” อลิซบอก
      “ ฉันว่า เครวี่เจ้าแห่งพิษ ปะทะ อลิซเจ้าแม่แห่งพิษ งานนี้คงสนุกพิลึก อะแมน
      ด้า เสียดายนะ ถ้าเธอไม่ได้ดู ” เนลลี่บอก
      “ ขอบคุณสำหรับฉายาใหม่ แต่ฉันว่า เปลี่ยนจากเจ้าแม่แห่งพิษ เป็นเจ้าหญิง
      แห่งพิษจะเหมาะกว่ามั้ง ” อลิซพูดขึ้น
      “ ฉันเห็นด้วยกับอลิซ …ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปดูด้วยดีกว่า ” อะแมนด้าบอก แล้ว
      ดีดนิ้ว ไม้กวาดของ
      อลิซก็หายไป อะแมนด้าก็เป็น 1 ในครูเว่น เพราะเป็นภูติของอลิซ จึงไม่แปลกที่
      นิสัยบางอย่างจะเป็นแบบครูเว่น ยกเว้นก็แต่นิสัยขี้บ่นที่จะมีมาในบางครั้ง (
      เนลลี่จะบ่นน้อยกว่าอะแมนด้า )

      “ แซลลี่คงเลือกให้ถูกใจเธอแน่เลยอลิซ เครวี่ฉลาด และเก่งต่างด้านกัน จาก
      ข้อมูลแล้ว ทุกตัวน่าจะเขียนแบบเดียวกันไว้ทางเข้า ฉันว่าแซลลี่คงเลือกให้
      เหมาะกับเธอนั่นแหละ ” อะแมนด้าบอก
      “ อันนี้คงพิเศษหน่อยล่ะ เพราะแซลลี่เลือก อันอื่นๆไม่เห็นเลือกเจาะจงแบบนี้
      ฉันเลยเจอแบบซวยทุกที ” อลิซพูด

      “ เอาล่ะ ถ้างั้นเราก็มาดูกันว่า ข่ายกำแพงพิษกระจอกๆนี่ จะทำอะไรเจ้าหญิงแห่ง
      พิษของเราได้รึเปล่า อลิซ เดินเข้าไปเลย จะได้ไม่เสียเวลา ” เนลลี่เร่ง เธอ
      อยากเห็น ‘ พิษปะทะพิษ ’ ใจจะขาด ว่ามันจะออกมาอีท่าไหน

      อลิซเดินผ่านกำแพงไป ตอนผ่าน เธอรู้สึกถึงสารพิษจำนวนมหาศาล รวมถึงไอ
      พิษที่พวยพุ่ง ส่วนอะแมนด้า และเนลลี่ ก็อาศัยหลบอยู่ในล็อกเกตเรียบร้อย

      แล้วอลิซก็ผ่านไปได้ แต่ในตัวเธอก็รู้สึกร้อนๆ เพราะดูเหมือนมันจะรับกับพิษ
      ในร่างกายเธอ หรือเรียกได้ว่า พิษในเลือดของเธอ

      หลังจากผ่านไปไม่นาน 2 ภูติน้อยก็ออกมา

      “ อลิซ รู้สึกร้อนๆรึเปล่า ” อะแมนด้าถาม
      “ อืมม์…ก็ร้อนน่ะนะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ร้อนมาก เดี๋ยวกลับไปทางห้องก็
      หาย ตากแอร์ซักหน่อยคงดีขึ้น ” อลิซบอกแล้วเดินต่อไป

      อลิซเดินเข้าไป เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นของพิษ และไอพิษที่รุนแรง
      …ท่าทางไอ้ตัวนี้คงไม่ธรรมดา - อลิซคิด

      เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่ กลิ่นไอพิษก็มากขึ้นเท่านั้น แล้
      วอลิซก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

      “ เสียงน้ำยานี่นา ” เนลลี่พูดขึ้นก่อน
      “ ใช่ ฉันว่ามันอาจจะทดลองยาพิษอะไรซักอย่างอยู่ อลิซ เธอว่าไง ” อะแมนด้า
      ถาม
      “ ฮะ…อะไรนะ ” อลิซถาม
      “ เธอไม่ได้ฟังเลยใช่มั๊ย คิดอะไรอยู่น่ะ อย่าวอกแวกสิ ” อะแมนด้าว่าเข้าให้
      “ กำลังคิดว่าจะเล่นอะไรกับมันดี ” อลิซตอบ
      “ เธอก็…จริงๆเลย ชั่งเถอะ ระวังด้วยก็แล้วกันนะ อย่าเล่นสนุกให้มันมากนัก
      แล้วก็อย่าคิดเกมแผลงๆล่ะ อย่างเช่นท้ามันแข่งกินยาพิษ… ” อะแมนด้าเตือน
      และกำลังจะพูดต่อแต่อลิซพูดขึ้น
      “ เยี่ยม! ความคิดเยี่ยม แข่งกินยาพิษ ขอบใจนะอะแมนด้า ดีเหมือนกัน ไม่ต้อง
      ปะทะมาก ไม่เซ็ง ไม่ต้องใช้เวทย์ซักนิดด้วย เยี่ยมไปเลย ขอบใจนะ ”
      “ ใช่ เยี่ยมไปเลย ฉันเห็นดะ…เอ่อ คือ อลิซ ไม่ต้องเอาก็ได้นะ คิดอย่างอื่นดี
      กว่า ” เนลลี่รีบเปลี่ยน เพราะเห็นสายตาของอะแมนด้า ที่แม้แต่เนลลี่ยังกลัว
      เธอจึงพูดได้ไม่จบว่าเห็นด้วย
      “ อลิซ ไม่เอานะ ” อะแมนด้าพูด
      “…” ความเงียบเป็นเสียงตอบ อลิซไม่รับปากแล้วก็ไม่พูดอะไร

      แล้วอลิซก็เดินต่อไปเรื่อยๆท่ามกลางความไม่พอใจของอะแมนด้า เพราะเธอไม่
      ได้รับคำตอบอะไรเลยจากอลิซ ไม่แม้แต่จะได้รับคำตอบประจำว่า ‘ จะ
      พยายาม ’ เธอคาดว่า อลิซคงใช้เวลาคิดเรื่องนั้นต่อ ความคิดนี้ ทำให้อะแมนด้า
      ไม่สบายใจเลย

      “ อลิซ…ตอบฉันหน่อยสิ ” อะแมนด้าขอ
      “ ก็ได้ คำตอบของฉันคือ… ”
      “ ฉันจะพยายาม ” ทั้ง 3 พูดพร้อมกัน ( เนลลี่กับอะแมนด้ารู้คำตอบของอลิซ เลย
      พูดออกมาพร้อมกับที่อลิซตอบ )
      “ ฉันรู้แล้วว่าเธอต้องตอบแบบนี้ ” อะแมนด้าพูด
      “ ก็รู้แล้วถามทำไมล่ะ ”
      “ ก็ฉันคิดว่าเธอน่าจะหัดตอบแบบอื่นบ้างน่ะสิ เพราะถ้าตอบแบบนี้ตอบไม่ตอบก็
      มีค่าเท่ากัน ”
      “ ก็นั่นน่ะสิ ฉันถึงไม่ตอบ ” อลิซบอกกวนๆ
      “ เพราะตอบไม่ตอบก็มีค่าเท่ากัน อย่างที่เธอว่าไงอะแมนด้า ” เนลลี่พูดเหตุผล
      แทนอลิซ
      “ หยุดเลยเนลลี่ ฉันรู้แล้ว …เฮ้อ!… อลิซ เมื่อไหร่นิสัยกวนๆของเธอจะเลิกซะที ”
      อะแมนด้าถามอย่างอ่อนใจ อลิซฟังแล้วก็หัวเราะเสียงใส ก่อนตอบว่า
      “ เธอเลิกบ่นฉันเมื่อไหร่ นิสัยกวนๆของฉันก็คงเลิกไปเองนั่นแหละ ”
      เท่านั้นแหละ เนลลี่กับอลิซก็พร้อมใจกันหัวเราะ เพราะทั้ง 2 รู้ดีว่า อย่างอะแมน
      ด้าไม่มีวันเลิกบ่น
      อลิซเด็ดขาด ( อย่าว่าแต่อะแมนด้าเลย เนลลี่เองก็ทำไม่ได้ )

      “ หยุดๆๆ หยุดเลยนะ ทั้งคู่นั่นแหละ โดยเฉพาะเธอ เนลลี่ แทนที่จะเข้าข้างฉัน
      เธอเป็นเพื่อนฉันนะ ”
      “ ใช่ แต่อลิซก็เพื่อนฉันเหมือนกัน แล้วก็หัวเราะนิดหน่อยไม่เห็นเป็นอะไร
      เลย อย่าคิดมากเลยน่า อะแมนด้า ” เนลลี่บอกอะแมนด้า
      “ ช่าย ช่าย… แล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์สั่งเราให้หยุดหัวเราะด้วย คนกำลังอารมณ์ดีๆ ”
      อลิซเสริม
      “ โอเคๆ อย่ามัวแต่หัวเราะเพลินล่ะ เดี๋ยวเสียเวลา ” อะแมนด้าบอกอย่างจนใจ
      “ ไม่เสียเวลามากหรอก นี่ผ่านไปแค่ 3 นาทีเอง ” เนลลี่บอกหลังจากมองนาฬิกา
      “ ค่าๆๆ เชิญเสด็จกันได้แล้วค่ะ ” อะแมนด้าประชด
      “ โอเคค่ะ ไม่กวนแล้วก็ได้ ” อลิซบอกแล้วเดินต่อไป โดยมีภูติทั้ง 2 ลอยขนาบ
      ข้าง

      ++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--+++++++++

      ภาพเบื้องหน้าของทั้ง 3 ทำให้คิดเหมือนกันเลยว่า

      …อัปลักษณ์…

      …อัปลักษณ์เหมือนในภาพเลย – อลิซคิด
      …เหมือนคน แต่อัปลักษณ์ชะมัดเลย – เนลลี่คิด
      …อัปลักษณ์ แถมท่าทางดูไม่น่าเข้าใกล้เลยเอาซะเลย – อะแมนด้าคิด

      ภาพเบื้องหน้าของทั้ง 3 คือ ตัวประหลาดที่ดูคล้ายคน แต่ไม่น่าจะเป็นคน ( ? )
      มันมีอวัยวะเหมือนคนทุกอย่าง แต่น่าเกลียดกว่าคน และตัวเล็กกว่า มันสูงไม่
      มากนัก ผอมหนังหุ้มกระดูก ดวงตาโปนๆ ขนบนหัวที่ดูสภาพแล้วน่าจะเรียกว่า
      ผม ( แต่มันไม่ใช่คนเค้าเลยไม่เรียกกัน ) มีอยู่เพียงไม่กี่เส้น ไม่ถึง 10 เส้น
      ด้วยซ้ำ หน้าตามันดูไม่เป็นมิตรซักเท่าไหร่ แถมปากมันยังยิ้มแสยะฟัน ( เขี้ยว )
      ให้เห็นอีก

      “ ตามข้อมูลที่แซลลี่ให้มา บวกกับภาพในหนังสือ ฉันว่า นี่แหล่ะ คือ เครวี่ และ
      ฉันว่า…ไอ้ตัวนี้แหละที่ชื่อพ้อยซั่นอะไรนั่นล่ะ ” อลิซพูดเบาๆให้ได้ยินเฉพาะเธอ
      กับภูติทั้งสอง

      “ แหงอยู่แล้ว มันอยู่ตัวเดียวนี่นา ไม่ใช่มันแล้วจะอะไรล่ะ ” เนลลี่พูด
      “ เห็นด้วย ” อะแมนด้าสนับสนุน ( เข้ากันเลยเชียว )
      “ ฉันว่าฉันจะใช้วิธีดีๆล่ะ มันฉลาด แล้วก็พูดภาษาคนได้ เพราะฉะนั้นก็น่าจะมี
      วิธีดีๆ ที่ดีกว่าการปะทะ เพราะฉันไม่ถนัดทำร้ายสัตว์ซะด้วยสิ เดี๋ยวบาป ” อลิซก
      ระซิบ
      “ จริงของเธอ เสียดายก็แต่อดดูฉากสนุก …แต่ชั่งมันเถอะ …โอกาสหน้าอาจจะยัง
      มี ดูเธอสู้กับสัตว์แล้วไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ ดูเธอสู้กับคนถึงจะเข้าท่ากว่า แล้วก็…
      ฉันเป็นห่วง ” อะแมนด้าบอก
      “ เป็นห่วงอลิซ ? ” เนลลี่ถาม
      “ เปล่า ฉันห่วงเครวี่ ” อะแมนด้าบอก
      “ เก็บความห่วงของเธอไว้เลยอะแมนด้า ฉันไม่ทำอะไรมากหรอกน่า ” อลิซบอก
      “ ไม่ทำอะไรมาก หรือไม่ทำอะไรไม่มากกันแน่ อลิซ… อย่าเล่นมากแล้วกัน ฉัน
      กลัว… ”
      “ กลัวเครวี่เจ็บ หรือกลัวอลิซเจ็บกันล่ะทีนี้ ” เนลลี่ถามขึ้น
      “ เปล่าทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ ฉันกลัวเสียเวลาต่างหาก ” อะแมนด้าบอกอย่างไม่
      ใส่ใจ
      “ ไม่ต้องห่วง ฉันจะพยายาม ” อลิซบอก อะแมนด้ากับเนลลี่ฟังแล้วอยากจะพูด
      เหลือเกินว่า ที่มีไอ้คำหลังมาด้วยนั่นแหละถึงได้น่าห่วง แต่ทั้ง 2 ไม่พูดออกมา
      เพราะพูดไปก็ไร้ประโยชน์

      “ สวัสดี ” อลิซทุกทายขึ้นก่อนเมื่อเห็น อย่างน้อยสร้างความสุภาพและเป็นมิตร
      ไว้ก่อนคงดี
      “ พวกเจ้าเป็นใคร ” คำทักทายแรกออกจากปากของเครวี่
      “ เราเป็นใคร ตอนจะออกไปแล้วเราจะบอก ที่จริงเจ้าควรถามเรามากกว่าว่า
      เรามาทำไม ” อลิซพูด
      “ เจ้ามาที่นี่ทำไม เพื่ออะไร ” เครวี่ถาม
      “ มาขอขนหัวเครวี่เพื่อไปปรุงยา ” อลิซตอบอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะจะเสียเวลา
      และแซลลี่บอกว่ามันชอบคนที่พุดตรงๆ
      “ คิดหรือว่าขอแล้วข้าจะให้ ” มันถาม แล้วอลิซก็ยิ้มให้ก่อนตอบว่า
      “ เรารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ให้เราง่ายๆ เรามีข้อเสนอดีๆ ”
      “ อะไร ” มันถาม และกำลังคาดเดาคารมของคนตรงหน้า
      “ เจ้าคือพ้อยซั่น ที่ได้ชื่อว่าเครวี่แห่งพิษ ส่วนเราก็ได้พึ่งจะฉายาใหม่ว่าเจ้าหญิง
      แห่งพิษ เพราะฉะนั้นเราก็แข่งกันเรื่องพิษ ถ้าเราชนะ เราขอซักเส้นก็พอ ” อลิ
      ซเสนอ
      “ เจ้าหญิงแห่งพิษ ข้าไม่เคยได้ยิน …แล้วถ้าข้าชนะ ”
      “ ถ้าเจ้าชนะ จะเอายังไงก็แล้วแต่เจ้า ”
      “ แล้วถ้าข้าจะเอาชีวิตเจ้าล่ะ เจ้าจะให้มั๊ย ” มันถาม แล้วอลิซก็หัวเราะนิดๆก่อน
      จะตอบ
      “ ข้ารู้ว่าเจ้าสนเรื่องยาพิษมากกว่าเรื่องชีวิตแน่นอน พวกเครวี่ไม่ชอบการฆ่า
      คน ถึงได้อยู่ตามถ้ำ ห่างไกลผู้คน แล้วเครวี่ก็ไม่กินเนื้อคนแน่ๆ เพราะมันจะทำ
      ให้ไม่สบาย เพราะฉะนั้น เจ้าไม่สนชีวิตเราแน่ ที่เจ้าสน คงเป็นยา หรือ ยาพิษ
      อะไรดีๆ ”
      “ เจ้าฉลาด รู้เรื่องดี ข้อเสนอของเจ้าก็น่าสนใจ ข้าตกลง แต่จะแข่งกันยังไง ”
      “ มันไม่ยากหรอก ก็แค่ แข่งกินยาพิษ ” อลิซตอบ ทำเอาอะแมนด้าหัวใจจะวาย
      อลิซเอาจริงๆทั้งที่บอกว่าจะพยายาม แล้วเครวี่มันจะรอดหรอ เธอชักห่วงมันแล้ว
      สิ
      “ ยังไง ” มันถาม

      “ ก็…เจ้ามียาพิษเก็บไว้มากมาย เราก็มีเหมือนกัน ถ้ามียาพิษ ก็ต้องมียาแก้
      เพราะฉะนั้น ราจะเลือกยาพิษร้ายแรงที่เรามียาแก้ขึ้นมาคนละขวดเอายาพิษ
      ของตนให้อีกฝ่ายดื่ม ถ้ากินแล้วฝ่ายไหนร้องยอมแพ้ขึ้นก่อนก็ให้เอายาแก้ให้
      ตกลงมั๊ย ” อลิซถาม

      “ งานนี้เท่ากับเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่เสี่ยงดี ข้าชอบ ” มันบอก เป็นอันตกลง
      อะแมนด้าอยากจะเตือนว่าอย่าตกลงอะไรง่ายขนาดนั้นถ้าไม่รู้จักคู่ต่อสู้ แต่เธอก็
      จนปัญญา ไอ้นิสัยแบบนี้คงเป็นนิสัยของพวกชอบปรุงยาแน่ๆ เธอก็เลยทำได้แค่
      ปลง และเอาใจช่วยมันเท่านั้น

      “ อะแมนด้า ไม่ต้องห่วงมันหรอก อลิซก็บอกกติกาแล้ว มันไม่ตายหรอกน่า อย่า
      ห่วงมันให้มากนักเลย เธอควรจะห่วงอลิซมากกว่านะ อลิซเค้าฝ่ายเรานะอะแมน
      ด้า ” เนลลี่บอก

      “ ก็อลิซเค้าเป็นคนท้า แสดงว่ามั่นใจ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรน่าห่วง แล้วก็
      อย่างที่เรารู้ว่าเค้าไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แล้วเจ้าเครวี่นั่น มันชอบยาพิษใช่มั๊ย
      ฉันก็ว่ามันอาจจะ ทะนงในศักดิ์ศรี จนไม่ร้องยอมแพ้ก็ได้ มันอาจจะ… ”

      “ มันอาจจะคล้ายอลิซตรงข้อนั้น …แต่เธอไม่ต้องห่วง อลิซไม่ยอมให้มันเป็นอะไร
      ไปต่อหน้าหรอก เชื่อฉันสิ ” เนลลี่บอกแล้วอะแมนด้าก็พยักหน้าเป็นสัญญาณ
      ว่า ‘ แล้วฉันจะพยายามเชื่อ ’

      การแข่งเริ่มขึ้น อลิซให้เวลามัน 5 นาทีในการคิดหายา สวนเธอก็คิดอยู่เหมือน
      กัน

      “ อะแมนด้า เอาน้ำยาปั่นป่วนกับยาแก้มาก็พอ ฉันจะเล่นแค่เบาะๆ ” อลิซบอก
      อะแมนด้า
      “ เบาะๆของเธอหรอน่ะ เอาเบากว่านั้นไม่ได้หรอ ถึงมันจะอัปลักษณ์ไปหน่อย
      แต่ฉันก็ฉันสงสาร ” อะแมนด้าต่อรอง
      “ ฉันก็สงสารเหมือนกัน แล้วก็นี่ก็เล่นเบาแล้วนะ เห็นแก่เธอนะเนี่ยถึงเล่นแค่
      นี้ อีกอย่างเกมส์นี้จะได้รีบๆจบ ไม่ยืดเยื้อมาก ” อลิซบอก
      “ มันจะทรมานนะอลิซ ” อะแมนด้าพูดเสียงอ่อน
      “ เชื่อฉัน ไม่เกิน 1 นาทีหรอก แล้วก็ฉันรู้ว่าฉันได้เปรียบ เพราะฉะนั้นฉันจะ
      ไม่เอาเปรียบฝ่ายเดียวหรอกน่า คอยดูก็แล้วกัน ” อลิซให้ความมั่นใจ อะแมน
      ด้าจึงเอายาทั้ง 2 ขวดนั้นออกมา

      “ เจ้าเป็นเพียงแค่มนุษย์ ถึงจะเป็นมนุษย์ที่เป็นชาวสเปชก็เถอะ แน่ใจแค่ไหน
      กันเชียว ” มันถาม
      “ มั่นใจพอๆ กับที่เจ้ามั่นใจว่าจะชนะนั่นล่ะ ” อลิซตอบ แล้วการแข่งก็กำลังจะ
      เริ่มขึ้น โดยมีเนลลี่เป็นคนให้สัญญาณ ทั้ง 2 เปลี่ยนขวดยากันทันทีหลังจากได้
      เวลา
      “ ข้าขอบอกไว้ก่อน ว่ายาพิษนั่นจะทำให้เจ็บปวดทรมานเหมือนจะขาดใจเลยล่ะ
      ถ้าไม่ยอมแพ้ก่อนจะถึง 3 นาที ระวังจะตายโดยไม่รู้ตัว ” มันขู่
      “ ฉันก็จะบอกไว้ว่า ยานั่นจะทำให้ปวดไปทั่วทั้งร่างกาย ระวังจะทนไม่ไหวก็แล้ว
      กัน ”

      “ หนึ่ง…สอง…สาม เริ่ม! ” เนลลี่ให้สัญญาณ แล้วทั้ง 2 ก็เริ่มดื่ม

      1 นาทีผ่านไปยาของอลิซก็เริ่มส่งผลอย่างที่เธอว่า ส่วนยาของเครวี่ ไม่มีผลต่ออลิ
      ซเลย เพราะคำพูดของเธอเป็นประกาศิตต่อร่างกาย ถ้าเธอไม่บอกว่ารับผลจาก
      ยานั้น ยานั้นก็จะไม่มีผล นอกจากทำให้เพลียไปบ้างนิดหน่อยเท่านั้น เรื่องนี้ไม่
      ค่อยมีใครรู้นักหรอกว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น เพราะอลิซไม่เคยบอกใคร แล้วก็
      ไม่เคยคิดจะบอก

      ตอนนี้เครวี่เริ่มร้องครวญอย่างน่าสงสาร อะแมนด้ากับเนลลี่หลับตาแล้วภาวนา
      ให้มันยอกแพ้ซะที แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ส่วนอลิซก็ปิดตาแน่น เธอทน
      ไม่ได้ จึงไปประคองแล้วเอายาแก้ให้ก่อนที่มันจะยอมแพ้

      “ ข้ายังไม่ยอมแพ้ เอายาแก้มาให้ทำไม ” มันพูดหลังจากที่เป็นปกติแล้ว
      “ เพราะเจ้าแพ้แล้ว ” อลิซบอก
      “ ข้ายังไม่ได้บอกว่ายอมแพ้แล้วจะแพ้ได้ยังไง ” มันถามอีก
      “ พอทีเถอะ เจ้าไม่มีวันชนะหรอก ” อะแมนด้าร้องออกมา
      “ รีบๆเอาขนให้อลิซซะ แล้วมันจะได้จบๆไป ” เนลลี่บอก
      “ อลิซ? …เจ้าคือ ”
      “ อลิซซิน่า ครูเว่น ” อลิซตอบ
      “ เจ้าหญิงนักปรุงยางั้นหรือ …ข้าประมาทเกินไป แต่คราวหน้า ไม่พลาดแน่ ”
      “ คราวหน้าก็ส่วนคราวหน้า แต่คราวนี้ เจ้าแพ้แล้ว ” อลิซบอก
      “ ตกลง ข้าจะตามสัญญา ” มันบอกแล้วถอนใจ จากนั้นก็ดึงออกมาเส้นนึง แล้ว
      ลังเลที่จะส่งให้
      “ ขอข้าลามันก่อนนะ ”
      “ ตามสบาย แต่อย่านานล่ะ ” อลิซบอก

      แล้วมันก็เดินไปหลังถ้ำก่อนจะเดินออกมาแล้วยื่นให้
      “ เดี๋ยว นี่ไม่ใช่ขนหัวของเจ้า ” อลิซบอก เธอคิดว่าอาจมีอะไรไม่ชอบมาพากลจึง
      ใช้พลังทางตา แล้วก็มองเห็นว่ามันไม่ใช่
      “ เจ้ารู้ได้ไง ”
      “ เครวี่อย่างเจ้าเป็นพวกฉลาด แล้วก็หวงขนหัวมาก มีหรือที่จะไม่ใช้ความฉลาด
      ให้เป็นประโยชน์ มีหรือที่จะให้ง่ายๆ ” อลิซบอก
      “ ข้าหลอกเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ เอาไป เส้นนี้เป็นของจริง ข้านับถือคนมีความ
      สามารถเสมอ แล้วคราวหน้าเรามาประลองกันใหม่ ข้ารับรองว่าข้าจะไม่พลาด
      อีก ”

      “ ลาก่อน …อะแมนด้า เอาไม้กวาดออกมา ” อลิซพูด
      “ อ้าว ไม่เดินกลับปากถ้ำล่ะ ทีตอนมายังเดินมาเลยนี่ ” อะแมนด้ากวน
      “ เอามา อะแมนด้า ก้ไอ้ตอนเดินมาไม่รู้นี่นาว่ามันจะยาว อีกอย่าง ถึงเร็วกลัว
      เธอจะเบื่อ ”
      “ ฉันไม่เบื่อง่ายๆหรอก อ่ะ เอาไป แล้วก็รีบๆกลับ ” อะแมนด้าส่งไม้กวาดให้
      “ งั้นก็ ลาก่อนนะพ้อยซั่น แล้วเจอกันใหม่ คราวหน้า ” อลิซบอก แล้วทั้ง 3 ก็ออก
      ไปจากถ้ำแห่งนั้น

      พอถึงหน้ากระจกที่จะกลับอะแมนด้าก็พูดขึ้นว่า
      “ ดูๆไปมันก็ไม่ได้อัปลักษณ์ซะทีเดียวนะ แล้วมันก็ยัง… ”
      “ ชอบมันแล้วหรอ ” เนลลี่แซว
      “ เปล่า ฉันจะบอกว่ามันยังฉลาดแกมโกงด้วย อลิซ แล้วที่เธอว่าจะไม่เอาเปรียบ
      ฝ่ายเดียว ไม่เห็นเธอจะทำอะไรซักเท่าไหร่เลย ” อะแมนด้าถาม
      “ ก้ทีแรกกะจะให้น้ำยาที่มันอยากได้ซักขวด แต่มันโกงอย่างนั้นก็เลยไม่ให้ดี
      กว่า ” อลิซตอบ แล้วเดินเข้ากระจกไป

      ++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--+++++++++

      “ ยินดีด้วยนะอลิซ เธอออกมาเป็นคนแรกของคนที่ปรุงน้ำยากัดเซาะเลย ” แซ
      ลลี่บอก
      “ ขอบใจจ้ะแซลลี่ เธอไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ ”
      “ แล้วเจอกันนะ บ๊าย บาย ” แซลลี่โบกมือให้แล้วก็หายไป

      ต่อไปก็ได้เวลาปรุงยาแล้วสินะ - อลิซคิด

      “ พยายามเข้าล่ะ ” เสียงดังมาจากในหัวของอลิซ เสียงของเอเรีย
      “ จ้า ไม่ทำให้ผิดหวังหรอก ” อลิซตอบกลับในใจเช่นกัน ในบางครั้ง ทั้งคู่ ( และ
      ร่างอื่นๆ ) ก็สามารถติดต่อกันได้ทางจิต
      “ อลิซ คราวหน้าทำอะไรหัดคิดถึงฉันบ้างนะ ” เอเรียว่า
      “ ลืมไปเลย เอาไว้คราวหน้า ฉันจะพยายาม ” อลิซบอก

      อลิซกับเอเรีย มีอะไรเชื่อมต่อกันอย่างประหลาด บางครั้งที่อลิซเจ็บเอเรียก็มักจะ
      เจ็บที่เดียวกันไปด้วย ความสามารถของทั้งคู่เหมือนกันเกือบทุกอย่าง เวลาที่อลิ
      ซ หรือ เอเรียอ่านหรือเรียนอะไร อีกฝ่ายก็จะรู้ไปด้วย ( เรื่องนี้รวมถึงคนอื่นๆ
      เป็นบางเวลา ) เวลาที่เอเรียหิว อลิซกิน เอเรียก็จะอิ่มไปด้วย ( ต้องกินใน
      ปริมาณเท่า 2 คน ) และอีกหลายๆอย่างที่เชื่อมต่อกันอย่างน่าประหลาด มันมีข้อ
      ดี แต่ก็มีข้อเสีย

      “ เลิกคุยกันได้แล้ว เอเรีย เธอจะกวนอลิซในการปรุงยานะ ” อะแมนด้าว่า ส่วน
      มากเธอจะได้ยินเวลาอลิซคุยทางจิตกับคนอื่นๆ เพราะเธอก็เหมือนเป็นส่วน
      หนึ่ง เนลลี่ก็เช่นกัน
      “ ใช่ อลิซ รีบๆปรุงเถอะ เสียเวลา ” เนลลี่สนับสนุน
      “ รับทราบค่ะ ” เอเรียบอก ( ผ่านทางจิตของอลิซเพราะรู้ว่าภูติทั้ง 2 ได้ยิน )
      แล้วอลิซก็เริ่มปรุงยา

      “ ขั้นแรก ตั้งหม้อแก้วให้ร้อน ” อลิซอ่านแล้วจุดแก๊สที่เตาที่มีตั้งไว้ให้ที่โต๊ะปรุง
      ยา แล้วจากนั้นเธอก็เอาหม้อแก้วตั้ง โดยมี 2 ภูตินั่งดูอยู่ที่โต๊ะตรงข้าม ( นั่งให้
      กำลังใจ )

      หลังจากที่ร้อนแล้ว อลิซก็อ่านวิธีแล้วก็ปฏิบัติตาม 15 นาทีต่อมา ก็เสร็จเรียบ
      ร้อย อลิซจึงเรียกคุณปาเรซ่ามาตรวจผลของน้ำยากัดเซาะ

      “ สีแบบเดียวกับที่ต้องการ ทีนี้ก็ต้องตรวจสอบผล ” คุณปาเรซ่าพูด แล้วก็เริ่ม
      เอาอะไรต่อมิอะไรออกมา แล้วเอาน้ำยาหยดใส่ ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

      “ ผ่าน ” คุณปาเรซ่าบอก แล้วก็ส่งยิ้มให้อลิซ อลิซก็ยิ้มตอบ แล้วจัดการเอาน้ำยา
      ใส่ขวดแก้ว จากนั้นก็บอกให้อะแมนด้าเก็บใส่ล็อกเกอร์ที่เป็นที่เก็บน้ำยาโดย
      เฉพาะ

      “ ผ่านแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 35 นาที ฉันกลับเข้าล็อกเกตก่อนนะอลิซ ไปเนล
      ลี่ ” อะแมนด้าบอก แล้วทั้งคู่ก็กลับเข้าไปในล็อกเกตอันนั้น

      “ มิสเตอร์เดริคคะ เร่งแอร์หน่อยนะคะ ” อลิซร้องบอก แล้วก็หันไปมองเซียและ
      แคตที่กำลังปรุงยา ทั้งคู่ ออกมาหลังอลิซเพียงแค่นิดเดียว และคงใกล้จะเสร็จ
      แล้ว

      เวลาผ่านไป 1 นาที เดรโกก็ออกมา แล้วก็เริ่มปรุงยา
      ผ่านไป 3 นาที เอ๊ดก็ออกมา
      และ 2 นาทีต่อมา วีนก็ออกมา ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาอยากจะให้เสร็จเร็วๆ จึง
      ไม่มีใครคุยอะไรกัน อลิซเองก็ไม่อยากไปกวน

      5 นาทีผ่านไป ทอมกลับมาเป็นคนสุดท้ายแล้วก็รีบเร่งปรุง ในขณะที่เซียและแค
      ตผ่านไปตั้งแต่ 6 นาทีที่แล้ว คุณปาเรซ่าให้ผ่าน อลิซ เซีย และแคตจึงไปนั่งคุย
      กันเพื่อรอเพื่อนๆ

      12 นาทีต่อมา เอ๊ดและเดรโกปรุงเสร็จพร้อมกัน คุณปาเรซ่าบอกว่าเดี๋ยวรอ
      ตรวจพร้อมกันเลย
      2 นาทีต่อมา เชก็ปรุงเสร็จ
      1 นาทีต่อมา วีนปรุงเสร็จเช่นกัน
      ส่วนทอม ปรุงเสร็จในนาทีสุดท้ายทำเอาเพื่อนๆใจหายใจคว่ำ

      แล้วก็มาถึงนาทีระทึก ที่ทุกคนรอคอย ( สามสาวครูเว่นหูผึ่งรอฟังคำวิจารณ์ )

      เอ๊ดต้องเจอก่อนใครเพื่อน

      “ สีโอเค แต่ควรจะใสกว่านี้นิดนึงคาดว่าเธอจะเอาขนหงอกที่หัวของเครวี่มาล่ะสิ
      น่าจะตรวจให้ดีก่อน แล้วก็ประสิทธิภาพยังไม่ดีเท่าที่ควร พิษปลาเทียร์ลิคของ
      เธอ เป็นพิษแถวท้ายๆสุดท้ายของปลา เธอไม่รู้จักหยุดมันก่อน ดีนะที่พิษมันยัง
      ไม่หมด แต่ผลก็ยังไม่ดีเท่าพิษแรกๆ แสดงว่าขาดแนวคิดยังต้องไปฝึกคิดอีก
      หน่อย แล้วก็ควรศึกษาบ้าง ไม่ก็ถามจากภูติกระจกของเธอก็ได้ ต้องรู้จักคิดซะ
      บ้าง ไม่ใช่ทำเป็นว่ารู้ แล้วก็พิษของแทรปป้า มันค่อนข้างจะเก่าเกินไป แสดงว่า
      เอามาได้เพราะโชคช่วยซะมากกว่าฝีมือ เธอควรจะใช้ตาเลือกให้ดีกว่านี้นะ ถ้า
      ยังอยากจะปรุงยาให้มีประสิทธิภาพ ส่วนผสมทุกอย่างเราควรเลือกให้ดี ” มิสปา
      เรซ่าวิจารณ์ผสมกับว่า เอ๊ดก็ได้แต่ยืนสงบรับคำ ( ก็ว่าซะเละ ) เถียงอะไรไม่ได้
      มาก ส่วนสาวๆครูเว่นก็หัวเราะคิกคัก คนอื่นๆก็ได้แต่ภาวนา ‘ ขอให้ฉันรอด
      ด้วยทีเถอะ อย่าเจออย่างนี้เลย ’

      “ แต่เห็นแก่ความพยายาม กับ ประสิทธิภาพใช้ได้ ถือว่าผ่าน แต่คราวหน้าต้อง
      ปรับปรุง ” คุณปาเรซ่าสรุป ทำให้เอ๊ดถอนหายใจอย่างโล่งใจ

      “ ขอบคุณครับ ” เอ๊ดบอกพลางคิดว่า อย่าได้หวังว่าจะมีคราวหน้า ไม่จำเป็นจะไม่
      ขอมาให้ยำเละอย่างนี้หรอก

      “ หยุดหัวเราะกันเลย ใช่สิ ฉันไม่เก่งปรุงยากับหาส่วนผสมอย่างพวกเธอนี่ ”
      เอ๊ดพูด
      “ เอาน่า ผ่านแล้วอย่าคิดมาก ” อลิซบอก แล้วเอ๊ดก็นั่งลงที่โซฟา ( ที่มีไว้ใน
      ห้อง ) ข้างๆเธอ
      “ ต่อไปก็วีน ” อลิซบอก
      “ จะเจออย่างฉันมั๊ยเนี่ย ” เอ๊ดถาม
      “ ฉันว่าไม่หรอก วีนปรุงยา แล้วก็ดูเวลาฉัน เซีย แล้วก็แคตปรุงบ่อยๆ ส่วนผสม
      เค้าก็คงจะเลือกดีๆ แล้วก็คิดถึงผลที่จะออกมา ” อลิซพูดทำให้เอ๊ดหันมามองหน้า
      ก่อนที่จะพูดอะไรเซียผู้ไม่ชอบบรรยากาศตึงเครียด และแคต ผู้ไม่ชอบฟังเวลา
      ทั้ง เถียงกัน จึงเข้ามาห้ามไว้ก่อน
      “ ดูวีนดีกว่านะ ” เซียบอก
      “ ใช่ๆ มิสปาเรซ่าเดินมาตรวจแล้วนะ ” แคตสนับสนุน ทั้งคู่จึงหันไปดู

      ถึงตาวีนแล้ว…

      “ อืม ใช้ได้นะ วิธีปรุงก็โอเค แต่ต้องปรับความร้อนของไฟนิดหน่อย อุปกรณ์ก็โอ
      เค เสียอยู่อย่างเดียวคือถูกเครวี่มันหลอกเอา มันเอาขนอย่างอื่นให้ แต่ก็เป็น
      ขนของมันเหมือนกัน ถึงจะไม่ใช่ขนหัวแต่ก็ใช้ได้ แค่นั้นแหละที่ยังไม่ดี ต้อง
      ฉลาดให้ทันมันมากกว่านี้ ต้องฝึกและหัดคิดบ่อยๆ นอกนั้นก็ใช้ได้ ผ่าน ” คุณปา
      เรซ่าบอก วีนบอกขอบคุณแล้วก็เดินมานั่งที่โซฟา

      “ ก็นับว่าใช้ได้ ไม่โดนวิจารณ์มาก ไม่เหมือนฉัน ” เอ๊ดบอก
      “ ใช่ ก็ฉันเคยมาแล้วครั้งนึง เลยไม่วิจารณ์มากไง แล้วก็ส่วนผสม จาก
      ประสบการณ์ครั้งนึงที่เคยมา ทำให้เลือกมากขึ้น ” วีนบอกแล้วทุกคนก็หยุดบท
      สนทนาไว้แค่นั้นเพราะได้ยินเสียงดังมาจากอีกทางหนึ่งซึ่งก็คือหม้อของเดรโก

      “ น้ำขุ่นๆอย่างนี้ยังใช้ไม่ได้ เราทำน้ำยากัดเซาะนะไม่ใช่นมข้นหวาน ขนของ
      เครวี่ก็เป็นขนหงอกเหมือนอีตาคนแรกนั่น ใช้ไม่ได้ ขาดความคิดไตร่ตรอง
      แล้วนี่คงเก็บมาจากในถ้ำล่ะสิ มันไม่ใช่ขนของเครวี่ อย่าเอาแต่โชคช่วยอย่าง
      เดียว น้ำลายแอซิดของเธอควรจะเป็นสีเหลืองธรรมดาไม่ใช่ทั้งข้นทั้งเริ่มจับตัว
      แบบนั้น ก้างปลาเทียร์ลิคในนั้นเค้าบอกให้เอาก้างเล็กที่สุด ไม่ใช่ก้างใหญ่สุด
      เธออ่านหนังสือออกรึเปล่าเนี่ย แล้วก็พิษปลานี่แย่ยิ่งกว่าคนแรกซะอีก ( เอ๊ด
      สะดุ้ง ) เอาพิษปลาสุดท้ายของมันมาจริงๆ อย่างเธอไม่น่าผ่านเอามาได้เลย สงสัย
      ไม่ได้เจอเงือกผู้พิทักษ์ล่ะสิ ถ้าเจอฉันบอกได้คำเดียวเลยว่าคงไม่ได้ผ่าน น้ำ
      จากถ้ำดิสทรี่นี่ก็ข้นเกินไป เขี้ยวโมริชไม่มีความเป็นพิษซักนิดแน่ๆ แสดงว่าเอา
      ตอนมันไม่อยู่แล้วก็เอาเขี้ยวมาจากในน้ำด้วย เพราะเขี้ยวมันหลุด ไม่ได้ใช้
      ความสามารถเลย มิน่าล่ะถึงได้มาง่าย แถมไม่มีคุณภาพ พิษแทรปป้าก็พอใช้ได้
      แต่เลือกแข็งเกินไปนิด ฉันจะให้ผ่านดีมั๊ย
      เนี่ย ไม่ค่อยน่าให้ผ่าน ” คุณปาเรซ่าวิจารณ์เดรโกเละซะยิ่งกว่าเละ ทุกคน
      หายใจไม่ทั่วท้อง เดรโกจะผ่านมั๊ยเนี่ย

      อลิซที่ใจคอไม่ค่อยดีเหมือนคนอื่นๆพยักหน้าให้เซียและแคต แล้วทั้ง 3 ก็เดิน
      ตรงไปหาคุณปาเรซ่า
      “ คุณปาเรซ่าคะ เดรโกเค้าพยายามก็น่าจะให้เค้าหน่อยนะคะ ” อลิซพูด
      “ ใช่ค่ะ น่าจะเห็นแก่ความพยายามนะคะ แล้วก็รายการโชคช่วยนี่ก้ไม่ได้เป็น
      ข้อห้ามไม่ให้ผ่านนะคะ คุณปาเรซ่าให้เค้าผ่านเถอะค่ะ ” แคตสนับสนุนแล้วก็ขอ
      “ ใช่ค่ะ คุณปาเรซ่าใจดี๊ใจดี ใจดีที่สุดเลย ใครๆเค้าก็รู้กัน เพราะฉะนั้นก็ควรจะ
      ให้คนอื่นๆได้รู้บ้าง แสดงความใจดีให้คนอื่นๆเค้าเห็นหน่อยสิคะ เดี๋ยวเค้าจะหา
      ว่าคนครูเว่นโหดนะคะ ” เซียพูด
      “ ใช่ค่ะ แล้วก็แค่มันกัดเซาะได้ สำหรับครั้งแรกที่เค้าปรุง ทำได้ดีแค่นี้ก็ดีแล้ว
      นะคะ ” แคตบอก
      “ แต่ครั้งแรกที่พวกเธอทำ พวกเธอก็ทำได้ดี ” คุณปาเรซ่าพูด
      “ นั่นก็ใช่ค่ะ แต่ตระกูลเราสืบต่อกันโดยสายเลือด ตระกูลเค้าไม่ใช่นี่คะ เพราะ
      ฉะนั้นเค้าทำได้แค่นี้ก็ดีแล้วนะคะ ให้เค้าผ่านเถอะค่ะ ” อลิซบอก
      “ ก็ได้ ก็ได้ เห็นแก่พวกเธอนะ ผ่านก็ผ่าน ”
      “ ขอบคุณค่ะคุณปาเรซ่า คุณใจดีที่สุดเลย ” อลิซพูด
      “ จ้ะ รู้แล้ว ไปนั่งกันได้แล้วไป จะได้ตรวจคนต่อไป ” คุณปาเรซ่าบอกแล้วอลิซ
      เซีย แคต และเดรโกก็ไปนั่งท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน

      “ ลูกอ้อนของครูเว่นนี่สุดยอดจริงๆ ” เอ๊ดชม
      “ ขอบใจจ้ะ เค้าคงเห็นเราเป็นลูกเป็นหลานด้วยนั่นแหละ ” อลิซบอก
      “ ขอบใจพวกเธอมากนะ ไม่งั้นฉันคงไม่ผ่าน ” เดรโกบอก
      “ ไม่เป็นไรจ้ะ ด้วยความยินดี ” ทั้ง 3 ตอบพร้อมกัน ต่อไปก็เช

      “ ใช้ได้นะสำหรับอุปกรณ์แต่วิธีปรุงนี่สิ ขั้นที่ 2 เธอยังรอให้อุณหภูมิสูงไม่พอ ที่
      จริงมันต้อง 75 องศาเซลเซียส นอกนั้นก็ใช้ได้ เพราะน้ำยาอันนี้มันง่ายมาก
      หรอกนะ ถ้าปรุงยากกว่านี้แล้วรอไม่ถึงมันจะเสียเวลาเปล่า ถือว่าผ่าน ” คุณปา
      เรซ่าบอก เธอลดการวิจารณ์ลงหน่อย เชเลยไม่โดนมาก

      ต่อไปก็คนที่ทุกคนลุ้นระทึกที่สุด คือ…ทอม

      +++++++++--*--*--*--*--*--*--*--*--*--+++++++++

      10 นาทีผ่านไป คุณปาเรซ่าก็ยังไม่เลิกบ่นทอม แต่ในที่สุดด้วยลูกอ้อนอีกครั้ง
      ของ 3 สาวครูเว่น ก็ทำให้ทอมผ่านจนได้ ท่ามกลางความโล่งใจอีกครั้งของเพื่อน
      และความเหนื่อยของคุณปาเรซ่า ( บ่นจนเหนื่อย )

      “ ผ่านจนได้นะครับ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เอาไว้เสาร์หน้าค่อยมาต่อด่านที่ 6 นะ
      ครับ สวัสดีครับ ”
      มิสเตอร์เดริคบอก

      “ สวัสดีครับ/ค่ะ ” ทุกคนตอบพร้อมกันแล้วเดินผ่านกระจกออกไปสู่ห้อง

      ทุกคนพร้อมใจกันลงไปที่ห้องรับประทานอาหารทันที ที่ไปก่อนก็เพื่อจะได้คุย
      เล่นระหว่างรอ แล้วเมื่อถึงก็เริ่มเปิดฉากด้วยบทสนทนาทันที บทสนทนานั้นจะ
      เป็นอะไรไม่ได้นอกจากวิจารณ์เกมส์แก้เซ็ง และคุณปาเรซ่า

      “ เจ๊แกเล่นแรงไปหน่อยนะฉันว่า ” เอ๊ดพูดขึ้น
      “ ไม่ใช่แรงธรรมดาด้วย ” เดรโกบอก
      “ เป็นโคตะระแรงเลยล่ะ คนอะไรไม่รู้ วิจารณ์ธรรมดาไม่พอ ยังมีหลอกด่าแถม
      มาอีก ” เสียงนี้มาจากคนที่ถูกว่านานที่สุด
      “ เอาน่า คราวหน้าพวกนายก็ปรับปรุงหน่อยละกัน ” วีนบอก
      “ ยังจะมีคราวหน้าอีกหรอ ฉันล่ะคนแรกที่ไม่เอา ” เอ๊ดบอก
      “ อย่าได้หวังว่าจะมีคราวหน้า ” เดรโกพูด
      “ ฉันไม่มีวันให้ยัยเจ๊ปากจัดนั่นยำฉันเป็นครั้งที่ 2 หรอก ” ทอมพูด

      “ ทางน้ำยาของพวกเธอเป็นไง ” วีนถามขึ้นเพื่อนเลี่ยงบทนินทา
      “ ของพวกเราง่ายๆไม่มีอะไรมาก เสียแต่ว่าปรุงยากไปหน่อย ไม่มีอะไรน่า
      ตื่นเต้นมากหรอก แล้วของพวกเธอล่ะ ” เซียถาม
      “ เกือบไม่รอด ” วีนตอบเป็นคนแรก
      “ วิ่งแทบทุกงาน ” คำตอบจากอลิซ
      “ โชคช่วย ” คำตอบจากเดรโก
      “ ซวย ” คำตอบจากเอ๊ด

      “ ช่วยขยายความหน่อยสิ เล่าทีละอย่าง ทีละคน ” แคตพูด แล้ววีนก็เล่าเป็นคน
      แรก

      เธอเริ่มเล่าตั้งแต่แรก

      “ น้ำลายแอซิดนี่--ทำให้มันสลบ แล้วก็ไปเอา ส่วนตรงที่ไปเอาพิษกับก้างปลานี่
      เกือบไม่รอด เกือบจะลงไปเล่นน้ำในนั้นอยู่แล้วถ้าไม่ใช่ว่าได้ยินเสียงฝีเท้าคน
      มาปลุกให้ตื่น ” วีนบอก
      “ เสียงฉันเอง ” เอ๊ดบอก
      แล้ววีนก็เล่าต่อไป เรื่องแขนเสื้อนั้นเธอบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
      “ ก็…แขนเสื้อฉันถูกกิ่งไม้ในป่าเกี่ยวขาด แล้วกวางตัวหนึ่งวิ่งหนีโมริชมาพอดี
      เขาของมันเกี่ยวเอา แล้วก็โมริชจับมันได้ แล้วก็เอาไปกินเล่นในถ้ำ ” วีนอะ
      บาย แล้วก็เล่าต่อไปอีก เท่าที่ฟังดูแล้วเธอเกือบไม่รอดทุกงาน ก็งานแบบนี้มัน
      ไม่เหมาะกับเธอซักเท่าไหร่ แต่เธอก็ทำได้ดีพอใช้เลยทีเดียวที่ไม่มีบาดแผล
      กลับมาเลยซักนิด
      “ ก็ถ้ามีแผลแม่เห็นเข้าก็โดนดุน่ะสิ ถึงจะอีกนานแต่ไม่ว่าแผลจางแค่ไหนแม่
      ของฉันก็จะดูออกก็เลยต้องระวังไม่งั้นโดนแม่อาละวาดแน่ ” วีนบอกเรื่องที่เธอ
      พยายามจะไม่ให้มีแผลตามร่างกาย แล้วการเล่าเรื่องของวีนก็จบลง มีหลายครั้ง
      ที่อลิซสังเกตได้น้ำเสียงของวีนบางครั้งดูสนุกตื่นเต้น แต่บางครั้งก้มีความหวาด
      กลัวในน้ำเสียงเล็กน้อยอย่างไม่กล้าแสดงออก
      “ อลิซ เล่าเรื่องของเธอให้ฟังบ้างสิ ท่าทางจะสนุก ” วีนพูดแล้วอลิซก็เริ่มเล่าให้
      ฟัง เธอเริ่มที่อย่างที่ 2 เลย

      “ อ้าว…แล้วอันแรกล่ะ ” เอ๊ดท้วงขึ้นตอนอลิซจะเล่าเรื่องอันที่ 2 เลย เพราะเธอ
      ไม่ค่อยอยากเล่าอันแรกซักเท่าไหร่
      “ ก็แค่ใส่ยานอนหลับลงในกล้วย มันกินก็หลับ แล้วก็เอาน้ำลายมา ” อลิซบอก
      ไม่หมด
      “ ไม่จริงมั้ง ฉันเห็นท่าทางเธอรีบร้อนออกมา แล้วก็มีหิน ตามออกมาด้วยนี่นา ”
      เดรโกท้วง อลิซล่ะอยากจะลุกขึ้นไปบีบคอจริงๆเลย แต่ทำไม่ได้ เพราะสายตา
      เพื่อนๆยังจ้องมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
      “ แล้วเธอก็ดูเหมือนจะหัวโนกลับมาด้วยนะ ” เอ๊ดพูดพลางจ้องตาอลิซ

      “ อย่ามาใช้วิธีนี้กับฉัน ” อลิซพูด
      “ งั้นก็บอกมาสิ ”
      “ ก็แค่ปาหินเล่นกับพวกลิงป่าเท่านั้น ”
      “ เท่านั้นหรอ ”
      “ ใช่ แค่นั้น ”
      “ จริงๆน่ะ ”
      “ บอกว่าแค่นั้นก็แค่นั้นสิ อย่าเซ้าซี้ ”
      “ คนอย่างเธอน่ะหรอจะปาหินเล่นกับพวกนั้น ครูเว่นไม่ชอบสร้างศัตรูนี่นา
      เอ๊ะ! หรือว่าเจ้าหญิงของเราเสียท่าเข้า ทำให้ถูกรุม ” เอ๊ดพูด อลิซมองค้อนควับ
      เป็นสัญญาณว่าอย่าพูดไปมากกว่านี้ ไม่งั้นจะเจอแบบที่อลิซอยากจะทำกับลิง
      พวกนั้น

      “ ว่าไงล่ะ ” เอ๊ดยังกล้าถามต่อ
      “ ฉันไปเด็ดกล้วยเพื่อจะเอาไปใส่ยาเพราะจะล่อโมริช แล้วลิงมันเห็นเข้าเลย
      เกิดสงคราม หนีมาได้ พอเอาน้ำลายแอซิดเสร็จก็เจอคู่อริเดิมรออยู่หน้าถ้ำ ก็
      เลยมีสงครามอีกรอบ พอใจรึยัง ” อลิซพูดอย่างหงุดหงิด

      “ เรียกว่าถูกรุมไม่ดีกว่าหรอ ก็เธอไม่มีโอกาสตอบโต้เลยนี่ ” เอ๊ดเสนอ
      “ ก็แล้วแต่ ” อลิซพูด แล้วทั้ง 2 ก็จ้องตากัน ทอมสังเกตเห็นประกายไฟปะทะกัน
      ทางสายตา จึงพูดว่า
      “ เอาเถอะน่า อลิซ เล่าต่อเถอะ ” ทั้งคู่จึงหยุดชั่วคราวแล้วอลิซก็เล่าต่อไป จนจบ
      “ เธอเจอเครวี่แห่งพิษ หวานเธอล่ะสิ ” เอ๊ดถาม
      “ ก็ไม่เชิง ” อลิซตอบ
      “ แล้วนายล่ะ เอ๊ด เล่าเรื่องของนายบ้างสิ ” อลิซพูด แล้วอมยิ้มนิดๆ เธอรู้เรื่อง
      ของเค้าตอนที่จ้องตากันนั่นแหละ

      แล้วเอ๊ดก็เริ่มเล่าบ้าง แต่ดูมันแสนจะธรรมดาเหลือเกิน มันข้ามบางตอนไป จน
      อลิซท้วง
      “ เดี๋ยวสิ นายยังไม่ได้เล่าตอนตื่นเต้นของเรื่องเลย ” พออลิซท้วง ทุกคนหันก็มา
      มองที่เธอ รวมถึงเอ๊ด แต่มองด้วยสายตาที่ต่างกัน

      “ อย่างเช่นตอนที่นายตื่นจากห้วงสะกดได้เพราะเดินสะดุดหิน แล้วยังหน้าคะมำ
      เกือบลงสระ หรือว่าตอนที่จัดการกับโมริชแล้วก็สะดุดมันอีก อ้อแล้วก็… ” อลิซยัง
      พูดเล่าต่อไปเรื่อยๆ ดุท่าทางเธอสนุกสนาน ยิ่งตอนที่เห็นสีหน้าของเอ๊ดยิ่งสนุก
      เข้าไปใหญ่

      “ พอๆ เลยอลิซ เดร นายเล่าเรื่องของนายบ้างสิ ” เอ๊ดพูด ในบางครั้งเราจะเรียก
      เดรโกว่า เดร เพราะนั่นคือชื่อเล่นของเค้า

      “ ก็ไม่มีอะไรมาก งานนี้ส่วนมากก็โชคช่วย น้ำลายแอซิด ที่มันทั้งข้นทั้งจับตัว
      เพราะเก็บเอาจากถ้ำก้างกับพิษก็อย่างที่เจ๊ปาเรซ่าวิจารณ์นั่นแหละ น้ำจากถ้ำก็
      ไม่ยาก เผอิญว่าโมริชมันไม่อยู่ แล้วเขี้ยวมันก็อยู่ในน้ำด้วย พิษแทรปป้า เก็บ
      จากรังมัน ตอนมันไม่อยู่ เพราะมันกำลังง่วนสู้กับอลิซอยู่ ฉันไปจังหวะดี ตอนที่
      มันบินออกจากลังตามอลิซไป ก็เลยได้มา แต่ไม่ได้เลือกให้ดี ขนของเครวี่ก็เก็บ
      เอาตามถ้ำ เพราะว่าเครวี่ที่ฉันเจอมันเป็นเครวี่แห่งเวทย์ ขืนเจอมันก็มีแต่ซวย
      กับซวย เก็บเอาหน้าถ้ำง่ายกว่ากันเยอะ ” เดรเล่า

      “ นายโชคดีจัง ” อลิซพูด
      “ ไอ้ดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันดีไม่ได้ตลอด ” เดรบอก
      “ ยังไง ” เซียถาม
      “ ก็ตรงที่ถูกเจ๊ปาเลสไตน์วิจารณ์ซะเละน่ะสิ ” เดรบอกอย่างหงุดหงิด แล้วทุกคน
      ก็ถึงบางอ้อ 4 สาวที่นั่งร่วมโต๊ะหัวเราะกันคิกคัก
      “ เจ๊แกชื่อปาเรซ่าไม่ใช่หรอ ” เชถาม
      “ ก็ใช่ แต่ฉันว่า เรียกว่าปาเลสไตน์จะเหมาะกว่า ” เดรบอก
      “ จริง ” เอ๊ดสนับสนุน แล้วทอมก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างที่สุด ทำให้ 4 สาว
      หัวเราะมากขึ้นไปใหญ่

      เวลาผ่านไป
      “ หยุดหัวเราะได้แล้ว ” เดรบอกอย่างหงุดหงิด
      “ ก็ได้ๆ แต่พูดจริงๆนะ ตอนนึกถึงท่าทางนาย กับหน้านายตอนคุณปาเรซ่า
      วิจารณ์แล้วอดขำไม่ได้จริงๆ ” อลิซบอก แล้วก็หยุดหัวเราะเพราะสีหน้าเดรบอก
      ว่าเริ่มไม่ดี

      “ เอาเถอะน่าเดร อย่าคิดมาก ฉันยังทำใจเลย กินข้าวดีกว่า ” ทอมปลอบ เป็นคำ
      ปลอบใจที่ดีมาก เพราะเมื่อเดรคิดถึงตอนที่ทอมถูกวิจารณ์ อารมณ์หงุดหงิดก็
      หายเป็นปลิดทิ้ง

      เมื่อทานอาหารเสร็จ ทุกคนก็กลับขึ้นห้อง หลังอาบน้ำ แปรงฟันเสร็จ ทุกคนก็เข้า
      นอน เมื่อหัวถึงหมอนก็พากันหลับอย่างไม่ได้นัดหมาย

      -------------------------------------------------------

      บทที่ 12 การมาของเอเรีย

      เช้าวันอาทิตย์ ทุกคนพร้อมใจกันตื่นสาย เพราะเมื่อวานเหนื่อยกันมามาก

      แล้วเวลาก็ผ่านไป
      ที่ห้องอาหาร
      “ อลิซ ที่เธอเคยบอกว่าตำราจะเอาวันเสาร์น่ะ ทำไม่ได้แล้วจะเอาไงต่อ ” วี
      นถาม
      “ ก็ว่างเมื่อไหร่ก็ค่อยนัดกันอีกที แต่วันนี้ก็ไปเอาของที่ต้องเอาจากแอลนิวซิ
      ตกับเควชอส ” อลิซบอก
      “ อลิซ เธอไม่ต้องไปหรอก ฉันกับเดรโก 2 คนจัดการได้ ” เอ๊ดบอก
      “ ก็ดี ฉันง่วง ” อลิซพูด
      “ จะนอนต่อรึไง ” เอ๊ดถาม
      “ เปล่า ก็ถ้าง่วงจะทำให้ทำอะไรอย่างเซ็งๆ ไม่สนุก ก็เลยบอกว่าดีไง ” อลิซพูด
      พลางทานอาหารต่อ

      “ แล้วเรื่องเลือด ” เชถาม
      “ ก็เดี๋ยวช่วงคริสต์มาส ขอจากพลอซ แล้วก็ชวนไปเที่ยวด้วยเลย ” อลิซบอก
      “ ทำไมต้องชวนเที่ยวด้วยล่ะ ” เอ๊ดถาม
      “ ก็เราขอเค้า เราก็ควรชวนเค้าไปเที่ยวเพราะถือว่าเค้าช่วย แล้วก็คริสต์มาสนี้
      เค้าก็คงอยู่คนเดียว ชวนเค้าไปหน่อย เปลี่ยนบรรยากาศ เค้าคงไม่ปฏิเสธ แล้ว
      ถ้าจะให้เค้าไปกับเรา พวกเธอคงไม่ว่าอะไร ” อลิซบอก

      “ ก็ดี สร้างมิตรไว้ไม่เสียหาย ” เซียบอก
      “ แล้วทำไมไม่เที่ยวกัน 2 คนไปเลยล่ะ ” เอ๊ดถาม
      “ ไม่เอา เซ็ง เที่ยวแค่ 2 คนคงไม่สนุก ต้องหลายๆคนสิ ถึงจะดี ”
      “ ช่ายๆ ” เซียสนับสนุน

      หลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนก็ไปที่ห้องของฝ่ายหญิงโดยอ้างว่าไปซ้อม อลิ
      ซจัดการให้เอมิลี่เปิดระบบไปสู่แอลนิวซิต และเอาอีกกระจกบาน ซึ่งเกิดจาก
      พลังเวทย์ของเธอเองเชื่อมไปสู่เควชอส แล้ว 2 หนุ่มผู้รู้ชะตาก็ก้าวเข้าไป

      “ ระหว่างรอ เราจะทำอะไรกันดี ” เซียผู้ไม่ชอบการรอคอยถามขึ้น
      “ ฉันง่วง แล้วก็เสียพลังไปพอสมควร เพราะฉะนั้น ฉันไปนอนก่อนล่ะ ” อลิซบ
      อก แล้วเดินไปที่ห้องนอนโดยไม่รออะไร ตอนนี้เธอต้องการนอนมากโดยไม่สน
      เรื่องสนุก

      “ เล่นเกมกันเถอะ ” แคตชวน
      “ เห็นด้วย ” เซียและทอมพูดพร้อมกัน

      “ งั้นฉันกับวีนขอตัวไปนั่งอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ก่อนนะ ” เชบอก แล้วทั้งคู่ก็
      เดินไปที่ห้อง

      เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง เอ๊ดกับเดรโกก็กลับมา ( กลับมาพร้อมกันเพราะโทรนัด
      กัน )

      “ โห เล่นกันใหญ่เลยนะ ” เดรโกพูดหลังจากเห็นสภาพ
      “ แล้วอลิซล่ะ ” เอ๊ดถาม
      “ ไปนอน เค้าบอกว่าเสียพลังไป แล้วก็ง่วง ” ทอม ที่รอเล่นต่อคิวจาก 2 สาว ( ที่
      เล่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ) ตอบ
      “ แล้ววีนกับเช ” เดรโกถาม
      “ สองคนนั้นนั่งอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ที่ห้องเขียนหนังสือ ” ทอมบอก แล้วเด
      รกับเอ๊ดก็เดินไปห้องหนังสือ ภาพที่พวกเค้าเห็นคือ…

      ทั้งวีน ทั้ง เช พร้อมใจกันฟุ๊บหลับคาโต๊ะ

      “ ไปดูอลิซกันมั๊ย ” เอ๊ดเสนอ
      “ เป็นห่วงล่ะสิ…แต่อย่าไปเลย เข้าห้องนอนผู้หญิงมันไม่ดี ” เดรโกเตือน
      “ จริงสิ งั้นเราก็ไปเล่นเกมกันบ้างดีกว่า ” เอ๊ดชวน
      “ มีหรือจะปฏิเสธ ” เดรโกบอก แล้วทั้งคู่ก็ไปสมทบกับพวกแคต

      +++++++++-*-*-*-*-*-*-*-*-*-+++++++++

      “ อ้าว ยังเล่นกันไม่เสร็จอีกหรอ นี่ 3 ชั่วโมงแล้วนะ ” วีนที่พึ่ง ( ตื่น ) ออกมาถาม
      “ นั่นสิ นานแล้วยังไม่เลิกเดี๋ยวเสียสายตานะ ” เชเตือน
      “ แล้วนายล่ะ อ่านหนังสือนานไม่กลัวเสียสายตาหรอ ” แคตแกล้งถาม ( เอ๊ดกับ
      เดรเล่าให้ฟังแล้ว )
      “ แต่ฉันว่าคงไม่เสียสายตามั้ง ก็ไม่ได้ใช้ตาอ่าน แต่เข้าฌานไปศึกษาโดย
      ตรง ” ทอมพูดแล้วหัวเราะ
      “ นั่นสิ คงเร่งทำยอดคะแนนวิชาจินตนาการศึกษาอยู่มั้ง ” เซียเสริม

      “ พอๆๆ ใครบอกพวกนายเนี่ย ” วีนถาม
      “ คนบอกพวกเรานั่งครองเกมอยู่ทางโน้น… อ้อ! อย่าเข้าไปใกล้ล่ะ ฉันสัมผัสได้
      ถึงรังสี ” ทอมบอก
      “ เล่นเกมอะไรกัน ” เชถาม
      “ เกมต่อสู้ ” เซียตอบ
      “ มิน่า รังสีบ้าดีเดือดแผ่กระจายเลย จากทั้งคู่นั่นแหละ แล้วทำไมไม่ไปนั่งดู
      ล่ะ ” วีนถาม
      “ ไม่ชอบบรรยากาศ ” ทอมตอบ
      “ ตอนที่นายเล่นก็เป็นเหมือนกันนี่ พวกเธอก็ด้วย ” เชพูด
      “ นั่นก็ใช่ แต่รังสี 2 คนนั่นน่ากลัวกว่าเรานี่ นายก็รู้ ไม่ใกล้เป็นดีที่สุด เกิดใคร
      แพ้ขึ้นมาล่ะซวย ”
      แคตบอก

      “ แล้วอลิซ? ” วีนถาม
      “ ยังไม่ตื่น ” ทอมตอบ
      “ สามชั่วโมงแล้วนะ ยังไม่ตื่นอีกหรอ ” วีนถาม
      “ คงเพลีย เมื่อวานเจอไปเยอะ ” แคตบอก
      “ ใช่ แล้วก็เมื่อเช้าอีก เจาะระบบไปเควชอสไม่ใช่ง่ายๆนะ คงเสียพลังไปเยอะ
      แต่ก็น่าแปลก ปกติไม่น่าหลับยาวขนาดนี้ ” เซียพูด
      “ งั้นเราไปดูกัน ” แคตชวน ทุกคนลุกจากโซฟา เดินเลี่ยงรัศมีของ 2 หนุ่มที่แรง
      ขึ้นทุกที ( ขนาดเล่นเกมนะเนี่ย ) ไปที่ห้องนอน

      “ พวกนาย 2 คนรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวพวกเราจะเข้าไป ” แคตบอก แล้ว 3 สาวก็
      เดินเข้าไปในห้อง แต่ปรากฏว่าอลิซไม่ได้นอน แล้วก็ไม่ได้อยู่คนเดียว…

      “ สวัสดี ” เอเรียทักขึ้นเมื่อเห็น 3 สาวที่งงเป็นไก่ตาแตก
      “ มาได้ไงน่ะเอเรีย ” วีนถาม แล้วนั่งลงบนเตียงของเธอ
      “ ก็ มาทางกระจกน่ะสิ กว่าราเชลจะอนุญาติได้ เล่นเอาเหนื่อย ” เอเรียตอบ
      “ ราเชล ใครน่ะ ” เซียถาม
      “ ก็ภูติประจำตัวที่อยู่ในจี้ของฉันไง เป็นแฝดอะแมนด้าน่ะ ” เอเรียตอบ

      “ ไม่เห็นเคยรู้เลย ” แคตพูด
      “ มีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่รู้ ” เอเรียบอก
      “ อย่างเช่นอะไรล่ะ ” แคตถาม
      “ ไม่บอก ” อลิซ และ เอเรียพูดพร้อมกัน
      “ เออ ชั่งมันเถอะ ว่าแต่มานี่มีอะไรรึเปล่า ” วีนถาม
      “ เปล่าหรอก มาคุยเล่น มาไม่ได้หรอ ” เอเรียถาม
      “ เปล่า มาบ่อยๆก็ดีนะ จะได้มีคนคุยมากขึ้น ” วีนพูด

      “ แล้วหลังจากวันนี้จะมาอีกรึเปล่าเอเรีย ” อลิซถาม
      “ จะมาเที่ยวด้วยช่วงคริสต์มาส ” เอเรียบอก
      “ ดีสิ มีเพื่อนเที่ยวเยอะ อ้อ! ลืมบอกไป ฉันจะชวนพลอซด้วยล่ะ เธอว่าไง ” อลิ
      ซถาม
      “ ก็ดี ” เอเรียตอบสั้นๆ
      “ อลิซ แล้วงานเลี้ยงชาวฟ้าปีนี้ จัดปีใหม่ตามปกติ เธอจะไปรึเปล่า ” เอเรียถาม
      “ มีหรือจะพลาด ”
      “ แล้วเธอว่าฉันกับพวกที่เหลือจะไปดีมั๊ย ” เอเรียถาม
      “ ไปสิ ยิ่งดีซะอีก งานจะได้สนุกมากขึ้น ” อลิซตอบ
      “ แต่เวลาเรียก คนเค้าจะแยกออกหรอ พวกเธอมีตั้ง 9 คน หน้าตาเหมือนกัน
      หมด ” เซียถามขึ้น
      “ เธอนี่ไม่รู้อะไรเลย ” อลิซพูด
      “ ก็บอกสิ จะได้รู้ ” เซียพูด
      “ เธอคิดจริงๆหรอว่าพวกเราหน้าตาเหมือนกันหมด ” เอเรียถาม เซียพยักหน้า

      “ ไม่เคยศึกษาประวัติใหม่เลยใช่มั๊ย คนเค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วเซีย ” แค
      ตบอก
      “ ยังไง ” เซียยังงงอยู่
      “ ก็เมื่อก่อนนี้เรารู้กันแค่นั้น แต่เดี๋ยวนี้เค้ารู้กันแล้วว่า นอกจากเอเรียแล้ว ไม่
      มีใครที่หน้าตาเหมือน
      อลิซ แต่พวกนั้นแปลงเป็นอลิซได้เมื่อเธออนุญาตเท่านั้น ” วีนบอก
      หลังจากนั้นสาวๆก็มีเรื่องคุยยาวเหยียด แล้วก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน

      +++++++++-*-*-*-*-*-*-*-*-*-+++++++++

      “ อ้าว! เอเรีย มาได้ไงเนี่ย ” เดรโกถาม หลังจากที่สาวๆเดินออกมาจากห้อง ( มี
      เวลาทักแสดงว่าเกมจบแล้ว เอ๊ดคงชนะเพราะเห็นเค้านั่งเล่นต่อกับทอม และ
      เช เพราะสามารถต่อเล่น 3 คนได้ ทอมคงแพ้เลยมานั่งสงบอารมณ์นอกวง )

      “ มาทางกระจกในห้องของอลิซน่ะ แล้วนายล่ะ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ เหมือนนั่ง
      สมาธิเลย ”
      “ มานั่งสมาธิทำใจไงล่ะ ” เดรโกตอบ
      “ ทำใจ? ทำไมต้องทำใจล่ะ ” เอเรียถาม
      “ จะอะไรล่ะ แพ้เกมล่ะสิ ” วีนถามอย่างรู้ทัน
      “ เฮ้อ! …เล่นกันตั้งนาน แพ้จนได้ ” เดรบ่น
      “ แสดงว่านายนั่งนานแล้วก็ยังทำใจไม่ได้ล่ะสิ ” แคตถาม
      “ ก็ใครจะไปคิดว่าจะแพ้ล่ะ รู้จักกันมาตั้งนาน หมอนั่นพัฒนาขึ้นเยอะ ”
      “ ไม่ต้องมาพูดดีเลย เมื่อก่อนนายก็แพ้เค้านี่นา ” เซียพูดแทงใจ
      “ อย่าท้อไปเลยน่า นายก็รู้ หมอนั่นน่ะเก่งเกม เห็นเด็กเรียนอย่างนั้นก็เถอะ
      เจ้าแห่งเกมเชียวล่ะ แล้วเวลาเล่นนะ รังสีออกเลย ” อลิซพูด

      “ เอ๊ดเนี่ยนะ ” เอเรียถาม
      “ ก็จะใครล่ะ เอเรีย เธอไม่เคยรู้เลยหรอ ” อลิซถาม
      “ แหม ก็ถ้าฉันรู้ทุกเรื่องที่เธอรู้ก็ดีหรอกอลิซ ”
      “ ดียังไง ”
      “ ก็จะได้รู้อะไรต่อมิอะไรดีๆ แล้วก็ความรู้สึกบางอย่างต่อบางคนด้วยไงล่ะ ” เอ
      เรียกระซิบที่ข้างหู อลิซหน้าแดง

      “ มันจะเย็นแล้วยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย ไปกินข้าวกันเหอะ ” เซียชวน
      “ ดีเหมือนกัน เริ่มหิวแล้วสิ เอเรีย เธอไม่ได้กินข้าวกลางวันมาใช่มั๊ยเนี่ย ” อลิ
      ซถาม
      “ ก็กะจะมากินกับพวกเธอนี่แหละ ”
      “ แล้วเธอกินข้าวเช้ากี่โมง ”
      “ ก็เท่าเธอแหละอลิซ แล้วก็ตื่นพร้อมเธอด้วย ร่างกายเธอเพลีย ฉันก็กระทบ
      กระเทือนไปด้วยนะ คนอื่นๆก็มีผล แต่กระทบนิดหน่อย ฉันสิ เจอเต็มๆ เธอรู้รึ
      เปล่าว่าเมื่อเช้าพวกเรา 9 คนตื่นเท่ากันหมดเลย คราวหน้าก็หัดถนอมร่างกาย
      หน่อยสิคะ ” เอเรียว่าเป็นชุด

      “ ทราบแล้วค่ะหม่อมแม่ คราวหน้าลิซสัญญาค่ะ ว่าลิซจะเป็นเด็กดี ลิซจะระวัง
      หม่อมแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ”
      “ ไม่ต้องมาประชดเลย ฉันไม่ใช่แม่นะ แต่ฉันเป็น… ” ก่อนที่เอเรียจะพูดจบ อลิ
      ซก็เอามือปิดปาก
      “ เตรียมไปกินข้าวกันดีกว่านะ ” อลิซรีบเปลี่ยนเรื่อง สร้างความงุนงงให้เพื่อนๆ
      แต่ไม่มีใครถาม

      “ ว่าแต่จะลากพวกหนุ่มๆที่นั่งเล่นเกมนั่นไปยังไงดีล่ะ ” แคตถาม
      “ ไม่ยาก ” อลิซพูด
      “ งานนี้ฉันจัดการเอง ไม่ได้แสดงฝีมือมาตั้งนานแล้ว ขอลองวิชาหน่อยเถอะ ”
      เอเรียพูดแล้วเดินไปหน้าจอทีวี
      “ ฉันใจคอไม่ดีเลย ” เซียพูด
      “ ให้เธอทำซะยังดีกว่านะอลิซ ฉันว่าเธอหาไม้อ่อนจัดการได้ แต่ที่กลัวที่สุดคือ
      กลัวเอเรียใช้ไม้แข็ง ทอมกับเชคงไม่บ้าบิ่นพอจะสู้กับเอเรีย แต่เอ๊ดน่ะไม่แน่ ”
      แคตบอก
      “ คงไม่มีอะไรหรอก ” อลิซพูดให้สบายใจ
      “ หวังแต่ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ” วีนพูด
      “ งั้นก็กันไว้ก่อน ” อลิซพูดแล้วก็…

      +++++++++-*-*-*-*-*-*-*-*-*-+++++++++

      ปิ๊บ!!
      ขวับ!!!

      เสียงดังขึ้นพร้อมกับภาพบนจอทีวีที่หายไป หนุ่มๆทั้ง 3 หันมามองผู้กระทำอย่าง
      โกรธเคือง แล้วความโกรธของทอมกับเชก็หายไปเมื่อรู้ว่าผู้กระทำคือใคร

      “ ไปกินข้าวกันได้แล้ว ” เอเรียพูด
      “ แล้วทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย เธอรู้รึเปล่าว่ากว่าจะเล่นแข่งกันมาได้ถึงขนาดนี้
      มันยากลำบากขนาดไหน ” เอ๊ดถามอย่างหงุดหงิด
      “ ก็พวกนายมัวแต่เล่นกันอยู่ไม่ไปกินข้าวนี่นา กลับมาค่อยเล่นใหม่ก็ได้นี่ ”
      “ แล้วเธอรู้รึเปล่าว่ามันเสียเวลามากขนาดไหน ” เอ๊ดถามอย่างอารมณ์เสีย

      อลิซที่เห็นท่าไม่ดีส่ายหัวแล้วเดินมากั้นกลาง

      “ หยุด ” อลิซพูดพลางยกมือขึ้นห้าม
      “ อลิซ เรื่องนี้… ” เอเรียจะพูดต่อแต่อลิซมองหน้า เธอจึงยอมหยุด
      “ เธอจะเข้าข้างเอเรีย? ” เอ๊ดถาม
      “ เปล่า ฉันว่าเธอถูกทั้งคู่ แล้วก็ผิดทั้งคู่ เอเรียพูดถูกที่บอกให้พวกเธอไปกิน
      ข้าว แต่เธอก็ถูกที่ว่าเอเรีย แต่ถึงเอเรียจะผิดที่ทำเกินไป แต่เธอก็ผิดเหมือน
      กันที่อารมณ์เสียมากเกินไป แล้วก็ว่าเอเรียทั้งที่เค้าหวังดี ” อลิซอธิบาย
      “ แล้วจะเอายังไง ” เอ๊ดถาม
      “ เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่นต่อ ” อลิซพูดเรียบๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับ
      คนตรงหน้าไม่ได้ทะเลาะกันอยู่
      “ อลิซ เอาให้มันเคลียร์ๆ ” เอ๊ดพูดอย่างเริ่มอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม
      “ จะพูดให้เคลียร์ถ้านายจะสงบอารมณ์ให้สุภาพกว่านี้ต่อหน้าสุภาพสตรี ” อลิซบ
      อก เอ๊ดทำท่าจะพูดแล้วก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ หลังจากนั้นเค้าก็หายใจลึกๆ
      แล้วก็ถามเธอ
      “ โอเค พูดมา ” เสียงเอ๊ดพูดเกือบเหมือนปกติทำให้อลิซพอใจ แล้วยิ้มให้ และ
      บอกว่า
      “ นายรู้รึเปล่าว่าเสียงก่อนที่เอเรียจะปิดทีวีคือเสียงอะไร ” เอ๊ดส่ายหน้า
      “ มันคือเสียงปุ่มหยุดชั่วคราว เพราะฉะนั้น นายก็สามารถกลับมาเล่นต่อจาก
      เดิมได้ เพราะเอเรียปิดแต่ทีวีแต่ไม่ได้ปิดเครื่องเกมไปด้วย เพราะฉะนั้น ไป
      กินข้าวกันได้แล้วฉันหิว ” อลิซบอก แล้วทุกคนก็ถึงบางอ้อ
      “ ทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ เกือบเกิดเรื่องแล้วเชียว ” ทอมถาม
      “ บอกก่อนก็ไม่รู้อะไรดีๆสิ ”
      “ อะไร ” เอ๊ดถาม อารมณ์ของเค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
      “ ก็รู้ว่าเอเรียจะจัดการยังไง รู้ว่าอารมณ์ทั้ง 2 จะเป็นยังไง รู้ว่าพวกเธอ 2 คนจะ
      เป็นยังไงเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น รู้ว่าจะทะเลาะกันรึเปล่า รู้ว่าเจ้าชายแห่งแอล
      นิวซิตจะถือสามั๊ยกับเรื่องนี้ ”
      อลิซแจกแจงส่วนเอ๊ดได้แต่เงียบ
      “ ชั่งมันเถอะ อย่าซีเรียส ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวเกิดเซียเป็นลมขึ้นมาล่ะซวยแย่ ”
      อลิซบอก
      “ อ้าว…ทำไมต้องเอาฉันไปเอี่ยวด้วย แล้วถ้าฉันจะเป็นลมแล้วมันจะซวยยังไง ”
      เซียถาม ท่าทางเธอกวนๆดูน่าขำมากกว่า

      “ ก็ขี้เกียจพาไปห้องพยาบาลเสียเวลากินข้าว แล้วก็เสียเวลาอื่นๆแล้วก็อย่างอื่น
      อีก ” อลิซตอบ อื่นๆกับอย่างอื่นของอลิซใครๆก็รู้ แต่เซียคงไม่รู้ เซียเห็นอลิ
      ซตอบไม่เคลียร์แต่ก็ไม่ถามอะไร เพราะเธอไม่ใช่คนคิดมาก นี่ล่ะข้อดีของเธอ

      “ อ้อ! ลืมเรื่องสำคัญ ” อลิซพูดเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้
      “ อะไร ” เซียถาม

      “ ฉันไม่ชอบบรรยากาศอึมครึม ไม่ชอบพาเพื่อนอารมณ์บูด ไม่เข้าใจ ไม่ขอโทษ
      กัน ไปทานข้าวด้วย เพราะฉะนั้น เธอ 2 คน…ก็เธอกับเอ๊ดนั่นแหละเอเรีย ไม่
      ต้องมาทำหน้างง ขอโทษกันซะ ” อลิซบอกแล้วจ้อง เป็นสัญญาณว่าห้ามปฏิเสธ
      แต่ทั้ง 2 เจอสายตาพิฆาตแล้วก็ยังไม่พูดอะไร ( ทั้ง 2 หลบสายตามองไปคนละ
      ฟากทำให้อลิซเริ่มโมโห ) อลิซสูดหายใจลึกๆสงบอารมณ์แล้วถาม
      “ พูด 2 คำไม่ตายใช่มั๊ย ” แล้วทั้ง 2 ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอีก ทำเอาอลิซจะหมด
      ความอดทน

      “ ถ้าไม่พูด ไม่ใช่เธอ 2 คนที่อารมณ์เสีย แต่จะเป็นฉันด้วย แล้วพวกเธอคงไม่
      อยากให้ฉันโกรธหรืออารมณ์เสียเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ พูดแค่ 2 คำ แค่ 2
      คำเท่านั้น ถ้าไม่พูดก็เชิญอยู่นี่แหละ ฉันจะไปกินข้าวแล้ว …ถ้าไม่พูดก็เชิญ
      จัดการกันเอง ฉันจะไม่สนใจอีกแล้ว ฉันบอกไปแล้วนี่นาว่าฉันหิว แล้วเอเรีย
      เธอก็รู้ว่าฉันโกรธจะเป็นยังไง นายด้วยเอ๊ด ถึงนายจะไม่เคยเห็น แต่ก็อย่า
      ท้าทายฉัน นายเป็นถึงเจ้าชายแห่งแอลนิวซิตควรจะรู้อะไรควรไม่ควร การให้
      สุภาพสตรีมาสั่งสอนแล้วก็อารมณ์เสียอย่างนี้มันควรแล้วหรอ ” อลิซว่าออกมา
      เป็นชุด ปกติเวลาเธอจะอารมณ์เสียเธอมักจะเป็นอย่างนี้ ทั้ง 2 เลยหันกลับมา
      มองหน้ากัน แล้วเหมือนกับปรึกษากันทางสายตาว่าเอาไงดี

      “ ขอโทษ ” ทั้ง 2 พูดพร้อมกัน
      “ แค่นั้นหรอ ” อลิซถาม
      “ จะเอาอะไรอีกล่ะ ” ทั้ง 2 ถามขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
      “ ฉันไม่ชอบแค่ขอโทษเพราะบังคับหรอกนะ ถ้าขอโทษแล้วยังไม่พูดกัน แบบนี้
      ไม่เอา ฉันให้เวลา 5 นาที รีบๆคุยกันให้เคลียร์ซะ ฉันกับเพื่อนๆจะไม่อยู่ฟัง แต่
      หลังจาก 5 นาทีไป ขอให้คิดซะว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้น ”
      “ แล้วถ้าไม่ทำล่ะ ” ทั้ง 2 ถามขึ้นมาเหมือนท้าทาย เพื่อนๆผู้ร่วมเหตุการณ์ต่าง
      เสียวไปตามๆกัน เพราะดวงตาอลิซเปลี่ยนเป็นสีเขียว

      “ ถ้าไม่ทำ ก็แล้วแต่พวกเธอ ไม่ทำก็อยู่นี่ ฉันอาจจะไม่กินข้าวแล้วอยู่รอดูว่า
      พวกเธอรับโทรศัพท์จากพวกนาไดน์โทรมาชมพวกเธอ ท่าทางจะน่าสนุก แล้วก็
      สำหรับเธอเอเรีย เธอก็รู้ ” อลิซพูด

      “ อย่าเอามาขู่ฉันนะ ” เอเรียพูด
      “ เปล่า ฉันจะบอกเธออีกอย่างให้รู้ไว้ว่า ถ้าฉันไม่กินข้าวกลางวัน ฉันอาจจะ
      เปลี่ยนมากินยาบางอย่างแทนก็ได้ เธอคงรู้ว่าใครจะได้รับผลกระทบ แล้วผล
      สรุปจะเป็นยังไง ”
      “ ทำไมกับเรื่องแค่นี้ กับแค่ไม่พูดกันธรรมดาเธอต้องใช้วิธีขนาดนี้ด้วย ” เอ๊ด
      ถาม
      “ ฉันอยากให้เพื่อนทุกคนของฉันเป็นมิตรกัน ฉันมีเหตุผลของฉัน เอาเป็นว่า
      ช่วยทำตามหน่อยละกัน มันไม่ได้มีผลเสียอะไรเลยไม่ใช่หรอ ” อลิซถาม เพื่อนๆ
      รู้สึกถึงบางอย่างว่าเหตุผลของเธออาจไม่ธรรมดา แต่ไม่มีใครถาม เพราะถามไป
      ก็อาจไม่ได้รับคำตอบที่ตรงประเด็น

      ตอนนี้ทั้งเอ๊ดและเอเรียกำลังคิด ถ้ายืดเยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ ทั้ง 2 จึงตอบ
      ตกลง

      “ แต่เธอไม่ต้องให้เวลาเรา 5 นาทีหรอก เราจะคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงมั๊ย
      เอ๊ด ”
      “ อือ ” เอ๊ดตอบ เพื่อนๆถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เรื่องไม่ยุ่งกลายเป็นยุ่ง
      แล้วเรื่องยุ่งๆก็จบลงจนได้ ( ดวงตาของอลิซเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนเดิม )

      บางที…ถ้าอลิซจัดการแต่แรกอาจไม่เกิดเรื่อง
      บางที…ถ้าพูดกันดีๆโดยอลิซไม่ต้องเข้าไปยุ่ง เรื่องอาจไม่มีอะไรมาก
      บางที…ถ้าอลิซไม่อารมณ์เสียแล้วขู่ ทั้งคู่อาจไม่พูดกัน
      บางที…เรื่องอาจจะไม่ยืดเยื้อ เพราะกับเรื่องแค่นี้ไม่น่ามีอะไรมาก
      แต่ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวของมันเอง แล้วถึงตอนนี้มันก็ผ่านไปด้วยดี
      บางที…มันอาจจะดีแล้วก็ได้ที่เป็นอย่างนี้ เพราะมันจะจบด้วยดี ถึงแม้จะเสียเวลา
      หรือมีใครเสียอารมณ์ แต่ที่สำคัญ คือมันจบลงด้วยดี และบางที…นี่แหละ คือ
      เหตุผลและวิถีทางของเพื่อน เพราะการทำความเข้าใจกัน จะทำให้มิตรภาพยังคง
      อยู่ต่อไป และอาจจะดีกว่าเดิม ถึงแม้วิธีอาจไม่ดี แต่สุดท้ายมันก็จบลงด้วยดีจน
      ได้

      +++++++++-*-*-*-*-*-*-*-*-*-+++++++++

      “ เอเรีย เดี๋ยวหลังจากกินข้าวเสร็จจะพาเที่ยวนะ ” อลิซบอก ตอนนี้ทั้งหมดอยู่
      ในร้านอาหารที่อยู่ในโรงเรียน ( อยู่ในละแวกร้านขนม ร้านปรุงยา ร้านเสื้อผ้า
      และร้านอื่นๆ ) ตอนนี้อลิซอารมณ์ดี เพราเพื่อนๆกลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มี
      อะไรเกิดขึ้น

      “ ดีสิ อ้อ! ไปห้องสมุดด้วย ” เอเรียบอก
      “ ไปทำไม ” ทอมถาม
      “ ไปห้องสมุด ไปล้างจานมั้ง ” เอเรียตอบกวนๆ
      “ ความหมายของฉันก็คือ ไปค้นหาเรื่องอะไรต่างหาก ”
      “ ฉันรู้ แต่ความหมายในคำพูดของฉันก็คือ ไม่บอก ” เอเรียพูด แล้วกินข้าวต่อ
      ทอมได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็ก้มกินข้าวต่อ ส่วนคนอื่นๆไม่มีใครพูดอะไรเนื่องจาก
      หิวจัด อลิซ เป็นคนที่กินข้าวเสร็จคนแรก
      เอเรียเป็นคนที่ 2

      “ โห กินเสร็จเร็วจัง ” ทอมพูด หลังจาก 2 สาวกินเสร็จเร็วเหมือนแข่งกันกิน
      “ ก็มันหิวนี่นา เอเรีย ไอด้าบอกว่าวันนี้ทำธุระเพลิน ไม่ได้กินข้าวเที่ยง ให้กิน
      เผื่อด้วย เค้าเปิดกระเพาะรออยู่ ” อลิซบอก เพื่อนๆที่ฟังทำหน้างง

      “ ทำไมเธอไม่กินเองล่ะอลิซ ” เอเรียถาม
      “ ก็ไอริสให้ฉันกินแทนด้วยไง ก็เลยแบ่งกัน 2 คนนั้นวันนี้ไปตรวจเมืองด้วย
      กันแทนพวกเรา ”
      “ อ้อ เข้าใจแล้ว กินแข่งกันมั๊ยอลิซ ”
      “ ไม่มีปัญหา ”
      หลังจากนั้นทั้ง 2 ก้สั่งอาหารแล้วรอกินพร้อมกัน เอ๊ดที่กินเสร็จเป็นคนที่ 3 ให้
      สัญญาณ

      “ หนึ่ง…สอง…สาม เริ่ม!! ” หลังจากนั้นทั้ง 2 ก็แข่งกันกินเร็ว แต่ในการกินนั้นก็
      ยังรักษามารยาทอยู่

      “ เซีย เธอควรหัดดูทั้ง 2 คนเป็นตัวอย่างบ้างนะ ดูสิขนาดกินเร็วแข่งกันอยู่ ยัง
      รักษามารยาทและความสุภาพไว้ได้เลย ” แคตบอก
      “ อย่าว่าแต่ฉันเลย เธอเองก็ไม่ต่างกันหรอกแคต ” เซียพูด แล้วทั้ง 2 ก็ถอน
      หายใจพร้อมกัน ก้ไหนจะต้องเตรียมสอบมารยาม แล้วยังวิชาสังคมในวันจันทร์
      นี้ด้วยล่ะ คิดแล้วทั้ง 2 ก็ถอนหายใจพร้อมกันอีกรอบ

      “ ถอนหายใจอยู่นั่นแหละ เธอ 2 คนยังไม่เสร็จเลยนะ ” วีนที่กินเสร็จเรียบร้อย
      แล้วเตือน
      “ ใช่ๆๆ ” ทอมสนับสนุน
      “ อย่างว่าแต่ 2 คนนั้นเลย นายเองก็ยังกินไม่เสร็จเหมือนกันล่ะทอม ” เชเตือน
      “ นายก็ควรจะรู้เหมือนกันนะเช ว่านายยังกินไม่เสร็จเหมือนกัน ”
      “ ใช่ๆ ” เสียงสนับสนุนมาจากเดรคราวนี้ ทั้งทอมและเชพูดพร้อมกันว่า
      “ นายก็ด้วย ”

      แล้วทั้งโต๊ะก็เงียบ เพราะทุกคนหันไปกินต่อ คนที่ปากว่างคือเอ๊ด แต่ตอนนี้เอ๊ด
      หันไปเชียร์สาวๆทั้ง 2 แทน ผลปรากฏว่า …อลิซแพ้

      “ เรื่องกินฉันแพ้เธอประจำเลยนะเอเรีย ”
      “ ก็แหงล่ะ เอ้ย! คือว่ามันฟลุคเฉยๆหรอกอลิซ ”
      “ ฟลุคได้ทุกครั้งหรือว่าเธอกินเก่งกันแน่ ”
      “ ชั่งฉันเถอะน่า เธอแพ้ไม่มากก็อย่าพูดมากสิ …แล้วคนอื่นๆเสร็จกันรึยังล่ะ ” เอ
      เรียเปลี่ยนเรื่อง
      “ เรียบร้อยกันแล้วล่ะ ” เอ๊ดบอก

      “ งั้นไปไหนก่อนดี ” อลิซถาม
      “ ไปเที่ยว ” เซียตอบ
      “ ก็รู้ว่าไปเที่ยวแต่จะไปไหนล่ะ ” อลิซ ( ทน ) ถามอีกรอบ
      “ ไล่ตั้งแต่แคนดี้แล็ปไปเรื่อยๆสิ ” เอเรียเสนอ

      ------------------------------------------------------------------

      บทที่ 13 ข้อมูล…ของเล่นชิ้นใหม่

      สองสาวเดินนำหน้าหมู่คณะออกไป จนกระทั่งเที่ยวทุกที่แล้ว ก็ได้เวลาไป…ห้อง
      สมุด

      อลิซและเอเรียเดินนำหน้าเข้าไปส่วนคนอื่นๆอยู่ข้างนอกและบอกว่าจะตามเข้า
      ไป เพราะเอ๊ดเรียกเอาไว้ก่อน

      “ เอ๊ด มีอะไร ” วีนถามขึ้นเป็นคนแรก
      “ อยากรู้รึเปล่าว่าอลิซหาข้อมูลเรื่องอะไร ”
      “ นายรู้? ” เอ๊ดส่ายหน้า
      “ แล้วถามทำไม ”
      “ อยากให้ร่วมมือกัน ”
      “ ไร้ประโยชน์ ” เดรพูดขึ้น

      “ ฉันนึกว่านายจะปลงเรื่องอลิซได้แล้วซะอีก ” แคตพูด
      “ ปลงยาก ”
      “ อย่าห่วงนักเลย ” วีนบอกแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
      “ ก็ถ้าเรารู้ว่าจะก่อเรื่องอะไร ในฐานะเพื่อนที่ดีน่าจะห้าม ”
      “ ก็จริงอยู่…แต่ก็น่าจะรู้ว่าไร้ประโยชน์ ”
      “ หรือเธอจะไม่ช่วย ”
      “ ช่วยก็ได้ แต่นายก็ต้องหัดปลงบ้าง ฉันจะบอกให้ว่า ถ้าจะรู้ความลับทุกอย่างขอ
      งอลิซนายคงต้องปวดหัวตายเข้าซักวัน ”
      “ เรื่องนั้นฉันรู้ ”

      “ รู้…แต่นายก็ไม่ปลง อลิซไม่ชอบให้รู้ทุกเรื่องหรอกนะ ”
      “ ยังไงฉันก็ไม่มีวันรู้ทุกเรื่อง ”
      “ ก็จริง…แต่รู้มากก็ยิ่งกลุ้ม ”
      “ ชั่งเถอะ ตกลงว่าจะช่วยใช่มั๊ย ”

      “ ก็โอเค ว่ามาสิว่ามีแผนอะไร ”
      “ ไม่มีอะไรมากก็แค่… ”

      ---***---***---***---***---

      “ อลิซ เธอว่าพวกนั้นมีพิรุธรึเปล่า ”
      “ ไม่น่าถาม เอเรีย เธอก็รู้ ว่าพวกเค้าอยากรู้…ความอยากรู้ไม่ใช่สิ่งผิด ”
      “ แล้วเธอจะปล่อยให้เค้าจับได้? ”
      “ หรือเธอคิดว่าควร ”
      “ ตอบให้ตรงประเด็นสิ ”

      “ อยากรู้…ก็ให้รู้ ”
      “ ให้รู้ก่อนแล้วมันจะสนุกตรงไหน ”
      “ เอเรีย…ฉันบอกซักคำรึยังว่าจะให้รู้เรื่องอะไร ”
      “ หมายความว่า เธอจะไม่ให้รู้เรื่องนั้น ” เอเรียถาม อลิซพยักหน้าตอบ
      “ แล้วจะเอาเรื่องอะไรไปหลอกล่ะ ”

      “ ใครว่าหลอก แค่บอกไม่ตรงประเด็น ”
      “ ก็จะเอาอะไรไปบอกล่ะ ”
      “ มันอยู่ที่ไหวพริบของเรา ”
      “ จะเอาไง ”
      “ เล่นเกม ”
      “ เกม ” คนฟังทวนเสียงสูง บอกความไม่เข้าใจ

      “ ใช่ มันอยู่ที่ว่าเราคุมเกมได้ดีแค่ไหน ”
      “ ถ้าไม่ตกลงกันให้ดี ถ้าไม่ตรงกัน เกมก็ล่ม ”
      “ ใจจริงอยากให้บอกว่าเล่นยังไงใช้มั๊ยล่ะ อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทัน ”

      “ จะบอกรึเปล่า ” อลิซส่ายหน้าเป็นคำตอบ
      “ ถึงแม้ผลจะออกมาแล้วเกมล่ม แต่ก็บอกแล้วว่าอยู่ที่ไหวพริบของเรา ”
      “ หมายความว่า…เราจะแข่งเกมนี้กันอย่างงั้นสิ ”
      “ ก็ทำนองนั้น ”
      “ งั้นฉันก็ต้องชนะ ”
      “ อย่ามั่นใจนักเลย…หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอ ”
      “ เราก็มั่นใจพอๆกันนั่นแหละ ”
      “ คงงั้น ”
      “ คิดไว้แล้วล่ะสิ ” คนฟังพยักหน้าตอบแล้วยิ้มกริ่ม
      “ มีแผน? ”
      “ เธอน่าจะรู้ ”

      “ จะให้รู้อะไร ในห้องสมุดคลื่นเยอะ ”
      “ แต่เธอก็รู้ได้ ”
      “ ก็คงรู้ความคิดเธอได้หรอกถ้าไม่ใช่ว่าเธอปิดมันไว้ แล้วฉันก็ไม่เคยทำลายมัน
      ได้เลยซักครั้งไอ้กำแพงบ้าๆนั่น ”
      “ ก็หัด ”
      “ หัดให้ตายเธอก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้ ไม่ต้องท้าให้เสียเวลา แล้วถ้าหัดแล้วได้เธอ
      คงไม่ท้า…ฉันรู้ เธอไม่ชอบสอนใครให้หัดรู้ความลับเธอ ”
      “ รู้ก็ดี ”
      “ เสียก็แต่มีคนที่รู้เหมือนกันแต่ไม่เคยหัดปลง ” ทั้งคู่หันไปทางประตู บท
      สนทนาจบลงตรงนั้น เพราะเพื่อนๆเดินเข้ามา

      “ ได้เวลา… ”
      “ เริ่มเล่นเกม… ” แล้วสองสาวก็เดินไปเข้ากลุ่ม

      “ อ้าว! ยังไม่ไปหาข้อมูลกันอีกหรอกันอีกหรอ ”
      “ ก็…อยู่คุยกันก่อนนิดหน่อยน่ะ แล้วค่อยไปหา ”
      “ ใช่ เราไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว โอ๊ย! คือ เอ่อ…ไปหาข้อมูลดีกว่า เราแยกกัน
      หาจะเร็วกว่านะอลิซ ” เอเรียพูดแล้วเดินไป ตอนผ่านอลิซเธอบ่นใส่ ( “ เกมบ้า
      ของเธอหรอ เหยียบเท้าฉันเนี่ย ” ) ดูเหมือนว่าอลิซจะเหยียบเท้าเธอ ไม่ว่าจะ
      บังเอิญหรือตั้งใจ แต่นั่นก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของเอ๊ด

      “ ให้ช่วยมั๊ย ” เซียถาม
      “ ไม่ต้องดีกว่านะ เซีย แคต วีน เช ทอม เดร ไปช่วยเอเรียเถอะ ”
      “ แล้วเอ๊ด? ”
      “ เค้าอาจจะอยากหาหนังสืออ่านก็ได้ ”
      “ แล้วเธอ? ”
      “ เล่นเกม ”
      “ เล่นด้วยคนสิ ”
      “ ได้ แต่ห้ามบอกเอเรียนะ ”
      “ ทำไม ”
      “ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่ช่วย ”
      “ เรื่องอะไร ”
      “ เรื่องนี้มันแพร่งพรายไปไม่ดี แต่ไม่มีอะไรมากหรอก เล่นเกมดีกว่า ”

      อลิซเดินไปเล่นเกมที่คอมฯหน้าตาเฉย ส่วนคนอื่นๆก็ไปประกบเอเรียแทน
      ส่วนเอ๊ดยังนั่งอยู่ที่เดิม

      พวกเธอนี่อยากรู้แต่ไม่คิดกันเล้ย…คอมฯไม่ได้มีไว้เล่นเกมอย่างเดียวซัก
      หน่อย – อลิซคิดแล้วก็ยิ้ม อย่างน้อยก็สะดวกขึ้น พวกนั้นไปทางเอเรีย ยิ่งทำให้
      เห็นลางชนะชัดขึ้นไปอีก เหลือก็แต่เอ๊ดคนเดียวที่ยังคอยติดอยู่

      อลิซใช้คอมฯค้นหารายชื่อหนังสือที่ต้องการ แล้วก็ปิดโปรแกรม เธอเดินไปที่โต๊ะ
      ที่เอีดนั่ง เค้าแอบทำเป็นอ่านหนังสือ
      “ รู้นะว่าดูอยู่ ”
      “ แล้วไง ”
      “ เล่นเกมมันน่าสนใจตรงไหน ทำไมต้องมอง ” คนฟังไม่ตอบ
      “ อยากช่วยรึเปล่า ”
      “ แล้วอยากให้ช่วยมั๊ยล่ะ ” อีกฝ่ายย้อนถาม
      “ ตามมาสิ ” อลิซเดินนำหน้าไปที่หมวดหนังสือประหลาด ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
      สำหรับอ่านหนังสือ

      “ เอเรียทำน้ำยาตัวนึงหยดใส่กระโปรงพี่เบล ฉันอยากให้ช่วยหาเรื่องน้ำยาทำ
      ความสะอาดโดยไร้คราบเหลือให้หน่อย ”
      “ โอเค ฉันจะช่วย ” แล้วเค้าก็เดินไปตามชั้นหนังสือ

      อลิซเดินไล่ชื่อหนังสือทางชั้นสีดำที่ตั้งอยู่มุมลึกลับที่สุดของห้อง หลังจากใช้เวลา
      ไป 5 นาที แล้วเธอก็เจอหนังสือปกแข็งสีแดงสดราวสีเลือดที่ต้องตาเธอเหลือ
      เกิน หน้าปกชื่อของมันคือชื่อเกี่ยวกับที่เธอค้นหา

      หนังสือที่มีชื่อว่า ‘พลังปีศาจ และ เล็บปีศาจ’

      อลิซแอบเดินหลบออกมาจากห้องและรีบทำการยืมโดยด่วน แล้วเธอก็รีบให้อะ
      แมนด้าเก็บใส่ล็อกเกต และรีบเข้าไปในห้อง ทำเป็นหาต่อ

      ซักพักเอ๊ดก็กลับมาที่โต๊ะที่อลิซแกล้งทำเป็นอ่านจนเกือบฟุ๊บหลับ เค้ามาพร้อม
      หนังสือเล่มหนึ่งที่กางให้อลิซดู

      “ ขอบใจ ” อลิซแกล้งทำเป็นดูแล้วพึมพำเหมือนอ่าน
      “ เธอว่าจะยืมดีมั๊ย ”
      “ จำได้รึเปล่าล่ะ ” อลิซพยักหน้า
      “ งั้นไม่ต้องยืมนั่นแหละ จะไปกันรึยัง ”
      “ เสร็จธุระแล้วก็ไปกันสิ ”
      “ ฉันเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นก่อนนะ ”
      “ อือ ฝากเล่มนี้เก็บด้วยนะ ” เอ๊ดเดินไปเก็บที่ชั้น อลิซแอบสังเกตเห็นว่าเค้าดู
      ชื่อหนังสือเล่มที่เธอแกล้งเปิด เธอแอบหันหลังแล้วหาว อากาศในห้องมันทำให้
      เธอเคลิ้มจะหลับ อลิซมองไปรอบๆ ไม่มีวี่แววของเอเรียในห้องนี้เลย นั่นยิ่งทำ
      ให้เธอยิ้มกว้างยิ่งขึ้น

      “ ยิ้มอะไรน่ะ ”
      “ อุ๊ย! ตกใจหมดเลย ”
      “ ยิ้มอะไรล่ะ ”
      “ หาข้อมูลได้แล้วก็โล่งอกน่ะสิ ” อลิซตอบแล้วเดินนำออกไป

      “ ว่าไงจ๊ะเอเรีย ” อลิซทักเสียงใสแต่สำหรับเอเรียมันฟังดูเหมือนเยาะมากกว่า
      “ เธอชนะ ” เอเรียพูดอย่างไม่สบอารมณ์
      “ แน่นอน …เธอยังไปไหนไม่ได้เลยงั้นสิ ” อลิซกวาดตามอง ไปหยุดที่เพื่อนๆผู้
      แสนดีแล้วก็ยิ้มกริ่ม

      “ ก็พวกนั้นตามติดยิ่งกว่าตุ๊กแกอีก… อลิซ ฉันรู้นะว่าเธอจงใจปัดมาเกาะฉัน ”
      “ รู้…แล้วไง ”
      “ คอยดุเถอะอลิซ เกมหน้าฉันจะเอาคืน ” คนฟังหัวเราะเสียงใสแล้วพูดว่า
      “ เธอก็พูดอย่างนี้ทุกครั้งแหละเอเรีย ” คนฟังเริ่มไม่พอใจ ใจหนึ่งหงุดหงิด แต่
      อีกใจก็ไตร่ตรอง เพราะเป็นเรื่องจริงทุกประการ
      “ ว่าแต่… ”
      “ ข้อมูลได้มาแล้ว เธอขอราเชลดูได้ บอกให้ราเชลบอกอะแมนด้าก่อนด้วยนะ ”

      “ เธอจะกลับเมื่อไหร่ ” อลิซถามขึ้นโดยไม่มองหน้าเอเรีย แต่สายตายังคงจับจ้อง
      ที่เพื่อนๆที่คุยกันอยู่อย่างมีพิรุธ
      “ อยากให้กลับขนาดนั้นเชียว ” เสียงตอบมาเหมือนน้อยใจ ทำให้อีกฝ่ายหันมา
      มองแล้วยิ้มให้

      “ ใครว่าล่ะ อยากให้อยู่นานๆต่างหาก ” คนฟังค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
      “ นานเท่าไหร่ก็ได้ ”
      “ แล้วงาน… ”
      “ มีคนทำแทน ” เสียงตอบอย่างเซ็งเต็มทนเมื่อพูดถึงงาน
      “ วานใครล่ะ ”
      “ ลองเดาสิ ”
      “ นาไดน์? ”
      “ โรสต่างหากล่ะ ”

      “ อ้าว!…ก็โรสไม่อยู่ไม่ใช่หรอ? ” อลิซถามด้วยความงง
      “ ตกข่าว ” เอเรียพูด ส่ายหน้าแล้วทำท่าทางเหมือนผู้รู้จนหน้าหมั่นไส้
      “ ตกข่าวอะไรกัน ก็พึ่งโทรคุยกันเมื่อ… ”
      “ สองวันที่แล้ว ” เอเรียต่อให้แล้วก็ตอบให้หายสงสัยว่า
      “ ก็โรสพึ่งกลับมาเมื่อวานก็เลยวานให้ทำแทนซะเลย ”

      “ ความจริงเธอน่าจะทำเองนะ ” เสียงกล่าวตำหนิ
      “ ไม่ต้องทำเสียงอย่างนั้นเลยอลิซ เธอรู้รึเปล่าที่ฉันต้เองไปนั่งโบกมือเป็นแม่ย่า
      นางก็เพราะเธอนั่นแหละ แล้วที่ฉันต้องไปออกงานก็เพราะเธออีก น่าจะเปลี่ยน
      กันนะ เธอจะได้ลองซะมั่ง ”
      “ แต่เธอก็ไม่ได้บ่นซักคำว่ามันน่าเบื่อ ”
      “ ก็บางครั้งมันก็สนุกล่ะ แล้วก็มีความสุข ”
      “ แล้วจะบ่นทำไม ”
      “ เปล่า แค่อยากระบาย อลิซ จะว่าไปเราน่าจะลองเปลี่ยนมั่งนะ ”
      “ เพื่อนๆคงคุยกันเสร็จแล้วล่ะ ” อลิซพุดอย่างรวดเร็วและทำท่าว่าจะเดินจากไป

      “ อลิซ! ไม่ต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง นะๆๆๆๆๆ เปลี่ยนกันบ้างสิ ”
      “ เธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน โรสคงอยู่อีกยาว ”
      “ ไม่ตรงประเด็น แต่ก็โอเค อลิซ! รอด้วยสิ อลิซ! ” เอเรียวิ่งไปหยุดอยู่ข้างๆอลิ
      ซแล้วก็หอบแฮ่กๆอยู่ตรงนั้น

      “ อ้าว! เอเรีย โทษที ” เอเรียมองค้อนใส่ โทษทีงั้นเรอะ ทิ้งเพื่อนได้ลงคอ แค่พูด
      เรื่องนั้นหน่อยเดียวทำเป็น…

      “ ไปกันเถอะ ” เดรตัดบทซึ่งอลิซต้องขอบคุณเพราะมันตัดบทบ่นของเอเรียไป
      ด้วย
      “ ฝากไว้ก่อนเถอะ ”
      “ เสียเวลา เธอไม่เคยมาเอาคืนไปซักที ” อลิซพูดแล้วรีบวิ่งไปยืนข้างๆวีน
      ปล่อยให้เอเรียฮึดฮัดอยู่ตรงนั้น

      “ ปลง… ปลง… ปลง… ” เสียงเทศนาข้างๆหูของเอเรียไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเช
      “ ก็ถ้ามันปลงง่ายอย่างนั้นก็ดี ”
      “ เธอกับเอ๊ดนี่คล้ายกันจริงๆเลย ”
      “ ตรงไหน? ” เอเรียถามแล้วก็ต้องแปลกใจทีเชทำท่าเหมือนจะสตาร์ทวิ่ง
      “ ก็ตรงที่ปลงไม่ได้ กับ ไม่ค่อยยอมรับความจริงเหมือนกันไง ” แล้วเชก็ไปยืน
      อยู่ข้างๆแคตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีเอเรียคนเดียวที่รั้งท้าย พอถูกทิ้งห่างมากๆ
      เข้าเธอก็ร้องเรียกให้รอเธอบ้าง แล้วก็…งอน

      ---***---***---***----***---

      “ น่า …เอเรีย อย่างอนไปเลยนะ แค่นี้เอง ” แล้วก็เป็นหน้าที่ของอลิซที่ต้องง้อ
      เพราะเพื่อนๆบอกว่าใครผูก คนนั้นก็ต้องแก้ หรืออาจจะเป็นเพราะอีกกรณีนึงที่
      คนอื่นไม่ค่อยคุ้นกับการง้อเอเรีย

      ในขณะที่อลิซยังใช้เวลากับการง้อไปเรื่อยๆเพื่อนๆก็ไปคุยกันนอกห้อง

      “ ว่ามั๊ยว่ามีอะไรแปลกๆ ” เอ๊ดเปิดบทสนทนา
      “ อะไรล่ะ หรือว่าเพราะเราจับอะไรไม่ค่อยจะได้เลย ” วีนพูดอย่างเซ็งๆ เพราะ
      เธอก็เตือนแล้วว่าคงไม่มีอะไร หรือที่ถูกคือไม่ได้อะไร

      “ ฉันรู้สึกเหมือนที่รู้มันไม่ใช่ประเด็นที่เอเรียมาหาครั้งนี้ ”
      “ รู้สึกสิ รู้สึกว่าเสียเวลาอ่านการ์ตูนชะมัดเลย ” เซียบ่นขึ้นมา เธอมีท่าทางหงุด
      หงิดไม่แพ้วีนกับแคต เพราะเธอนั่งเฝ้าก็แล้ว นอนเฝ้าก็แล้วยังไม่เห็นเอเรียจะ
      หยิบหนังสือออกมาอ่านเลย

      “ เอเรียบอกว่าไม่รีบร้อน ทั้งที่เรื่องน้ำยานั่นถ้าหยดใส่กระโปรงพี่เบลจริงการที่
      เอเรียมาถือว่าสมเหตุสมผล…แต่เรื่องแบบนี้น่าจะรีบ แล้วก็อลิซเหยียบเท้าเอ
      เรีย แสดงว่าทั้งคู่ไม่ได้มาหาน้ำยานี่ ” เอ๊ดพูดไปด้วยคิดทบทวนไปด้วย

      “ ฉันได้ยินแว่วๆ เรื่องเกมอะไรซักอย่างตอนที่เอเรียบ่นใส่อลิซหลังจากถูก
      เหยียบเท้า แต่อลิซก็ไปเล่นเกมคอมฯก็เลยไม่ได้สงสัยอะไร ” เซียบอกเรียบๆ
      ในกลุ่มเธอเป็นคนที่หูดีเกือบที่สุด

      “ คอม…ใช่แล้ว! ” เอ๊ดร้องออกมา
      “ อะไรของนายอีกล่ะ ” วีนถามอย่างเซ็งเต็มที อารมณ์กรุ่นๆของเธอยังไม่หาย
      “ รายชื่อหนังสือสามารถหาในคอมฯได้ ดูหมวดก็ได้ ” เพื่อนๆตาสว่าง แล้วก็เริ่ม
      รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

      “ หมายความว่าไง ” เซียถามงงๆ
      “ ก็หมายความว่า…เราถูกหลอก ” เอ๊ดตอบน้ำเสียงไม่พอใจ
      “ ไม่ได้ถูกหลอกซักหน่อย ” ทุกคนหันไปมองหน้าวีน
      “ ถูกทำให้คิดไปอย่างนั้นต่างหาก อลิซไม่ได้โกหก แต่ก็ไม่ได้บอกอะไร เรื่องทั้ง
      หมดเราเดาเอง สรุปเอง จึงไม่ถือว่าเธอหลอก ” เพื่อนๆมองตากัน แล้วก่อนที่จะ
      มีใครพูดอะไรก็มีเสียงดังขึ้นจากในห้อง

      “ พรุ่งนี้! ไม่เอาอลิซ วันนี้เถอะ ” เสียงดังออกมาทำให้ทุกคนเดินไปหยุดอยู่ใกล้
      ประตู หรือเรียกให้ถูกคือเอาหูแนบประตู

      “ เอเรีย อย่าเสียงดังสิ …วันนี้ไม่ได้ เล่นพรุ่งนี้นะ ”
      “ วันนี้ ” อีกฝ่ายต่อรอง
      “ วันนี้อ่านวิธี พรุ่งนี้เล่น จะได้ใช้คล่อง โอเคมั๊ย ” พออธิบายอีกฝ่ายจึงเข้าใจ
      “ งั้นก็โอเค ”

      เซียหันมามองเอ๊ดเหมือนจะถามว่าเรื่องอะไร แต่เค้าส่ายหน้าแล้วหันไปทาง
      ประตูให้ฟังต่อไป แต่…

      “ ไม่ต้องแอบฟัง! อยากฟังก็เข้ามา! ” เอเรียพูดด้วยเสียงไม่พอใจ
      ไม่มีใครพูดอะไร และตีหน้าให้ใสซื่อที่สุดทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์เลยเมื่อจับ
      ได้คาหนังคาเขาอย่างนั้น

      “ เอ่อ…พวกเราขอตัวไปซ้อมดนตรีนะ พรุ่งนี้แสดงแล้ว ” เดรพูดขึ้น ที่เหลือพยัก
      หน้าแล้วเลี่ยงไปอีกห้อง

      “ เดี๋ยว…เอ๊ด นายคู่กับฉันไม่ใช่หรอ ” อลิซถามเสียงด้วยเรียบที่ชวนสันหลังวาบ
      “ คือ…ฉันคิดว่าเราซ้อมพอแล้วจะไปช่วยดูให้เพื่อนไง ” เอ๊ดพุดอย่างรวดเร็ว
      และไม่รอให้อลิซพูดอะไร เค้ารีบไปอีกห้องอย่างรวดเร็ว

      “ เธอคิดว่าพวกเค้าได้ยินอะไรบ้าง ”
      “ ก็ไม่มีอะไรมาก พวกเค้าฟังตั้งแต่ตอนที่เธอร้องออกมานั่นล่ะ ซึ่งหมายความ
      ว่า… ”
      “ ไม่ได้อะไร ” อีกฝ่ายต่อประโยคให้จบแล้วยิ้ม

      ------------------------------------------------------------------

      บทที่ 14 เล็บปีศาจ

      “ หวัดดี ” อลิซทักที่โต๊ะอาหารในเช้าวันรุ่งขึ้น โต๊ะนี้ต้องเสริมพิเศษที่หัว
      โต๊ะ 1 ที่ เพราะมีเอเรียมาด้วย

      “ หวัดดี ” ทอมทักแล้วหาว วีนมองอย่างไม่สบอารมณ์แล้วไปนั่งที่โต๊ะ
      “ แล้วเอ๊ดล่ะ ” อลิซถามอย่างแปลกใจ ปกติเอ๊ดน่าจะอยู่ที่โต๊ะแล้ว
      “ เดี๋ยวตามมา ”

      “ แล้ววันนี้เอเรียจะไปร่วมเรียนกับพวกเรารึเปล่า ” เชถามขึ้น
      “ ไป คงต้องเสริมโต๊ะนั่งข้างๆฉัน ”
      “ แล้วทุกวิชารึเปล่า ”
      “ คงงั้น ”

      “ ลืมอะไรไปรึเปล่าอลิซ ” เชถามน้ำเสียงฟังสดใสอย่างน่าประหลาด ซึ่งเสียง
      แบบนี้มักจะเป็นเวลาที่คนอื่นคิดไม่ออกแล้วตัวเค้าเองคิดออก

      “ อะไร? ”
      “ สังคม ”
      “ แล้วไงล่ะ ” น้ำเสียงส่อแววรำคาญแกมแปลกใจนิดๆ แต่ก็ยังมีความอดทน
      “ ก็แสดงเป็นคู่ เราแสดงหมด แล้วเอเรีย… ”
      “ อ๋อ! ก็นึกว่าอะไร…ก็ให้เอเรียนั่งรอเราก่อนไง ไม่เห็นยาก ”

      “ แต่เอเรียไม่มีรายชื่อในชื่อนักเรียนห้องเรา แล้วเข้าร่วมเรียน พวกครูจะไม่
      ว่าหรอ ” ทอมที่ตอนนี้ดูเหมือนจะหายง่วงแล้วถามขึ้น

      “ ใครว่าไม่มี…การที่พวกเธอไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าชื่อฉันไม่มีซักหน่อย ชื่อ
      ฉันมีต่อจากชื่ออลิซแต่ไม่ปรากฏ เพราะไม่ได้อยู่เรียน แต่เข้าเรียนเมื่อไหร่
      พวกครูก็จะรู้เอง ”

      “ แล้วเดรล่ะ ” วีนถามขึ้นเมื่อไม่เห็นเดร
      “ คงมาพร้อมเอ๊ด ” ทอมตอบ แต่ไม่นานเกินรอ ทั้ง 2 ก็เดินมานั่งที่โต๊ะ แม่ครัว
      จึงยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะนี้เมื่อเห็นคนครบ

      “ ไปไหนมา ” อลิซถามขึ้นเมื่อเห็นเอ๊ดนั่งที่ฝั่งตรงข้ามขณะที่เธอพึ่งคุยกับเอเรีย
      จบ
      “ สนใจด้วย? ”
      “ อย่ากวนสิ ถามดีๆก็ตอบดีๆ ”
      “ ธุระ ” คำตอบสั้น แต่คนฟังไม่ได้ถามต่อเพราะรู้จักเก็บเอาไว้มากกว่าที่จะถาม
      เธอรู้ดีว่าถ้าอยากให้รู้คงบอกทั้งหมดเอง นี่เป็นข้อที่เธอแตกต่างจากเพื่อนๆใน
      บางครั้ง

      “ คาบแรกเรียน’ไร ” ทอมถามขึ้น เค้าทานอาหารเสร็จ…เป็นคนแรกของโต๊ะ
      “ คณิต ” เซียที่ทานเสร็จเป็นคนที่ 2 ตอบอย่างร่าเริง เพราะ เธอบ่นหิวมาตั้งแต่
      เช้าแล้วตอนนี้ก็อิ่มสมใจ

      “ ภาคเช้าทั้งหมดล่ะ ”
      “ จำไม่ได้ ” เซียบอกแล้วหันหน้าไปทางอลิซเป็นเชิงถาม แต่ดูเหมือนไม่มีใคร
      สนใจทั้งคู่เลย เพราะบ้างก็คุย บ้างก็กิน

      “ เฮ้อ…คุยกันเข้าไป มีอะไรคุยนักหนานะ ” เซียพุดอย่างหมั่นไส้ เสียงดังพอที่
      ทุกคนในโต๊ะจะได้ยิน
      “ เป็นอะไรรึเปล่าเซีย ” อลิซถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
      “ ก็นิดหน่อย ”

      “ ไอ้นิดหน่อยของเธอมันอะไรล่ะ ” แคตถามอย่างรำคาญ เพราะเซียดันไปขัด
      จังหวะตอนที่เธอคุยกับเชอยู่ ( เรื่องเกม )
      “ ก็กังวลเรื่องคณิต สังคม แล้วก็ทฤษฎี ที่ต้องเรียนวันนี้ แล้วก็หงุดหงิดที่ไม่มี
      ใครสนใจ ” เซียตอบ เธอเป็นคนตรงเสมอ จนในบางครั้งก็ตรงเกินไป

      “ ไอ้กังวลเรื่องเรียนคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญของเธอ แต่…หงุดหงิดไม่มีใครสนใจ
      นี่เธอไม่น่าเป็นนะเซีย ก็เธอคุยกับทอมอยู่ไม่ใช่หรอ ”
      “ ก็ใช่หรอกแคต แต่… ”
      “ เออๆ เอาเป็นว่าจะพยายามเข้าใจ ” แคตตัดบทแล้วรีบกินต่อ เพราะตอนนี้
      เหลือเธอเพียงคนเดียวที่ยังกินไม่เสร็จ

      “ ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ ” เอ๊ดบอกแล้วลุกจากโต๊ะเป็นคนแรก

      ---***---***---***---***---

      “ เอดิโคลัส ” เสียงกราดเกรี้ยวผ่านเข้าหู ทำให้เดรสะดุ้งสุดตัว
      “ ครับอาจารย์ ”
      “ เมื่อกี๊ครูพูดว่าอะไร ” ครูถามแล้วเดรก็ตระหนักถึงความซวย เพราะ เขามัว
      แต่เหม่อ
      มองไปหาเพื่อน วีนก็พยายามบอกใบ้

      “ ไม่ต้องไปถามเพื่อนเลยนะ เมื่อกี๊ครูพูดว่าอะไร ตอบมาซิ ถ้าเธอฟังครูก็ต้องรู้
      เรื่อง ” อาจารย์เมทาร่าที่ปกติใจดีกลับทำเสียงมได้อย่างหน้าประหลาด

      “ ครูเรียกนามสกุลผมครับ ” ตอบอย่างใสซื่อ ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่มันก็
      เป็นคำตอบที่ถือได้ว่ากวนบาทา

      “ ก่อนหน้านั้นล่ะ ” ครูพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ให้ระเบิด เดรมองไปทาง
      วีน
      “ ครูกำลังพูดถึงเรื่องที่เราจะเรียนกันในวันพรุ่งนี้กับการบ้านที่จะสั่งไว้ก่อนจบ
      ชั่วโมงครับ ”

      “ ดีที่ยังรู้เรื่อง …คัดสรร ภาษาใบ้เธอเยี่ยมมาก ” วีนไม่กล้ารับคำชม ไม่กล้าแม้
      แต่จะสบตาครู
      ชั่วโมงนั้นทั้งคู่เงียบผิดปกติ
      “ คัดสรร! ” ครู
      “ คะ ” วีนรับแล้วมองไปทางครู
      “ ไม่ต้องงง เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ครูแค่จะวานให้เอาชีทแจกเพื่อนๆให้ทำ
      เป็นการบ้าน ” วีนออกไปแล้วเดินเอาชีทแจกอย่างเงียบๆ แล้วก็นั่งสงบตามเดิม

      ชั่วโมงถัดมา ภาษาอังกฤษครูก็ให้การบ้านอีก 2 อย่างซึ่งทำให้นักเรียนทั้งห้อง
      บ่นอุบอิบไปตามๆกัน แล้วในที่สุดก็ถึง…

      “ สังคม ”เซียพูดแล้วตัวสั่น
      “ เออน่า ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ ไปช้าเดี๋ยวเจอดีนะ ” วีนเตือน
      “ โอเคๆ โอ๊ย! ตายๆๆ ” เซียร้องออกมา
      “ อย่าเครียดน่า ไปเปลี่ยนได้แล้ว ” แคตเร่ง แล้วก็ผลักไสเซียให้เดินไป

      “ เอเรีย เอาชุดมารึเปล่า ”
      “ อืม…เธอได้เก็บไว้ในล็อกเกตอะแมนด้ามั๊ยล่ะ ”
      “ ก็มี ”
      “ งั้นก็ถือว่าฉันเอามา ”

      ---***---***---***---***---

      “ ต่อไปนี้จะเป็นการแสดงของคิวเบิร์ตและครูเว่น ” อาจารย์เฮเลน มาร์ช
      ประกาศ
      แล้วทั้งคู่ก็ออกมาโค้งคำนับคนดูและเข้าประจำที่ของตน ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วย
      ดี แล้วก็ถึงคู่ของเพื่อนๆ ในขณะกำลังชมการแสดง เอเรียก็ลากอลิซไปมุมเงียบๆ
      มุมหนึ่ง

      “ เมื่อไหร่จะได้เล่นซะทีล่ะ ”
      “ ถ้าช่วงกลางวันนี้ตบะไม่แตกก็คงเป็นคืนนี้ที่ต้องหาที่แอบเล่น ”
      “ อยากเล่นไวๆจัง ”
      “ รอหน่อยเถอะ อยู่ดีๆเอามาเล่นไม่ได้หรอกนะ ”
      “ ที่จริงเธอก็อยากเล่นเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ ” รอยยิ้มเป็นเพียงคำตอบให้อีกฝ่าย
      เท่านั้น
      “ แล้วถ้าเกิดว่าจะเร่งเวลา สร้างโอกาสเองล่ะ ”
      “ ไม่ดี ”
      “ ทำไม? ”
      “ คนอื่นจะเดือดร้อน ”

      “ ก็จริง …เมื่อวานฉันหลับไปก่อนเลยไม่ได้อ่านเลย ตกลงมันทำอะไรได้บ้าง ”
      “ ฉันยังอ่านไม่จบ แต่เค้าบอกไว้ว่า ผู้ที่มีพลังปีศาจแต่ไม่มีสายเลือดอยู่ในตัวจะ
      ใช้ได้ไม่ดีเท่า การใช้ต่างๆขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ของผู้ใช้ ถ้าไม่มีสายเลือด ถึงมี
      พลัง แต่ถ้าใช้มากไปก็ไม่ดี ”

      “ ยังไงเธอก็ไม่สนเรื่องนั้นอยู่แล้ว ”
      “ ก็ใช่ ”
      “ แล้วมีอะไรอีกรึเปล่า ”
      “ บอกแล้วว่ายังอ่านไม่จบ ”
      “ งั้นคืนนี้อ่านกัน ”
      “ ปวดตา ”
      “ แล้วจะเล่น? ”
      “ อันนั้นไม่มีปัญหา ” คนฟังยิ้มรับกับคำตอบที่ได้ แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปกลางงาน
      อีกครั้ง

      ---***---***---***---***---

      “ เป็นไง ” เอ๊ดถาม ตอนนี้ทั้งหมดมาอยู่ที่ห้องอาหาร
      “ ก็ดี ” เดรตอบ
      “ ต่อไปเรียนอะไร ” ทอมถามขึ้น
      “ หัดจำตารางสอนเองบ้างสิ ” เซียว่าให้

      “ สัตว์ฯกับทฤษฎีเวทย์ ” เอ๊ดตอบให้
      “ อย่าได้มีการบ้านอีกเล้ย ” ทอมพูดออกมา ตั้งแต่เช้าครูสั่งการบ้านทุกวิชา แม้
      แต่สังคมก็ยังมี ทำให้หลายๆคนหงุดหงิด

      “ พูดถึงการบ้าน…เอเรีย เราแบ่งกันทำคนละครึ่งนะ ”
      “ ก็ได้ แต่เสียดาย ว่าจะอ่าน…โอ๊ย! เจ็บนะ ” เอเรียร้องออกมาและถลึงตาใส่อลิ
      ซอย่างเอาเรื่อง
      “ มีอะไรหรอจ๊ะเอเรีย ” อลิซถามเสียงหวานพร้อมจ้องตากลับ ดุเหมือนจะมี
      ประกายไฟแลบๆจากตาของทั้งคู่
      “ เปล่าๆ ไม่มีอะไร กินต่อเถอะ ” ถึงเอเรียจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยังคงบ่นใส่หูอลิ
      ซเป็นระยะๆ

      ---***---***---***---***---

      “ นี่อลิซ คาบนี้น่าจะใช้ได้ซะทีนะ ” เอเรียกระซิบ คาบนี้ครูให้วาดภาพหมี
      ธรรมดา เอ๊ดนั้นกำลังจดจ่ออยู่กับภาพจนไม่มีเวลาฟัง
      “ ใจร้อนไปก็ไม่ดี ไม่เคยได้ยินหรอว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ”
      “ ใช่สิ ขืนเธอช้าจะได้บ้างบนหัวซักเล่ม ”
      “ เดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยเล่น ” อลิซบอกแล้วนั่งวาดภาพต่อ 20 นาทีต่อมา เธอก็วาด
      เสร็จ พร้อมๆกับที่เอเรียหยุดพูด

      “ เสร็จแล้วขอเอาไปส่งก่อน ” อลิซบอกแล้วกำลังจะเดินไปส่งแต่เอเรียคว้า
      กระดาษวิ่งไปแล้วกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหอบแฮกๆแล้วพูดอย่างยาก
      เย็นว่า
      “ ฉัน …เอา …ไปส่ง……ให้แล้ว ” กว่าจะพูดจบทำเอาอลิซเหนื่อยแทน

      “ โห…แม่คุณ ความพยายามสูงส่งจริงจริ๊ง ”
      “ อย่าพูดมาก…รีบๆ…เล่น ”
      “ งั้นไปฝั่งนั้น มุมห้อง ไกลจากตรงนี้ เงียบ แล้วก็ไม่มีใครได้ยิน ”
      ---***---***---***---***---

      เสียงพึมพำลอดผ่านริมฝึปากเรียวบาง ในขณะที่อีกฝ่ายนั่งจ้องอย่างตื่นเต้นพลาง
      ใช้กระจกลวงตาคนภายนอกให้เห็นเป็นนั่งคุยกันธรรมดา

      พอจบคำสุดท้ายเท่านั้นแสงสว่างจ้าบาดตาก็บังเกิด หากไม่มีกระจกพลางอยู่เชื่อ
      แน่ว่าคงเป็นจุดเด่นที่สุด ภายนอกฝนตกฟ้าร้องได้ยินมาถึงข้างในทำให้หลายๆ
      คนมองเพดานอย่างหวาดหวั่น โชคดีที่อาจารย์ไม่ได้เข้ามาดู ไม่อย่างนั้นพวก
      เธอคงถูกดุที่นั่งคุยกัน
      แล้วดีไม่ดีความก็อาจแตก

      พอแสงสว่างจ้าหายไป เอเรียก็ถึงกับอ้าปากค้าง อลิซนั้นนั่งสงบเงียบ ทั้งคู่กำลัง
      นั่งจ้องดูเล็บเรียวยาวสีขาวขุ่นที่มีความยาวซักประมาณ 7 ซม.ได้ อลิซมองอยู่ซัก
      พักจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า

      “ นี่แหละเล็บปีศาจ ”
      “ ขืนเรียกแล้วฝนตกฟ้าร้องแบบนี้ เดวิลัสคงน้ำท่วมตลอดปี ” อลิซยิ้มก่อน
      อธิบาย
      “ มันเป็นเฉพาะการเรียกครั้งแรกเท่านั้นแหละ เป็นทุกครั้งเดวิลัสมีหวังได้น้ำ
      ท่วมจริงๆอย่างที่เธอว่า ” รอยยิ้มตอบรับจากเอเรีย ก่อนจะสนใจที่เล็บอีกรอบ

      “ แล้วทำไมไม่เป็นสีดำ ”
      “ เราได้แต่พลัง สายเลือดเราไม่ได้เป็นปีศาจ แล้วความยาวของเล็บก็ขึ้นอยู่กับ
      พลังเวทย์ ยาวขนาดนี้แสดงว่าเวทย์ของเกรดิสต้องมาก แต่รู้สึกว่าเรายังดึงมา
      ไม่หมด ถ้าเราโกรธหรือควบคุมมาได้มากพอ จะยาวกว่านี้ ” อีกฝ่ายตามันวาว
      ยิ้มแล้วหันมามอง

      “ แค่นี้ก็เล่นได้เยอะแล้ว ”
      “ ยังไม่รู้เลยว่าเล่นอะไรได้บ้าง ”
      “ อยากรู้ก็ลอง ”
      “ อ่านหนังสือให้จบดีก่อนไม่ดีกว่า? ”
      “ ไม่เอา เล่นยิ่งเร็วยิ่งดี ”
      “ ไม่เคยได้ยินรึไง… ” อีกฝ่ายขัดขึ้นทันควัน
      “ ช้าๆได้พร้าหัวก็แบะ ” เสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่าย

      ---***---***---***---***---

      “ นักเรียนทุกคนเข้าแถว เตรียมออกจากห้อง ” เสียงดุๆสั่งมาทำให้นักเรียน
      ลนลานไม่กล้าบิดพริ้ว

      เอเรียมองเห็นลู่ทาง เธอเรียกเล็บขึ้นมาบ้าง คราวนี้ไม่มีแสงหรืออะไรทั้งนั้น
      เพราะ เธอเรียกก็ไม่ต่างจากอลิซเรียก

      เธอเริ่มเปิดปฐมฤกษ์การใช้ครั้งแรกด้วยการ…ไขกุญแจกรงหมี ทั้งที่ห่างเป็นวา
      แต่กลับสามารถไขได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครจับได้ ยกเว้น…อลิซ

      “ อย่าพึ่งเล่น ” อลิซบอกแล้วใช้เล็บปิดมันตามเดิม ทั้งคู่ออกมาจากห้องแล้ว เอ
      เรียดูสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

      “ ไม่เป็นไร คราวหน้าก็ได้ ” เอเรียพูด
      “ อืม… ” เสียงตอบรับที่ทำเอาเอเรียหันไปมองจนคอเคล็ด อลิซยิ้มให้เธอ
      “ เธอฟังไม่ผิดหรอก ฉันเห็นด้วย ” เอเรียยิ้ม …อลิซคงอดใจไม่ไหวเหมือนกัน

      --------------------------------------------------------------------

      บทที่ 15 การฝึกใช้ขั้นพื้นฐาน

      “ อลิซ ชั่วโมงนี้ทฤษฎี เล่นกันมั๊ย ”
      “ ไม่ได้ ชั่วโมงนี้ห้ามใช้เวทย์อะไรทั้งนั้น ”
      “ งั้น… ”
      “ เย็นนี้ ”
      “ โอเค …เตรียมแผนไว้แล้วล่ะสิ ”
      “ แน่นอน ” เอเรียยิ้มกริ่ม พอใจกับคำตอบที่ได้ แต่ก็มีคนไม่พอใจเช่นกันกับ
      การสนทนาของทั้งคู่

      “ ครูเว่น! ครูรู้ว่าพวกเธอคิดถึงกันมาก แต่ช่วยฟังครูก่อนที่จะคุย นี่เป็นชั่วโมง
      เรียนนะ พวกเธอควรจะฟัง… ” หลังจากนั้นครูก็บ่นอีกยาวเหยียด ทำเอาทั้งคู่
      จ๋อยไปเลย

      ---***---***---***---***---

      “ ไม่เคยคิดเล้ย…ย ว่าครูแกจะบ่นได้ยาวขนาดนี้ ”
      “ แต่เธอก็ผิด ”
      “ เงียบไปเลยเอ๊ด นายไม่โดนบ้างไม่รู้หรอก ”
      “ ก็ฉันไม่ได้ทำผิด ” อีกฝ่ายอ้าปากจะพูด แต่คนกลางรำคาญเลยห้ามไว้ก่อน
      “ หยุด! พอได้แล้ว เอเรีย เราก็ผิดจริงๆ ”
      “ แต่… ” อลิซเดินไปหยุดข้างๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูซะก่อน เอเรียจึงเงียบไป
      “ เออ…ชั่งมันก็ได้ ” รอยยิ้มหลังคำพูดทำให้เพื่อนๆงงว่าทำไมเปลี่ยนได้เร็ว
      ขนาดนี้
      “ ฉัน กับ อลิซ …ขอตัวก่อนนะ ” ก่อนที่จะมีใครถาม ทั้งคู่ก็ไปจากห้องอาหารเรียบ
      ร้อยแล้ว ที่โต๊ะ ต่างมองหน้ากัน แล้วกินอาหารต่ออย่างไม่ใส่ใจ

      ---***---***---***---***---

      “ แผน… ” เอเรียกำลังจะถามต่อ แต่อลิซเอามือห้าม แล้วชี้ไปที่แก้ว 2 ใบ
      “ จะทำอะไร ”
      “ เล่น ”
      “ อะไรล่ะ ”
      “ อยากรู้ ก็ต้อง…ดู ”

      ในแก้วทั้ง 2 ใบมีน้ำเปล่าอยู่ใบละครึ่งแก้ว อลิซเรียกเล็บเวทย์ออกมา
      ตอนนี้ มันมีขนาดยาวกว่าเดิม เอเรียเลยเรียกออกมาบ้าง มันสั้นกว่าของอลิซ

      “ ขี้โกงนี่นา เธอใช้ก่อนแล้ว ”
      “ ถ้าไม่ลองจะสาธิตได้หรอ ”
      “ ก็น่าจะลองพร้อมกัน ”
      “ แหม…ลองไปแค่นิดเดียวเอง แต่ที่มันยาวขึ้น เพราะ ช่วงนี้ได้นอนเต็มอิ่ม เลย
      เรียกมาได้มาก ”
      “ แน่ล่ะ เมื่อวานเล่นยกการบ้านที่ต้องใช้เวลาให้ฉันหมดเลยนี่ ของเธอแค่ 10
      นาทีก็เสร็จ ของฉันสิ… ”
      “ จะเล่นมั๊ย ”
      “ ถามได้…ไม่เล่นจะนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้หรอ ”
      “ งั้นก็เงียบ จะได้อธิบาย ”

      “ เราจะทดลองเล่นขั้นพื้นฐาน มันอาจจะน่าเบื่อไปนิด แต่นี่ก็แค่พื้นฐาน หลัง
      จากนี้จะมีหนุกกว่านี้ ” อีกฝ่ายยิ้มรับ เป็นอันว่าพอใจ

      “ พลังปีศาจเรียกพายุได้ หยุดพายุก็ได้ เพราะฉะนั้น เราจะมาทดลองกัน อันนี้
      เป็นพื้นฐานทั่วไป เราจะลองเรียกพายุน้ำในแก้วนี่แทนก่อน วิธีก็แค่ต้องมี
      ความต้องการ สมาธิ พลังเวทย์ จากนั้นฉันคงไม่ต้องอธิบาย เราจะเริ่มทำพร้อม
      กันนะ ” เอเรียพยักหน้ารับ แล้วอลิซจึงให้สัญญาณ

      “ หนึ่ง…สอง…สาม! ”

      ไอเวทย์รุนแรงก่อตัวภายในห้องอย่างรวดเร็วน้ำที่เคยนิ่งสงบกลับสูงเป็นเกลียว
      พายุ เท่าที่น้ำในนั้นจะเอื้ออำนวย แต่ชั่วพริบตา สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!

      แก้วทั้ง 2 ใบนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พายุเริ่มก่อตัวเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
      พายุที่อลิซก่อนั้นใหญ่และรุนแรงกว่าของเอเรีย โชคดี ( ? ) ที่ห้องนี้เป็นห้องว่าง
      เปล่าจึงไม่มีอะไรพัง แต่ผนังของห้องเริ่มที่จะสั่นๆน้อยๆ และเริ่มรุนแรงขึ้น
      เรื่อยๆ

      อลิซเห็นไม่ได้การ เธอยังใช้พลังจากเล็บปีศาจหยุดพายุใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้ จึง
      ใช้เวทย์ของตัวเองแทน เล็บปีศาจหายไป ตอนนี้พลังเวทย์สีทองอยู่บนมือของ
      เธอ อลิซขว้างไปกลางพายุของเธอ แล้วอลิซก็ค่อยๆควบคุม พลังเวท์สีทองสุก
      สว่างไปทั่วห้อง ตอนนี้กลิ่นไอแห้งเวทย์รุนแรงมากจนมันอาจจะออกไปด้านนอก
      ถ้าไม่ใช่ว่าในนี้ลงเวทย์กั้นเอาไว้แล้ว

      พายุลูกใหญ่ค่อยๆสงบลง และ หายไปในที่สุด แต่กว่าจะสงบได้ ผนังห้องก็พังไป
      ครึ่งแถบ
      แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ…เอเรียยังจัดการกับพายุของเธอไม่ได้!

      “ อลิซ! ช่วยด้วย ” เอเรียร้องเรียก เธอยังตกใจกับพายุที่ตอนนี้เริ่มทำลาย
      ห้องอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ผนังห้องพังอย่างสมบูรณ์ โชคดีที่นี่เป็นชั้นแรก ห้องนี้มี
      ผนังถึง 7 ชั้นจึงไม่กระทบกระเทือนภายนอก

      “ เอเรีย ควบคุมมันสิ ” อลิซตอบเสียงเรียบ ดูเธอไม่ตกใจเท่าไหร่กับพายุของเอ
      เรีย แต่เอเรียเริ่มจะช็อค

      “ ไม่ไหว ”
      “ ใช้เล็บปีศาจหยุดไม่ได้ก็ใช้เวทย์ตัวเอง ”
      “ ฉันทำไม่ได้ เวทย์ไม่พอ ”
      “ ต้องได้! ”
      “ ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วจะทำได้นี่ ” เอเรียเริ่มหงุดหงิด นอกจากไม่ช่วยแล้วยังจะมาสั่ง
      อีก
      “ ฉันบอกว่าได้ก็ต้องได้สิ ทำไป เธออยากเล่นเองก็ต้องทำให้ได้ ”
      “ แต่… ”
      “ ไม่มีแต่ ” เพื่อนที่น่ารักกลับดุได้อย่างเหลือเชื่ออย่างที่ไม่ค่อยเป็น ทำให้เอ
      เรียไม่เอ่ยปากต่อ
      ในเมื่ออลิซบอกว่าทำได้ ก็ต้องลองดู – เอเรียคิด คำพูด ( สั่ง ) ของอลิซเปลี่ยนแง่
      คิดของเธอใหม่

      เอเรียลองทำแบบอลิซบ้าง มันก็ให้ผลไม่เลวทีเดียว พลังเวทย์สีเงินทำงานได้ดี
      พายุเริ่มสงบ แต่ยังไม่หายไป เพราะคนใช้อ่อนแรงซะก่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้
      ไม่รีบลงมือ ทำให้พลังยิ่งอ่อนลง และเอเรียก็สลบไปในที่สุด

      อลิซจัดการกับพายุนั้นต่อ แล้วจึงวิ่งไปหาเอเรีย

      “ เอเรีย เอเรีย ตื่นสิ ” อลิซเรียก เธอประคองเอเรียไว้ที่ตัก แล้วเขย่าปลุก แต่
      เอเรียไม่ตื่น

      “ อะแมนด้าเอายาออกมาที ” หลังจากอลิซกินยาเข้าไป ร่ายเวทย์เชื่อมต่อ
      ระหว่างเธอกับเอเรีย และถ่ายพลังบางส่วนให้ เอเรียก็ฟื้นขึ้น

      “ ขอโทษนะ ” เป็นคำแรกที่พูดจากปากหลังจากที่เพื่อนคนสำคัญฟื้นขึ้น
      “ ไม่ใช่ความผิดของเธอ ฉันผิดเองที่อ่อนหัด ”
      “ ฉันน่าจะรอบคอบให้มากกว่านี้ ฉันไม่คิดว่า… ”
      “ ไม่คิดว่าฉันจะทำไม่ได้ ”
      “ ไม่ใช่ แต่ฉัน… ”
      “ พอเถอะ ฝึกอย่างนี้แหละดีแล้ว เธอทำถูกแล้วล่ะอลิซ แล้วเราค่อยมาพยายาม
      กันใหม่ ”
      “ อืม… ”
      “ เป็นอะไรอลิซ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ”
      “ ไม่เป็นไร ไม่เป็น… ” พูดยังไม่ทันจบ อลิซก็สลบไป
      “ อลิซ อลิซ! ” เอเรียร้องเรียก เธอรู้ดีว่าอลิซก็ใช้พลังเวทย์ไปไม่น้อย ถึงจะเก่ง
      แค่ไหน แต่เด็กแค่ 7 ขวบ ถึงจะเท่ากับอายุ 10 ปีของมนุษย์ แต่ก็ไม่มีทางที่จะ
      ทนรับได้ แถมอลิซ ยังช่วยเธออีก ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ถ้าเป็นเธอ คงไม่มีทางที่จะ
      เหลือพลังไปช่วยใคร ถ้าต้องจัดการกับพายุลูกใหญ่อย่างนั้น แล้วยังต้องจัดการ
      กับอีกลูกอีก

      ---***---***---***---***---

      “ ตื่นแล้วหรอ ”
      “ ไม่ตื่นแล้วจะเห็นฉันลืมตาหรอ ”
      “ พึ่งตื่นแล้วยังมีอารมณ์มากวนอีกนะ ”
      “ เอ๊ด… เอเรียล่ะ ”
      “ นั่งหลับอยู่นั่น คงเพลีย เห็นหลังจากพาเธอเดินออกมาจากกระจก แล้วก็นั่ง
      เฝ้าเธอ แล้วก็ฟุบไปนั่นแหละ ”
      “ คงเพลีย ”
      “ พวกเธอไปทำอะไรกัน สภาพยิ่งกว่าไปฝ่าศึกสงครามซะอีก ”

      “ ยิ่งกว่าไปฝ่าเกมแก้เซ็งด้วยรึเปล่า ”
      “ ถามดีๆ… ”
      “ ก็จะพยายามตอบดีๆ… ” อลิซหัวเราะเบาๆกับสีหน้าของคนถูกขัดคอ แล้วต่อให้
      ว่า
      “ ไปเล่น…บอกไม่ได้ว่าเล่นอะไร ”

      “ วันนั้น…ที่ห้องสมุด เธอหลอกฉันใช่มั๊ย ฉันไม่โกรธหรอก แต่ต้องบอกตามตรง
      นะ ”
      “ ไม่ได้หลอก… ”
      “ แค่บอกไม่ตรงประเด็น ” เอ๊ดต่อประโยคให้จบ
      “ รู้ก็ดี ”
      “ ทำไมบอกไม่ได้ ”

      “ ไม่ควรรู้ ”
      “ ทำไม ”
      “ อยากรู้จริงน่ะ… ”
      “ใช่ ”
      “ ถ้าเอเรียยอมบอกฉันก็ไม่ว่าอะไร ”

      “ อลิซ… ” เสียงแผ่วเรียกมาทำให้บทสนทนาหยุดอยู่แค่นั้น แล้วก็หันไปมอง
      “ ตื่นแล้วหรอเอเรีย ”
      “ ไม่ตื่นนายจะเห็นหรอ ” ถึงแม้จะยังเพลียแต่เจ้าตัวก็ยังมีอารมณ์กวน
      “ อลิซ ”
      “ ว่าไง ไม่นอนพักต่อล่ะ ”
      “ ไม่ล่ะ ดีขึ้นแล้ว แล้วเธอล่ะ ”
      “ ดีกว่าเธอ ”
      “ จริง… ทำไมร่างกายเธอไม่ยอมรับพลังจากฉัน ”
      “ เพราะพลังเธอไม่พอ… ฉันถ่ายพลังให้เธอ ฉันเพลียก็เลยสลบไป แต่เธอที่ยัง
      เพลียอยู่ มีพลังไม่มากก็ยังจะถ่ายให้ฉัน ซึ่งมันไม่พอ เสียเปล่า แค่เธอแบกมาก็
      เพลียแล้วก็สลบไปอีกรอบ ”

      “ งงๆแฮะ ”
      “ นายไม่ต้องรู้ทุกเรื่องหรอก ”
      “ ก็จะพยายามเหมือนกันนะ… เอเรีย อลิซบอกว่าถ้าเธอยอมบอกเรื่องที่พวกเะอ
      ไปหา อลิซก็จะไม่ว่าอะไร เธอบอกได้รึเปล่า ”
      “ เจอสภาพนี้แล้วก็ต้องบอกล่ะนะ คราวหน้าก็ต้องฝึกอีก ฉันไม่ชอบคนตื้อซะ
      ด้วยสิ ”
      “ อยากบอกก็บอกไป แต่รอบอกพร้อมคนอื่นๆดีกว่า ” อลิซแนะ เอเรียพยักหน้า
      เห็นด้วย

      ---***---***---***---***---
      “ เล็บปีศาจ! ” เพื่อนๆคนฟังร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
      “ เบาๆ ” อลิซปรามเพราะไม่อยากให้เสียงดังจนคนอื่นได้ยิน
      “ ตกใจอะไรกันนักหนา เรื่องธรรมดาออก ”
      “ ธรรมดาสำหรับเธอคนเดียวแหละเอเรีย ” แคตพูดแล้วตามันวาว
      “ ช่ายๆ ไม่บอกกันบ้างเลยอดเห็นของดีเลย ”
      “ จริงที่สุดเลยเซีย …อลิซ คราวหน้าเรียกเราดูด้วยนะ ”

      ในขณะที่สาวๆกำลังเล่าสู่กันฟัง หนุ่มๆก็มานั่งล้อมวงคุยกัน
      “ นายคิดอย่างที่ฉันคิดรึเปล่า ” เอ๊ดถามขึ้นเป็นคนแรก
      “ แล้วนายคิดอย่างที่ฉันคิดรึเปล่า ” เชตอบบทสนทนา
      “ แล้วพวกนายคิดอย่างที่ฉันคิดรึเปล่า ” เดรถามขึ้นบ้าง
      “ คิดสิ…คิดว่าสุดยอดไปเลย คราวหน้าต้องดูให้เห็นกับตา ” ทอมพูดขึ้น เพื่อนๆ
      ทั้ง 3 หันไปมอง
      “สรุปแล้วมันก็เรื่องเดียวกัน ” เดรพูด ตาเป็นประกายนึกสนุก

      “ จริง ” เสียงสนุบสนุนทำให้ทั้งห้องหันไปมองผู้พูด เรพาะบทสนทนาที่เบาแสน
      เบา ทำให้สาวๆได้ยินด้วย
      “ หมายความว่านาย…ปลงได้แล้ว ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ทำให้เพื่อนๆงงกับการ
      ปรับตัวได้อย่างประทันหันของเพื่อนสนิทคนนี้

      “ กลุ้มไปก้ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างมัน… ”
      “ น่าสนุก ” เชต่อให้แล้วยิ้ม
      “ ค่อยสมเป็นคิวเบิร์ตหน่อย เผยธาตุแท้ออกมาจนได้นะนายเนี่ย ”
      “ แล้วไม่ดีหรอทอม ”
      “ ทำไมจะไม่ดีล่ะ ” อีกฝ่ายยิ้ม เค้าควรจะปลงตั้งนานแล้ว

      “ ในที่สุดนายก็กลับเป็นปกติ ” อลิซพูดขึ้นแล้วส่งยิ้มให้
      “ งั้นก็มาฟังสิว่าเราจะทำอะไรต่อไป ” เอเรียชวน แล้วทั้ง 4 ก็มานั่งร่วมวง ซึ่งมี
      ทั้งตื่นเต้น แววตานึกสนุก เสียงสนับสนุน แล้วเสียงฝ่ายค้านที่เสนอวิธีสนุกยิ่ง
      กว่า

      ---***---***---***---**---

      “ แล้วพรุ่งนี้… ”
      “ ก็จะฝึกอีก ต้องเอาให้คล่อง ”
      “ จะไหวหรอ แค่นี้ดุพวกเะอสภาพย่ำแย่แล้ว ถ้าพรุ่งนี้เอาอีกมีหวัง… ”
      “ ไปเรียนไม่ไหว ” วีนต่อให้ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเป็นห่วง

      “ ไม่เป็นไร…เรามีฝ่ายสนับสนุน ”
      “ ยังไง ”
      “ ไอริสกับไอด้ายินดีจะให้เรานอนพักผ่อน และใช้เวลาอ่านหนังสือให้ แล้วพรุ่ง
      นี้ ทั้งคู่จะไปเรียนแทนเรา ” ข่าวที่ได้ทำให้เพื่อนๆตกใจ

      “ ทั้งคู่เป็นคนยังไง ” เอ๊ดถามขึ้นเป็นคนแรก
      “ คล้ายฉัน ”
      “ กวนเหมือนเธอหรอ ว้า!…แย่ ”
      “ เงียบไปเลยเอ๊ด เหมือนฉันแล้วแย่ตรงไหน… ” เอ๊ดกำลังจะอ้าปากตอบแต่เอ
      เรียเริ่มมองการไกลอย่างที่ผู้ฟังบทสนทนาในห้องนี้เห้นอยู่ลางๆ เลยขัดขึ้น

      “ พอๆ เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ก็รู้เอง ”
      “ ไม่ต้องห่วงหรอก…ไอริสกับไอด้าเป็นคนน่ารัก ”
      “ ใช่ๆ เซียพูดถูก ” แล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไร แคตกับเซียถึงได้ยิ้มกว้าง

      “ ฉันว่าพวกนายกลับได้แล้วล่ะ ” วีนพูดขึ้น ทั้ง 4 พยักหน้า แล้วก้เดินกลับห้อง
      ของตน เตรียมรอรับชะตากรรม ( ? ) วันพรุ่งนี้

      -----------------------------------------------------------

      บทที่ 16 หนึ่งวันกับไอริสและไอด้า

      “ หวัดดี ” สองเสียงทักขึ้นพร้อมกัน ผู้นั่งร่วมโต๊ะทั้ง 7 เลยหันมามอง
      “ สวัสดี…เอ่อ… ”
      “ ฉันไอริส และนี่ ไอด้า ยินดีที่ได้รู้จัก นาย…ทอม ใช่มั๊ย ”
      “ ใช่ รู้ได้ไง ”
      “ อลิซเล่าให้ฟังบ่อยๆ เอารูปให้ดูด้วย แล้วก็เคยเห็นจากความทรงจำบางส่วน
      เรารู้จักพวกเธอทุกคนเลย อลิซเล่าให้ฟังบ่อยมาก ”
      “ ไอด้า อะไรทำให้เธอมั่นใจว่าอลิซเล่า ”
      “ ไม่รู้สิ ฉันชักๆไม่แน่ใจแล้วว่า อลิซกับเอเรียเล่าหรือว่าเราแอบดู ” พูดแล้วก็
      หัวเราะกันอยู่สองคนแล้วนั่งที่ที่ของอลิซและเอเรีย

      “ อลิซเป็นไงบ้าง ”
      “ ไม่เป็นไรมากหรอกเอ๊ด แล้วก็…ขอบอกซักนิดว่า ในชั่วโมงเรียน หรือต่อหน้า
      คนอื่น ให้เรียกฉันว่าอลิซเรียกไอด้าว่าเอเรียเราสองคนจะมาแทนแค่หนึ่งวัน
      ไม่ต้องเป็นห่วง ”
      “ แต่จะรับจ๊อบต่อจากนั้นรึเปล่าก็ไม่แน่ ” ไอด้าเสริมแล้วส่งยิ้มกว้างให้ทุกๆคน

      “ อะแฮ่มๆ ” ไอริสแกล้งกะแอมแล้วแม่ครัวก็รู้หน้าที่ว่าควรนำอาหารมาเสิร์ฟที่
      โต๊ะนี้ได้แล้ว ส่วนไอด้าก็นั่งตัวตรงวางท่านิดๆ ซึ่งไม่เหมาะกับบุคลิกที่เห็นก่อน
      หน้านี้เลย ทั้งโต๊ะได้แต่นั่งกินอย่างเงียบๆ มีบางครั้งก็หันมาชำเลืองมองทั้งคู่
      เซีย แคต และวีนชวนทั้งคู่คุยบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนหนุ่มๆได้แต่มองหน้าส่ง
      ภาษาตาใส่กัน

      “ นี่ๆ ไม่ต้องนั่งรักษามารยาทมากขนาดนั้นก็ได้ ”
      “ แค่อยากลองดูซักครั้งน่ะ ” คำตอบที่ได้รับทำให้ผู้ฟัง ( และอาจรวมถึงผู้อ่าน )
      คิดกันหมดเลย ว่าคงไม่เคยทำ

      “ ไม่ใช่ซักครั้งสิไอด้า ” แฝดอีกคนแย้งขึ้น
      “ อ้อ! ใช่ ครั้งที่สามแล้วสินะ ” คำตอบไม่ทำให้มองผิดจากเดิมไปซักเท่าไหร่
      “ ไอริสฉันว่าอลิซไม่ได้นั่งเกร็ง แล้วก็อะไรแบบที่เธอทำตอนนี้หรอกนะ ”
      “ แล้วเอเรียก็ไม่ได้วางท่าขนาดนี้ด้วย ” พูดกันเสร็จก็หัวเราะคิกคักกันอยู่สอง
      คน ในขณะที่คนอื่นเงียบเช่นเคย

      “ เวลานั่ง อลิซกับเอเรียจะผ่อนคลายกว่านี้ เป็นกันเอง แล้วก็ร่าเริง กล้าปลด
      ปล่อย ” ดูเหมือนวีนจะเน้นคำท้ายเหลือเกิน
      “ ว้า! แย่…เราเล่นไม่เนียนเลยว่ามั๊ย มีคนรู้ไต๋จนได้ ” ไอด้าบอกเสียงเศร้า แต่
      ในตาไม่ได้เศร้าเลยซักนิด
      “ แต่ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องทนเล่นนาน ” อีกฝ่ายสนับสนุนประกายตาระริกไม่แพ้
      กัน

      “ พวกเธอ…เหมือนอลิซมากรึเปล่า ” เดรเอ่ยถามขึ้นเป็นครั้งแรก
      “ ก็ ( พูดแล้วสบตากับไอด้าแล้วยิ้ม ) … เหมือน แต่เราจะปล่อยมากกว่าที่อลิ
      ซเป็น อลิซที่พวกเธอเห็น ไม่ใช่อลิซที่เรารู้จักทั้งหมด ”

      “ ใช่ พวกเธอยังไม่รู้จักอลิซทั้งหมด แต่ก็ดีแล้ว จะได้ไม่กลุ้ม จริงมั๊ยเอ๊ด ”
      “ ฉันปลงได้แล้ว ” คำตอบสั้นๆแต่ได้ใจความเพราะคนตอบรู้ดีว่าคนถามแกล้ง
      แหย่เล่น

      “ ช่วยบอกตารางวันนี้หน่อยสิ ” ไอด้าถามขึ้น แคตจึงขยับแว่นนิดนึง แล้วเอา
      กระดาษแผ่นเล็กๆขึ้นมาและอ่าน

      “ วิทศิลประยาทรูม ” ผู้ได้รับคำตอบพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็มีคนไม่เข้าใจอยู่บน
      โต๊ะเช่นกัน

      “ อะไรนะ ”
      “ นายได้ยินชัดแล้วไม่ต้องถามซ้ำ ” เซียตอบแทน ( ถ้านั่นใช่คำตอบที่ตรง
      ประเด็น )
      “ นายไม่เข้าใจหรอ ” ไอด้าถามอย่างสุภาพ
      “ อืม ”

      “ ริส เฉลยหน่อยสิ ”
      “ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ประวัติศาสตร์ มารยาท และโฮมรูม ถูกมั๊ยแคต ” แค
      ตพยักหน้า
      “ รหัสอะไรของเธอเนี่ยแคต ”
      “ รหัสที่จำง่าย ทุกคนที่โต๊ะเข้าใจ แต่นายไม่เข้าใจ ” ทุกคนพยักหน้ารับ ทอมไม่
      ใส่ใจ หันกลับไปจัดการกับอาหารเช้าของเค้าต่อ

      “ แล้วเย็นนี้อลิซกับเอเรียจะฝึกอีก แล้วพรุ่งนี้จะมาไหวหรอ ” เสียงถามแสนซื่อ
      พร้อมกระพริบตาปริบๆ แต่อีกฝ่ายรู้ทัน จึงหัวเราะนิดๆก่อนตอบ

      “ รู้จุดประสงค์ของเธอหรอกนะ ” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง
      “ เธอก็รู้ว่าปิดฉันไม่ได้ ” พูดเสริมขึ้นอีก แล้วอีกฝ่ายก็ต่อประโยคว่า
      “ ก็รู้…แล้วก็รู้ด้วยว่า เธอเองก็คิดเหมือนกัน ” พูดเสร็จก็หัวเราะกันอยู่สองคน (
      อีกแล้ว )

      “ วันนี้วิทย์คงมีเกี่ยวกับสารต่างๆ น่าจะเข้าห้องทดลองด้วย มันส์แน่ๆเลย ”
      “ ช่ายๆแล้วก็ศิลปะก็มีเรื่องหนุกๆที่อลิซอุตส่าห์เตรียมแผนไว้ให้เล่น ” พูดจบเด
      ร เช และเอ๊ดก็พร้อมใจกันสำลักน้ำโดยมิได้นัดหมาย

      “ ประวัติศาสตร์ มีปากกาดีๆอยู่แล้วก็เป็นชั่วโมงวางแผน ” คราวนี้สามหนุ่มไม่
      สำลักเพราะตัดสินใจไม่ดื่มแล้ว

      “ มารยาท ก็เป็นชั่วโมงฝึกละครไปซะเลย ถือว่าเป็นครั้งที่สี่ของเรา แล้วก็เผื่อ
      เอาไว้ อาจมีจ๊อบหน้า ” ทั้งสามเริ่มพยายามตั้งหน้าปกติ

      “ แล้วก็โฮมรูม…อืม…เดี๋ยวค่อยคิด ” เมื่อจบเดร เช และเอ๊ดก็ลอบถอนหายใจ
      เพราะไม่ต้องฟังแผนการอะไรตอนนี้ ( ดีใจไวไปรึเปล่า )

      ---***---***---***---***---

      “ ครูเว่น! ชั่วโมงของฉันวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ปรุงยา อย่าเล่นพิเรนแบบนี้อีก วันนี้
      เธอสองคนเป็นอะไรนะ ปกติไม่เคยเป็นนี่นา แต่ชั่งเถอะ เอาเป็นว่าคราวหน้า
      อย่าเล่นอีก … ”
      หลังจากนั้นครูก็บ่นยืดยาวจนไอริสแอบหันหลังไปหาว แล้วกลับมาทำหน้าจ๋อย
      ต่อ

      “ อลิซรู้นะ มีหวัง… ”
      “ ถูกเชือดทั้งเป็นแน่ ” อีกฝ่ายต่อให้จบ หน้าเศร้ามีแววหวาดไม่แพ้กันไม่ใช่
      เพราะอาจารย์แต่เป็นเพราะกลัวถูกเพื่อนผู้น่ารักแปลงร่างเป็น… ฆ่าเอาทั้งเป็น

      หลังจากครูบ่นจบ ( เพราะเหนื่อย )

      “ ห้ามไปบอกอลิซเด็ดขาด ”
      “ ถ้าอลิซรู้ว่าเราทำคะแนนจิตพิศวาส เอ้ย! จิตพิสัยของเธอเสียล่ะก็นะ ”
      “ ทั้งอลิซ ทั้งเอเรียรุมเชือดเราแน่ ”

      “ น่ากลัวขนาดนั้นเชียว ” เซียฟังบรรยายแล้วขยาดแทน
      “ ยิ่งกว่านี้อีก เธอไม่เคยเห็นเวลาเค้าโกรธจริงๆ ”
      “ โดยเฉพาะอลิซ ถ้าเป็นพวกเธออาจจะคิดว่าเอเรียโกรธน่ากลัวกว่า แต่จริงๆ
      แล้วเอเรียอาจเทียบอลิซไม่ติดด้วยซ้ำ ”

      “ แต่ แค่นี้อลิซคงไม่โกรธมากหรอกมั้ง ” วีนพูดอย่างไม่แน่ใจ ความไม่แน่ใจ
      ของเธอเพิ่มขึ้นทุกทีที่ได้รู้ลึกเข้าไปอีก

      “ ก็ใช่ แต่แค่โกรธธรรมดาก็น่ากลัวแล้ว ”
      “ เพราะอลิซกับเอเรียมักมีวิธีแปลกๆที่จะ…ชั่งเถอะ เอาเป็นว่าอย่าบอกก็แล้วกัน
      นะ ขอบคุณล่วงหน้า ”

      “ ก็คงได้ แต่พวกเธอทั้งคู่ควรจะรู้ว่า ความ – ลับ – ไม่ – มี – ใน – โลก ” เช
      สะกดช้าๆให้พวกเธอฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ เน้นทุกพยางค์อย่างหวังให้เข้าสู่โสต
      ประสาท

      “ แต่รู้ช้าก็ดีกว่ารู้เร็ว ”
      “ ใช่ ครูอาจจะลืม อลิซอาจจะไม่รู้ตลอด ถึงยังไงซะ อลิซก็ …ส่วนมากเรื่องเล็กๆ
      แค่นี้คงหายโกรธเร็ว…ล่ะมั้ง …เอาเป็นว่าไม่มีใครบอกอลิซก็คงไม่รู้ ”
      “ แล้วถ้าครูเอ่ย ”
      “ ครูคงลืมไปเองแหละ ก็ปกติอลิซก็ทำได้ดีนี่นา คงกู้หน้าคืนได้ ครูคงลืมไป
      เอง ”
      “ ใช่ น่าลืมมากเลย พวกเธอทำโต๊ะตัวนึงละลายไปต่อหน้าต่อตาครู ”

      “ ไม่ต้องให้กำลังใจกันขนาดนั้นก็ได้เอ๊ด ”
      “ เธอลืมอะไรไปอย่างแหละไอด้า ”
      “ อะไรล่ะไอริส ”
      “ ถึงหลับ แต่อลิซก็รับรู้ถึงกิจกรรมวันนี้ของเรา ” ไอด้าฟังแล้วสีหน้าซีดมาก ( ทั้ง
      ที่ผิวขาวๆที่ถอดแบบมาจากอลิซไม่อาจจะซีดได้มากขนาดนั้น )
      “ ชั่งมันเถอะ ” เธอพูดปัดๆ สีหน้าเริ่มดีขึ้น แต่แววตายังคงเป็นเช่นเดิม ไม่เข้า
      กับคำพูดซักนิด

      “ จะเล่นก็ให้มันเนียนหน่อยเถอะไอด้า ”
      “ อย่ารู้ทันให้มากนักเลยน่ะริส ”
      “ ว่าแต่ฉัน เธอก็เหมือนกันแหละ ”
      “ พอเถอะ เลิกพูดเรื่องเครียด แล้วหันไปคิดเรื่องชั่วโมงต่อไปกันดีกว่านะ ”
      “ ใช่ๆ แผนที่อลิซคิดให้ ”

      “ ฉันสงสัยว่า… อลิซคิดให้พวกเธอจริงๆหรอ ”
      “ ทำไม? ”
      “ ก็ถ้าจริง…คง… ”
      “ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะป่วนกว่าพวกเราคิดหรอกนะ เพราะนั่นน่ะ เรื่อง…จริง ”
      “ ใช่ ไอริสพูดถูก แต่งานนี้อลิซไม่ได้คิดเพื่อให้เราเล่นหรอก ” หลายคนถอน
      หายใจ
      “ อย่าพึ่งรีบดีใจไป อลิซไม่ได้คิดให้เราเล่น แต่คิดไว้เล่นเองต่างหาก แต่ยังหา
      โอกาสดีๆไม่ได้ เราก็เลย…สานต่อให้ ” พูดแล้วก็ส่งยิ้มที่เจ้าตัวคิดว่าใสซื่อที่สุด
      แต่ผู้รับไม่ได้รู้สึกอย่างที่คนส่งอยากจะให้เป็น

      “ ปลงซะเถอะ อย่าคิดมาก ” คนพูดคราวนี้เป็นเอ๊ดที่คงปลงได้แล้วจริงๆ
      “ ไปเรียนวิชาต่อไปกันดีกว่านะ ” เสียงสดใสจากเซียที่ไม่คิดมากดังแว่วมา ทำ
      ให้เพื่อนๆตัดใจ แล้วเตรียมเรียนวิชาต่อไป

      ---***---***---***---***---

      “ โชคดีจังที่อาทิตย์ที่แล้วอลิซวาดเสร็จแล้ว เราเลยมีเวลาเล่น ”
      “ ใช่ แล้วเรารู้แผนก็จริงแต่ไม่รู้ทั้งหมดนี่สิ ”
      “ ก็แต่งเติมไปสิ ”
      “ ก็ดี แต่คงใช้เล่นได้นิดหน่อยเอง ”
      “ ไม่ต้องห่วง ฉันขอมาแล้ว… ”

      “ จะเล่นอะไรกันน่ะ ” แคตถามอย่างสนใจ
      “ บอกกันบ้างสิ ” เซียเสริม เธอวาดรูปของเธอเสร็จแล้ว ( ส่วนแคตยัง และ คง
      อีกนาน )

      “ สอนด้วยนะ ” วีนเสริมเข้าไปอีกคน
      “ รีบๆทำสิ อยากเห็น ” คราวนี้กลับเป็นเอ๊ด ( “ เช นายว่าอลิซวางยาเอ๊ดรึเปล่า
      ถึงได้เปลี่ยนขนาดนี้ ” – “ เดร ขอบอกให้รู้ไว้ นี่แหละคนของคิวเบิร์ต ” )

      “ นายสองคนกระซิบอะไรกันน่ะ มานั่งดุด้วยกันสิ เราวาดเสร็จแล้วนี่ ”
      “ เอ๊ด นายวาดเสร็จแล้ว! ” ทอมร้องอย่างแปลกใจ
      “ เออ…นายนั่งห่างไปนิดสิ อย่าเบียดฉัน ”

      “ เงียบๆหน่อย จะบรรยายให้ฟัง ”
      “ เราจะวาดบนกระจก เซียกับแคตคงเคย แต่คงไม่เคยลงสี ”
      “ ใช่ ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน
      “ แล้วก็แค่วาดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วย ” แคตเสริม
      “ น่าเสียดายแทนจริงๆ ”

      “ ใช่ เพราะมันมีศาสตร์สนุกๆตั้งเยอะ มีทั้งป่วน และ วิจิตรงดงาม ”
      “ สำหรับการทำจะมีการลงสี ซึ่งมาจากน้ำยาเฉพาะ บวกกับเลือดเพียงหนึ่งหยด
      เรียกว่าสีเวทย์ ซึ่งเราก็ขออลิซมา พลังของอลิซเป็นสีทอง เพราะฉะนั้น สีก็จะเป็น
      สีทองด้วย ” ไอริสอธิบายพลางชูหลอดสีทอง ( แบบที่เค้าเพ้นกระจกกัน ) ให้ดู

      “ ไม่เคยรู้เลย พวกเธอมีกี่สีล่ะ ”
      “ พวกฉันยืมอุปกรณ์มาจากอลิซ ก็เลย…มีทุกสี ”
      “ ขนมาเยอะขนาดนั้นเชียว ”
      “ ในหลอดเดียวนี่แหละ ”
      “ ยังไง ”

      “ ปกติจะเป็นหลอดละสี หรือหลอดละไม่เกินสองหรือสามสีแล้วแต่ แต่ว่าอลิซทำ
      ไงก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าอลิซบอกว่ามีทุกสี แค่คิดเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าจะง่าย
      อยากรู้ก็ต้องลอง อลิซบอกแค่นี้ล่ะ ”

      “ หรือว่าญาติเราจะค้นพบ แคต เธอว่าไง ”
      “ แหงอยู่แล้ว ก็ได้ฉายาใหม่ล่าสุดเมื่อวันก่อน ”
      “ ฉายาใหม่อีกแล้ว! ” วีน เดร เช ทอม และเอ๊ด พูดเป็นเสียงเดียวกัน
      “ ใช่ แต่ฉันจำไม่ได้ ” แคตบอก

      “ หนักใจแทนอลิซว่าจะจำได้หมดรึเปล่า ”
      “ น่าจะหมด ”
      “ หรืออาจจะไม่ ”

      “ ตกลงเธอสองคนเอาไงแน่ ”
      “ คงแล้วแต่อารมณ์ ”
      “ มีอย่างนี้ด้วยแฮะ ” เซียและทอมพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน

      “ ชั่งเถอะ มาเข้าเรื่องดีกว่า แบบธรรมดาคราวหน้าค่อยให้อลิซทำให้ดู เรามาดู
      แบบตื่นเต้นกันดีกว่านะ ตั้งใจดูให้ดีล่ะ ” เพื่อนพยักหน้า สีหน้าแต่ละคนบ่งบอก
      ถึงความอยากรู้อยากเห็นสุดๆ

      ไอด้าวางกระจกใสสี่บานซ้อนกัน และร่ายเวทย์ กลุ่มควันสีชมพู ( อลิซเห็น
      แล้วคงยิ้ม ) ครอบคลุมซักครู่ก่อนจะหายไป ภาพเบื้องหน้าของทุกคนตอนนี้กลับ
      เป็นกระจกแค่บานเดียว

      “ ผสานกระจก ” เอ๊ดพูดขึ้น
      “ เก่งนี่ ”
      “ เคยเห็นอลิซทำ ”
      “ อ้อ! งั้นคงเป็นบุญตาของนาย เพราะฉันไม่เห็นอลิซทำมานานแล้ว ”
      “ นานมากเลยไอด้า ตั้ง 2 เดือน ”
      “ ก็หรือไม่จริง ”
      “ เออๆ ทำต่อเร็วเข้า หน้าที่เธอแล้วนะริส ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

      ไอริสหยิบหลอดสีทองขึ้น แล้วหลอดก็เริ่มเปลี่ยนสี เธอวาดลายเส้นต่างๆ
      อย่างมั่วๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ทำเอาคนมองตาลาย แล้วจู่ๆไอด้าก็ขัดขึ้น

      “ เธอทำผิดขั้น ”
      “ ฉันรู้ ฉันเปลี่ยนสีผิด ”
      “ รู้ทีหลังมันก็สายแล้วย่ะ ”
      “ ก็ไม่ลองมาทำบ้างล่ะ เปลี่ยนสียากชะมัด ”

      “ ก็ถ้าฉันทำได้ฉันจะให้เธอทำหรอ ”
      “ ก็ถ้าทำไม่ได้ก็เงียบๆสิ ยังไม่รู้เลยว่าจะลบมันยังไง ”
      “ งั้นก็ไม่ต้องลบ ”
      “ อืม…จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ลองหลายๆแบบ ”
      “ งั้นจะรออะไรล่ะ ”
      “ รอเธอพูดคำนี้ไง ” บทสนทนาหยุดลง แต่ความงงของผู้ฟังยังไม่หยุด

      หมอกควันสีชมพูครอบคลุมกระจกอีกครั้งก่อนจะหายไป ตอนนี้ กระจกทั้งสี่ตั้ง
      เป็นกล่องลูกบาศก์ไปเรียบร้อยแล้ว

      “ ลายเส้นคงไม่สวยเท่าไหร่ แต่ก็ใช้ได้ ”
      “ กลัวแต่จะออกมาเป็น… ”
      “ อย่าเดาเลยไอด้า เธอเดาทีไรฉันกลัวเป็นจริงทุกที ”
      “ งั้นก็เริ่ม ”

      “ ใครอยากลองเป็นคนแรกบ้าง ”
      “ ฉันเอง ” ทอมอาสาขึ้น
      “ นายหรอ ให้คนอื่นลองก่อนแล้วนายค่อยตัดสินใจดีกว่ามั้ง ”
      “ งั้นใครจะลอง… ”
      “ ฉันเอง ” เอ๊ดอาสาขึ้น

      ------------------------------------------------------------------------------------

      บทที่ 17 หนึ่งวันกับไอริสและไอด้า 2 ( ความทรงจำ )


      “ ถ้าเป็นนายก็โอเค ”
      “ ใช่ ถ้าเป็นเอ๊ดคงไม่เป็นไร ” ไอริส เสริม แล้วคู่มองตาไอด้า ทั้งคู่มองตากัน
      อย่างมีความหมาย เหมือนสื่อภาษาตา ( ? ) แล้วก็แอบยิ้มให้กันโดยที่เพื่อนๆไม่
      ทันสังเกต

      “ ฉันลองกับเอ๊ดลองมันต่างกันตรงไหน ” เสียงถามเพื่อความเข้าใจของตนเอง
      อาการงงและไม่พอใจนั้นน่าขันซะมากกว่า

      “ ก็ต่างกันตรงเวลาลุ้นไงล่ะ… ”
      “ ใช่ ถ้าเป็นเอ๊ดเราก็ไม่ต้องลุ้นอะไรเลย ”
      “ แต่ถ้าเป็นนาย… ” ไอด้าเว้นเอาไว้ ส่วนไอริสก็หวังดีเติมให้เพราะกลัวพ่อคน
      ฉลาดที่ถามขึ้นจะไม่เข้าใจ

      “ ถ้าเป็นนายเราก็ต้องมาลุ้นกันว่า… นายจะดี – ดิ้น – เดี้ยง – ดับ – หรือ…เด๊ด
      ( dead ) ” คำตอบที่ได้รับทำให้คนถามเงียบกริบซักพัก ก่อนจะขยับปากพูดขึ้น
      ใหม่

      “ พวกเธอกำลังดูถูกฉัน ” สายเลือดคิวเบิร์ตเริ่มออก แววตาท่าทางเปลี่ยนไป
      จากเดิม ผิดไปราวกับเป็นคนละคนกัน ทำให้เพื่อนๆเริ่มกังวลว่าเรื่องเล็กจะ
      กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสองสาว ดันไปพูดโดนต่อม ‘ คิวเบิร์ต ’ เข้าซะแล้ว

      ต่อมคิวเบิร์ต คือต่อมนิสัยของคนตระกูลนี้ ซึ่งเป็นพวกเกลียดคำสบประมาทขั้น
      รุนแรงกว่าตระกูลอื่นๆมากเป็นพิเศษ มีประสิทธิภาพทำลายล้างสูง แต่อาจไม่
      มากเท่าต่อมครูเว่นและต่อมวีเชอร์ซึ่งเป็นต่อมของความแค้นและความเกลียดที่
      มีประสิทธิภาพทำลายล้างสูงยิ่งกว่า

      “ เราไม่ได้ดูถูก เหมือนกับที่อลิซไม่เคยดูถูกความสามารถของนาย ”
      “ แต่อลิซก็ไม่เคยสบประมาทฉัน ”
      “ เราก็ไม่ได้สบประมาท แต่พิจารณาแล้วว่านายไม่เหมาะกับการลองครั้งนี้ เรา
      ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง แล้วความสามารถและทักษะทางด้านการเอาตัวรอด
      ของเอ๊ดมีมากกว่า ความสามารถของนายเหมาะกับอย่างอื่นมากกว่า เราก็เลย
      เลือกเอ๊ด ”

      “ ใช่ เรารู้ความสามารถของทุกคนเหมือนกับที่อลิซรู้ อลิซไม่ดูถูก เพราะฉะนั้น
      เราก็จะไม่ดุถูกเช่นกัน มิหนำซ้ำเรายังชื่นชมเหมือนกับที่อลิซชื่นชมความ
      สามารถของทุกคนด้วย ” เมื่อสองสาวยกอลิซขึ้นมาอ้างพร้อมให้เหตุผลประกอบ
      บวกกับท่าทางจริงจังของทั้งคู่ทำให้ต่อมคิวเบิร์ตของทอมหายไป และเปลี่ยนกลับ
      เป็นปกติ ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      ---***---***---***---***---

      “ ฮัดชิ่ว! ” เสียงจามดังขึ้นจากสาวน้อยที่พึ่งตื่นไม่นาน และตอนนี้จมูกของเธอก็
      เริ่มแดง
      “ เป็นอะไรอลิซ จามหลายรอบแล้วนะ ” เสียงเพื่อนถามอย่างเป็นห่วงแกม
      รำคาญและหงุดหงิด เพราะเสียงจามนี้ทำให้เธอพลอยตื่นไปด้วย
      “ สงสัยจะมีคนนินทา แต่ชั่งมันเถอะ นอนกันต่อดีกว่า ”

      ---***---***---***---***---

      “ เริ่มได้ ” เสียงสัญญาณบอกจากไอริส หลังจากที่ไอด้าอธิบายวิธี ( แต่ไม่อธิบาย
      ผล ) ให้เอ๊ดฟังเรียบร้อยแล้ว

      กล่องลูกบาศก์ที่บรรจุอากาศและเส้นสี ตั้งอยู่บนโต๊ะกระจกที่สองสาวสร้าง
      ขึ้นใช้ชั่วคราว และเอ๊ด ก็กำลังนั่งจ้องกล่องนี้อยู่บนเก้าอี้กระจก ตอนนี้ทั้งโต๊ะ ทั้ง
      เก้าอี้ กำลังเปล่งแสงสีน้ำเงินสว่างจ้าแต่ไม่บาดตา ไอด้ากำลังจ้องดูเอ๊ด ส่วนไอริ
      สก็ต้องรับภาระเรื่องกระจกลวงตา ที่ต้องเพิ่มพลังและเพิ่มสิ่งอื่นๆเข้าไปอีกเพื่อ
      บังให้ถึงที่สุดและสร้างภาพลวงให้แนบเนียน ตอนนี้ภาพที่คนภายนอกจะมอง
      เห็นก็คือ... ภาพของพวกเอที่กำลังตั้งใจวาดภาพหน้าตาเคร่งเครียด ที่เป็น
      ภาพลวงภาพนี้ เพราะจะได้ไม่มีใครเข้ามาทัก มาคุย หรือมารบกวน

      แสงสีน้ำเงินเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีฟ้าของเอ๊ดยังคงจ้องมองไปที่
      กระจก นัยน์ตาเริ่มพร่ามัวและแสงสว่างเริ่มลดลงและหายไปในที่สุด แสงนั้น
      หายไปพร้อมๆกับที่เอ๊ดฟุ๊บลงคาโต๊ะ

      “ เฮ้ย!! แอบงีบหรอ ” ทอมถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นเอ๊ดฟุ๊บลงไป
      “ ไอ้บ้า ” เดรด่าเข้าให้
      “ ใช่ เดามาได้ เอ๊ดแค่...เอ่อ...แค่... ”
      “ หยุดๆ เช ไม่ต้องเดา เรามาดูกันดีกว่า ” ไอริส พูดอย่างตื่นเต้น ตอนนี้ดวงตา
      ของสาวๆครูเว่นเป็นประกายนึกสนุก

      ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะบนเก้าอี้กระจกที่ไอริสสร้างขึ้น ( เพราะไอด้าขี้เกียจสร้างแล้ว )
      และมองดูในกล่องกระจกตามที่ไอริสชวน

      “ มันจะมีอะไร ” ทอมถามขึ้นหลังจากจ้องอยู่นานแล้วไม่เห็นอะไรเลย
      “ สิ่งที่เราจะได้เห็น...คือ... เดี๋ยวเอ๊ดออกมาว่า เอ๊ย! ออกมาถามแล้วก็จะรู้ ”
      “ รู้สึกว่าพวกเธอกำลังปิดบังอะไรเราอยู่ ”
      “ คนของเควชอสมีเซนต์ทางนี้ดีแฮะ ” ไอด้าชมจากใจจริงแต่ก็ไม่ได้บอกอะไร
      ตรงประเด็น
      “ เดี๋ยวก็รู้ แค่จ้องดูเหตุการณ์ต่อไปเท่านั้นเอง ” ไอริสบอกใบ้ แล้วทุกคนก็ตวัด
      สายตากลับไปที่กล่องกระจกอีกครั้ง

      ตอนนี้ กระจกไม่มีเส้นสีวนเวียนอีกแล้ว แต่มันค่อยๆเรืองแสงสีเงินสว่าง
      แบบเดียวกับแสงของเอ๊ด ทุกคนกำลังจ้องตาเป็นมัน และหนุ่มๆก็เปลี่ยนจาก
      สงสัยกลายมาเป็นนึกสนุก และยิ่งจ้องนานเท่าไหร่ก็ยิ่งตื่นเต้นว่าภาพที่จะได้
      เห็นคืออะไร

      ---***---***---***---***---

      ตุบ!

      เด็กชายคนหนึ่งตกลงมาจาก...ฟ้า?

      “ โอ๊ย! ...ที่ไหนเนี่ย ” ถามออกมาทั้งๆที่คิดว่าคงไม่มีใครตอบ

      เมื่อมองไปรอบๆเด็กชายก็สังเกตเห็นบรรยากาศคุ้นๆ จึงตัดสินใจเดินไป
      เรื่อยๆ แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมองไปรอบๆอีกครั้ง

      ปราสาทสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งมีมากกว่า 6 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนแสน
      สวยที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ สวนที่เค้าตกลงไปพอดี เมื่อมองคราวนี้ทำ
      ให้เค้ามั่นใจว่าที่นี่คือที่ไหน เพราะที่อย่างนี้มีอยู่ที่เดียวที่เคยเห็น

      “ คฤหาสน์...ครูเว่น ” เด็กชายเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ที่นี่คือพระราชวังแห่งมัล
      เลน ที่ซึ่งใครๆเรียกกันว่า คฤหาสน์ครูเว่น ตามอย่างป้ายหรูหราที่ติดตรงรั้ว
      ก่อนเข้ามาถึง ที่จริงควรเรียกว่าพระราชวังมากกว่า แต่มัลเลนเน้นความเป็น
      กันเอง เลยลดยศเรียกเป็นคฤหาสน์แทน

      เอ๊ดเคยมาที่นี่ประมาณ 2 หรือ 3 ครั้ง ครั้งละเกือบ 3 อาทิตย์ เป็นเมืองที่มา
      เชื่อม
      สัมพันธไมตรีนานที่สุด เพราะเมืองอื่นอยู่อย่างมากก็แค่ 1 อาทิตย์ และเป็นเมือง
      ที่เค้าอยากมามากที่สุด เค้าจึงจำมันได้ค่อนข้างดี “ มิลเลอร์ มัลเลน ” หรือฉายา
      เมืองกระจก เมืองที่เป็นที่หนึ่งเกือบทุกด้าน แต่ได้ชื่อเสียงทางด้านกระจก
      มากกว่าจึงได้ฉายาว่าเมืองกระจก ส่วนเมืองอื่นๆที่เป็นรอง แต่เด่นก็ได้ฉายา
      นั้นๆไป

      เช่น นิวมิลลัต ที่ได้ฉายาว่าเมืองแห่งเทคโนโลยี แต่จริงๆแล้วทางด้าน
      เทคโนโลยีเป็นรองมัลเลน แต่มัลเลนมีฉายาแล้ว เมืองนี้เป็นที่สองก็เลยได้
      ฉายานี้ไป

      ตอนนี้เอ๊ดกำลังงงว่า มาที่นี่ทำไม คนส่ง หรือที่ถูกคือคนทำกล่องนี่ขึ้นมา
      อาจมีจุดประสงค์อะไรซักอย่าง ซึ่งตอนแรกเค้าและคนอื่นๆก็ไม่ได้เอะใจอะไร
      แต่ตอนนี้เซนต์ มันบอกว่ามีอะไรแปลกๆ

      เอ๊ดยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็เห็นทหารเดินผ่านหน้าเค้าไป แต่ทหาร
      พวกนั้นไม่เห็นเค้าเลย ทำให้ชักเริ่มสงสัย

      น่าแปลก...ทำไมตอนมากระแทก...แล้วเจ็บ เราก็มีเนื้อมีหนังนี่นา แต่
      ทหารกลับไม่เห็นเหมือนกับว่า เราไม่มีร่างกาย เหมือนกับว่า...เราเป็น...
      วิญญาณ! ....... แต่ลงมาก็เจ็บนี่...เดี๋ยวกลับไปยัยสองแสบต้องอธิบาย!!!! – เอ๊ด
      คิด ( มาก ) แล้วเดินผ่านประตูเข้าไป

      ทำไมผ่านประตูได้เหมือนวิญญาณ แต่ตกลงมาเจ็บนะ แล้วทำไมผ่านง่าย
      ขนาดนี้ ปกติถึงเป็นวิญญาณประตูของครูเว่นก็กันได้ – นี่ยังคงเป็นปัญหาที่คิด
      ไม่ตก

      เอ๊ดเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด แม้จะไม่เมื่อย แต่ก็เจ็บใจตรงที่พึ่งนึกขึ้น
      ได้ว่าลิฟท์อยู่ตรงไหน แต่เค้าก็แก้ตัวกับตัวเองว่า ลิฟท์มันหายาก ทั้งที่จริงๆเค้า
      ก็เริ่มลืมๆลิฟท์ของที่นี่ แต่ก็ไม่แปลก เพราะลิฟท์ที่นี่หายาก เนื่องจากกลมกลืน
      กับผนัง และต้องรู้ทางรู้รหัสนั่นนี่อีก

      ไม่รู้จะทำยุ่งยากไปทำไม แต่ดูเผินๆ เหมือนกับปราสาทแห่งนี้ไม่มีลิฟท์ ดูสวยดี
      ไปอีกแบบ ถ้ามีลิฟท์ให้เห็นอาจดูขัดกัน แต่ไม่มีก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าจะ
      เดินขึ้นชั้นบนสุดคงเมื่อยน่าดู การจะหาลิฟท์ของที่นี่ทางที่ดีที่สุดคือถาม
      เคาน์เตอร์ชั้นล่างที่มีไว้เพื่อให้คนมาติดต่อ

      เอ๊ดมองไปทางซ้ายและขวาแล้วก็ตัดสินใจเดินไปทางขวา แต่เดินได้เพียง
      ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักเพราะฉากอันแสนคุ้นตาที่อยู่ตรงหน้า

      เด็กผู้หญิงที่มีผิวขาวนวลราวหิมะ สีขาวของใบหน้านั้นตัดกับเส้นผมสีดำ
      สนิท ขณะที่ดวงตาสีเดียวกันกับผมนั้นกำลังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา แล้วน้ำตาก็
      ไหลพรั่งพรูอาบแก้ม ทำให้เด็กชายเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าและเรือนผมสีทองที่อยู่
      ตรงหน้าเริ่มทำอะไรไม่ถูก

      ซักพักเด็กชายเริ่มคิดอะไรออก จึงเอามือวางไว้ที่ไหล่แล้วเด็กสาวก็มอง
      ด้วยความสงสัย พอเด็กชายยิ้มให้แล้วกระซิบที่ข้างหูก็เข้าใจทันที เด็กสาวขี้แย
      เลิกร้องไห้และหันมารอยยิ้มที่อ่อนโยนและน่ารักให้เด็กชายเช่นกัน

      เอ๊ดจำเหตุการณ์ตอนนี้ได้ดี เด็กชายคนนั้นก็คือตัวเค้าเอง ส่วนเด็กผู้หญิง
      คนนั้นก็คือ...อลิซ!!!!!! ใครจะเชื่อว่าเด็กสาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นและ
      ความเข้มแข็ง ครั้งนึงก็เคยเป็นเด็กขี้แย เคยอ่อนแอเหมือนกันกับคนอื่นๆทั่ว
      ไป สำหรับผู้คอยเฝ้าดุเหตุการณ์เสมออย่างเค้ายังแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเปลี่ยน
      ไป แล้วเจ้าตัวจะรู้บ้างรึเปล่า?

      เพียงแค่ไม่กี่เหตุการณ์ที่ไม่อยากจะจดจำจนตัดสินใจลบความทรงจำในปี
      นั้นทั้งหมด ทั้งที่มันก็มีสิ่งดีๆอยู่มากมาย ถึงแม้จะลบออกไป แต่ดูเหมือน
      บางอย่างจะยังตราตรึงอยู่ ทำให้เริ่มเปลี่ยนไป จากเด็กสาวที่เคยอ่อนแอและขี้
      แย กลายเป็นคนที่ยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ด้วยความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยม และด้วย
      ความเข้มแข็ง

      จากที่เคยเห็นน้ำตาอยู่บ่อยๆ กลายเป็นไม่มีน้ำตาซักหยดที่จะให้เห็น พวก
      ที่รู้จักเธอทีหลังจะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้ เหมือนกับว่าเกิดมาต่อมน้ำตาทำงาน
      ผิดปกติทำให้ร้องไห้ไม่ได้ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ ไม่มีใครรู้ว่าเธอทำ และ ทน
      อยู่ได้ยังไง เพราไม่มีใครเคยเอ่ยถาม




      จู่ๆภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็หายไป และแทนที่ด้วยเด็กผู้หญิงและเด็ก
      ผู้ชายคนเดิมที่อยู่ห่างจากสถานที่เดิมเล็กน้อยและอยู่ในชุดต่างจากเดิม และดู
      เหมือนว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก

      เอ๊ดจำเหตุการณ์ตอนนี้ได้ดีเยี่ยม เพราะมันคือหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ
      หรืออาจจะสำคัญที่สุดด้วยซ้ำที่ทำให้เพื่อนของเค้าเริ่มเปลี่ยนไป เอ๊ดรู้ว่าอะไร
      กำลังจะเกิดขึ้น ละเริ่มเดาเหตุผลที่มาที่นี่ได้แล้ว

      “ กลับ ” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวดังขึ้นเมื่อเริ่มรู้ว่าถูกหลอก แล้วแสงสีน้ำเงินก็สว่าง
      วาบก่อนที่เหตุการณ์จะดำเนิน ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก แล้วภาพทุกอย่างก็หาย
      ไป

      --------------------------------------------------------------

      บทที่ 18 คำตอบของแซนดร้า

      เพล้ง!!!!!!!!

      เสียงกระจกแตกดังขึ้น เพราะกล่องลูกบาศก์ที่ทำด้วยกระจกนั้นแตกซะ
      แล้ว มิหนำซ้ำโต๊ะที่วางกับเก้าอี้ที่ทุกคนนั่งยังร้าวอีกด้วย ด้วยความตกใจ ทุกคน
      จึงลุกจากเก้าอี้ทันที

      ท่ามกลางความตื่นตกใจของทุกคน เอ๊ดตื่นขึ้นแล้วมองมาทางสองสาวต้น
      คิดอย่างเอาเรื่อง ไอริส นั้นปลีกตัวไปเก็บอุปกรณ์ ที่ตอนนี้แตกคาที่เรียบร้อง
      ทุกอย่างทั้งกล่อง โต๊ะ และ เก้าอี้ แล้วเธอก็จัดการทุกอย่างให้หายไป ( อย่างสโลว์
      โมชั่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ) ส่วนไอด้าไม่รู้จะหลบยังไงก็เลยต้องอยู่รับสายตาของ
      เอ๊ดอยู่ตรงนั้น

      “ อธิบายมา ” น้ำเสียงสงบแต่แฝงไปด้วยความโกรธเอ่ยขึ้น
      “ ก็...อย่างที่รู้ ” ไอด้าตอบ ไม่มีแววสะทกสะท้านซักนิดในดวงตาคู่นั้น

      “ พวกเธอเล่นละครหลอกมาตั้งแต่ต้น ทำเป็นว่าไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งที่รู้ดีว่า
      กล่องมันทำอะไรได้บ้าง แล้วก็ทำเป็นแกล้งเล่นละครทำเป็นว่าเสี่ยง หลอกให้ฉัน
      ลองแล้วดูความทรงจำของฉัน มันไม่ละลาบละล้วงไปหน่อยหรอ ”

      “ อลิซเคยดูความทรงจำของนาย ไม่เห็นนายจะโกรธ ” ไอริสที่จัดการเก็บของ
      เสร็จแล้วเปรยขึ้น ทำให้เอ๊ดหันไปมอง

      “ นั่นมันส่วนที่ให้ดูได้… ”
      “ แล้วอีกอย่างก็คือ พวกเราไม่ใช่อลิซ ใช่มั๊ยล่ะ ” ไอด้าถามแต่ได้รับเพียงความ
      เงียบกลับมาแทนคำตอบ นั่นอาจจะแสดงว่าใช่ก็ได้

      “ อยากให้รู้ไว้ ว่าเราไม่ใช่ก็ใกล้เคียง นายจะรู้ได้ไง ในเมื่อเราคือร่างที่แยกมา
      จากอลิซเหมือนกัน มันก็ไม่ได้ต่างกันซักเท่าไหร่หรอกนะ พวกเราสองคนน่ะ
      เหมือนกับอลิซมากกว่าทุกคน รวมทั้ง...เอเรีย ” ไอด้าพูดขึ้นอย่างใจเย็น ในขณะ
      ที่เอ๊ดกำลังคิดประเมินข้อมูลบางอย่างจากคำพูดนั้น แต่ไม่ทันได้คิดนานนัก ไอริ
      สก็พูดขึ้นว่า

      “ ส่วนเรื่องความทรงจำ ถ้านายให้เราเห็นอลิซก็จะเห็นด้วย แล้วก็จะได้รู้ว่าอะไร
      เกิดขึ้นตอนนั้น ตอนที่นายไม่อยากให้ดูมันอาจจะสำคัญมากก็ได้ ”

      “ แต่นั่นมันก็สิทธิของฉันไม่ใช่หรอ ” เสียงเอ๊ดท้วงขึ้น
      “ ก็ใช่... ” คราวนี้ทั้งคู่ไม่อาจหาคำมาเถียงได้

      “ แต่ฉันอยากรู้ว่าทำไมนายถึงไม่อยากให้เราเห็น ” ไอด้าถามขึ้นหลังจากที่เงียบ
      มานาน
      “ พวกเธอรู้อลิซก็จะรู้ ” คำตอบที่ได้รับก็เหมือนไม่ได้รับ ตอบมาก็เหมือนไม่ได้
      ตอบ ทำให้ไอด้าเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย

      “ ก็แล้วทำไมไม่อยากให้อลิซรู้ล่ะ ” ไอริสถามอย่างใจเย็น
      “ เพราะสิ่งที่จะเห็น คือ...สิ่งที่ตัวอลิซเองตัดสินใจว่าไม่อยากเห็นอีก ทั้งๆที่ปีนั้นมี
      ความทรงจำดีๆตั้งมากมาย แต่เพราะความทรงจำเล็กน้อยทำให้ตัดใจ คิดเอา
      แล้วกันว่าควรจะดูรึเปล่า ”

      “ โตแล้วย่อมเข้าใจเหตุผล ยังไงซักวันก็ต้องรู้ ” ไอริสเปรยขึ้นอีก
      “ พวกเธอบอกเองไม่ใช่หรอว่า รู้ช้าดีกว่ารู้เร็ว ” คำย้อนทำให้ทั้งคู่อ้ำอึ้ง เพื่อนๆ
      สังเกตว่าเอ๊ดอาจจะอยู่ใกล้อลิซมากไปจนเริ่มติดเชื้อ...มาบ้าง

      หรือบางที เอ๊ดก็อาจจะเป็นอยู่อย่างนี้มานานแล้วก็ได้ เรื่องนี้สองสาวไม่อาจรู้ได้
      หมด เพราะบางเรื่องที่อลิซรู้พวกเอก็ไม่อาจจะรับรู้ละเข้าใจได้ทั้งหมด มีเพียงแค่
      บางส่วนเท่านั้น ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่อาจประเมินได้ว่าส่วนมากหรือส่วนน้อย

      “ เรื่องนั้นชั่งมันก่อน ตอนนี้หมดชั่วโมงศิลปะแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมถึงยังอยู่กันที่
      เดิม ”
      “ ใช่ แต่ครูมีประชุมเลยฝากคาบกันสอน มีอะไรจะถามอีกรึเปล่า ”

      “ มี ตอนที่ถูกส่งไป... ”
      “ ไม่ต้องถามต่อแล้ว ไอริส อธิบายซิ ” ไอด้าขัดขึ้นเพราะรู้ว่าเอ๊ดจะถามอะไร

      “ โอเค... ไม่มีอะไรมาก ...เราส่งนายไปในความทรงจำส่วนลึกของนายเอง ใน
      ช่วง 5 นาทีแรกที่ไปนายจะยังมีตัวตน ตกลงไปก็เจ็บ แต่หลังจากนั้นจะอยู่ในรูป
      ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ไม่มีตัวตนในนั้น หรือเรียกง่ายๆว่าเหมือนกับอยู่ในรูป
      วิญญาณ

      ส่วนประตูของครูเว่นที่เข้าได้เพราะเราเปิดให้...แล้วที่สำคัญนายควรจะรู้ว่า ไอ้
      ประตูนั่นมันเปิดไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ เปลืองพลังเวทย์จะตาย! เปิดทีก็น่าจะใช้ให้
      คุ้ม...ไม่น่ารีบกลับ ” น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเพราะเปลืองพลังเวทย์ตัวเองต้องหยุด
      เมื่อรู้ว่าไม่ควรพูดประโยคท้ายออกไป เพราะ คนที่ควรจะหงุดหงิดน่าจะเป็นเอ๊ด
      มากกว่า จากที่ เธอพูดกลางเป็นว่าเอ๊ดผิดเฉยเลย และสิ่งที่กระตุ้นให้เธอรู้ได้
      อย่างแจ่มแจ้งนั่นก็คือ การที่ไอด้าเหยียบเท้าเออย่างแรง

      เอ๊ดถอนหายใจปลง แล้วทุกคนก็กลับไปวาดและตกแต่งภาพต่อจนเสร็จ โดยไม่
      มีใครได้พูดนอกเรื่องกันซักคำเลย ทุกคนพูดปรึกษาและขอความคิดเห็นกันเท่า
      นั้น

      ---***---***---***---***---

      “ วาดเสร็จกันแล้วใช่มั๊ย ” สตีฟเข้ามาทัก ก่อนหน้านี้เค้าคงจะเข้ามาทักแล้วถ้า
      ไม่ใช่ว่าเห็นหน้าดำ ( อาจจะเป็นในกรณีของเซียคนเดียว ) คร่ำเครียดกันอยู่
      โดยไม่รู้เลยว่าเป็นเวทย์กระจกลวงตาของไอริส

      “ อือ...นายก็เสร็จแล้วเหมือนกันล่ะสิ ” สตีฟพยักหน้าเป็นคำตอบ

      “ มีธุระอะไรรึเปล่า ”
      “ ต้องมีด้วย? ”
      “ เปล่าหรอก แต่วันนี้อลิซไม่ค่อยสบาย ฉันรู้นะว่านายจะมาคุยกับอลิซ ”
      “ ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ทักทาย ไปดีกว่า ”
      “ เดี๋ยวสิ มาคุยกับฉันไม่ใช่หรอ อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก ”
      ไอริสพูดขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง

      แล้วหลังจากนั้นไอริส ไอด้า แคต เซีย วีนและสตีฟก็คุยกันท่ามกลางความเงียบ
      ของเพื่อนที่เหลือ

      ---***----***---***---***---

      เสียงหัวเราะสนุกสนานของไอริสและไอด้าหยุดลง ก่อนถึงหน้าห้องเพียงไม่
      กี่ก้าว อยู่ดีๆไอริสก็ตัวงอเหมือนปวดท้อง ส่วนไอด้าก็เอามือจับคอตัวเอง ทั้งคู่มีท่า
      ทางเหมือนคน
      ทรมานมาก และร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

      “ โอ๊ย! แย่แล้วไอด้า อลิซรู้เรื่องวันนี้ ”
      “ ดูเหมือนกำลังอาละวาด ( รังสีแผ่กระจายถึงนอกห้องทำให้เพื่อนๆรับรู้ได้ด้วย )
      ลีนปิดไว้ไม่อยู่ โอ๊ย! แย่แล้วไอริส เอาไงดี ” ไอด้าร้องครวญคราง สีหน้าบ่งบอก
      ถึงความเจ็บปวด เสียงนั้นแผ่วเบา แต่เพื่อนๆได้ยินชัดเจน

      “ ไป ไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุด เร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้ว ” ไอริสรวบรวมพลัง สร้าง
      กระจกแล้วทั้งคู่ก็วิ่งเข้าไป แสงอ่อนๆวาบขึ้น แล้วก็หายไปพร้อมกับกระจกบาน
      นั้น

      “ นี่มันอะไรกัน ” เซียถามขึ้นเป็นคนแรก เสียงของเธอแผ่วเบาเพราะขนลุก
      เพราะรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาถึงหน้าห้อง

      “ อยากรู้ก็เข้าไปดูสิ ไม่เห็นจะยาก ” เดรพูดขึ้น ไม่มีใครคิดเลยว่าเค้าจะเข้าไป
      เป็นคนแรกเมื่อเจอสถานการณ์อย่างนี้ แต่นี่แหละคือคนจากเควชอส

      เมื่อเข้าไป ก้าวแรกก็สัมผัสถึงรังสีและไอเวทย์รุนแรง มันรุนแรงกว่าข้าง
      นอกหลายเท่านัก ทุกคนทำใจกล้า ราวกับจะไปสำรวจบ้านผีสิงก็ไม่ปาน ค่อยๆ
      เดินไปแล้วเซียก็แง้มประตูห้องออก ไอเวทย์รุนแรงยิ่งกว่าเก่า แล้วยิ่งรังสี
      แปลกๆที่บรรยายไม่ถูก ไอ้ตัวสาเหตุที่ทำให้ขนลุกยิ่งไม่ต้องพูดถึง

      “ อะแฮ่มๆ เราเข้าไปดูเอง พวกนายอยู่นี่แหล่ะ ” วีนไม่ละเว้นแม้ในสถานการณ์
      อย่างนี้ สายเลือดสีน้ำเงินสูงส่งและคำสอนของราชินีของเมืองแห่งความงามผู้เป็น
      แม่ฝังลึกลงในตัวของเธอ

      “ ฉันรู้สึกแปลกๆ ” เซียพุดขึ้น ลางสังหรณ์บอกว่าไม่ดี ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไร แต่
      แค่แง้มประตูไอเวทย์ก็ขนาดนั้นแล้ว

      “ ฉันไปเอง ” วีนพูดขึ้นแล้วเปิดประตูเข้าไป แล้วทันทีที่เข้าไปทุกคนก็ได้ยิน
      เสียงร้องของ
      วีนอย่างชัดเจน ตอนนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องคำสงคำสอนหรือสายเลือดอะไรแล้ว เซีย
      ตัดสินใจผลักประตูเปิดออกกว่าง แล้วภาพตรงหน้าที่ทุกคนได้เห็นคือ...

      ภาพอลิซนอนนิ่ง ไม่มีการขยับ เหมือนกับว่าไม่ได้หายใจ ส่วยเอเรียไปกองที่พื้น
      แล้วครางอย่างเจ็บปวดอย่างที่ไอริสเป็น ในห้องนี้ไอเวทย์รุนแรงมาก เหมือน
      ต่อสู้กันอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไรกับอะไร รู้แต่ว่า...น่ากลัว

      “ อลิซ...อลิซ! ตื่นสิ ตื่น! ” เสียงวีนร้องอย่างตื่นตระหนก แคตวิ่งไปข้างเตียง ส่วน
      เซียก็ไปช่วยเอเรียเข้ากระจกไป ไปให้ไกลจากที่นี่ อย่างที่ไอริสและไอด้าทำ

      “ พวกนายเข้ามาเถอะ ไม่เป็นไร... ” แคตบอกเรียบๆ
      “ อลิซเป็นอะไร ”
      “ เป็นปกติ ” แคตยังตอบเรียบๆตามเดิม คราวนี้เซียเข้าไปดูอาการบ้าง

      “ เป็นอะไรกันแน่ ” เชถามอย่างร้อนใจ เพื่อนแปลกไปทั้งที แต่เอ๊ดกลับทีท่า
      สงบ ซึ่งจริงๆแล้วเอ๊ดคงครั่งยิ่งกว่า นั่นแสดงว่าเอ๊ดพอจะเดาอะไรออกก่อนหน้า
      นี้

      “ ไม่มีอะไรมาก ก็แค่... ( ทำหน้าและเสียงเรียบสุดๆ ) ...ไม่หายใจ ”
      “ ไม่หายใจ! ” ทอมตะโกนขึ้น
      “ แล้วทำไมพวกเธอยังเฉย... ” เดรจับอะไรบางอย่างได้ สมกับเป็นเจ้าชายแห่ง
      เควชอส เมืองแห่งปริศนา
      “ ไม่เดือดร้อนอะไร แล้วยังใจเย็น ” เชเสริมขึ้น หรี่ตาลง เรื่องนี้มันมีอะไร
      แปลกๆ

      “ มันเป็นเรื่องของครูเว่นและวีเชอร์ ”
      “ แล้วการที่อลิซตะ โอ๊ย! เหยียบมาทำไมวะ ” ทอมร้องขึ้นเพราะโดนเอ๊ดและเชที่
      อยู่ใกล้ เหยียบมาเต็มๆเล่นเอาระบมทั้งสองเท้าเลย พอเพื่อนๆจ้องอย่างเอาเรื่อง
      ถึงได้เข้าใจ

      “ เออๆ เปลี่ยนก็ได้ การที่อลิซไม่หายใจมันเกี่ยวยังไงกับสายเลือด ”

      “ ก็มันตีกันน่ะสิ ” คำตอบง่ายๆที่แทบจะเป็นหัวเราะจากเซียทั้งๆที่อยู่ใน
      สถานการณ์แบบนี้ ตอนนี้รังสีและไอเวทย์หายไปแล้ว
      “ ตีกัน ยังไง ”

      “ ครูเว่นสะกด วีเชอร์ล่า สะกดกับล่าบางครั้งวิถีทางก็ต่างกัน ถ้าสะกดใช้เมตตา
      ถ้าล่าไม่ปราณีง่ายๆ ” เอ๊ดอธิบายซะเอง แต่ทอมยังไม่เข้าใจ

      “ ใช้ภาษาธรรมดาที่มันเข้าใจง่ายๆหน่อยดิ ”
      “ คาดว่าคงมีใครไปกระตุ้นต่อมโกรธเข้าสายเลือดเลยตีกัน ถ้าวีเชอร์ชนะคน
      กระตุ้นต่อมก็ซวย แต่สายเลือดครูเว่นมันก็ต้านอยู่สภาพก็คงเป็นอย่างที่เห็น
      พวกที่กระตุ้นต่อมน่าจะเป็น ไอริส กับไอด้า ถึงได้เจอสภาพนั้น ส่วนร่างอื่นๆก็
      พลอยซวยไปด้วยส่วนสาเหตุอื่นๆหรือสิ่งอื่นๆยังไม่รู้ ” เซียตอบให้แทน

      “ ฉันตอบให้ ” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของทุกคน เป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งหลายๆ
      คนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

      “ เธอเป็นใคร มาได้ไง มาเพราะอะไร มาจากไหน และ... ”
      “ พอๆๆ ” คนถูกถามชักรำคาญ

      “ ฉันชื่อแซนดร้า มาทางกระจกที่เสกขึ้น จะมาดูอลิซว่าเป็นไงบ้างเห็นเล่นงานซะ
      ร้อนไปตามๆกันเลย ” แซนดร้าตอบ ท่าทีของเธอเฉยๆไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
      อะไร




      “ เธอ...แซนใช่มั๊ย ” แคตถามขึ้น พอคนตอบพยักหน้าคนถามก็เข้าไปจับมือด้วย
      ทันที
      “ ดีใจที่ได้พบเธออีกนะแคต ”
      “ เช่นกันจ้ะ ” ท่าทีทั้งคู่เหมือนสนิทกันและไม่ได้พบกันมานาน

      “ หน้าไม่มีเค้าเหมือนอลิซซักนิด ” ทอมเปรยขึ้นตามที่คิด
      “ อย่าอยากรู้อะไรให้มากนักเลย ” แซนดร้าบอก

      “ เธอบอกเธอจะตอบให้ ” เอ๊ดพาเข้าเรื่องซักที
      “ อลิซเอ่อ...มีปัญหานิดหน่อย คือสองคนนั่นใช้กล่องแล้วแอบดูความทรงจำนาย
      แล้วมันก็อาจไปกระตุ้นความทรงจำบางส่วนทำให้เอ่อ...ปวดหัวแล้วบวกกับ
      กระตุ้นต่อมทำให้ยิ่งโกรธ ลีนก็เอาเกือบไม่อยู่ ส่วนร่างที่เหลือก็ซวย ”

      “ อ้อ! มันก็มีข้อยกเว้นของฉัน โรส และ เอมีเลีย ห้ามถามด้วยว่าทำไม เพราะถ้า
      ฉันตอบไป อลิซสามารถจะทำให้ฉันเจอสภาพแบบเดียวกับที่ไอริส ไอด้าหรือร่าง
      อื่นๆเจอได้แน่ๆ ”

      “ แล้วลีนล่ะ ใคร ” แซนไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี แต่ไม่ตอบคงไม่ได้
      “ เอ่อ…ลีน เอ่อ... เอ้อ! บอกก็ได้ แต่พวกเธอต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของฉัน
      ด้วยนะ เออ ไม่ต้องก็ได้คงไม่มีอะไรมากหรอก คือ... ”
      “ จะตอบได้รึยัง ” เอ๊ดเริ่มรำคาญ

      “ รู้บ้างสิว่ามันพูดยาก โอเค เป็นไงเป็นกัน ที่จริงฉันไม่ต้องบอกก็ได้ แต่ฉัน
      อยากให้พวกเอรู้บางอย่างไว้ ฉันเป็นห่วงอลิซ เผื่อพวกเธอจะได้ช่วยดูได้บ้าง...
      ความจริงแล้ว ตอนที่ได้การ์ดมาเพื่อจะแยกร่าง ก่อนหน้านั้นได้ผมสีทองมาก่อน
      ทำให้มีพลังมากขึ้น แล้วที่จริงลีนคืออีกร่างที่ไม่ได้ใช้การ์ดเข้าช่วย

      อลิซใช้พลังชีวิตมากไปทำให้แยกลีนได้อีก แต่ว่ามันก็ไม่มากถึงขนาดสร้างร่าง
      ได้ ทำให้ลีน...ติดอยู่ในนั้น อลิซต้องใช้เวลา 3 เดือนเต็มๆหลังจากวันนั้นในการ
      ฟื้นตัว เพราะใช้พลังมากไปนั่นเอง

      อลิซกับพวกเราทุกคนพึ่งรู้ไม่นานมานี้แล้วก็เมื่อรู้ เวลาจะระงับอารมโกรธ หรือ
      คุมบางส่วนของอลิซเราก็จะวานลีนนี่ล่ะ แล้วคราวนี้ถ้าจะระงับลีนก็คงต้องใช้วิธี
      ดับลมหายใจไม่ให้ร่างกายทำงานชั่วคราว เป็นวิธีที่ครูเว่นรู้จักกันดี แต่ไม่ตาย
      หรอกนะ เพราะจะใช้น้ำยา และธาตุต่างๆเข้าช่วย เป็นวิธีที่ยุ่งยากมาก

      อลิซนอนแบบนี้เธอจะได้พักผ่อน ร่างกานของเธอจะปรับอัตโนมัติ แค่เอาเธอไป
      นอนไว้เตียงน้ำร่างกายเธอจะปรับเอง เธอมีเชื้อสายเมืองบาดาล นั่นจะทำให้เธอ
      หายใจทางผิวหนังได้บ้าง ไม่ต้องห่วง ” แซนดร้าอธิบายแล้วคอก็เริ่มแห้ง เธอ
      จัดการเสกเอาเตียงน้ำที่เตรียมมาออกมาแล้วทำให้อลิซลอยขึ้น แล้วทิ้งตัวลงใน
      น้ำ

      หลังจากนั้นเธอก็จัดการเสกเตียงน้ำไปไว้ในกระจกที่เตรียมไว้ เป็นอัน
      เสร็จ เมื่อจบก็เกิดความเงียบ ไม่ใช่เงียบเพราะนอน แต่เงียบเพราะใช้ความคิด

      “ ฉันกลับก่อน มาดูแค่นี้ล่ะ ”
      “ เดี๋ยว แล้วเมื่อไหร่จะหาย แล้วก็พวกเอเรียด้วย ”
      “ อลิซขึ้นอยู่กับตัวเธอเองและลีน ส่วนคนอื่นๆขึ้นอยู่กับอลิซและชะตากรรม ”
      “ แล้วเรื่องเรียน? ”
      “ พวกฉัน 3 คนที่ไม่เจออะไรอาจจะผลัดกันมา ” คำตอบที่ได้ทำให้แต่ละคนกลืน
      น้ำลาย ไม่อยากจะคิดว่าแต่ละคนจะเป็นยังไง

      หลังตอบแซนดร้าก็ไปโดยไม่รอฟังความคิดเห็น อลิซก็ยังคงนอนสงบบน
      เตียงราวเจ้าหญิงนิทรา แย่กว่าเจ้าหญิงนิทราซะอีกเพราะไม่มีลมหายใจ

      --------------------------------------------------

      บทที่ 19 สร้อยปริศนา

      หลายสัปดาห์ผ่านไป มีเพียงแซนดร้าเท่านั้นที่มาแทน ส่วนคนอื่นๆแซ
      นดร้าบอกว่าไม่ว่าง ตอนนี้เป็นเดือนธันวาคมแล้ว ก็ยังคงไม่มีข่าวคราวของเอ
      เรีย และไม่รู้ถึงความคืบหน้าของอลิซ ทำให้เพื่อนๆเป็นกังวล ถึงแม้แซนดร้าจะ
      นิสัยรับได้มากกว่าไอริส และไอด้า แต่ทุกคนก็ยังต้องการอลิซกลับมาอยู่ดี มัน
      เหมือนกับขาดอะไรไปซักอย่างในกลุ่ม


      “ เดือนธันวาแล้ว ” เซียบ่นออกมาพร้อมกับถอนหายใจ วันนี้เป็นวันเสาร์แซ
      นดร้าจึงไม่ได้นั่งคุยอยู่กับพวกเธอ

      “ แล้วไงล่ะ ” แคตถามเซ็งๆ
      “ อยากรู้ว่าอลิซเป็นไงบ้างน่ะสิ ”
      “ คงได้นอนสมใจล่ะ หลับซะให้พอเลย คราวนี้อลิซก็ได้พักผ่อน ”
      “ แต่มันก็เซ็ง แล้วเรื่องอุปกรณ์ต่างๆไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ”
      “ คงตามเดิม แต่อุปกรณ์ที่อลิซรับผิดชอบคงต้องเลื่อนกำหนดออกไป ”

      “ เราถึงได้มานั่งถอนหายใจกันอย่างนี้ไง ” วีนเสริม เพราะเธอเองก็เซ็งเหมือน
      กัน

      “ ไปดูอลิซหน่อยคงไม่เสียหาย ” เซียเสนอขึ้น
      “ เธอทำได้? ” วีนถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
      “ ฉันเป็นคนของมัลเลนเหมือนกันนะยะ ”
      “ ทำได้ตั้งแต่แรกก็ไม่ทำ ”
      “ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกันหน่อย ”


      “ ว่ามาสิ ”
      “ งานนี้ต้องอาศัยหนุ่มๆช่วยถึงจะเข้าไปได้ เพราะแซนดร้าปิดไว้เลยต้องเปิด
      ต้องใช้เวทย์มากทีเดียว ฉันสำรวจมาแล้ว ขนาดแซนดร้าใช้เวทย์นิดเดียวยัง
      ปิดได้ขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าปิดเต็มที่จะเป็นยังไง ”

      “ เออๆ พอเถอะ เดี๋ยวฉันโทรบอกเอง ” วีนพูดขึ้นแล้วจัดการโทรทันที 5 นาทีต่อ
      มา ทุกคนก็มาพร้อมหน้ากันที่กระจกบานนั้น

      “ ต้องทำไงบ้าง ”
      “ สาดพลังใส่กรอบมันให้มากที่สุด ห้ามให้โดนตัวกระจกเด็ดขาด ที่เหลือฉันกับ
      แคตจะจัดการเอง ”

      แล้วปฏิบัติการก็เริ่มขึ้น พลังเวทย์สารพัดสีถูกเล็งเข้ากรอบกระจก ส่วนสองสาว
      ครูเว่นก็จัดการใช้เวทย์เขียนอักษรอะไรซักอย่างที่เป็นเหลี่ยมๆลงบนกระจก
      แล้วก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนก้าวถอยออกมา พร้อมกับเอามือปิดหู

      5 นาทีผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนยังยืนรออย่างใจเย็น
      ...10 นาทีผ่านไปแสงสีของเวทย์หายไปแล้ว แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
      ...20 นาทีผ่านไป ทุกคนทนยืนไม่ไหวเลยนั่งรอ แล้วก็เอามือออกจากหูเรียบ
      ร้อยแล้ว
      ...ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ทุกคนนั่งท้าวคางรอ บ้างก็เดินไปเดินมา

      “ โอ๊ย! รอไม่ไหวแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไม่มีอะไรเลย ” ทอมบ่นขึ้น
      “ มันมี 3 ประเด็น ถ้าไม่ใช่ว่าพวกฉันเขียนผิด ก็เป็นเพราะพวกนายใส่พลังไม่
      พอ ไม่ก็ทั้ง 2 อย่าง ”

      “ แล้วจะเอาไง ”
      “ ทำใหม่ ใส่พลังให้มากกว่าเดิม เซียไปเอาหนังสือมาเพื่อความชัวร์ ”

      เซียวิ่งไปเอาหนังสือมา แล้วเปิดไป
      “ ภาษาอะไรน่ะ เป็นตัวเหลี่ยมๆ ” ทอมถามขึ้น
      “ ภาษากระจก…เจอแล้ว เริ่มเลย ”

      แล้วปฏิบัติการก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แสงสว่างจ้าจากเวทย์มากขึ้นกว่าเดิม พอ
      ทำเสร็จกระจกก็มีปฏิกิริยา มันเรืองแสง แล้วก็หมอกควันและเกิดเสียงดัง

      บึ้ม!!!

      แล้วกลุ่มควันก็หายไป

      “ เข้าไปกันเถอะ ”

      ---***---***---***---***---

      ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทุกคนคือ เอมิลี่ในรูปวิญญาณคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่
      ทุกคนเกือบจะคิดว่าเป็นอลิซถ้าไม่ใช่ว่าอลิซกำลังนอนหายใจอยู่บนเตียง และ
      ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในรูปวิญญาณล่ะก็ ทุกคนคงคิดว่าอลิซตายไปแล้ว

      ผู้หญิงที่คุยกับเอมิลี่ในสภาพของวิญญาณมองมาทางทุกคน เธอจ้องเรียง
      ตัว ( เรียงคน ) แล้วก็มองเมินหันไปสนทนาต่อ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้ทุกคน
      สนใจที่อลิซมากกว่า

      เด็กสาวเผยอเปลือกตาขึ้นมองเพดาน ผิวของเธอที่ขาวอยู่แล้วซีดหนักขึ้น
      ไปอีกมันไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อยนิด ดวงตาสีเขียวกำลังจ้องมองมายังทุกคน ที่
      ปากที่ซีดๆนั้นยังคงปิดสนิทไม่เอ่ยอะไรออกมา เส้นผมสีดำสลวยถูกรวบไว้แม้
      กำลังนอนอยู่

      “ อะ...อะ...อะ...อลิซ ” กว่าเซียจะพูดออกมาได้ทุกคนก็รู้ว่าต้องใช้ความพยายาม
      อย่างสูง เด็กสาวหันมามองที่เซียแล้วส่งยิ้มให้ หน้าเอค่อยดูเหมือนคนมีชีวิตขึ้น
      มาหน่อย เพื่อนๆจึงได้มั่นใจเต็มร้อยว่านี่คืออลิซ และเธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆ

      “ ทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้ล่ะ ” เซียทำท่าเหมือนจะร้องไห้ทำให้เพื่อนๆงงเพราะเธอ
      ดูหวาดกลัวเหลือเกิน ถึงแม้การกลัวว่าจะเสียอลิซไปเป็นเรื่องปกติ แต่เซียไม่
      ปกติ เธอทำอย่างกับว่าเป็นความผิดของเธอ เพื่อนๆจึงไม่เข้าใจ อลิซนั้นไม่ตอบ
      อะไร เธอพยักเพยิดไปทางวิญญาณที่กำลังคุยกับเอมิลี่อยู่อย่างไม่สนใจใคร นั่น
      น่าจะเป็นลีน

      “ ไม่ขอตอบ ” พูดสั้นๆแล้วหันไปคุยอีกรอบหน้าตาเฉยอย่างไม่ใส่ใจใคร
      “ ชั่งเถอะ...ว่าแต่เธอจะกลับไปปกติ...ฉันหมายถึง เธอจะกลับไปอยู่กับพวกเรา
      เหมือนเดิมเมื่อไหร่ ” อลิซส่ายหน้าแล้วหันไปทางลีนที่ทำท่าไม่สนใจซักนิด พอ
      อลิซจ้องเขม็ง ลีนก็รู้สึกเหมือนถูกเหยียบเท้า ( ? ) เธอร้องขึ้นเบาๆ แล้วหันมา

      “ รู้แล้วน่า ไม่ต้องใช้วิธีนี้ก็ได้ ” ลีนพูดไม่พอใจ แต่คนนอนยังยิ้มกวนได้อย่าง
      น่าหมั่นไส้ ทั้งที่สังขารเป็นแบบนั้น แต่อลิซก็คืออลิซ ไม่เปลี่ยนแม้ว่าจะอยู่ใน
      สถานการณ์ใดก็ตาม

      “ แข็งแรงดีเมื่อไหร่ก็กลับไปเอง ”
      “ ก็แล้วเมื่อไหร่ ” เอ็ดถาม น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเป็นห่วงมาก ช่วงที่อลิซไม่
      อยู่ เอ๊ดนั้นไม่ร่าเริงเหมือนเดิม ซึ่งข้อนี้เพื่อนๆสันนิษฐานกันว่า เป็นเพราะไม่มี
      คนให้กวนบาทาเล่นเลยหงอยๆ ทุกคนก็คิดถึงอลิซมากเช่นกัน จะโทรศัพท์ไปก็
      คงไม่มีใครลุกมารับ ( เคยลองโทรแล้ว )

      “ ในสัปดาห์นี้ล่ะ ” ลีนตอบ น้ำเสียงเธอแปลกๆ มันเหมือนปนความเศร้าอยู่ แต่
      ทุกคนก็สลัดความคิดนี้ออกเพราะคิดว่าคงคิดมากไปเอง ข้อนี้เอมิลี่สังเกตได้ดี

      “ แล้วทำไมอลิซถึงดูเพลียๆล่ะ นี่มันก็นานแล้ว น่าจะพักฟื้นได้เกือบปกติไม่ใช่
      หรอ ”
      “ สงสัยอะไรให้มันมากมาย ที่เพลียก็เพราะยังไม่แข็งแรงน่ะสิ ถามอะไรให้มาก
      ความ ” ลีนพูด วันนี้อลิซสังเกตว่าเธอดูแปลกๆ

      ดูเหมือนอลิซอยากจะพูด เธอมองไปที่ลีน ทั้งคู่มองกันซักพัก แล้วลีนก็พยัก
      หน้าเป็นสัญญาณที่เพื่อนๆไม่เข้าใจ ซักพัก...สีหน้าของอลิซก็ดีขึ้น มีชีวิตชีวา
      เหมือนเดิม ดวงตากลับเป็นสีดำเหมือนเดิม แล้วเธอก็ลุกขึ้นนั่ง ทำให้เพื่อนๆ
      แปลกใจ แต่ก็สังเกตเห็นว่าวิญญาณของลีนนั้นจางลง

      “ ทำไม?... ” เซียถามแล้วมองไปที่ลีนที่วิญญาณจางลงทุกที
      “ นี่เป็นสาเหตุที่ฉันออกไปพบพวกเธอก่อนกำหนดไม่ได้ เพราะถ้าจะไป ฉันก็
      ต้องยืมพลังจากลีน ก็เลยจะรอให้แข็งแรงดีก่อน ตอนนี้ฉันยืมพลังชีวิตลีนอยู่เพื่อ
      คุยกับพวกเธอ เดี๋ยวก็จะพักแล้ว อีกไม่นานหรอกนะ ฉันจะกลับไปเป็นปกติ ”

      “ ลีนมีพลังชีวิตด้วยหรอ…เอ่อ...คือ...ฉันหมายความว่า... ”
      “ มี ในรูปวิญญาณก็มีพลังชีวิตนะ ลีนไม่ใช่วิญญาณที่เกิดจากการตายเหมือน
      วิญญาณทั่วๆไป แต่แยกมาจากพลังชีวิตของอลิซเมทื่อก่อนนี้ ทำให้มีพลังอยู่ ” เอ
      มิลี่ตอบให้แทน เพราะดุเหมือนว่าทั้งคู่จะไม่อยากตอบ

      “ ไว้แข็งแรงเมื่อไหร่จะไปหาทันทีนะ ตอนนี้พวกเธอกลับไปก่อน ฉันจะนอน
      แล้ว เดี๋ยวเปลืองพลังลีนแย่ ” อลิซตอบแล้วก็ลงนอนและอยู่สภาพเดิมที่เห็นก่อน
      หน้านี้ แต่ดีกว่าตรงที่ว่าสีตาเป็นสีดำ และหน้ากับปากมีเลือดฝาดขึ้นนิดหน่อย

      เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว ลีนจึงเริ่มบทสนทนาขึ้น

      “ ทนคิดถึงไม่ไหวล่ะสิ ถึงได้ช่วงให้พวกนั้นเข้ามา ”
      “ ก็ไม่ได้เจอกันตั้งนาน... ”
      “ ก็เลยช่วยทำลายข่ายมนต์ของแซนดร้า เพราะรู้ว่ายังไงพวกนั้นก็ไม่มีวัน
      ทำลายได้ ใช้พลังจนตัวเองอยู่ในสภาพนี้งั้นสิ ”
      “ ก็...ชั่งมันเถอะน่า อีกไม่นานก็หายดีแล้ว ”
      “ ก็ถ้าทนอีกซัก 2 วัน ก็ออกไปได้แล้ว ”
      “ ก็นี่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากนี่นา ไม่กี่วันก็หายดีเป็นปกติ แล้วก็ออกไปได้
      แล้ว ” คนฟังได้แต่ถอนหายใจในความมื้อดึง
      “ ขอให้จริงเถอะ ” ลีนพึมพำ

      ---***---***---***---***---

      6 วันผ่านไป ( แล้วทุกคนก็ได้ค้นพบสัจธรรมว่าไอ้ที่ว่าไม่กี่วันของอลิซมัน
      นานแค่ไหน )

      เป็นประจำเหมือนทุกวันที่ทุกคนมานั่งรอหน้ากระจก เพราะไม่สามารถเข้า
      ไปได้ ทั้งที่ทำเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ ( ยังไม่มีใครรู้ว่าครั้งก่อนที่เข้าไปได้เพราะ
      อลิซช่วย )

      “ เฮ้อ! เซ็ง ไหนว่าไม่กี่วันไง ” เซียบ่นขึ้นเป็นคนแรก มันเป็นคำที่ทุกๆคนในที่
      นี้อยากจะพูดเช่นกัน
      “ ก็คนนอนจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันผ่านไปกี่วัน ” เอ๊ดช่วยแก้ตัวให้แทนคนที่ไม่อยู่
      ที่นี่ และอาจโดนรุม...ได้ เพราะไอ้ไม่กี่วันนี่แหละ

      จู่ๆแสงสว่างก็ปรากฎขึ้น มันมาจากกระจกบานนั้น แสงสว่างนั้นแทบจะ
      หยุดลมหายใจของทั้งห้อง แคตละสายตาจากหนังสือการ์ตูน วีนและเดรหยุดคุย
      เชหยุดอ่านหนังสือเรียน ( ตรงข้ามกับแคตอย่างสิ้นเชิง ) ทอมหยุดเล่นเกม เอ๊ด
      หยุดเดินไปเดินมา แล้วเซียก็ลุกขั้นนั่งอ้าปากค้าง ( ก่อนหน้านี้เธอนอนอยู่ )

      อลิซเดินออกมาสีหน้าปลื้มปิติ เธอส่งรอยยิ้มแสนหวานให้กับทุกคน

      ---***---***---***---***---

      หลังจากเพื่อนๆคุยเรื่อยเปื่อยและแสดงความดีใจออกมาแล้ว เซียจึงพูดขึ้นมาว่า
      “ รู้รึเปล่าว่าไม่กี่วันของเธอมันนานมากเลยนะ พวกเรามีคำถามมากมายอยากจะ
      ถามเธอ จนตอนนี้รอจนหายอยากแล้ว ”
      “ เซีย...ฉันขอโทษ ขอโทษทุกคนด้วย ”

      “ ชั่งมันเถอะ อลิซ...เรื่องอุปกรณ์ ”
      “ ตำรามีคนอาสาจัดการให้เพราะ...ของเรามีแต่เลือดปีศาจเท่านั้น ” อลิซไม่
      อยากตอบว่าเป็นเพราะแซนดร้าเห็นเธอยังไม่แข็งแรงดี เพราะเธอกลัวเพื่อนๆ
      เป็นห่วง
      “ เกมแก้เซ็งก็เล่นไม่จบ นี่ก็ใกล้คริสต์มาสแล้ว… ”
      “ ฉันจัดการเอง ” อลิซตอบ แคตกับเชจึงพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจ

      “ นอนเพลินล่ะสิ ถึงได้ช้าขนาดนี้ ”
      “ ก็แหม...มีโอกาสดีๆทั้งทีก็ต้องนอนให้คุ้ม ” อลิซตอบกลับ เธอรู้ว่าเอ๊ดไม่ได้
      หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ แต่ในคำพูดนั้นมันบ่งบอกถึงความเป็นห่วงและส่อ
      ถึงคำถาม ...แต่ฟังแล้วก็รู้ว่าไม่อยากถามตรงๆเพราะรู้ว่าไม่อยากตอบ

      “ อลิซ ไปเที่ยวพักผ่อนกันดีมั๊ย ”
      “ ความคิดเยี่ยมมากเลยเซีย ” ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับความคิดนี้

      ---***---***---***---***---

      “ โอ้โห! ที่นี่สวยจังเลย ” เซียร้องขึ้น

      ที่นี่คือที่ๆอลิซเคยผ่านมาตอนที่มาเอาขนหัวเครวี่ตอนเล่นเกมแก้เซ็ง ที่ๆ
      เธอคิดว่าจะมาเที่ยว แล้วในที่สุดก็ได้มา

      สถานที่นี้ยังคงร่มรื่นและสวยงามเช่นเคย พวกเธอกางเสื่อใต้ต้นไม้ที่อยู่
      ใกล้ๆธารน้ำตก และนำเสบียงที่เตรียมมาขึ้นมากินกัน แล้วก็คุยอย่างสบายใจ
      อาทิตย์นี้ไม่มีการบ้านให้ต้องกังวล เพราะทุกคนทำเสร็จแล้ว ( ของอลิซ แซ
      นดร้าเคลียร์ให้เรียบร้อย )

      “ เล่นน้ำกันดีกว่า ” เซียบอกแล้ววิ่งไป เนื่องจากไม่ได้นำชุดมาเปลี่ยนและขี้
      เกียจไปเอา เธอจึงลุยแค่เท้า การเอาเท้าแช่ในน้ำเย็นสบายและแกว่งไปแกว่ง
      มา คิดไปเรื่อยเปื่อยทำให้สบายใจมากขึ้น ทุกคนมานั่งข้างๆเซียแล้วทำตาม ตาม
      ที่เซียแนะนำ มันช่วยให้ผ่อนคลายได้มากทีเดียว

      “ นั่นอะไรน่ะ ” แคตชี้ไปในน้ำ อลิซจึงใช้พลังทางตาเอามันขึ้นมาไว้ในมือเธอ
      มันคือสร้อยเส้นหนึ่งที่ทำด้วยทองทั้งเส้นและสลักลวดลายอันวิจิตรงดงามไว้ในจี้
      ทองรูปดอกลิลลี่ ทั้งทองเส้นเล็กนั้นยังมีตัวหนังสือเล็กๆที่สลักไว้ ถ้าไม่สังเกตดีๆ
      จะไม่เห็น

      “ ของใครทำตกไว้นะ ”
      “ อยากรู้ก็ถามสิ ” อลิซตอบเรียบๆราวกับเป็นสัจธรรมที่ปฏิบัติได้ทุกสถานการณ์
      ในเมื่อในสถานการณ์อย่างนี้ จะไปถามใครได้... อลิซยิ้ม เธอรู้ว่าเพื่อนๆต้องงง

      “ ถามภูติประจำสิ สร้อยกับจี้เก่าๆมีลายประหลาดอย่างนี้ถึงฉันไม่ใช้พลังทางตาก็
      ดูรู้ว่ามี ”

      อลิซร่ายมนต์ พลังเวทย์สีทองเรืองแสงสว่างอ่อนๆคลุมรอบๆสร้อยเส้นนั้น
      แล้วร่างเล็กๆร่างหนึ่งก็ปรากฎขึ้น

      “ รู้สึกว่าเราจะดวงสมพงษ์กับพวกภูตินะ ...โดยเฉพาะภูติหญิง ” ทอมกระซิบ
      เพราะส่วนมากมันก็มักจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทอมเคยเจอแต่ภูติหญิงเท่านั้น ครั้ง
      นึงเค้ายังเคยคิดว่าพวกภูติมีแต่หญิงด้วยซ้ำ แต่อลิซก็เคยไขความกระจ่างให้

      ภูติร่างเล็กที่มีความสูงเพียงแค่ 10 เซนติเมตร เจ้าของผมสีทองสุกสว่าง
      นัยน์ตาสีชา และเสื้อผ้ากับเครื่องประดับล้วนทำจากทองคำแท้ทั้งสิ้น ดูแล้วมีสง่า
      ราศีบ่งบอกว่าไม่ธรรมดา...กำลังจ้องหน้าอลิซอยู่

      “ ท่านเอาสร้อยเส้นนี้ขึ้นมาได้ โดยใช้แค่เพียงพลังทางตาเท่านั้นหรือ ” ภูติตน
      นั้นเอ่ยถามน้ำเสียงไพเราะ คำพูดและสำนวน+น้ำเสียงที่ใช้บ่งบอกถึงความสูง
      ศักดิ์พอควร อลิซพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วย้อนถาม

      “ แล้วท่าน... ”
      “ ข้าเป็นภูติประจำสร้อยเส้นนี้ ( ไอ้ข้อนั้นมันก็รู้ๆกันอยู่ จะบอกไปทำไม – ทอม
      คิด ) สร้อยเส้นนี้กับตัวข้า...อยู่ในน้ำนานถึง 30 ปี เจ้าของๆข้าจับมันขว้างลงน้ำ
      เอง ถึงแม้จะอยู่ไม่ลึกนักและสังเกตไม่ยาก แต่ก็ไม่เคยมีใครนำขึ้นมาได้ ไม่ว่า
      ใช้วิธีใดก็ตาม ท่านอาจจะมีวาสนาต่อข้าและสร้อยเส้นนี้ก็ได้ ”

      “ สรุปกันตรงๆดีกว่า ไม่ต้องอ้อมค้อม ความหมายของท่านคือจะให้เรานำไป
      ด้วย ”
      “ ท่านฉลาด ”
      “ แต่ก็อาจจะไม่เท่าท่านก็ได้จริงมั๊ย เดรีน่า เอฟฟิล ภูติแห่งทองคำที่หายไปเมื่อ
      30 ปีก่อน ”
      นานทีเดียวที่ทั้งคู่จ้องตากันเหมือนลองเชิง

      “ เราตกลง ” อลิซตอบรับ ภูตินั้นก็กลับเข้าไปในจี้ หลังจากนั้นอลิซก็ให้อะแมน
      ด้าเก็บเข้าไปอีกที
      “ ทำไมภูติถึงชอบอยู่ในสร้อยนักนะ ” เชตั้งข้อสังเกต
      “ ของโบราณ ของวิเศษหรือลึกลับ ส่วนมากมักมีภูติอยู่ แล้วสร้อยก็มักเป็นเครื่อง
      ประดับประเภทนั้นด้วยสิ ” อลิซไขความกระจ่างให้

      หลังจากนั้นทุกคนก็พักผ่อนกันต่อจนกระทั่งเย็น

      --------------------------------------------------------------------------

      บทที่ 20 คริสต์มาส

      หิมะโปรยปรายลงมา และจับอยู่ตามที่ต่างๆ ทำให้สถานที่นี้ขาวโพลน แต่
      งดงาม ต้นคริสต์มาสที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามมีหิมะเกาะอยู่ ดูแล้วให้บรรยากาศ
      ของเทศกาลนี้จริงๆ และเมื่อแสงสีทองอ่อนๆส่องมากระทบ ทำให้ภาพนี้งดงามจับ
      ใจ

      วันนี้อลิซตื่นเช้ากว่าใครๆในห้อง เธอจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ก่อน
      ที่จะออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ในเช้าวันที่สดใสอย่างนี้ การที่ได้อากาศ
      บริสุทธิ์ทำให้ได้ความรู้สึกดีมากทีเดียว

      ขณะที่เหม่อมองหิมะที่โปรยปรายลงมานั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

      “ Merry Christmas น้องรัก ”
      “ เช่นกันค่ะพี่ชาย ” พูดกันแค่นี้แล้วก็วางสายไป ซักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
      อีกราวกับนัดกันโทร

      “ Happy Christmas นะอลิซ ”
      “ Happy Christmas เช่นกันค่ะพี่เบล ” แล้วก็มีต่อหลังจากนี้อีกหลายสาย

      “ Happy X’mas ลิซ่า ”
      “ เช่นกันจ้ะแคลร์ ”

      “ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะลิซ่า ”
      “ เช่นกันค่ะ ”

      “ Merry Christmas นะอลิซ ”
      “ ขอบคุณนะคะพี่เอริก Merry Christmas เช่นกันค่ะ ”

      “ Merry Christmas ลูกรัก ”
      “ Merry Christmas ค่ะพ่อ ”

      “ Merry Christmas จ้ะลูก ”
      “ Merry Christmas เช่นกันค่ะแม่ ”

      นอกจากนี้ก็มีคนโทรมาอีกเยอะแทบจะไม่เว้นว่างเลย แม้จะไม่รับสายคนที่ไม่
      ได้ให้เบอร์ ( โทรศัพท์เธอเลือกได้ว่าให้เบอร์ไหนโทรติด – ไม่ติด ) แต่ในช่วง
      คริสต์มาสแบบนี้เธอเปิดรับตลอด

      “ อลิซ เราลงไปกินข้าวก่อนนะ ” แคตที่ออกมาจากห้องบอกแล้วเดินไปกับเซีย
      เพราะทั้งอลิซ และ วีน ต่างก็ติดที่ต้องรับโทรศัพท์เหมือนกัน ขนาดจะเดินไปห้อง
      อาหารยังต้องคุยโทรศัพท์ไปด้วย ส่วนเซียและแคต ถึงจะมีโทรศัพท์เข้ามาแต่ก็
      ไม่เท่าของอลิซกับวีน เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารก็เจอคนที่มีปัญหาคล้ายกัน นั่นคือ
      เอ๊ด ที่ต้องรับโทรศัพท์จนแทบไม่ว่างเช่นกัน

      ตอนนี้ทุกๆคนในโต๊ะนี้ ต่างก็ต้องรับโทรศัพท์ทั้งนั้น แล้วในที่สุดพออาหารมา
      เสิร์ฟ เซีย แคต เช ทอม และเดร ก็วางสายและปิดโทรศัพท์ ทั้ง 5 คนนั่งกิน
      อาหารของตัวเอง แล้วซักพักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์รุ่นเดียวกันทั้ง 3 เครื่องปิดลง

      เมื่อปิดโทรศัพท์ สิ่งแรกที่ทั้งสามพร้อมใจกันทำโดยไม่ได้นัดหมายคือ ทั้ง
      สามต่างก็หยิบแก้วน้ำมาดื่มอย่างกระหาย เพราะการคุยโทรศัพท์ถึงแม้จะพูด
      สั้นๆ แต่หลายสายเข้าก็ทำให้คอแห้งได้เช่นกัน แต่ที่ดื่มน้ำมากสุดเห็นจะเป็นอลิ
      ซ ที่ดื่มจนทุกคนคิดกว่าเธอคงอิ่มน้ำแทนอิ่มข้าว

      “ อลิซ พอได้แล้ว เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ลงกันพอดี ” เอ๊ดปรามแทนเพื่อนๆ เพราะ
      ไม่มีใครพูดออกมาซักคน
      “ ก็กินแล้วมันหยุดไม่ได้นี่นา กินน้ำแก้วแรกมันยังรู้สึกคอแห้งก็ต่อไปเรื่อยๆ
      แล้วมันก็หยุดไม่ได้ไม่รู้ทำไม สงสัยเพราะเอเรียกำลังหิวน้ำ ” เรื่องเล็กๆที่ดู
      ผิวเผินกลับกลายเป็นเชื่อมต่อไปถึงโน่น

      หลังจากนั้นทุกคนก็รับประทานอาหารต่อ มีเสียงพุดคุยขึ้นมาเป็นระยะๆเสียง
      หัวเราะนิดหน่อยในโต๊ะ ส่วนอลิซนั้นไม่พูดไม่คุย ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียวจน
      เพื่อนๆสงสัย

      “ หิวอะไรนักหนาอลิซ กินน้ำขนาดนั้นแล้วยังกินข้างได้เยอะอีกหรอ ”
      “ เอเรีย ไอริส ไอด้าเล่นซนอะไรซักอย่างก็ไม่รู้ ถูกลงโทษให้อดข้าว แล้วก็เป็น
      หน้าที่ของฉันที่ต้องกิน ” ตอบเสร็จก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่อ ส่วนเพื่อนๆก็ไม่อยาก
      รบกวนภาระหน้าที่ของเธอ

      ---***---***---***---***---

      “ รอเดี๋ยวนะ! ” อลิซบอกเพื่อนๆแล้ววิ่งไป ปล่อยให้เพื่อนยืนงงกันอยู่ตรงนั้น
      ทั้งหมดคิดจะไปเที่ยวกันหลังจากกินข้าวและแกะของขวัญหมด และเมื่อทำทั้ง
      สองอย่างเสร็จตอนนี้ก็กินเวลาไปโข พอถึงเวลาจะไปเที่ยวอลิซยังจะให้รออีก

      ห้านาทีผ่านไป อลิซกลับมาพร้อมกับอีกคนที่ไม่คาดฝัน ที่ไม่คาดฝันเพราะไม่ได้
      ถูกลากมา แต่เดินมาโดยดีผิดปกติ และไม่คิดว่าจะมากับเค้าด้วย นั่นคือ…

      “ หวัดดีพลอซ เอเรีย ” นอกจากพลอซแล้วก็ยังมีเอเรียพ่วงท้ายมาอีกคน
      “ หวัดดี ” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน วันนี้ดูเอเรียหน้าตาสดใสผิดปกติ ส่วนพลอ
      ซก็ดูอารมณ์ดีเช่นกัน ทั้งที่ปกติตามเทศกาลแบบนี้ไม่ค่อยเห็นออกไปไหนแท้ๆ
      แต่วันนี้กลับออกมาเที่ยวด้วย ทำให้ทุกคนแปลกใจ ส่วนอลิซและเอเรียเห็นท่า
      ทางทุกคนก็ลอบยิ้ม

      “ วันนี้พลอซกับเอเรียจะมาเที่ยวกับเรา ” อลิซประกาศ
      “ ก็ดีน่ะสิ หลายๆคนยิ่งสนุก ว่าแต่…นิ้วนายไปทำอะไรมาน่ะพลอซ ” วีนถาม
      พลางชี้ไปที่นิ้วที่มีปลาสเตอร์ปิดอยู่

      “ บริจาคเลือด ” คำตอบสั้นๆแต่วีน เอ๊ด เดร และเชก็เข้าใจ
      “ มัวเสียเวลาทำไม ไปเที่ยวกันเถอะ ” น้ำเสียงสดใสร่าเริงแว่วมา แล้วทุกคนก็
      ออกเดิน โดยมีอลิซ เอเรีย และวีนนำหน้า วันนี้ทั้งสามร่าเริงเป็นพิเศษเพราะ
      ชอบการเที่ยวมาก แต่การเที่ยวครั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าไปสถานที่แปลกๆ เพราะเริ่ม
      แรกก็ต้อง…ช๊อปปิ้ง

      ---***---***---***---***---

      สามสาวเดินนำหน้ากลุ่ม เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ แล้วก็ซื้อเป็นว่าเล่น แต่
      ส่วนมากจะซื้อฝากคนอื่นมากกว่าซื้อให้ตัวเอง โชคดี ( ของบรรดาสุภาพบุรุษที่มา
      ด้วย ) ที่สามารถเก็บของเข้าไปในล็อกเกตได้ ไม่งั้นใครคนใดคนหนึ่งที่ถือของ
      คงต้องแขนหักไปข้าง แต่ที่ทึ่งที่สุด คงจะเป็นการเดินโดยไม่มีท่าว่าจะเหนื่อยซัก
      นิดของพวกเธอ ทั้งที่พวกเค้าขาจะลากอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าบ่นออกมาซักคน
      แล้วในที่สุดก็ถึงพักกลางวัน

      ทั้งหมดเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ละแวกนั้น ในวันนี้โรงเรียนเปิดที่
      ครอบออกทำให้หิมะโปรยปรายลงมาเกาะที่หลังคาร้านได้ ทำให้ร้านนี้ดูแปลก
      ตากว่าเดิม ในร้านนั้นมีการจัดสถานที่ไว้ให้ถ่านรูปตามมุมต่างๆ ทั้งมุมที่มีตุ๊กตา
      มุมที่มีต้นคริสต์มาส ของขวัญ หรือมุมตุ๊กตาหิมะ ซึ่งผู้ที่เข้ามาทานอาหารสามารถ
      มาถ่ายรูปได้ตามสบาย และตามโต๊ะหรือที่ต่างๆในร้าน ต่างก็มีการตกแต่งอย่าง
      งดงาม หลังทานอาหารเสร็จ สาวๆมีหรือจะพลาดโอกาสในการถ่ายรูป ทั้งหมด
      ถ่ายรูปจนฟิล์มแทบจะหมดม้วนเลยทีเดียว

      หลังเดินออกจากร้านอลิซก็นำทีมเดินเข้าไปในร้านไดอารี่ ซึ่งเป็นร้าน
      โปรดร้านหนึ่งของเธอ และเลือกซื้อฝากทั้งตัวเองและคนอื่น ในช่วงเทศกาล
      อย่างนี้ มีไดอารี่แบบใหม่ๆมากมายจนเจ้าตัวแทบเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ถ้าทำ
      ได้เธอคงอยากซื้อทุกแบบ แต่เธอก็ยังยั้งคิดว่านั่นก็จะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่
      เหตุอย่างที่ป้าที่เป็นพี่เลี้ยงประจำตัวเฝ้าคอยแต่ปลูกฝังไว้

      “ อลิซ ฉันไม่อยากถามตอนนี้หรอก แต่ว่าเพราะมันอยากรู้จริงๆน่ะนะ คือ…เธอดุ
      ใจเย็นจัง เรื่องเลือดฉันรู้ว่าเธอได้แล้ว แต่อย่างอื่น… ” วีนถามขึ้นขณะที่ทั้งสอง
      เดินนำหน้าอยู่ เพราะทุกคนกำลังเหนื่อยจึงไม่น่าจะมีใครแอบฟัง

      “ ฉันกับคนอื่นๆจัดการให้หมดแล้ว ” เอเรียตอบแทน แล้วเธอก็เล่าให้ฟังว่า
      จัดการตอนที่อลิซนอนป่วยอยู่ แล้วก็เล่าเรื่องราวอันน่าสนุกและน่าประทับใจให้
      ฟัง จนทำให้อลิซเริ่มนึกเสียดายที่ไม่ได้ไปเอง

      ---***---***---***---***---

      “ เที่ยวทุกร้านแล้ว ไปไหนต่อดีล่ะ ” เซียถาม เธอยังคิดจะไปเที่ยวต่ออีก ส่วน
      แคตก็สนับสนุนเต็มที่ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมง ทุกคนนั่งพักที่ร้านขนม
      หวาน แคนดี้ แล็ป
      พวกหนุ่มๆนั้นนั่งพักกันอย่างเงียบๆ ส่วนสาวๆผู้ชอบเที่ยวนั้นก็วางแผนต่อ

      ตั้งแต่เดินมา ยังไม่มีใครได้ยินพลอซบ่นซักนิด มิหนำซ้ำยังดูเหมือนเต็ม
      ใจสุดๆที่จะเดินตามอย่างนี้อีก ในขณะที่ทอมแทบหมดแรงจนเกือบไปกองที่พื้น
      ถ้าไม่ใช่ว่าเอ๊ดพยุงไว้ แม้เอ๊ด เช และเดรจะเหนื่อย แต่ก็ยังรู้สึกสดชื่นอยู่ดี
      การที่นานๆครั้งได้ออกมาเที่ยวอย่างนี้ ถึงจะเหนื่อยก็ไม่เป็นไร ยิ่งอลิซที่ได้แต่
      นอนมานาน ถึงเธอจะพาเที่ยวจนขาลาก ทุกคนก็เต็มใจที่เที่ยว

      ในที่สุดสาวๆก็กำหนสถานที่เที่ยวได้ นั่นคือการผ่านกระจกไปอีกที่หนึ่งซึ่ง
      ไม่ยอมบอกว่าเป็นที่ไหน

      ---***---***---***---***---

      “ สวนสนุก! ” เด็กชายทั้งหมด ( ยกเว้นพลอซ ) ร้องออกมาพร้อมกันเมื่อเห็น
      สถานที่นี้

      ที่นี่เป็นสวนสนุกที่ขึ้นชื่อที่สุดของโลกสเปชก็ว่าได้ เพราะมีเครื่องเล่นที่
      สนุกเร้าใจ และน่าสนใจมากมาย ทั้งบ้านผีสิงก็น่ากลัวเป็นกันดับหนึ่ง ความสวย
      งามของการจัดสถานที่ สภาพและความยอดเยี่ยมของเครื่องเล่นก็เป็นอันดับหนึ่ง
      เช่นกัน

      “ แนวคิดเยี่ยม ” เอ๊ดเอ่ยชมแล้วยิ้มออกมา เค้ารู้ทันทีว่านี่ต้องเป็นแนวคิดขอ
      งอลิซ เพราะก็เคยได้ยินอลิซพูดว่าอยากมาเที่ยวสวนสนุก แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาส
      มา โชคดีที่การข้ามแดน ไปยังสถานที่ต่างๆเป็นพรสวรรค์ของชาวเมืองกระจก
      ทำให้ได้มีโอกาสดีๆอย่างนี้

      “ แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ ” อลิซพูดขึ้นแล้วก็เริ่มปรึกษากันทันทีว่าจะเล่นอันไหน
      ก่อน

      “ ฉันว่ารถไฟเหาะ ”
      “ แต่ฉันว่าแกรนด์แคนยอน ”
      “ โอเค สรุปว่าบ้านผีสิง ” อลิซสรุปทั้งที่ไม่มีใครออกเสียงเรียกร้องซักคน เธอ
      สรุปเพราะเป็นการตัดปัญหาที่จะทำให้เสียเวลา ไม่ใช่ว่าไม่รับฟังความคิดเห็น
      คนอื่น
      “ หรือว่าไม่กล้า ” น้ำเสียงฟังดูร่าเริงขัดกับคำพูดที่ดุท้าทาย เธอรู้ว่าพูดอย่างนี้
      แล้วคงไม่มีใครปฏิเสธ

      “ กติกาล่ะ ” วีนถามขึ้น ทั้งอลิซและวีนต่างก็ชอบการแข่งขัน
      “ จับฉลาก เรามี 10 คน แบ่งเป็น 5 คู่ เพราะถ้าไปเยอะคงไม่หนุก ไม่น่ากลัว
      แล้วก็ปล่อยพร้อมกันจากคนละช่อง คู่ไหนออกมาก่อนชนะ ”
      “ ตกลง ” ทุกคนตอบรับ แล้วอลิซก็เป็นผู้ทำฉลาก ปรากฏว่า

      คู่แรก เอเรียจับได้คู่กับพลอซ ( อลิซแอบส่งยิ้มให้เล็กน้อยส่วนเอเรียก็ยิ้มตอบ
      รับ )
      คู่ที่สอง เชกับทอม ( “ หนักหน่อยนะ เตรียมใจไว้ล่ะ ” เอ๊ดให้กำลังใจเช )
      คู่ที่สาม แคตกับเอ๊ด
      คู่ที่สี่ เซียกับเดร
      คู่สุดท้าย วีนกับอลิซ

      “ นับหนึ่งถึงสามนะ หนึ่ง…สอง…สาม! ” สิ้นเสียงอลิซทุกคู่ก็เดินเข้าไป ทางเข้ามี
      อยู่ 10 ช่อง ทุกคู่เว้นห่างกัน การจองคิวทั้งรอบไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่ว่าสวนสนุกนี้
      เป็นของเพื่อนของพ่อของวีน

      ---***---***---***---***---

      คู่เอเรียกับพลอซ

      เมื่อเดินเข้าไปแล้วต่างคนก็ต่างเงียบ เจอผีเอเรียก็ไม่กรีดร้องซักแอะ ส่วนพลอ
      ซก็มองนั่นมองนี่อย่างสนใจ มิหนำซ้ำยังไปถามคนเป็นผีอีกว่าไปทางไหนไวสุด
      สรุปว่าคู่นี้ท่าจะรอด

      ---***---***---***---***---

      คู่เชกับทอม

      อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!
      เสียงร้องดังขึ้นจากผู้ที่โรคปอด ( แหก ) กับโรคตา ( ขาว ) กำเริบ

      “ เฮ้ย! ไม่ต้องมาเกาะ เป็นลูกผู้ชายประสาอะไรวะ ”
      “ เป็นผู้ชายกลัวผีไม่เป็นรึไงวะ ” อีกฝ่ายย้อนทั้งๆที่แทบจะไม่มีแรงลุก
      “ ไปๆเร็ว ” แล้วเชก็ต้องแบกไป นี่ละมั้งที่เอ๊ดบอกว่าคงหนักหน่อย แต่เพราะรู้
      นิสัยทอมดี เชจึงทำใจไว้แต่แรก ยังดีที่อย่างน้อยทอมก็ไม่ได้กลัวจนฉี่ราดหรือ
      อ้วกใส่เค้า ( มองโลกในแง่ดีจริงๆ )

      ---***---***---***---***---

      คู่แคตกับเอ๊ด

      “ กลัวรึเปล่า ”
      “ ไม่กลัวอยู่แล้ว ”
      “ มั่นใจ ”
      “ เออสิ ” คนได้รับคำตอบยิ้มกวนๆเหมือนท้าทาย รอยยิ้มอย่างนี้จะเป็นใครไม่
      ได้นอกจากเอ๊ด ส่วนแคตนั้นก็สั่นเล็กน้อย “ เพราะอากาศมันหนาว ” เป็นสิ่งที่
      เธอใช้แก้ตัว แม้จะรู้ว่าตบตาไม่ได้ แต่รักษาฟอร์มไว้บ้างก็ยังดี

      แคตไม่ค่อยถูกโฉลกกับบ้านผีสิงซักเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องนั้นอลิซรู้ดี แต่เป็นอลิซคน
      เดียวที่รู้ และนี่กำลังจะเพิ่มเอ๊ดไปอีกคน ถ้าเลือกได้เธอคงเลือกที่จะคู่กับอลิซ
      ถึงแม้งานของครูเว่นต้องเจอกับภูติผีมากมาย แต่น่าเละๆที่โผล่มาทำให้แคตใจ
      หายวาบ+กองไปอยู่ที่ตาตุ่มได้เหมือนกัน แต่เพราะมาดที่รักษาไว้เพราะกลัวจะ
      ถูกจับผิดได้ง่ายทำให้เธอไม่ไปกองอยู่ที่พื้น แคตก็เหมือนอลิซ ตรงที่ไม่ชอบ
      แบบหน้าเละๆเหมือนกัน

      ---***---***---***---***---

      คู่เซียกับเดร

      “ นายว่าผีมีจริงมั๊ย ”
      “ เธอเป็นคนครูเว่นน่าจะรู้ดี ไม่น่าถาม ” ย้อนสมเหตุสมผลทำให้อีกฝ่ายเงียบ
      ไป เดรนั้นไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเซียได้คู่กับทอมล่ะก็ เพื่อนๆต้องมาลาก 2 คนนี้
      ออกไปรึเปล่า แต่เซียเป็นคนครูเว่นไม่น่าจะกลัวเท่าทอม แต่อีกไม่นานหรอก
      เดรจะรู้ว่าเค้าคิดผิด เพราะท่าเทียบความกลัวแล้ว ทอมอาจเทียบเซียไม่ติดเลย
      ก็ได้

      กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!

      เพียงแค่มีอะไรโผล่มาเท่านั้น ยังไม่ทันรู้ว่าเป็นอะไรเซียก็กรี๊ดแล้วก็สลบไปซะ
      แล้ว

      ---***---***---***---***---

      สุดท้าย…วีนกับอลิซ ^_^

      “ คิดไงถึงท้าขึ้นมา ”
      “ แค่อยากฝึกตัวเองเท่านั้นแหละ ”
      “ โถ่ …นึกว่าเลิกกลัวแล้ว ”
      “ ชั่งฉันเถอะ เธอเองก็กลัวยิ่งกว่าฉันอีก ” พูดซักพักทั้งคู่ก็เงียบไป เพราะ
      บรรยากาศเริ่มวังเวง มีกลิ่นเลือดสดๆ ตามทางมีซากศพทำให้ยิ่งขนลุก วีนนั้น
      ลูบแขนไปมารู้สึกทั้งขนลุกทั้งหนาว ส่วนอลิซนั้นเดินเฉยๆ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็น
      ว่าแทบจะแข็งทื่อไปแล้ว

      กึก!

      จู่ๆอลิซก็หยุดเดินแล้วหันไปมองที่วีน ทั้งคู่พร้อมใจไปมองกันที่เท้า แล้วก็…

      กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!

      ร้องออกมาและวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ( ดูจากสภาพการณ์แล้ว อลิซวิ่งไวกว่า )

      ---***---***---***---***---

      “ หยุดๆๆ วีนหยุด เงียบ! จะถึงทางออกแล้ว เดี๋ยวเสียฟอร์ม ”
      “ เออ จริงสิ ” แล้วสองสาวก็เดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย ต่างฝ่ายต่างก็ตีหน้าซื่อ
      ได้ดีไม่แพ้กัน ปรากฏว่าทั้งคู่เป็นคู่แระ แล้วรอยยิ้มแห่งชัยชนะก็ปรากฏขึ้น

      ---***---***---***---***---

      “ ทำไมมาช้าจัง ” วีนแกล้งถามเอ๊ดที่โผล่ออกมาเป็นคู่ที่สาม ก่อนหน้านี้เอเรีย
      กับพลอซออกมาก่อนแล้ว พลอซเฉยๆ ส่วนเอเรียนั้นหน้าซีดเล็กน้อย แต่ก็ยิ้ม
      ให้
      “ เพราะคนปากแข็ง ” ตอบแล้วพยักเพยิดไปทางแคตที่คุยกับอลิซอยู่ ถึงแม้เธอ
      จะดูซีดเซียวมากจนแทบต้องพยุง แต่เธอก็ยังคุยอย่างร่าเริง แน่นอนว่าไม่ใช่
      เรื่องที่พึ่งผ่านมา

      ต่อมาเชกับทอมก็ปรากฏตัวขึ้น แต่ในสภาพที่ไม่ธรรมดา
      “ โห ถึงขนาดต้องแบกเลยรึ ” เอ๊ดพูดออกมา ถึงจะรู้ว่าทอมกลัวแต่ไม่คิดว่าจะ
      กลัวมากถึงขนาดนี้
      “ เออ หนักจะตาย ”

      และต่อมาเพื่อนๆรอแทบไม่ไหว เดรก็ปรากฏตัวขึ้น แต่… คนเดียว

      “ ไปช่วยกันหน่อยเร็ว ”
      “ ช่วยอะไร ” เอ๊ดถาม ในขณะที่ทั้งหมดกำลังนั่งดื่มน้ำและกินขนมรอ
      “ ช่วยเอาเซียออกมาน่ะสิ สลบคาที่อยู่ ”
      “ พวกนายไปเถอะนะ ” วีนพูด ถึงแม้จะห่วงเซีย แต่ก็ไม่อยากเข้าไปอีก
      “ ใช่ๆ เราจะรออยู่ที่นี่ ” อลิซและแคตรีบสนับสนุน

      เมื่อเข้าไปไม่นานเอ๊ด เช และเดรก็เอาเซียออกมาได้ และหลังจากเซียฟื้นทุก
      คนก็ไปเที่ยวเล่นกันต่อ คราวนี้เล่นกันเป็นกลุ่ม และแน่นอนว่าสนุกกว่ารอบที่
      เข้าบ้านสยองขวัญนั่น

      -----------------------------------------------------------------

      บทที่ 21 การทดสอบ 1

      เด็กผู้ชาย 4 คน กับเด็กผู้หญิง 12 คนกำลังนั่งล้อมหม้อใบหนึ่งอยู่ในห้อง
      ใหญ่ ที่สร้างไว้ปรุงยาโดยเฉพาะ ในห้องมีอุปกรณ์และเครื่องปรุงยาต่างๆมาก
      มาย ทั้งหม้อ ตู้เก็บเครื่องปรุงยาที่สูงและเก็บยาเป็นหมื่นๆล็อก หรืออาจจะเป็น
      แสนเลยก็ได้ และนอกจากนี้ก็มีตู้เก็บอุปกรณ์ต่างๆอีกมากมาย ราวกับว่าผู้สร้าง
      มันจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากปรุงยา ลวดลายฝาผนัง เพดาน ก็สลักรูปภาพสบาย
      ตาไว้อย่างวิจิตรงดงาม

      น่าแปลกตรงที่ว่า ในห้องนี้มีคอมฯและอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีต่างๆมาก
      มาย ทั้งที่ห้องปรุงยาไม่น่ามี แต่ที่นี่ต่างจากที่อื่น เพราะมันเป็นห้องปรุงยาของ
      ตระกูลครูเว่น ตระกุลของนักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงมาหลายชั่วอายุคน นับตั้งแต่
      บรรพบุรุษรุ่นแรก

      เมื่อใส่อุปกรณ์เกือบทั้งหมดลงไปไม่นานก็มีควันสีขาวลอยขึ้นมาจากหม้อ
      เด็กผู้หญิงที่มีผมสีทองและในตาสีฟ้าสดใสก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วจัดแจงแจกอาวุธ
      อาวุธนั้นคือเข็มนั่นเอง ทุกคนรับมา บางคนก็ทำสีหน้ามีความสุขที่จะได้ให้งานนี้
      มันสำเร็จซักทีจึงดูเหมือนจะเต็มใจ ( เป็นกลุ่มน้อย )

      บ้างก็สีหน้าเรียบเฉย บ้างก็ทำหน้าเซ็ง บ้างก็ทำหน้าวาดหวั่น ไม่ก็เพ่งเล็ง
      เหมือนจะทำใจ แล้วในที่สุดทั้งหมดก็เอาเข็มแทงนิ้วตัวเองแล้วหยดเลือดลง
      พร้อมกันจนครบ 5 หยด มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ค่อนข้างจะกลัวเลือด คนข้างๆ
      รู้จึงเอามือมาปิดตาให้โดยอัตโนมัติ

      เพื่อให้ได้ผลดีเยี่ยมทั้งหมดจึงร่ายเวทย์พร้อมกันส่งผลให้พลังเพิ่มขึ้น
      เวทย์หลากสีก่อตัวขึ้นและห่อหุ้มหม้อใบนั้นเอาไว้ แล้วเด็กผู้หญิงที่มีผมสีทอง
      คนเดิมก็เอาลูกแก้วแบบที่มักใช้พยากรณ์ออกมาจากล็อกเกตที่ตอนนี้กำลังส่อง
      แสงสว่าง ลูกแก้วขยายใหญ่ขึ้น ลูกแก้วนั้นแหวกออก

      แล้วน้ำยาให้หม้อทั้งหมดรวมทั้งพลังเวทย์ก็ถูกเทใส่ลูกแก้ว จากนั้นเด็ก
      ผู้หญิงที่เหมือนคนก่อนหน้านี้ แต่ต่างกันที่ผมสีดำแต่ออกน้ำตาลเข้มมากกว่า
      และนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียว ก็เอาผีเสื้อสะพายฟ้าออกมาจากครอบแก้วที่จำลอง
      ธรรมชาติจริงๆไว้ แล้วใส่ไปในลูกแก้วที่ตอนนี้มีน้ำอยู่ไม่เต็มและควันกำลังลอย
      อยู่ จากนั้นก็ร่ายเวทย์ปิดลูกแก้ว

      เวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก ควันที่ขึ้นมาจากน้ำก็ล้อมรอบผีเสื้อตัวนั้น เกิด
      แสงสว่างเจิดจ้าสีน้ำเงินบาดตาแล้วก็หายไป จากนั้นลูกแก้วก็เล็กลงเท่าขนาด
      ปกติ แล้วผีเสื้อที่ควรอยู่ด้านในก็ไม่อยู่ กลายเป็นร่างเล็กๆที่อยู่ด้านนอกแทน

      ร่างเล็กๆนั้นมองดูก็รู้ว่าต้องเป็นภูติประจำลูกแก้วนี้ เพราะคงเดาได้ไม่
      ยาก มีความสูงเหมืองภูติทั่วๆไป แต่หน้าตาน่ารัก แต่งกายด้วยชุดยิปซีสีน้ำเงิน
      และที่สำคัญคือ เป็นภูติหญิงอีกแล้ว...

      และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วก็ได้เวลาทดสอบ
      โดยใช้เซนส์ของทุกคนเป็นหลักยืนยัน

      “ ก่อนอื่นเรามาคิดชื่อให้ก่อนแล้วกัน...มาจากผีเสื้อ ...บัตเตอร์ฟราย......ชื่อ
      เบ็ตตี้แล้วกันนะ ” เด็กหญิงผมทองและนัยน์ตาสีฟ้าที่ตอนนี้เปลี่ยนกลับเป็นสีดำ
      เสนอขึ้นอย่างตื่นเต้น และได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบจากทุกคน เพราะต่าง
      ก็ไม่คิดอะไรมาก เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือการทดสอบต่างหาก

      “ เรามาเข้าเรื่องสำคัญกันดีกว่า ”
      “ ใช่ ยังไงซะเทพพยากรณ์ประจำตระกูลก็ต้องเป็นผู้ทดสอบ เพราะฉะนั้นก่อน
      จะถึงมือก็ต้องทดสอบกันก่อน ”
      “ โอเค ว่าแต่ชอบชื่อนี้มั๊ยจ๊ะเบ็ตตี้ ” ผู้ฟังยิ้มระรื่นก่อนพยักหน้าเป็นคำตอบ
      แล้วยังหัวเราะคนถาม เพราะเจอมะเหงก 2 ลูกไปเต็มๆจากผู้จริงจังก่อนหน้านี้

      “ โถ่...เข้าเรื่องก็ได้ ว่าแต่จะทดสอบยังไงล่ะแซนดร้า ”
      “ เทพพยากรณ์ก็ต้องให้พยากรณ์สิ ”
      “ อันนั้นรู้แล้ว แต่จะทดสอบได้ยังไงว่าเป็นจริงต่างหาก ...หรือจะเจาะจงว่าต้อง
      ทำนายเรื่องที่จะเกิดนะระยะเวลาอันใกล้ ”

      “ ก็ให้ข้าพยากรณ์อากาศ แล้วไปเช็คกับกรมอุตุฯสิ ”
      “ มันง่ายไป ”
      “ งั้นจะเอาไงก็ว่ามา จอมเวทย์อย่างท่านแซนดร้าคงไม่ใช้เวลาคิดนานหรอก
      นะ ”
      “ ไม่ต้องมาท้าทาย ดี...งั้นจะให้ลองทายใจ การท้ายใจถือเป็นสมบัติขั้นพื้นฐาน
      ของเทพพยากรณ์ที่ต้องถูกทดสอบ จะให้เจ้าลองทายว่าใครกำลังคิดอะไรอยู่ เริ่ม
      ทีละคนแล้วกัน ถ้าทายผิดเจ้าก็ไม่ผ่าน ตกลงมั๊ย...เบ็ตตี้ ”
      “ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ”

      แล้วก็เริ่มที่คนแรก ที่ดูเหมือนว่าจะอ่านง่ายที่สุด...ทอม
      “ ทำไมต้องเป็นฉัน ” ถ้อยคำที่พูดไม่ใช่ออกมาจากปากทอม แต่มาจากเบ็ตตี้
      ทอมพยักหน้าให้แซนดร้า เป็นคำตอบว่าเค้าคิดอย่างนั้นจริงๆ

      คนที่สอง...เซีย “ ขอให้ทายถูกเถอะ ” เซียพยักหน้าเป็นคำตอบ
      แคต – “ ทำไมอั๊วะต้องเป็นคนที่สาม ”
      เช – “ จะทายถูกมั๊ยนะ ” แล้วเบ็ตตี้ก็เอ่ยทายไปทีละคน ทุกคนที่ผ่านมาต่าง
      พยักหน้าว่าถูก จนมาถึงเอมีเลีย เบ็ตตี้ใช้เวลานานกว่าเดิมแต่ก็ผ่านไปได้ นา
      ไดน์กับโรสก็ต้องใช้เวลานานกว่าคนอื่นเช่นกัน แต่ก็ผ่านไปได้ แล้วก็มาถึงคน
      เกือบสุดท้าย

      แซนดร้า...คราวนี้เบ็ตตี้ใช้เวลานานกว่าคนที่ผ่านมา แล้วในที่สุดเธอก็ตอบถูก
      ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน แต่แซนดร้าคิดว่านั่นยังเร็วเกินไป เธอยิ้มแล้ว
      นั่งลงรอให้เบ็ตตี้ทายใจคนสุดท้าย...อลิซ

      เบ็ตตี้ใช้เวลานานมาก นานกว่าเอาเวลาที่ทายทุคนรวมกันซะอีก แล้วก็ยังไม่
      สามารถทายได้ จนในที่สุด เธอก็ยอมแพ้

      “ ใจฉันมันไม่ได้อ่านยากขนาดนั้นซักหน่อย ”
      “ มันสับสนวุ่นวาย แล้วก็ประหลาดมาก จับจิตก็ไม่ได้ เจาะเข้าไปอ่านความคิด
      ในใจยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฉันถึงได้ยอมแพ้ไงล่ะ ”
      “ เธอควรจะรู้ไว้อย่าง...ฉันใช้สมองคิด ไม่ได้ใช้ใจคิด ” คำพูดกวนบาทาทำให้
      เบ็ตตี้หงุดหงิดเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆก็แอบลอบยิ้ม บ้างก็เบือนหน้าไปขำที่อื่น ใช่
      ว่าอลิซจะไม่รู้ แต่จงใจกวนมากกว่า และตอนนี้เธอก็กำลังส่งยิ้มหวานให้เบ็ตตี้
      อย่างไม่น่าทำ แต่เบ็ตตี้ก็ไม่ได้โกรธอะไร

      “ ข้าไม่ผ่านแล้ว...พวกท่านจะทำลายข้ารึเปล่า ”
      “ ไม่ต้องมาตีสีหน้าน่าสงสารเลย พวกฉันไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นหรอก อีกอ
      ย่าง...ใครว่าเธอไม่ผ่านเบ็ตตี้... เธอผ่านต่างหาก ”
      “ ห๊า!!! ไหนว่า... ”

      “ สำหรับอลิซเป็นกรณียกเว้น ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องอ่านไม่ได้ ไม่ใช่ดูถูกเธอ
      แต่เทพพยากรณ์ประจำตระกูลที่มีประสบการณ์มากกว่า ที่สร้างด้วยเลือดเนื้อ
      และสายเลือดแห่งนักพยากรณ์เก่งๆ ยังไม่สามารถอ่านได้ ที่ให้อ่านก็แค่พิสูจน์
      ทฤษฎีเท่านั้นแหละ อีกอย่างเธอก็อ่านของคนอื่นได้หมด ”

      “ มันน่าแปลกตรงที่ว่า...อลิซใช้เลือดสร้างข้าขึ้นมา แต่กลับอ่านไม่ออกเลยซัก
      นิด จะเข้าไปก็ยังไม่ได้ ”
      “ อย่าหวังเรื่องเลือดให้มากนัก...เลือดของฉันไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรง่ายๆ
      เหมือนเลือดคนอื่น ”
      “ ยังไงล่ะ? มันก็เป็นสีเดียวกับคนอื่นไม่ใช่? ”
      “ ไอ้สีเดียวกันมันก็ใช่นะเซีย แต่ส่วนประกอบต่างหาก เลือดเธอมีส่วนผสมของ
      พวกยาพิษกับยาต่างๆที่ปรุงขึ้นใช่มั๊ยอลิซ ”
      “ แหม...แสนรู้จังเลยนะเอ๊ด ” มันเป็นคำชม ( ? ) ที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อยาก
      รับ

      “ อ้าว! ไม่ภูมิใจหรอ ว้า! อุตส่าห์ชมทั้งที ”
      “ ไม่ต้องแกล้งตีหน้าเสียดายเลย รู้นะว่าหลอกด่า ”
      “ แหะๆ โทษที มันอดไม่ได้ แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ตอบให้แทน ยิ่งขี้เกียจอธิบาย
      อยู่ด้วย ”
      “ จะคุยกันอีกนานมั๊ย ยังต้องทดสอบต่อนะ พวกฉันต้องรีบกลับด้วย ต้องทำ
      หน้าที่แทนเธอด้วยไงล่ะ ต้องใช้เวลาวันเสาร์ที่เคลียร์การบ้านเสร็จแล้วให้คุ้ม
      อย่าลืมสิ... ” ก่อนที่แซนดร้าจะบ่นมากกว่านี้อลิซก็รีบตัดบท
      “ ขอโทษค่ะคุณทวด เอ้ย! ขอโทษทีจ้ะแซนดร้า ว่าแต่จะทดสอบอะไรต่อล่ะ ”

      “ คำเตือน… ”
      “ ห้ามดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเกินวันละ 2 ขวด… ”
      “ ไม่ใช่! หัดฟังให้จบก่อนสิยะ… ฉันจะให้ทำนายเรื่องไม่ดีที่จะเกิดขึ้นกับเราทั้ง
      หมดวันนี้ แล้วเก็บไว้ในใจ ให้คำเตือนเรานิดหน่อยก็พอ...มันเป็นการทดสอบ
      อย่างหนึ่งในการทดสอบเทพพยากรณ์ที่ฉันจำมา ”

      “ อ๋อ! แล้วก็ไม่บอก ”
      “ ฉันรู้ว่าเธอรู้ เลือดกวน เลือดแกล้งบื้อ กับโรคบื้อจริงของใครบางคนที่ใส่มันคง
      แรงไปหน่อย ”
      “ โชคดีที่ไม่ใช่ฉัน ”
      “ เค้าหมายถึงเธอด้วยนั่นแหละเซีย แต่คุณสมบัติข้อไหน เธอก็รู้อยู่แก่ใจ ”
      “ ไม่ต้องตอกย้ำก็ได้นะวีน ”
      “ ไม่เป็นไร ยินดีเสมอ ”

      “ พอๆ พอได้แล้ว พรุ่งนี้เรามาเจอกันที่เดิมหลังจากได้คำเตือนแล้วนะ ”
      “ แล้วพรุ่งนี้ว่างแล้วหรอ... ”
      “ ไม่ต้องทำใสซื่อกระพริบตาปริบๆอย่างนั้นเลยอลิซ ที่ว่าไปขอโทษก็ได้ ”
      “ หยุด! ฉันจะให้คำเตือนแล้ว ”

      หลังจากนั้นเบ็ตตี้ก็ให้คำเตือน เป็นคนบ้าง เป็นกลุ่มบ้าง คำเตือนแต่ละข้อ
      นั้นอลิซจำได้ขึ้นใจ เพื่อที่ผลการทดสอบจะได้แม่นยำ ว่าถ้าเธอไม่ทำตามผลที่
      ออกมาจะเป็นอย่างที่เตือนรึเปล่า มันเป็นการณ์พิสูจน์ว่าคำเตือนนั้นเป็นจริง
      แต่เวลาเตือนเทพพยากรณ์มักไม่เตือนทั้งหมด เพราะนั่นเป็นกฎอย่างหนึ่ง กฎ
      ที่ว่า “ เทพพยากรณ์จะไม่สามารถบอกเรื่องราวที่รับรู้ทั้งหมดได้ ” เพราะนั่นเป็น
      ลิขิต

      ---***---***---***---***---

      “ เฮ้อ! เตือนอะไรไม่เตือน เตือนให้ระวังน้ำ ทำอย่างกับว่าอยู่ดีๆฉันจะโดนน้ำ
      สาดใส่ ”

      โครม!!!!
      เสียงน้ำสาดใส่ทอมเต็มๆ ในขณะที่เพื่อนข้างๆนั้นหลบทัน จะมีก็แต่เค้า
      เท่านั้นที่ซื่อ ( บื้อ ) เอง พูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นผลของคำเตือนนั้น น้ำนั้นมา
      จากร้านๆหนึ่งในละแวกนั้น ซึ่งคนสาดก็ขอโทษขอโพยใหญ่ทำให้เค้าไม่โกรธ
      มาก มีแต่หงุดหงิดนิดหน่อยเท่านั้นที่มาเที่ยวทั้งทีก็ดันมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
      แต่จะโทษใครได้เพราะดันซวยเอง คิดแล้วก็หันกลับไปมองเพื่อนๆที่แตก
      กระจายไปคนละฟาก

      อลิซกำลังจดอะไรยุกยิกและคุยกับเอเรีย ส่วนวีน แคต และเซีย กำลัง
      เบือนหน้าไปอีกทางแล้วหัวเราะคิกคัก เอ๊ดนั้นก็ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่าซึ่งเค้าก็
      ส่ายหน้า และซาบซึ้ง เดรนั้นยิ้มแหยๆเหมือนกับจะบอกว่า ...มันช่วยไม่ได้ ส่วน
      เชนั้นก็ขอโทษที่ไม่ได้บอก แล้วทุกคนก็ออกเที่ยวต่อ โชคดีที่เอเรียนั้นช่วยใช้
      พลังทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นและชุดแห้งได้ ไม่อย่างนั้นคงต้องไปทั้งสภาพแบบนี้

      “ ฉันจดคำเตือนของพวกเราทั้งหมดเอาไว้ แล้วก็จดอันดับเหตุการณ์ว่าของใคร
      จะเกิดก่อน-หลัง ตามที่เบ็ตตี้บอกไว้แล้ว อันต่อไป เป็นของ...เซีย คำเตือนคือ...
      ระวังหน้าทิ่ม ”

      “ ของแคต เอ่อ...ฉันจดสลับนิดหน่อย ของแคตก่อนเซีย แต่ระยะเวลารู้สึกเบ็ตตี้
      บอกว่าใกล้กันมาก คำเตือนของแคตคือ ระวังสะดุด ”
      “ งั้นก็เดาได้ไม่ยาก...ฉันเดาเล่นๆว่า ฉันจะซุ่มซ่ามสะดุดหินไปชนเซียหน้าทิ่ม
      เร็วๆนี้ ”

      ตุบ!!!
      “ เสร็จไปอีกสองราย ยังไม่ทันจะหัวเราะเลยกับการเดาเลย เป็นจริงซะแล้ว ต่อ
      ไปก็...ใกล้ๆกันเหมือนกันแหละ ...วีน ระวังเปื้อน! ”

      เผละ!!!
      “ เตือนเร็วกว่านี้ก็ได้นะ ฉันเสร็จอีกรายแล้วสิ ทำไมมันติดกันนักนะ อ้อ! รอ
      แป๊บนึงนะ ไปจัดการไอ้คนที่เหยียบน้ำแล้วทำชุดฉันเปื้อนก่อน ”

      แล้ววีนก็เดินไปส่งยิ้มหวานให้ผู้ที่ทำชุดเธอเปื้อน แล้วการต่อสู้ของทั้งคู่ก็
      เริ่มขึ้น เนื่องจากวีนอยากระบายเรื่องที่เธอไม่พอใจคีย์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวัน
      ก่อน บวกกับสถานการณ์นี้ ความอดทนจึงสิ้นสุดลง

      ในขณะที่คนอื่นๆเชียร์ ( รวมอลิซด้วย – เพราะคนนั้นคือคีย์ ^_^ ) หลัง
      จากเชียร์จนพอใจแล้วการต่อสู้ก็ยังไม่หยุด ทั้งคู่งัดศิลปะการต่อสู้ตัวต่อตัวขึ้นมา
      มันคงไม่เกิดเรื่องขึ้นท่าไม่ใช่ว่าคนทำ...ไม่ยอมขอโทษ อลิซนั้นหันหน้าลงไปดู
      สมุดจด

      “ เช ! ระวังหัว!!!!!!!!!! ”

      อลิซเตือนไม่ทันซะแล้ว เพราะรองเท้าที่หลุดมาจากเท้าของคีย์ ได้หลุด
      ออก ผ่านอากาศอย่างสวยงาม และเลือกท่าอากาศยานเรียบร้อย นั่นก็คือ...หัว
      ของเช ที่จริงมันควรจะเป็นหัวของเดร แต่เดรจับตาการต่อสู้เลยหลบทัน แล้วมัน
      ก็ไปโดนคนข้างหลัง ที่ยืนคุยกับเอ๊ดอยู่ นั่นก็คือเช ที่ได้แต่คลำหัวแล้วหันไป
      ระเบิดรองเท้าข้างนั้น เพราะคนทำไม่แม้แต่จะหยุดแล้วหันมาสน

      บึ้ม!!
      รองเท้าระเบิดขึ้นทำให้ทั้งคู่หยุด แล้วทุกคนก็หันมาจับตามองที่ซากรองเท้า

      “ โทษที ไม่ได้ตั้งใจ ( ? ) เห็นมันหลุดมาไม่มีใครขอโทษ ก็เลยคิดว่าไม่มีเจ้าของ
      เลยระเบิดเล่น คงไม่ว่ากันนะคีย์ ” พูดกวนๆไปด้วยความโกรธ แววตาดูเยือก
      เย็นขึ้นถนัด ทำให้คีย์เริ่มรู้สึกเสียงสันหลังวาบ เอยอมกล่าวขอโทษ แล้วก็รีบ
      จากไป...ด้วยรองเท้าข้างเดียว แต่แววตาของเชก็ดูเหมือนจะยังไม่หายไป อลิซม
      อง ยิ้ม แล้วก็...

      ตุบ!!! โอ๊ย!!!

      “ เหยียบเท้าฉันทำไมอลิซ มันเจ็บนะ ”
      “ โทษที รู้ว่ามันเจ็บน่ะสิถึงเหยียบ ”
      “ อ้าว หาเรื่องกันนี่ ”
      “ เปล่า แต่ถ้าไม่เหยียบแล้วนายจะรู้สึกตัวหรอ เกิดนายฆ่าคีย์ทิ้งและฉันจะ
      แกล้งใคร อีกอย่าง ฉันยังไม่อยากไปเยี่ยมนายในคุก หรือเอาใจช่วยในห้อง
      ปกครอง ” ว่าไปเรื่อย จริงๆแล้วเธอแค่ไม่อยากให้เค้ามีเรื่องเท่านั้น

      “ อลิซ คราวหน้าก็หัดๆเตือนก่อนที่เรื่องจะเกิด ”
      “ ก็ถ้ามันไม่เกิดแล้วจะรู้มั๊ยว่าคำเตือนได้ผล ”
      “ อย่าให้ถึงคราวเธอก็แล้วกันนะ ”
      “ คำเตือนของฉันน่ะ คนสุดท้ายย่ะ ...ห่วงตัวเองเถอะเดร คนต่อไปนายแน่ะ แต่
      ไม่ต้องห่วง ( ? ) มากหรอกนะ มันห่างพอสมควร ”

      “ รู้สึกวางใจขึ้นมั๊ยเดร ”
      “ ถ้าเป็นเธอจะวางใจงั้นสิวีน คำเตือนคืออะไรอลิซจะบอกใกล้ๆไม่ก็ทีหลัง อย่าง
      นี้จะให้วางใจได้ไง ”
      “ นี่เป็นการทดสอบนะ ฉันบอกก่อนก็ระวังกันจัด เรื่องราวมันก็ไม่เกิด แล้วจะรู้
      ได้ไงว่ามันได้ผล อีกอย่าง...กังวลมากไปยิ่งเป็นผลเสียนะ ”
      “ ครับๆๆ ผมรู้แล้วครับ ”
      “รู้แล้วก็ดีค่ะ จะได้เลิกบ่น ”

      “ อลิซ ของเดรร้ายแรงรึเปล่า อีกนานมั๊ย ”
      “ หลังจากเข้าร้านไดอารี่แล้วออกมาฉันจะบอก ”
      “ เข้าไปซะแล้ว! บอกอีกนิดก็ยังดี ”
      “ อลิซบอกแล้ว...ถ้านายฟังให้ดีนายจะรู้ว่า คำพูดของอลิซมันบ่งบอกว่าเธอจะ
      บอกแบบกระชั้นชิด แบบใกล้ๆ ซึ่งถ้าเอจะบอกนายหลังออกจากร้านไดอารี่ ก็
      แสดงว่า… ”
      “ เหตุการณ์ต้องเกิดหลังจากนั้นนิดเดียว ” อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นคำตอบ

      “ จะยากอะไร นายก็เข้าไปกันไม่ให้อลิซออก เรื่องก็อาจไม่เกิด แค่นั้นก็จบ ”
      “ ใครเชื่อนายก็เจริญล่ะทอม หัดเสนอวิธีดีๆที่เป็นไปได้หน่อยสิ ”
      “ วิธีง่ายๆนะเพื่อน ...( เดินเข้าไปตบบ่า )...ทำใจ ”
      “ ฉันเห็นด้วยกับทอม ”
      “ ฉันก็เห็นด้วยกับเอ๊ด ”
      “ เออดี...เฮ้ย! รอด้วยสิ ”

      ---***---***---***---***---

      “ เดร...ระวังชน!!! ”
      “ ชนอะไร โอ๊ย! ”

      แล้วเดรก็เสร็จไปอีกราย เรพาะหันไปถามอลิซแท้เชียวเลยเดินโดยไม่
      ได้ดู แถมชนหน้าร้านไดอารี่อีก พอหายงงเสร็จเดรก็หันไปขอโทษ

      “ ขอโทษครับ ”
      “ หัดเดินดูตาม้าตาเรือบ้างสิยะ คนทั้งคนนะ แล้วหัดมองทางซะบ้าง รู้มั๊ยมันเจ็บ
      แล้วฉันเสียเวลาแค่ไหนยิ่งรีบอยู่ ”
      “ ขอโทษ ”
      “ เดร ขอโทษครั้งเดียวก็เกินพอ ปล่อยให้ว่าฝ่ายเดียวอย่างนี้ได้ไง ” วีนหันมา
      ว่าแล้วก็ไปจัดการอีกคน

      “ เธอเองก็เหมือนกัน ใช่ว่าเค้าผิดคนเดียว เธอก็ผิด ถ้าเค้าเดินไม่ดูแล้วเธอดู
      เธอก้เลี่ยงที่จะไม่ชนได้ แต่นี่เธอเองก็ไม่ได้ดู เพราะฉะนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะว่าคน
      อื่น อีกอย่างนะ ถ้ารีบนักก็ไม่ต้องมา ”
      “ กล้าดียังไงมาว่าฉันยะ ”
      “ แล้วเธอล่ะกล้าดียังไงถึงมาว่าเพื่อนฉัน ”

      ในขณะที่ทั้งคู่ยังเถียงกันไม่หยุด อลิซก็เดินมาแตะบ่าเดรแล้วส่งสัญญาณ
      ให้ไปคุยกันอีกทาง ( คนอื่นกำลังมุงลุ้นคู่นี้อยู่ว่าใครจะด่าชนะ )
      “ ลืมบอกคำเตือนของนายกับวีนไปอีกอย่าง...ระวังมีเรื่อง ”
      “ ขอบใจมากเลยอลิซ แต่ไม่ต้องก็ได้มั้ง บอกไม่บอกนี่แทบไม่ต่างกันเลย ว่าแต่
      ของฉันกับวีนยังต้องเจออะไรอีกรึเปล่า ”
      “ ไม่ต้องห่วง วางใจได้ ที่เหลือมีแต่ของเอ๊ด เช แล้วก็ฉัน ตอนนี้สิ่งที่พวกเรา
      ควรห่วงคือ คู่นั้น ” แล้วทั้งคู่ก็กลับไปฟังการเถียงกันต่อของสองสาว

      ------------------------------------------------------------

      บทที่ 22 แบบทดสอบ 2 ...ข่าวดีก่อนสอบ

      “ พอได้แล้ววีน ไปเถอะ เสียเวลา ” แล้วคนลุ้นเองก็อดทนไม่ได้ เนื่องจากเวลา
      เที่ยวมีค่ามากกว่าเวลาฟังเพื่อนเถียงกัน

      “ บังอาจว่าเถียงกับฉันเป็นการเสียเวลางั้นเรอะ เธอเป็นใครกันยะ ใหญ่จาก
      ไหนกันเชียว ถึงได้บังอาจมาว่าฉัน ”
      “ ท่าทางจะพึ่งเข้าไม่นานล่ะสิ ”
      “ ไม่ใช่แค่ไม่นานแต่ยังไม่รู้จักเรียนรู้เรื่องรอบข้าง ถึงได้ไม่รู้จัก ” วีนเสริมให้
      อีกทีเป็นการทับถมยืนยันความ…ของอีกฝ่าย

      “ นั่นมันเรื่องของฉัน ”
      “ แล้วก็สิทธิ์ของฉันเช่นกันที่จะไม่บอก ไปกันเถอะ… ”
      “ หนอย ฝากไว้ก่อนเถอะนะยะ รอให้ฉันรู้ก่อนเถอะ ” บ่นพึมพำทั้งที่อีกฝ่ายได้
      เดินนำเพื่อนไปแล้ว

      ---***---***---***---***---

      “ นี่อลิซ แล้วเรื่องที่จะเกิดทั้งหมดอยู่ในวันนี้ใช่มั๊ย ”
      “ ใช่ แต่เช นายไม่ต้องกังวลหรอก ไม่มีอะไรมาก ของฉันยังน่าเป็นห่วงซะ
      กว่า ” คำตอบที่ได้ทำให้อีกฝ่ายเริ่มอยากรู้อยากเห็น
      “ อะไรหรอ ”
      “ ก็…ยังไม่สมควรจะรู้ ” อีกฝ่ายหน้าสลดลงทันควัน ทั้งที่รู้ดีว่าแผนล่อให้บอกไม่
      สำเร็จง่ายๆ แต่ก็อดที่จะลุ้นไม่ได้

      “ ว่าแต่…ยัยนั่นเป็นใคร ”
      “ อันย่า วิลสัน เจ้าหญิงผู้แสนเอาแต่ใจแห่ง ซัทพอร์ส เมืองแห่งกีฬา รู้สึกสาย
      เลือดการเอาชนะจากราชาจะส่งผลแรงกล้าเชียว ก็อย่างที่เห็น… ”
      “ ด่าไปด่ามาทำไมกลายเป็นว่าไปรู้เรื่องเค้าดีได้ล่ะวีน ” อลิซอดแซวไม่ได้
      “ ไม่ได้อยากจะรู้หรอกนะ แต่ยัยนั่นก็เคยมาที่เมืองฉัน รู้สึกว่า 2 วันช่วงฉันไม่
      อยู่ พี่สาวแสนดีเลยเล่าให้ฟัง ”

      “ คงได้ยินกิตติศัพท์ล่ะสิเลยไม่ชอบหน้าขนาดนั้น… อ้อ! ต่อไปคำเตือนของเช อีก
      ไม่นานหรอก ” พูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเอาคนที่จะโชคร้ายรายต่อไปอดเสียว
      สันหลังไม่ได้

      “ อลิซ ไม่ต้องยิ้มอย่างนั้นหรอก ฉันรู้นะว่าไม่มีอะไรมาก ”
      “ โถ่! วีน เธอทำแผนฉันเสียหมด ” อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนคนที่ถูกแกล้งก็
      ถอนหายใจแบบโล่ง

      “ เชก็แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น…แถมนายอาจจะเจอโชคดี
      ด้วย แล้วก็ของเอ๊ดก็ใกล้ๆกัน แค่รำคาญนิดหน่อย ทำไมไม่มีใครจะเจอเหมือน
      ฉันบ้างนะ แต่ชั่งเถอะ เข้าไปกินขนมกัน ”

      ทั้งหมดเดินเข้าไปในร้าน แล้วเสียงกรี๊ดของสาวๆกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น ( ปกติ
      ไม่ค่อยมี ต้องเข้าใจว่าโรงเรียนนี้ส่วนมากพวก…เค้าเรียนกัน พวกที่เหลือไม่รู้
      หลุดมาจากไหน )

      “ พี่เคน! ”
      “ เฮ้! เค้าเรียกนายแน่ะ ” เดรพูดแล้วผลักเอ๊ดเบาๆไปทางกลุ่มสาวๆก่อนที่ที่
      เหลือจะไปนั่งสบายใจเฉิบที่โต๊ะแถวๆนั้น เว้นแต่เช

      “ โอ๊ย ”
      “ ขอโทษค่ะ ”
      “ ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นระ- ” หันไปตอบแล้วก็ต้องชะงักชั่วครู เพราะคนที่เค้า
      ชนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางสวยมากทีเดียว เส้นผมสีแดงเพลิงนุ่มสลวยชวน
      หลงไหล กับนัยน์ตาสีทองที่ดูลึกลับ ดูปุ๊บเค้าก็รู้ปั๊บว่าเธอคือใคร…เจ้าหญิงซินเทีย
      ร์ บิลเลียส แห่งสไปซิส เมืองแห่ง เครื่องหอม เครื่องปรุง และวัตถุดิบต่างๆ…

      “ ขอโทษจริงๆนะคะ…ถ้าไม่เป็นไรงั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ”
      “ ครับๆ ” หลังจากหันไปมองจนเธอนั่งที่โต๊ะกับเพื่อนๆแล้วเค้าจึงไปนั่งที่โต๊ะ
      บ้าง

      “ อะแฮ่มๆ เห็นนะว่าเหล่สาว ท่าทางคติรักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียนของนายจะพังทลาย
      ตั้งแต่ยังเด็ก โอ๊ะๆโอ๋ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ล้อเล่นน่า ”
      “ เล่นมากไประวังตายเอาได้ง่ายๆนะทอม ” คำเตือนด้วยน้ำเสียงหยอกๆแต่แวว
      ตาไม่เข้ากันซักนิด

      “ เรื่องชนคือเรื่องร้าย เรื่องเจอนางในฝันคือเรื่องดี เบ็ตตี้แม่นอีกแล้ว แล้วก็
      เรื่องที่บอกว่าเอ๊ดจะเจอเรื่องน่ารำคาญด้วย เหลือฉันคนสุดท้ายสินะ ” พูดโดย
      ไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง โดยเฉพาะตอนพูดว่า ‘ นางในฝัน ’

      “ พึ่งรู้นะเนี่ยว่าอย่างซินเทียร์คือสเปคนาย แต่อย่างว่า รูปโฉมงาม กริยาวาจา
      พร้อมสมเป็นกุลสตรี ถ้าฉันเป็นนาย ฉันก็เลือกซินเทียร์…ท่าทางนายเคยเห็น
      เค้าแต่ในหนังสือล่ะสิ ”
      “ พูดน้อยๆไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะแคต ”
      “ นายไม่แปลกใจหรอว่าทำไมไม่เจอซินเทียร์ในโรงเรียนมาก่อน ” อีกฝ่ายถาม
      หยอก เพราะรู้ว่าต้องสนอยู่แล้ว

      “ รู้คำตอบฉันอยู่แล้วนี่ เชิญพล่ามตามสบาย ”
      “ ซินเทียร์แค่มาเยี่ยมเพื่อนของเธอ เธอไม่ได้เข้าเรียนที่นี่หรอก แต่ไม่แน่
      อนาคตข้างหน้านายอาจจะได้อยู่โรงเรียนเดียวกับเธอก็ได้ แต่…นายควรจะรู้ไว้
      ว่าทำไมถึงไปชนเธออยู่แถวนั้น…ซินเทียร์ก็ชอบเอ๊ด ”

      “ แต่เอ๊ดก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ” พูดพลางส่งสายตาไปให้คนที่นั่งอยู่เยื้องๆ ไม่
      ใกล้ไม่ไกลในโต๊ะนั้น ทำเอาแทบจะสำลักน้ำ แต่คนถูกมองก็แก้สถานการณ์โดย
      การทำไม่รู้ไม่ชี้และมองเหลียวหลังเหมือนจะหาคนที่เชมองอยู่ จนเจ้าตัวต้องย้ำ
      ว่า “ เธอนั่นแหละอลิซ ”

      “ อย่าเที่ยวโยนมาโดยไม่มีมูลอย่างนั้นสิ เกิดพวกนั้นรุมทำร้ายฉันขึ้นมาจะทำ
      ไง ฉันออกจะอ่อนแอ คงสู้พวกนั้นไม่ได้หรอก ” คนฟังได้แต่อมยิ้ม บ้างก็ขำ
      เพราะรู้ดีว่าต่อให้มากกว่านั้นก็คงเป็นแค่คู่ซ้อมมือเล่นของเจ้าหญิงผู้อ่อนแอที่
      กล่าวออกมาได้ไม่อายฟ้าดิน และคนรอบข้าง

      “ ถ้าเธออ่อนแอจะเป็นไงนะ นึกภาพไม่ออกแฮะอลิซ ช่วยทำให้ดูหน่อยสิ ”
      “ แหมก็…โอ๊ย! ” จู่ๆ แก้วก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ แล้วโผล่ไม่ธรรมดา ดันมาโผล่
      ทางหัวอลิซ สภาพตอนนี้จึง…

      “ แย่แล้ว แก้วแตกคาหัวเลย เป็นไรรึเปล่าอลิซ ” เซียถามอย่างเป็นห่วง และมี
      สายตาห่วงใยสาดส่องมาจากทุกทิศของร้าน เอ๊ดรีบถือโอกาสปลีกตัวมาทันที ไม่
      ทันไรเค้าก็มาอยู่ข้างกายเธอ แล้วตอนนี้ก็กำลังตรวจแผลอยู่
      “ ไม่เป็นไรมากหรอก แค่เลือดออก ”
      “ ห๊า!!! ” ทั้งหมดร้องออกมาพร้อมกันแล้วต่างรีบเสนอให้ไปห้องพยาบาล

      อลิซบอกให้อะแมนด้าเอาขวดแก้วที่มีน้ำใสๆสีออกน้ำเงินออกมาแล้ว
      จัดการส่งให้เอ๊ด พร้อมกับบอกว่า “ ราดให้หน่อยสิ ” แม้จะสงสัย แต่เอ๊ดมีหรือจะ
      ไม่ทำตาม ในเมื่อเจ้าตัวก็บอกอย่างนี้ แสดงว่านี่เป็น ยาดี

      ทันทีที่น้ำยาสัมผัสถูกหัว แผลก็หายสนิทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เศษแก้ว
      ที่ติดอยู่ก็หายไปในพริบตา แต่การที่เศษแก้วหายไปนั้นไม่ใช่จากฤทธิ์ยาแต่
      เป็นฤทธิ์เวทย์จากเจ้าของหัว น้ำเองก็หายไปจากฤทธิ์เวทย์เช่นกัน จากนั้นขวด
      ยาในมือเอ๊ดก็หายไป ทุกอย่างกลับเป็นปกติ แต่อารมณ์ของคนโดนที่ถึงแม้จะ
      เตรียมใจรับอยู่แล้วนั้นไม่เป็นปกติ

      อลิซลุกขึ้น สายตาเย็นเยียบกวาดไปรอบๆห้อง ริมฝีปากยังคงแต่งแต้ม
      ด้วยรอยยิ้ม หากแต่ไม่เหมือนเดิม เพราะเป็นรอยยิ้มที่มเกรียมเหลือเชื่อ ทำ
      เอาหนาวไปตามๆกัน ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นสายตาแบบนี้จากเจ้าหญิงคนนี้ สาย
      ตาที่เฉลยว่าทำไมชาวมัลเลนถึงได้เคารพรัก และยำเกรงเจ้าหญิงที่มีอายุเพียง
      ไม่กี่ปีคนนี้

      “ ใครกันที่เอาแก้วกับน้ำนี่มายื่นให้ถึงหัวฉัน ” น้ำเสียงราบเรียบถาม ทั้งห้อง
      เงียบกริบไม่มีใครตอบราวกับตองมนตร์สะกด

      “ ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ยอมรับแล้วขอโทษมาจะไม่เอาความ แต่ถ้าไม่ยอม
      ล่ะก็…ฉันก็มีวิธีของฉัน ขอถามอีกครั้งว่าใคร! ”

      “ ฉันเอง ” และแล้วผู้กล้าก็ยืนขึ้น แต่จะว่าไป ไม่ยอมรับแต่แรกจนต้องขู่ก็ไม่
      อาจเรียกได้ว่าผู้กล้า
      “ อธิบายมา…ว่าทำไมถึงได้มีน้ำใจส่งมาให้ฉัน… ” น้ำเสียงเริ่มดีขึ้นกว่าเดิมเล็ก
      น้อย แววตาที่เย็นชาและรอยยิ้มมนั้นหายไป ทำให้หลายๆคนอุ่นใจขึ้น

      “ คือ…เล่นกับเพื่อนแล้วมันหลุดมือ…ขอโทษ ”
      “ ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่นี้เอง ทุกคนคะ ขอโทษด้วยนะคะ เชิญต่อตามสบาย ”
      พูดไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ที่รู้จักเธอดีอย่างเช่นผู้ที่กำลังนั่งร่วมโต๊ะกับเธอ
      ตามปกติในขณะนี้รู้ดีว่า ทุกอย่างเป็นปกติได้เพราะคำขอโทษเพียงคำเดียว
      เพราะแค่เพียงคำเดียวก็มีค่าลดความโกรธในจิตใจของเจ้าหญิงคนนี้ไปโข

      “ นั่นยิ่งห่างไกลบทเจ้าหญิงผู้อ่อนแอเข้าไปใหญ่เลยอลิซ ” เซียต่อบทสนทนาที่
      ค้างไว้
      “ อะไรหรอ ไม่เห็นรู้เลย ห่างไกลอะไรกัน…ฉันก็ยังเป็นของฉันเหมือนเดิม ใช่
      มั๊ยคะ ”
      หันไปถามรุ่นพี่ ( แฟนคลับของเธอเองนั่นแหละ - ไม่รู้ว่าหลังเหตุการณ์นี้จะ
      กลายเป็นอดีตกันรึเปล่า ) ที่นั่งโต๊ะข้างๆ ต่างก็พยักหน้าหงึกๆกันอย่างเอาเป็น
      เอาตาย

      “ เห็นมั๊ยเซีย ”
      “ ชั่งเถอะ เถียงไปก็ไม่มีวันชนะเธอ ”
      “ แหม อย่าพูดจนฉันกลายเป็นคนชั่งเถียงอย่างนั้นสิ ” น้ำเสียงหวานตามปกติ
      แต่บัดนี้มันฟังค่อนข้างน่าหมั่นไส้เล็กน้อยสำหรับผู้ฟัง เพราะถ้อยคำเหล่านั้น

      “ เมื่อไหร่จะเอาหน้ากากนี่ออกซักทีนะ เดี๋ยวระวังจะติด ดึงไม่ออกไม่ดีนา โตไป
      ยิ่งดึงยาก ”
      “ ยิ่งโตสิยิ่งต้องใช้ เห็นใครๆเค้าก็ใส่กันไม่ใช่หรอ ” คำเอ่ยย้อนถามจากความ
      เป็นจริง
      “ แต่สำหรับเธอคงไม่จำเป็นเท่าไหร่มั้ง ”
      “ มันก็ไม่แน่…เราไม่สามารถเดาอนาคตได้ ”
      “ แต่เราก็มีผู้ช่วยที่เธอค่อนข้างมั่นใจแล้วนี่อลิซ ” เอ๊ดโผล่เข้ามาเสริมช่วยเซีย

      “ นายรู้มั๊ยว่ากฎของเทพพยากรณ์คืออะไร ”
      “ ก็...ห้ามบอกเรื่องที่รู้ทั้งหมด ”
      “ ก็นั่นล่ะ ถึงจะเป็นผู้ช่วยได้ก็จริง แต่ก็ได้แต่ช่วยเตือน แล้วแถมบอกอะไรไม่
      ได้มาก เพราะฉะนั้นเราจึงต้องพร้อมเสมอ...เราไม่ควรหวังพึ่งเบ็ตตี้อย่างเดียว
      หรอกนะ พึ่งตัวเองดีที่สุด…อีกอย่าง นั่นไม่ใช่กฎข้อเดียว ยังมีกฎอีก...รู้รึเปล่าว่า
      ถ้าทำผิดกฎข้อแรกจะเป็นยังไง ” ถามทั้งที่เจ้าตัวก็พอจะเดาได้ว่าไม่มีใครรู้
      เพราะคงไม่ได้สนใจ แล้วก็เป็นดังคาด ทุกคนต่างก็ส่ายหน้า

      “ เบ็ตตี้จะกลับไปเป็นผีเสื้ออย่างเก่า ลูกแก้วพยากรณ์ก็จะแตก นั่นก็คือ ที่
      อุตส่าห์ปรุงยาก็จะสูญเปล่า ถ้าเราอยากได้เบ็ตตี้คืนมาก็ต้องปรุงใหม่ ต้องใช้เวลา
      โขทีเดียว ”
      “ แล้วกฎที่เหลือล่ะ ”
      “ ก็...หลังจากบอกทั้งหมดแล้วเทพพยากรณ์จะเป็นผีเสื้อ แต่นั่นก็ต้องเป็นเหตุ
      ร้ายแรงที่จะเปลี่ยนชะตาเท่านั้น ถ้าเรื่องนิดๆหน่อยๆจะไม่ค่อยเป็นไร แต่ที่
      สำคัญคือ ถ้าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร หลังจากกลายเป็นผีเสื้อแล้ว ถ้าผู้ที่ได้รับ
      คำบอกกล่าวนั้น เปลี่ยนดวงชะตาที่ควรจะเป็น ผีเสื้อนั้นจะตายทันที ไม่มีวันเอา
      กลับมาได้...มันขัดแย้งกันก็ตรงนี้ และนั่นก็เท่ากับว่าเทพพยากรณ์ที่บอกจะ
      ต้องเตรียมใจที่จะตายอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่บอก ”
      หลังจากบอกจบทุกคนต่างนิ่งเงียบและครุ่นคิด

      “ เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เราควรกังวลตอนนี้ ตอนนี้ที่ควรกังวลคือ เบ็ตตี้จะผ่าน
      เกณฑ์ของเทพพยากรณ์ประจำตระกูลมากแค่ไหน ไอ้ผ่านน่ะผ่านชัวร์ แต่ถ้า
      ผ่านมาก เราก็จะยิ่งได้คะแนนมาก ”
      “ แล้วเราจะทดสอบอะไรต่อก่อนล่ะอลิซ ”
      “ ไม่มีเวลาแล้ว หลังการทดสอบนี้จบก็คงต้องเตรียมตรวจสอบเลย ”
      “ แล้วจะเข้าทดสอบกับเทพพยากรณ์ประจำตระกูลเมื่อไหร่ล่ะ ”
      “ มะรืนนี้...เป็นวันหมดเขตวันสุดท้ายของการปรุงยาพอดี ” คำตอบที่ได้ทำเอา
      ทั้งโต๊ะนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่ามันจะกระชั้นชิดขนาดนี้

      ---***---***---***---***---

      “ ผลเป็นไงบ้างแซนดร้า ”
      “ ตรงหมดเลย แล้วทางเธอล่ะอลิซ ”
      “ เช่นกัน...( หันหน้าไปทางภูติที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ )...เบ็ตตี้ เธอสอบผ่าน
      พรุ่งนี้แซนดร้าจะพาเธอไปเข้าทดสอบจริง ทำให้ดีนะ...คงอีกซักหนึ่งอาทิตย์พวก
      เราจะไปรอฟังข่าวดีแล้วก็รับเธอกลับมา ” พูดแล้วเจ้าตัวก็ส่งยิ้มให้ภูติจิ๋วเป็น
      กำลังใจ

      ---***---***---***---***---

      “ อ่านๆไป พรุ่งนี้สอบแล้วอย่าบ่น ”
      “ เฮ้อ ถ้าไม่เห็นว่าสอบนะจะไม่แตะเลย ”
      “ แล้วถ้าไม่บังคับจะแตะงั้นสิ ” อีกฝ่ายแซว

      “ มันก็ไม่แน่...วันนี้เราก็อ่านที่จะสอบพรุ่งนี้ก่อนละกัน โชคดีนะที่สอบวันเว้น
      วัน ”
      “ แล้วก็สอบแค่ 2 วันด้วย...แต่เซ็งตรงที่ว่าตั้งแต่เปิดเทอมมาก็ไม่ได้แข่งซอคบ
      อลเลย เรียนแค่ทฤษฎี กับปฏิบัตินิดๆหน่อยๆ แถมย่อยจนไม่ต้องสอบปลาย
      ภาค ”
      “ ฉันว่าดีแล้ว เพราะเรียนไปก็แค่เป็นพื้นฐานและกีฬาสนุกๆ เล่นจริงเค้าเล่น
      กับบนสกู๊ตเตอร์ลอยฟ้านู่น แม้ตำแหน่งจะคล้ายๆของเดิม แต่ก็มีหลายอย่างที่
      เปลี่ยน ” อีกฝ่ายพูดแล้วหันไปอ่านหนังสือต่อทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะตั้งใจ

      วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากข่าวดีของการสอบผ่านของเบ็ตตี้ ที่
      กวาดคะแนนมาให้ได้ถึง 96 คะแนน ทุกคนก็ต้องมาเผชิญหน้ากับการสอบที่จะ
      ถึงในวันพรุ่งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็ต้องเตรียมที่อุดหูมาอุดกันเสียงบ่น
      ของทอม แล้วก็มีเซียที่โชคร้าย เพราะดันเซ่อลืมเอาที่อุดมาด้วย ส่วนคนอื่นๆที่
      ไม่ได้เข้าร่วมบทสนทนากำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านแล้วท่องจำ บ้างก็พึมพำออกมา
      เบาๆ

      วิชาหลายวิชาเป็นวิชาที่ต้องท่องจำ เช่น วิชาประวัติศาสตร์ และ ทฤษฎี
      เวทย์ ที่จะสอบในวันแรก ทั้งกลุ่มจึงเลือกติววิชานี้กันก่อน ส่วนคณิตศาสตร์นั้น
      มีผู้ช่ำชองในกลุ่มถึง 4 คนที่จะติวให้อยู่แล้ว ส่วนวิทย์ฯคนที่จะติวให้คงหนีไม่พ้น
      เอ๊ด เพราะเค้าเก่งที่สุดในวิชานี้

      ภาษาต่างๆตกเป็นหน้าที่ของอลิซและเซีย ที่เคยคว้าคะแนนของวิชานี้มา
      ได้มากที่สุด ส่วนประวัติศาสตร์ที่กำลังนั่งท่องกันนั้น หลังจากท่องเสร็จก็จะมี
      วิทยากรอย่างเช เอ๊ด เดรและวีนมานั่งติวให้อีกที ส่วนมารยาทนั้นก็ต้องวานอลิ
      ซเป็นผู้ตรวจสอบให้ขณะนั่งโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ติวในห้อง ซึ่งขณะนี้ได้มาถึงการ
      ติววิชานี้แล้ว ( วันแรกสอบกัน 6 วิชา – คาบเช้า 3 วิชา บ่าย 3 วิชา )

      ---***---***---***---***---

      “ ทอม! นั่งตัวตรงๆสิ... เซีย เธอจับช้อนไม่ถูก…แคต เค้าใช้มีดไม่ได้ใช้ช้อนกิน
      อันนั้น ” หลังจากเวลาผ่านไปก็ยังมีเรื่องให้อลิซต้องติอยู่เรื่อยๆไม่ขาดปาก

      การสอบมารยาทครั้งนี้จะเป็นมารยาทบนโต๊ะอาหาร การรับประทานอย่าง
      ถูกต้อง และจะมีอาหารต่างๆตามที่ได้เรียนมา และบัดนี้อาหารพวกนั้นก็อยู่บน
      โต๊ะที่อลิซจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

      “ นั่งนิ่งๆ หลังตรงๆนั่นแหละ จับช้อนให้ถูก ไม่ต้องกำแน่นขนาดนั้นหรอกเด
      รมีดมันไม่หายไปไหนหรอก …กำให้แน่นกว่านั้นหน่อยแคต เดี๋ยวมันก็กระเด็น
      ไปถูกคนข้างๆหรอก เอาแล้วไง ” พูดแล้วส่ายหน้าระอา เพราะมีดในมือแคตก
      ระเด็นไปอยู่บนกระโปรงวีน

      20 นาทีผ่านไป

      “ ทอม เราต้องสอบชั่วโมงนึงนะ ไม่ใช่ 30 นาที นั่งนิ่งๆ อดทนเข้าไว้ ฉันเมื่อยจะ
      ตายยังไม่นั่งเลย...เช อันนั้นข้าวต้มไม่ใช่ซุป นายใช้ช้อนผิดคัน ...วีน อย่าทำ
      หน้าบูดอย่างนั้นสิ แคตขอโทษแล้วนี่ อีกอย่างที่อยากจะบอกไว้คือ บนโต๊ะอาหาร
      ไม่ว่าแค้นใคร โกรธใครมา หรือว่าเกลียดพยายามอย่าแสดงออก แล้วก็ถ้าเป็น
      การสอบเค้าจะไม่พูดคุยกันมาก แต่บนโต๊ะของพวกกษัตริย์จริงๆจะมีพูดคุยกัน
      บ้าง ”

      ที่อลิซอธิบายได้อย่างดี เพราะเธอร่วมโต๊ะกับบรรดากษัตริย์บ่อยมาก พ่อ
      ของเธอแบ่งหน้าที่ลูกๆทั้ง 3 เอาไว้ เฟิร์ซต้องเรียนการปกครอง ฝึกจิต เรียนรู้
      การป้องกันตัวอย่างเข้มข้น เบล – ดูแลงานเลี้ยงต่างๆในวัง ดูงานทุกอย่างและ
      ลงมือช่วยเท่าที่ทำได้ คอบควบคุมงาน ส่วนอลิซนั้นมีหน้าที่ออกงานกับพ่อและ
      คอยช่วยเหลือพี่เบลบ้าง ดังนั้นในบรรดาพี่น้องทั้งหมด อลิซคือคนที่ออกงานบ่อย
      ที่สุด จึงเป็นธรรมดาที่จะถูกฝึกมารยาทเป็นพิเศษ และซึมซับมา

      หลังจากผ่านไปได้เกือบชั่วโมงทั้งหมดก็นั่งตัวแข็งทื่อไปตามๆกัน เพราะ
      ไม่สามารถนั่งหลังงอได้ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกอลิซว่าเอา แต่ก็มีอยู่บ้างที่แอบนั่ง
      หลังงอ ไม่ก็สะบัดขากับแขน แต่ก็ไม่สามารถที่จะหลบพ้นสายตาของอลิซไปได้
      แต่หลังจากเวลาสผ่านไปอลิซก็เริ่มใจอ่อน

      “ เอาเถอะ ไหนๆก็จะครบชั่วโมงแล้ว พักก็ได้ ” ตามมาด้วยเสียงไชโยโห่ร้อง
      จากทุกคนที่หันมานั่งบนพื้นแทน ส่วนอลิซก็ต้องช่วยแซะเซียที่ขยับไม่ได้เพราะ
      แข็งทื่อคาเก้าอี้ และเอ๊ดก็ต้องช่วยแบกทอมลงมา ส่วนแคตนั้นก็ยังพยายามลาก
      ตัวเองลงมาได้แม้สภาพจะทุลักทุเลก็ตามที

      “ เราติวประวัติ ทฤษฎี มารยาทแล้ว ก็เหลือวิทย์ คณิต แล้วก็ ภาษา ...ติววิทย์
      ก่อนละกันนะ ” เพื่อนๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย เพราะรู้ว่าอลิซเองก็เหนื่อยไม่แพ้
      กัน ถ้าให้เธอติววิชาอื่นให้ต่ออีกคงไม่ไหว

      หลังจากการติววิทย์จบไปด้วยความเข้าใจของทุกฝ่าย ซึ่งกว่าจะเข้าใจได้ก็
      เสียเวลาอธิบายไปโข แต่หลังจากนี้วิชาภาษาเป็นหน้าที่ของอลิซและเซีย เอ๊ดที่
      ได้อยู่แล้วจึงขอตัวไปนอนพักผ่อนชั่วคราวที่โซฟา ( แน่นอนว่าสาวๆไม่ยอมให้
      ไปนอนบนเตียงของพวกเธอ จะก้าวเข้าห้องนอนยังแทบไม่ได้เลย )

      และแล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงวิชาสุดท้ายที่จับกันเป็นคู่ๆ และติวให้กันนั่น
      คือ วิชาคณิตศาสตร์ อลิซติวให้แคต เอ๊ดติวให้ทอม วีนติวให้เดร ส่วนเชนั้นติว
      ให้เซีย เซียกับเดรก็พอได้วิชานี้อยู่บ้าง ทำให้ทั้งคู่สบาย ส่วนแคตกับอลิซเจอ
      งานหนักอย่างไม่ต้องพูดถึง อลิซสบายกว่าหน่อยเพราะแคตเก่งกว่าทอม แม้จะ
      เล็กน้อยก็ตามที

      ......และแล้วเวลาแห่งการติวก็หมดลง ทุกคนลงไปรับประทานอาหารเย็น
      แล้วกลับไปที่ห้องตัวเองอย่างเหนื่อยล้า และต่างก็หลับไปตามๆกันเมื่อหัวถึง
      หมอน และเตรียมใจสำหรับวันสอบ วันพรุ่งนี้......
      ----------------------------------------------------

      บทที่ 23 การสอบ…ผลรางวัลดีเด่นและพันธสัญญาแห่งเวทย์

      “ ตายแล้ว! ”
      “ อะไร ...ใครตายหรออลิซ... ” น้ำเสียงงัวเงียถามขึ้น เธอกำลังหลับฝัน
      หวานอย่างเป็นสุข ฝันว่าได้คะแนนเต็มในการสอบทุกวิชา แต่แล้วเสียงของอลิ
      ซก็ปลุกทุกๆคน ทำเอาตื่นจากฝันหวาน ท่าทางของอลิซดูตกใจมาก

      “ ไม่เห็นมีเลย…อลิซ นี่มันตี 2 แล้วนะ เล่นอะไรอีก ”
      “ เราลืมซ้อมวิชาสังคม ” เท่านั้นแหละเพื่อนๆทำหน้าตาจะกินเลือดกินเนื้อเธอ
      ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่อลิซพูดมา แต่เพราะ...
      “ สังคมมันไม่มีสอบ! ”
      “ เอ่อ...โทษทีลืมไปว่ามันเก็บคะแนนหมดแล้วนี่...ขอโทษนะ ฉันคงเบลอไป
      หน่อย นอนต่อเถอะ แหม...ก็...เอ่อ...อย่าทำตาอย่างนั้นสิวีน เดี๋ยวไม่สวยนะ...
      ราตรีสวัสดิ์ ” อลิซพูดจบก็รีบนอนทันทีเอาผ้าห่มคลุม วีนหลุบตาลงซักพักแล้วก็
      นอนต่อ

      แคตได้แต่ถอนหายใจปลง เพราะจะสอบทีไรก่อนสอบอลิซมักจะเบลอๆ
      อย่างนี้ทุกทีจนทั้งคู่อดขำไม่ได้ แม้จะอารมณ์เสียนิดหน่อยก็เหอะ ส่วนวีนแม้จะรู้
      แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้เพราะอลิซทำให้เธอตื่นจากฝันหวาน ส่วนเซียนั้นไม่ต้อง
      พูดถึง เพราะเสียงร้องตกใจของอลิซยามค่ำคืนก่อนสอบ ไม่ได้กระทบกระเทือน
      โสตประสาท เธอจึงไม่ได้ตื่นขึ้นมาอยู่ในเหตุการณ์

      ---***---***---***---***---

      “ อารูนซาหวาด ”
      “ อรุณสวัสดิ์อลิซ ทำไมน้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย ”

      “ ก็กังวลมากไปหน่อย ชั่งเถอะ รีบกินดีกว่าจะได้มีเวลานั่งอ่านทบทวน ” อลิซตบ
      แก้มตัวเองเบาๆ สองสามทีเพื่อให้ตื่นตัวยิ่งขึ้น จากนั้นก็ลงมือกินอาหารอย่าง
      รวดเร็ว ( แต่ยังคงไว้ซึ่งมารยาท ) ทำให้เพื่อนๆร่วมโต๊ะเริ่มคิดว่าเจ้าหญิงแห่ง
      พิษคงเจอพิษการสอบเข้าอย่างจัง

      “ มองอารายกาน ”
      “ คนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกร้องตกใจทำให้คนอื่นตื่น ” วีนแขวะเข้าให้ อารมณ์หงุด
      หงิดของเธอหายไปแล้วแต่ก็อดที่จะแซวไม่ได้
      “ ขอโทษทีค่ะ เมื่อคืนนี้หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะป้า ยกโทษให้หนูด้วย…( ลดลงเป็น
      เสียงกระซิบให้วีนได้ยินคนเดียว ) ...ปิดปากให้เงียบเชียวนะ… ”

      “ คือว่าทุกคน เมื่อคืนนี้… ” มือของอลิซละจากหนังสือยื่นมาประกบปิดปากวี
      นทันควัน
      “ อลิซตื่นมาตอนตี 2 ร้องตกใจว่ายังไม่ได้ซ้อมสังคม ทั้งที่มันไม่สอบ ” แคตเป็น
      ผู้ช่วยสานปณิธานต่อ ผู้ฟังต่างเบือนหน้าไปคนละทาง กลั้นหัวเราะสุดขีด บ้างก็
      ปล่อยให้ได้ยินแว่วๆมา ทำเอาอลิซหน้าแดง

      “ จำไว้เลยนะ ”
      “ เอ๊ะ!วีน เมื่อกี๊ฉันพูดอะไรออกไปหรอ ” ทำหน้าใสซื่อแล้วหันไปถามวีนที่ตีหน้า
      ซื่อ ( ที่อลิซเติมต่อว่าน่าตบ ) ได้พอๆกัน
      “ ไม่เห็นมีอะไรเลยแคต อย่าไปสนใจเลย กินต่อดีกว่า ” ทั้งคู่ทำเป็นไม่สนใจ
      สายตาของอลิซ ( เพราะเสียงหัวเราะของเพื่อนๆยังไม่หยุด และละครสดที่พวก
      เธอพึ่งเล่นไปยิ่งไปกระตุ้นให้มันดังกว่าเดิม ) แต่จริงๆก็รู้สึกหนาวๆร้อนๆอยู่
      เหมือนกัน พวกเธอจะถูกอลิซ ( ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์+มนิดๆ )
      วางยามั๊ยเนี่ย?

      ---***---***---***---***---

      การสอบวิชาแรก วิชาประวัติศาสตร์ผ่านพ้นไป ทุกคนทยอยออกมาจาก
      ห้องสอบ และคนเดียวในกลุ่มที่ออกมาแล้วทำหน้าซีด มีเพียงคนเดียว นั่นคืออลิ


      “ เป็นไงบ้างอลิซ ”
      “ ก็พอได้ แล้วพวกเธอล่ะ ”
      “ ก็ดี...อลิซ...อย่าทำหน้าซีดอย่างนั้นสิ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นซักหน่อย ” วีนบอก
      ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
      “ ก็ใช่...แต่... ”
      “ ตอนปีสองเธอก็ทำหน้าอย่างนี้แหละ แล้วผลปรากฏออกมา กลายเป็นว่าได้
      ท็อป เพราะฉะนั้นคราวนี้ก็อย่าตีตนไปก่อนไข้สิ ”

      “ ก็ตอนปี 2 มันสอบเรื่องมัลเลนนี่นา แล้วฉันต้องท่องจำให้ได้ตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว
      แต่คราวนี้สิ สอบเรื่องเควชอส ยิ่งจำไม่ค่อยได้อยู่ด้วย เฮ้อ...ทำไมไม่โชคดี
      เหมือนเจ้าชายแห่งเควชอสบ้างน้า ประวัติอะไรไม่รู้ แค่ภูมิอากาศข้อมูลของ
      เควชอสก็ปาเข้าไป 1 หน้ากระดาษเต็มๆ ” เธอบ่นออกมา

      เดรยิ้มแหยๆ เพราะถึงเป็นเมืองของตัวเองแต่ไม่เคยถูกบังคับให้ศึกษา
      เมืองตัวเองมากเท่าไหร่ทำให้ไม่ถือเป็นโชคดีซะทีเดียว และแน่นอนว่าอลิซคิด
      ว่าเดรที่เป็นเจ้าชายแห่งเควชอสย่อมทำได้ดีกว่าเธอที่เป็นเจ้าหญิงแห่งมัล
      เลนอยู่แล้ว เพราะเธอไม่รู้ว่าเดรจะไม่โดนบังคับอย่างเอ เนื่องจากแต่ละเมือง
      นั้นก็แตกต่างกันไปอยู่แล้ว

      “ ขอขัดนิดนะอลิซ เค้าให้บรรทัดในการตอบเรื่องของภูมิอากาศหนึ่งหน้า
      กระดาษ ภูมิศาสตร์หนึ่งหน้ากระดาษ แล้วเธอเขียนไปเท่าไหร่ถึงได้มายืน
      กลุ้ม ” เอ๊ดถามทั้งที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะอลิซนั่งข้างๆเอ๊ด แล้วเวลาเก็บ
      ข้อสอบก็พอจะสังเกตได้ว่าตอบมากน้อยเท่าไหร่ ( สังเกตคร่าวๆว่าใช้เนื้อที่ตอบ
      เท่าไหร่นะ ไม่ใช่ลอกข้อสอบ คนอย่างเอ๊ดไม่ลอกอยู่แล้ว อย่าเข้าใจผิด )

      “ เอ่อ...ก็...แหะๆ...คือ... ”
      “ ตอบมาซักทีสิอลิซ ”
      “ ทุกบรรทัดที่เค้าให้มาแล้วก็เกินมานิดหน่อยด้วย ” ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
      แต่เพื่อนๆที่ตั้งใจฟังนั้นได้ยินกันอย่างทั่วถึงทำเอาคนอื่นๆช็อคค้างไปตามๆกัน
      เนี่ยนะที่เจ้าตัวบอกว่าไม่มั่นใจ สงสัยที่หน้าซีดคงเป็นเพราะเมื่อยมือซะ
      มากกว่า ( มันเกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย? )

      “ ชั่งมันเถอะ อย่าสนใจฉันเลย ยังไงมันก็ยังมีการกากบาทอีก ไม่รู้จะได้เท่า
      ไหร่... ไปอ่านเตรียมวิชาต่อไปดีกว่า เรายังมีเวลาเหลืออยู่ ”

      ---***---***---***---***---

      การสอบดำเนินผ่านไป ในการทำข้อสอบอลิซตรวจทานรอบสองรอบแล้วก็
      ใช้เวลาที่เหลือทำเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นคือ...หลับ

      ในวิชาทฤษฎีเวทย์ อลิซออกมาจากห้องสอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็ลง
      ไปพัก แล้วขึ้นมาสอบวิชาคณิตพร้อมกับเพื่อนๆ ระหว่างที่พักเธอติวให้เพื่อนจน
      ถึงนาทีสุดท้าย

      หลังจากการสอบวิชาคณิต อลิซออกมาจากห้องสอบด้วยสีหน้าระรื่น มีรอย
      ยิ้มหวานๆประดับอยู่บนดวงหน้า ในขณะที่แคตกับทอมเป็นฝ่ายหน้าซีดออกมา
      บ้าง แล้วทั้งหมดก็ไปพักรับประทานอาหารเที่ยง หลังจากนั้นก็มาลุยกับข้อสอบ
      ช่วงบ่ายต่อ

      การสอบวิชาวิทยาศาสตร์เป็นการคิดวิเคราะห์จากที่ได้เรียนมา มีการให้
      นักเรียนออกแบบการทดลอง ทดสอบทฤษฎี แล้วก็ให้ตอบคำถามอีกมากมาย
      สรุปว่าเป็นแบบกากบาท 24 ข้อ และแบบเติมอีก 2 หน้ากระดาษกว่าๆ เล่นเอา
      มือหงิกอีกรอบหลังจากทำข้อสอบตอนเช้า

      ในชั่วโมงภาษา เมื่อเห็นข้อสอบแล้วก็อึ้ง ( มันอะไรกันวะเนี่ย ) ทึ่ง ( ใคร
      ทำได้เต็มก็โคตรเก่ง + ครูแกคิดได้ไงเนี่ย ) เสียว ( จาตกมั๊ยว้า ) เซียกับเอ๊ด (
      ไอ้หมอนี่มันเก่งเกือบทุกวิชา – น่าหมั่นไส้เล็กน้อย ) นั้นทำหน้าเฉยๆ ส่วนอลิ
      ซนั้นเห็นข้อสอบก็ยิ้มร่า ตั้งหน้าตั้งตาทำ แล้วตรงที่มีเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษให้
      อ่าน เธอก็อ่านไปหัวเราะไป ไม่สนใจสายตาคนที่มองมาอย่างอิจฉา เพราะแปล
      ไม่ค่อยจะออก วิชานี้หลายๆคนต้องใช้ Verb to เดา

      ชั่วโมงการสอบครั้งสุดท้ายของวันคือมารยาท ซึ่งสอบที่ห้องรับประทาน
      อาหาร ( ตารางสอบแต่ละห้องไม่เหมือนกัน ) สอบในช่วงรับประทานอาหารเย็น
      พอดีครูมาเดินตรวจและให้คะแนน อาหารทุกอย่างแบบที่อลิซติวให้เพื่อนๆถูก
      จัดขึ้นโต๊ะ เวลาผ่านไป หลายๆคนถูกหักคะแนนไปไม่น้อย


      บ้างก็ถูกหักคะแนนเพราะทำยุกยิกๆ บ้างก็เป็นเพราะแอบสะบัดแขน
      สะบัดขาแล้วไม่พ้นสายตาครู หลากหลายสาเหตุกันไป ส่วนอลิซกับวีนนั้นก็ยังนั้ง
      ตามสบาย แถมมีแอบยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่มุมปากนิดๆ ส่วนเอ๊ด และ เช สีหน้า
      เรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆได้อย่างน่าทึ่งในสายตาของผู้ที่บัดนี้ขาได้ถูกเหน็บ
      รับประทานไปเรียบร้อยตั้งแต่ครึ่งชัวโมงก่อนแล้ว

      ---***---***---***---***---

      “ เย้! พรุ่งนี้จะได้พักแล้ว ” เซียร้องออกมาอย่างเบิกบาน ในขณะที่กำลังจะขึ้นไป
      พักผ่อนบนห้องให้สมกับที่รอคอย แล้ว้มื่อมาถึงที่ประตูห้องทั้งหมดก็ต้องหยุด
      ชะงักแล้วแข็งทื่อไปตามๆกันเมื่ออ่านประกาสที่ติดอยู่

      “ อะไรกัน เลื่อนเป็นสอบพรุ่งนี้! นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย! ” คาดว่าทุกๆคนที่ยืนอยู่
      หน้าประตูห้องนั้นต่างชาวาบไปตามๆกัน

      “ รีบๆเข้าห้องเลย ด่วนที่สุด ถ้าไม่รีบซ้อม มีหวัง...สอบตกแหง ” อลิซเตือนสติ
      แล้วผลักดันให้เพื่อนๆเข้าไปในห้อง

      เนื่องจากในการสอบที่เหลือล้วนมีแต่การปฏิบัติจึงมีเสียงฝึกซ้อมโครม
      ครามดังมาเป็นระยะๆจากทั้งโรงเรียน กว่าเสียงจะหมดไปก็เป็นเวลาเที่ยงคืน...
      ( ทุกชั้นได้รับแจ้งเลื่อนสอบกะทันหัน มีข่าวแว่วมาว่าเป็นแผนของ ผอ.ที่จะ
      แกล้งนักเรียน )


      ---***---***---***---***---

      การสอบในวันที่สองจะเป็นการปฏิบัติ สอบวิชาคาถา ดนตรี พยากรณ์ การ
      ต่อสู้ฯ ศิลปะ ชมรม

      วิชาคาถานั้นให้ปฏิบัติตามที่ผู้คุมสอบสั่ง นักเรียนต้องเข้าไปในห้องสอบที
      ละ 2 คน วิชาดนตรีนั้นให้เวลาสอบแค่ครึ่งชั่วโมงจากนั้นก็สอบต่อทันทีด้วยวิชา
      พยากรณ์ซึ่งมีเวลาให้หนึ่งชั่วโมงสำหรับการสอบนักเรียนทั้งชั้น การต่อสู้นั้นให้
      ลองจับคู่แล้วต่อสู้ด้วยคาถาง่ายๆเล็กๆน้อยๆ ส่วนศิลปะโชคดีที่แค่ทวนคะแนน
      แล้วก็จบ ไม่มีการสอบใดๆ

      ช่วงบ่ายตกเป็นการสอบของชมรม ชั่วโมงแรกชมรม 1 ถัดจากนั้นก็ชมรม
      ที่ 2 และ 3 ให้เวลาสอบชมรมละ 1 ชม.

      ชมรมการเต้นรำนั้นเปิดเพลงแล้วให้นักเรียนเดากันเอาเองว่าเพลังนั้น
      เป็นจังหวะอะไร จะมีครูที่นั่งคอยให้คะแนนอยู่ ส่วนชมรมฟันดาบก็ให้รุ่นพี่ที่ฝึก
      สู้กับรุ่นน้องแล้วมารายงานผลว่าคู่ไหนชนะ แน่นอนว่าส่วนมากรุ่นพี่ที่ฝึกมา
      หลายปี และมีความชำนาญมากกว่าย่อมคว้าชัยชนะไป หลังจากรายงานผลแล้ว
      เนื่องจากผลออกมาไวมากเวลาที่เหลือจึงให้ผู้ชนะมาสู้กันและให้เหลือเพียงหนึ่ง
      เดียว


      ชมรมการต่อสู้นั้นให้รุ่นพี่รุ่นน้องใช้เวทย์สู้กัน ซึ่งไม่มีเวลาเหลือเลย แต่
      เนื่องจากทุกชมรมต้องหาคนเก่งที่สุดรับรางวัลให้ได้ และเป็นชั่วโมงสุดท้ายพอดี
      ของผู้ที่ลงเป็นชมรม 3 จึงยืดระยะเวลาออกไปจนได้ผู้ชนะ ( ชมรมการเต้นรำใช้
      การรวมคะแนน )

      ...................และแล้วการสอบของเทอมนี้ก็สิ้นสุด
      ลง...................

      ---***---***---***---***---

      “ ณ บัดนี้จะเป็นการประกาศผลดีเยี่ยมของแต่ละชมรมและวิชาต่างๆของนัก
      เรียนในแต่ละสายชั้น ” เสียงประกาศท่ามกลางการลุ้นระทึกของนักเรียนทุก
      คน และเปิดปฐมฤกษ์ด้วยการประกาศผลชมรม

      “ ชมรมเทดวันโด้ ได้แก่...เบลล่า ครูเว่น ” เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมๆกับที่
      เบลออกไปรับถ้วยรางวัลอย่างหน้าชื่นตาบาน หลังจากนั้นก็มีการปรกาศไป
      เรื่อยๆ จนถึง 3 ชมรมสุดท้ายพอดี 3 ชมรมที่พวกอลิซลง

      “ ชมรมฟันดาบปีนี้ คือ... อลิซซิน่า ครูเว่น ” เสียงปรบมือดังกึกก้อง อลิซขึ้นไป
      รับถ้วยรางวัลอย่างภาคภูมิใจ แล้วกลับมาประจำที่ โดยที่รอยยิ้มนั้นยังไม่จางหาย

      “ ชมรมการต่อสู้ฯ คือ...อลิซซิน่า ครูเว่น ”
      “ และชมรมสุดท้าย ชมรมการเต้นรำ ได้แก่ อลิซซิน่า ครูเว่น และ เอดิสันคิว
      เบิร์ต ” หลังจากรับถ้วยแล้วทั้งคู่ก็กลับมาประจำที่ ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มด้วยความภาคภูมิ
      ใจ แต่ก็ยังมีสัญญาที่แข่งกันไว้ ( ทั้งกลุ่มแข่งกันว่าใครได้ถ้วยรางวัลมากที่สุด )
      ตอนนี้อลิซชนะอยู่ก็จริง แต่ทางวิชาการเอ๊ดอาจจะพลิกมาชนะก็ได้ ทุกคนใน
      กลุ่มต่างก็ลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อ

      การประกาศผลของปี 1 และ ปี 2 ผ่านไป แล้วในที่สุดก็มาถึง...ปี 3

      “ วิชาประวัติศาสตร์ คือ ...เดวิช ชิลเลคเกอร์ ” เชขึ้นไปรับถ้วยรางวัลและกลับ
      มาประจำที่
      “ วิชาทฤษฎีเวทย์ คือ...วีนัส คัดสรร ” คราวนี้เป็นของวีน
      “ วิชาคณิตศาสตร์ คือ...อลิซซิน่า ครูเว่น ” อลิซกลับมาแล้วต้องฝากเพื่อนๆช่วย
      ถือถ้วย
      “ วิชาวิทยาศาสตร์ คือ…เอดิสัน คิวเบิร์ต ”
      “ วิชาภาษา คือ...อลิซเซีย เวคเตอร์ ”
      “ วิชามารยาท คือ...อลิซซิน่า ครูเว่น ”

      “ วิชาคาถา คือ...อลิซซิน่า ครูเว่น ”
      “ วิชาดนตรี คือ...แมนดี้ คอสโม ” ในที่สุดกลุ่มนี้ก็เปิดโอกาสให้คนอื่นได้บ้าง
      แมนดี้มาจากห้อง 2 เป็นเจ้าหญิงเมืองมิลันวา เมืองแห่งดนตรี จึงไม่แปลกที่เธอ
      จะสามารถคว้ารางวัลมาได้

      “ วิชาพยากรณ์ คือ...โทมัส เกรวิลด์ ” รางวัลนี้เป็นของทอม
      “ วิชาศิลปะ คือ...อลิซเซีย เวคเตอร์ ”
      “ วิชาสัตว์ฯ คือ...เอดิสัน คิวเบิร์ต ”
      “ วิชาโฮมรูม คือ...เดรโก เอดิโคลัส ”

      “ วิชาสังคม คือ...อลิซซิน่า ครูเว่น ” อลิซดีใจมากเป็นพิเศษ เพราะปีนี้เป็นปี
      แรกที่ได้วิชานี้ และปีนี้มีครูที่ไม่ค่อยชอบเธออยู่แล้วจึงไม่คิดว่าจะได้

      “ สุดท้าย... ถ้วยรางวัลพิเศษสำหรับการแข่งขันที่ผ่านมาของปี 3 ด้าน
      คอมพิวเตอร์ ผู้ที่คว้ารางวัลนี้ได้แก่...แคร์ตี้ วิล ” ในที่สุดแคตก็ได้ สรุปว่ากลุ่มนี้
      ได้ครบกันทุกคน

      หลังจากนั้นก็มีการประกาศผู้ที่ได้รางวัลมากที่สุด นั่นคือ...อลิซซิน่า ครูเว่น ซึ่ง
      ได้ถ้วยใบนี้เพิ่มอีกถ้วย

      ผลสรุปของกลุ่มที่เป็นที่อิจฉาในขณะนี้คือ

      อลิซ – 8 รางวัล – ชมรมฟันดาบ + ชมรมการต่อสู้ + ชมรมเต้นรำ +
      คณิตศาสตร์ + มารยาท
      + คาถา + สังคม + รางวัลที่ได้ถ้วยรางวัลมากที่สุด
      เอ๊ด – 3 รางวัล – ชมรมเต้นรำ + วิทยาศาสตร์ + สัตว์วิเศษและสัตว์ทั่วไป
      วีน – 1 รางวัล - ทฤษฎีเวทย์
      เดร – 1 รางวัล – โฮมรูม( กิจกรรม )
      เช – 1 รางวัล – ประวัติศาสตร์
      แคต – 1 รางวัล – คอมฯ
      เซีย – 2 รางวัล – ภาษา + ศิลปะ
      ทอม – 1 รางวัล – พยากรณ์

      ---***---***---***---***---

      “ เย้! ในที่สุดก็ปิดเทอมแล้ว ทีนี้ก็จะได้เที่ยวซักที ”
      “ อย่าพึ่งดีใจไปเลยเซีย…ทุกคนก็ด้วย…ฉันชนะ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมเงื่อนไข
      ทำตามคำสั่งคนละ 2 ข้อ… ” พูดแล้วเธอก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วก็นั่งนึก ส่วน
      เพื่อนๆก็ได้แต่เสียวสันหลังวาบและกังวล เอ๊ดจึงคิดแผนการแล้วรวมพล

      “ เอาตามนี้นะ อย่างน้อยก็ทำลายได้คำสั่งนึงล่ะ คำสั่งอื่นค่อยคิด ”
      “ โอเค ” ทุกคนตอบพร้อมกัน แล้วก็เดินแยกย้ายหนีจากอลิซที่พึ่งหลุดจาก
      ความคิดไปคนละทาง

      “ จะไปไหนกันน่ะ หยุดนะ! ” แล้วเธอก็รู้ว่าเสียท่าวะแล้ว เพราะเธอพึ่งใช้คำสั่ง
      ออกไป อย่างที่มันไม่คุ้มเลย เธอตวัดสายตาไปที่เอ๊ดที่ยิ้มให้อย่างกวนๆทันที ก็
      ใครล่ะจะคิด ถ้าไม่ใช่เอ๊ด

      “ โอ๊โอ๋…อลิซ เธอใช้คำสั่งไปแล้วนะ ”
      “ นายคิดจริงๆด้วยสินะ ” พูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่รู้ตัวยังหน้าบึ้ง
      อยู่เลยทำให้เอ๊ดและทุกๆคนเริ่มใจคอไม่ดี

      “ ฉันใช้ไปแค่ข้อเดียว อีกข้อคิดได้แล้ว…เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะ อ้อ! แล้วก็
      อย่าคิดหนีนะ คำสั่งแรกมันยังอยู่…ที่จริงคำสั่งนั่นน่ะ ฉันสามารถครอบคุมไปถึง
      การหายใจได้รู้รึเปล่า แต่ฉันยังไม่อยากให้ตายก่อนที่จะได้สั่งข้อสองหรอกนะ…
      โดยเฉพาะคนต้นคิด…” อลิซยิ้มเจ้าเล่ห์น้ำเสียงมนิดๆ ทำเอาคนต้นคิดสะดุ้ง
      เฮือก แล้วเสียวสันหลังวาบๆ ส่วนเพื่อนๆก็ได้แต่มองหน้ากัน ไม่กล้าขยับไป
      ไหน ทุกคนเซ็นต์สัญญาการแข่งขันแล้ว จึงจำเป็นต้องทำตาม ด้วยพันธสัญญา
      แห่งเวทย์ที่คอยบังคับอยู่ ถ้าไม่ลงสัญญาไว้ล่ะก็ คาดว่าป่านนี้คงวิ่งหนีกันอย่าง
      เร็วที่สุดไปแล้ว

      “ ขอบคุณนะเอ๊ดสำหรับความคิดอันเยี่ยมยอด ดีเหมือนกันจะได้อยู่รอรับคำสั่ง
      อ้อ มีเวลาให้ 2 วัน…เพราะหลังจากนั้นก็จะปิดเทอม…เอาอันไหนดีน๊า…ขอเลือก
      ก่อนละกัน ” พูดแล้วยิ้มอย่างมีชัย เธอกำลังพลิกหนังสือเล่มนึงอยู่ ซึ่งเพื่อนๆไม่
      อยากจะเดาเลย…

      “ ได้แล้ว…ฉันจะให้แต่ละคนไปเอาอุปกรณ์ปรุงยา…แหม…ไม่ต้องเหงื่อตกกัน
      หรอก มันไม่ยากขนาดนั้น ฉันคงไม่ส่งเพื่อนไปตายหรอกจริงมั๊ย…โดยเฉพาะ
      นาย เอ๊ด ของนายน่ะง่ายแสนง่าย… ” คำพูดที่ไม่ทำให้เบาใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อ
      แววตานั้นไม่ส่อแววล้อเล่นอย่างที่เคย…บัดนี้ชีวิตของทุกคนตกอยู่ในกำมือของ
      เจ้าหญิงแห่งมัลเลนเสียแล้ว…

      ------------------------------------------------------------

      บทที่ 24 ลางร้าย...เหตุการณ์ไม่คาดฝัน!

      4 ปีได้ผ่านพ้นไปแล้วนับจากวันที่เสี่ยงตายของบรรดาเพื่อนๆของอลิซ
      และแล้วทุกคนก็รอดมาได้ บ้างก็แทบจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งกับคำสั่งที่เจ้าตัวว่า
      ง่ายแสนง่ายโดยเฉพาะคนต้นคิดที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดกับภารกิจที่คนสั่ง
      การันตีเองว่าง่ายที่สุด

      อลิซตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เพราะ…ฝันร้าย ฝันที่เธอไม่อยากจะให้เกิด ใน
      วันที่อากาศดีน่านอนเช่นนี้ และ ในทุกๆวัน วันนี้เธอและเพื่อนๆที่รอดชีวิตกัน
      ทุกคนนัดที่จะไปเที่ยวกัน ในปีนี้วีนและเอ๊ดต่างก็ขอพ่อของตนมาเชื่อมสัมพันธ
      ไมตรีกับมัลเลน ทำให้โอกาสดีเช่นนี้เกิดขึ้น

      อลิซจัดการธุระเสร็จก็ลงไปข้างล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้าร่วมกันทุกๆ
      คนที่นั่งรออยู่แล้ว นี่ถ้าไม่มีฝันร้ายเข้ามาในโสตประสาทล่ะก็…ทุกคนคงได้รอ
      เธอจนหลับคาโต๊ะกันไปข้างนึง เพราะเมื่อคืน อลิซนอนดึกเพราะมัวคุยกับ
      เพื่อนๆ วันนี้เธอก็น่าจะตื่นสาย แต่ผิดคาด เธอตื่นเช้า แต่ทุกคนดันตื่นเช้ากว่า
      เธอ

      “ อรุณสวัสดิ์จ้ะ ทำไมวันนี้ถึงได้ตื่นเช้ากันล่ะเนี่ย ”
      “ ก็แต่ละคนฝันร้ายน่ะสิ…แต่จะว่าไป ชั่วชีวิตนี้ใครจะลืมลงล่ะว่า วันนี้เมื่อ 4 ปีที่
      แล้วเกือบจะต้องเอาชีวิตไปทิ้ง ปีที่แล้วๆมาที่เธอชนะก็เหมือนกัน… ” เอ๊ดเป็น
      คนตอบเนื่องจากเค้าถามมาแล้วทุกคนถึงสาเหตุการตื่นเช้าทั้งที่นอนดึกขนาด
      นั้นไม่น่าจะตื่นเร็ว แต่คนพูดก็สังเกตเห็นว่าเมื่ออลิซฟังจบก็หน้าซีด

      “ เป็นอะไรรึเปล่าอลิซ…ฉันแค่ล้อเล่น อย่าซีเรียสสิไม่มีใครว่าเธอหรอก…เฮ้! อลิ
      ซ อลิซ! ”
      “ ห๊ะ! ขอโทษที เมื่อกี๊ว่าอะไรนะ ”
      “ เป็นอะไรรึเปล่า ” เพื่อนๆถามอย่างเป็นห่วง
      “ เปล่าๆ แค่คิดว่ามันแปลก… ”

      “ แปลกอะไร! ” ทุกคนถามขึ้นพร้อมกัน
      “ ก็…พวกเธอทุกคนตื่นเพราะฝันร้าย ฉันเองก็… ”
      “ อย่าบอกนะว่าเธอก็ด้วย ” อลิซพยักหน้าเป็นคำตอบ
      “ ชักมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วสิ… ”

      “ ชั่งมันเถอะน่า กินกันดีกว่า ” เซียผู้ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรลงมือกินเป็นคน
      แรก เธอถือคติ ‘อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’ หรือพูดง่ายๆตามประสาเซียคือ ‘อะไรจะ
      เกิดก็ชั่งมันเถอะ’

      ทุกคนเริ่มลงมือจัดการกับอาหารเช้าของตนและครุ่นคิดไปด้วย แล้วก็
      ตัดสินใจกันอย่างเงียบๆว่าจะปลงให้ได้เหมือนเซีย

      ---***---***---***---***---

      หน้าที่ในการนำเที่ยวครั้งนี้ตกเป็นของอลิซ ที่ในวันนี้ไม่มีคิวออกเยี่ยม
      ประชาชน ( ที่มัลเลนเจ้าหญิงเจ้าชายทั้งหลาย รวมทั้งกษัตริย์และพระราชินี จะมี
      การตรวจเยี่ยมประชาชนในเมืองหลวงทุกวันอังคารและเสาร์ แต่ละคนจะแบ่ง
      สายกันเยี่ยม ของอลิซอยู่ใกล้ที่สุด เพราะ…เธอเป็นลูกคนสุดท้องและเป็นน้อง
      ของพี่ๆที่ต้องเสียสละ )

      เธอพาทุกคนนั่งรถม้าคันใหญ่ที่จุคนได้ถึง 10 คนออกเที่ยวไปตามสถานที่
      ดังๆในเมืองที่บางคนยังไม่เคยเที่ยว ทั้ง 8 ลงมติกัน และที่แรกที่ตกลงกันว่าจะ
      ไป คือสวนสนุกในเมือง ถึงแม้จะสู้สวนสนุกที่เคยไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วไม่ได้ แต่
      สวนสนุกของมัลเลนก็จัดว่าติดอันดับ 1 ใน 5 เลยทีเดียว และแน่นอนว่าสาวๆคง
      ไม่อยากจะเข้าบ้านผีสิงอีกแน่…

      รถม้าพามาถึงสวนสนุกที่อยู่ไม่ห่างไกลจากคฤหาสน์ ( ที่ควรจะเรียกว่า
      พระราชวัง ) ครูเว่นนัก เพียงแค่ 10 กิโลเมตรก็ถึง และเนื่องจากนี่เป็นม้าพันธุ์
      อึดพิเศษ กินน้ำมันแทนหญ้าและน้ำ มันจึงไม่มีการเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ( ม้า
      หุ่นยนต์ )

      อลิซเป็นคนไปซื้อตั๋วจากร้านขาย ซื้อของเครื่องเล่นทุกชนิด และแอบยก
      เว้นบ้านผีสิงตามใจปรารถนาและตามคำขอของเพื่อนบางคน…เมื่อเล่นเครื่อง
      เล่นเกือบครบทุกอย่างก็เข้าสู่ช่วงบ่าย และเครื่องเล่นสุดท้ายที่จะทั้งหมดไปเล่น
      กันก็คือ…เครื่องเล่นขึ้นชื่อที่มีเพียงแห่งเดียวคือมัลเลน เป็นเครื่องเล่นที่
      ประเทืองปัญญาพอสมควร ( ส่วนมากมัลเลนจะมีเครื่องเล่นพวกนี้ เอาไว้ฝึกคน )

      เครื่องเล่นชนิดนี้ไม่ถือว่าเป็นเครื่องเล่นซะทีเดียว มันเป็นเขาวงกตที่เอา
      ไว้ทดสอบตนเอง ถือว่าเสี่ยงพอสมควร เพราะบางคนต้องอยู่ค้างเป็นวันๆถึงจะ
      ได้ออกมา ภายในนั้นทำด้วยกระจก แต่ไม่ใช่กระจกธรรมดา บางครั้งก็เป็น
      กระจกที่หลอกล่อคนเข้าไป ขังเอาไว้แล้วไม่ปล่อยออกมาจนกว่าจะมีคนเข้าไป
      ช่วย แต่ละกระจกก็ต่างกันไป เครื่องเล่นนี้จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่มากที่สุด แต่ก็มี
      คนเข้าไปลองทดสอบตัวเองมากที่สุดเช่นกัน

      เขาวงกตกระจกนี้เป็นตัวที่สร้างชื่อเสียงให้สวนสนุกแห่งนี้ก็ว่าได้ แต่ละ
      วันจะมีผู้เล่นมากมายที่มาเล่น ทางเข้านั้นจะมีอยู่ประมาณ 20 ทาง ในนั้นกว่าง
      ใหญ่มาก และมีทางออกอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น สถานที่นี้จึงมักใช้แข่งขันกัน
      และผู้ที่ออกมาเป็นคนแรกในรอบนั้นทางสวนสนุกจะมีรางวัลให้ นี่เป็นเทคนิค
      การดึงดูดลูกค้าอีกวิธีหนึ่ง

      ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปประจำจุด แล้วแต่ว่าใครเลือกดี เพราะแต่ละ
      หมายเลขจะเจอไม่เหมือนกัน อลิซเลือกจุดที่ 19 ส่วนคนอื่นๆก็กระจัดกระจาย
      กันไป นัดกันไว้ว่าเจอกันที่ทางออก ( ถ้าไม่หลงซะก่อน ) เขาวงกตกระจกนี้มี 5
      โดม โดมละ 20 จุด พวกอลิซเลือกเล่นกันที่โดมที่ 3

      ปุ้ง! เสียงพลุถูกยิงขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณออกสตาร์ทของผู้เล่นโดมที่ 3 ทุกคน
      จึงไม่รอช้ารีบเข้าไปทันที

      ---***---***---***---***---

      เพียงแค่ก้าวแรกที่สัมผัสพื้นที่ปูด้วยพรมกำมะหยี่สีแดงที่เสริมสร้างให้ดุ
      หรู ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเงียบสงัด วังเวง และความหนาวเย็นจนขนลุก อลิ
      ซเดินไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงทางแยกแรกเธอก็เสี่ยงดวงเลือกไปทางขวา แล้วก็
      เดินต่อไปเรื่อยๆ เธอก็ยังไม่เจออะไร...นอกจากทางตัน

      อลิซเคยมาเล่นที่นี่ครั้งแรกเมื่อตอนอายุประมาณ 6 ปี เธอจำได้ว่าตอนนั้น
      เอเล่นที่โดมที่ 2 อยู่จุดที่ 8 ตอนนั้นพ่อบอกกับเธอว่าในแต่ละโดมนั้นจะมีจุดว่าย
      โดมละจุด ซึ่งจะเปลี่ยนไปทุกๆวัน จุดง่ายนั้นคือจุดที่จะผ่านไปได้โดยไม่เจอ
      อะไรเลยนอกจากเขาวงกตธรรมดา เพราะปกติแล้วจุดอื่นจะมีกระจกที่ลวงตา
      หรือกระจกอื่นๆอยู่ แต่ก็ใช่ว่าคนที่ได้จุดง่ายจะออกมาเป็นคนแรกเสมอไป
      เพราะมีบางคนที่เก่งและสามารถใช้เวลาออกมาได้รวดเร็ว ซึ่งคนเหล่านั้นในมัล
      เลนก็มีพอสมควร

      โชคช่างไม่เข้าข้างเอาซะเลย เพราะอลิซเจอทางตันมา 3 รอบแล้ว แต่ที่
      โชคดีคือยังไม่เจอกระจกอันตราย หลังจากเดินได้ประมาณ 10 นาที อลิซก็นั่งพัก
      นิดนึง ก่อนจะหันกลับไปมองข้างหลัง...มีกระจกปิดเอาไว้ อาจจะหมายถึงเดินมา
      ถูกทางแล้ว หรือไม่ก็...กระจกอันตราย ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังคงต้องทำลายมันทิ้ง
      ซะ

      เธอลุกขึ้นแล้วเดินต่อไป หันไปมองข้างหลังอีกครั้งกระจกนั้นหายไปแล้ว
      เธอจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น แล้วเธอก็เจอทางตัน จะหันกลับไปอีก
      ครั้งกระจกที่ปิดบานเดิมก็มาทำหน้าที่ของมันต่อ เท่ากับว่า ตอนนี้เธอถูกขัง ...อลิ
      ซเห็นแล้วก็ยิ้มนิดๆ นับว่าไม่น่าเบื่อซะทีเดียวที่ได้ทดสอบพลังในการทำลาย

      เธอปล่อยพลังมาไว้ที่มือ ลูกกลมๆสีทองที่เปี่ยมไปด้วยพลังนั้นใหญ่ขึ้น
      เรื่อยๆ อลิซชะงักครู่หนึ่งแล้วหรี่ตาลง พลังที่มือนั้นลดลง เธอทำให้มันเป็นลูก
      เล็กๆเท่านั้นเพื่อทดสอบ แล้วขว้างออกไป เป็นดังที่คาดไว้ กระจกที่ปิดอยู่ด้าน
      หลังที่เอจะกลับไปนั้นดุดกลืนพลังเข้าไป อลิซจึงเดินเข้าไปในกระจกนั้น...

      ทันทีที่ก้าวเข้ามาสถานที่ก็เปลี่ยนไป ด้านหน้าคือกองขุมทรัพย์ขนาดใหญ่
      อย่างที่ถ้าพวกโลภมาเห็นคงต้องดีใจจนเนื้อเต้น เธอเดินผ่านมันไปโดยไม่ชาย
      ตามอง แล้วเข้าไปในกระจกอีกบานที่อยู่ข้างหลังกองสมบัตินั้น สถานที่เปลี่ยนไป
      อีกครั้ง คราวนี้เป็นเหมือนกับวิมานเทพ เพราะหมอกต่างๆผ่านทำให้ รู้สึกทันที
      ว่าอยู่บนฟ้า ซึ่งกระจกมายาคงจะจำลองมา เธอเดินไปที่กระจกอีกบานที่อยู่ด้าน
      หลังอีกครั้งโดยไม่สนใจมองหรือหันไปตามเสียงเรียกเลยแม้แต่น้อย

      อลิซรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงการล่อเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่ในรอบปีจะมีซักคน
      สองคนที่มาจากเมืองอื่นติดอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว...เธอเดินไปอีกที่แล้วสถาน
      ที่ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นที่โต๊ะอาหาร เพื่อนๆกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุก
      สนานและเรียกเธอ...อลิซเดินผ่านไปอีกครั้ง แล้วก็ก้าวสู่กระจกบานต่อไป คราว
      นี้เป็น...ปู่ทวดที่เรียกเธอให้มานั่งรับประทานอาหารด้วยกัน มีทั้งพ่อ แม่ พี่ และ
      ญาติคนอื่นๆอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ใจจริงอลิซเองก็อยากไปนั่งร่วม
      ด้วย แต่ในเมื่อรู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวง เธอจึงตัดใจแล้วเดินสู่กระจก
      บานต่อไป

      อลิซเดินออกมาสู่ทางเดินปกติ เธอสามารถมองเห็นทางออกได้ แต่มันคง
      ไม่ง่ายขนาดนั้นเธอจึงระวังตัวเพิ่มขึ้นอีก แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด มีกระจกบาน
      หนึ่งมาปิดกั้นทางข้างหน้า และอีกบานปิดทางด้านหลัง ตอนนี้เธอถูกขังอีกครั้ง
      แต่จากการที่ลองเอามือทุบดูทดสอบความแข็งแล้ว อันนี้ท่าจะเป็นกระจกเงาแบบ
      สะท้อนพลัง ถ้าปล่อยพลังออกไป มันก็อาจจะสะท้อนไปมาและอาจเป็นการทำร้าย
      ตัวเอง

      “ จงควบคุมอารมณ์ให้ได้ และใช้ให้เป็นประโยชน์ ” คำสอนข้อท้ายๆของวี
      เชอร์ผ่านเข้ามาในหัว ทำให้คิดอะไรบางอย่างได้...การจะออกไปได้มีอย่างเดียว
      คือทำลาย แต่กระจกหนาขนาดนี้คงต้องใช้พลังมาก และต้องทำให้เร็วและเนี๊ยบ
      ที่สุดจะได้ไม่เจ็บตัว จำเป็นต้องใช้พลังมากก็...คงต้องเป็นเวลาโกรธ แต่จะทำให้
      ตัวเองโกรธไม่ใช่เรื่องง่ายๆแฮะ – อลิซคิด

      คิดสิ อลิซ...จะโกรธอะไรดีน๊า...สร้างภาพหลอกตัวเองดีกว่า...เอาใครซัก
      คนตายคงได้...มังคิกม่ายออก...ชั่งเถอะ คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว...ใครดีล่ะ...โอ๊ย!
      เสียเวลา เอามันหมดแหละ... – อลิซคิดแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดไป ทำหัวให้
      ว่าง คิดภาพแล้วสร้างกระจกขึ้นมา เธอถ่ายทอดภาพลงบนกระจก ร่างมนต์ แล้ว
      ก็รอ...รอเวลาที่จะสัมฤทธิ์ผล

      การสร้างภาพมายาเป็นเวทย์ง่ายๆที่ชาวกระจกรู้ดี แคตกับเซียก็สามารถ
      ทำได้ แต่มันก็เปลืองพลังไม่ใช่น้อย จึงมักจะไม่สร้างกัน และยิ่งสร้างหลอกตัว
      เอง ยิ่งเป็นไปได้ยาก เพราะตัวเองย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าเป็นภาพลวง แต่มันก็
      สามารถช่วยกระตุ้นได้นิดหน่อย ซึ่งสำหรับอลิซ นิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว

      ภาพมายาที่เหมือนจริงนั้นสามารถทำได้ยาก การทำนั้นต้องใช้พลังพอ
      สมควร แต่อลิซไม่ยอมเปลืองพลังตัวเอง เธอดึงพลังของแซนดร้ามาใช้ก่อน แล้ว
      ค่อยไปรับการเทศนาทีหลัง ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญมากมายอลิซมักจะไม่ใช้พลังของ
      ตัวเองซักเท่าไหร่ คราวนี้หมอกอ่อนๆเริ่มปกคลุมแล้วภาพก็ปรากฎขึ้น

      เป็นภาพของปีศาจหน้าตาน่าเกลียดตัวหนึ่งกำลังฆ่าผู้คนอยู่ แล้วก็หันมา
      ฆ่าเพื่อนๆของเธอ อลิซกำลังมองจากที่สูง พยายามเรียกความโกรธมาให้ได้มาก
      ที่สุด แต่ภาพนี้มันไม่ค่อยจะสมจริงเท่าไหร่เพราะเพื่อนๆยืนเป็นเป้านิ่งไม่ต่อสู้
      อะไรเล้ย! แต่ภาพที่เพื่อนๆตายมันดูสมจริงมากจนทำให้ตอนนี้อลิซเปลี่ยนสีตา
      เป็นสีเขียว และเปลี่ยนผมเป็นสีทองได้ ปีศาจตัวนั้นบินสูงขึ้นมาและมาอยู่ตรง
      หน้าเธอ
      อลิซใช้ความโกรธให้เป็นประโยชน์ เธอดึงพลังออกมาและ

      ตูมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

      เพียงครั้งเดียวแต่ได้ผล ภาพมายาหายไป กระจกรอบด้านพังเป็นแถบๆ
      แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อลิซเดินออกไป เธอได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น
      เพรากระจกบาด สีตาและผมกลับเป็นสีดำตามปกติ อารมณ์โกรธหายไปในชั่ว
      พริบตาที่ได้ระบายอารมณ์เพรามันมีไม่มาก เธอเดินออกมาจากเขาวงกตอย่าง
      เบิกบาน อลิซคาดว่าที่เธอเจอแค่ 2 ด่านนั้นอาจจะเป็นเพราะ เธอเลือกเลขดี
      ส่วนเพื่อนๆนั้นยังไม่ออกมา แต่อลิซก็ไม่ได้ออกมาเป็นคนแรก แต่เป็น...คนที่
      สอง มีคนที่เลือกเลขได้ดีกว่าเธอ อลิซจึงนั่งรอเพื่อนๆอย่างใจเย็น

      เวลาผ่านไปไม่นาน เดรออกมาด้วยสภาพที่ไม่ดีนัก เพราะมีควันออกมา
      ด้วย แถมไอค่อกๆแค่กๆ เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าบางที่มีรอยไหม้ ดูก็รู้ว่าคงใช้
      เวทย์ไฟ แต่ทั้งคู่ยังไม่ทันพูดอะไรกัน เซียก็พุ่งตัวออกมาและทับอลิซเต็มๆ ท่า
      ทางเหมือนพุ่งหนีระเบิด ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราหลังจากนั้นก็มีเสียง
      ระเบิดตามมาเป็นระลอก เทคนิคในการสร้างระเบิดเป็นสิ่งที่เซียถนัดมาก

      วีนและเชออกมาพร้อมกันและลากทอมที่สภาพเปื้อนโคลนไปทั้งตัวมา
      ด้วย วีนนั้นมีเศษใบไม้และกิ่งไม้ติดอยู่ตามผมและมีหนามเล็กน้อยติดอยู่ตาม
      ตัว ส่วนเชนั้นเปียกไปทั้งตัว ทั้งสองลากทอมมาในสภาพทุลักทุเลจนอลิซต้อง
      กลั้นหัวเราะแล้วเบือนหน้าหนีไปแอบหัวเราะอีกทาง เอ๊ดออกมาหลังจากนั้นไม่
      นานนัก และมีเศษหยากไย่พันตัวอยู่เต็มไปหมด อลิซเห็นแล้วก็ได้แต่ส่งยิ้ม
      กวนๆให้ อยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก เพราะสายตาดุๆของเอ๊ดที่ส่งมา

      คนสุดท้ายที่ออกมาคือแคต เป็นคนสุดท้ายในบรรดา 20 คนในรอบนี้ แค
      ตเจอทุกรูปแบบทั้งน้ำ เศษไม้ หยากไย่ โคลน และไฟ รวมทั้งระเบิดที่เซียคง
      เผลอทิ้งไว้ อลิซล่ะนับถือจริงๆที่รอดมาได้แล้วยังส่งยิ้มให้ทุกคน ทำอย่างกับ
      วีรบุรุษผ่านสมรภูมิ แต่สำหรับแคตคงต้องเป็นวีรสตรี...หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็
      ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีในการฟื้นฟูสถานที่แล้วเตรียมเปิดรอบต่อไป ส่วนพวก
      ที่เหลือก็เข้าห้อมอาบน้ำซึ่งจะอบแห้งชุดให้ด้วย นี่เป็นบริการพิเศษ ทั้งมีการ
      ปฐมพยาบาลให้พร้อม และปิดท้ายด้วยการเฉลยเลขที่ต้องเจอหนักที่สุด นั่นคือ
      เลขของ...แคต

      ทุกคนกะจะเที่ยวต่อแต่นี่มันก็เย็นมากแล้วจึงต้องยุติไว้เพียงเท่านี้ ต่าง
      คนก็ต่างเล่าประสบการณ์ให้กันฟังและหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเสียง
      โทรศัพท์ขัดขึ้น ซึ่งมาจากพี่เฟิร์ซ

      “ ว่าไงคะ ”
      “ ยังมาว่าไงอีก อลิซ รีบกลับด่วนที่สุด ! ” น้ำเสียงเร่งรีบแล้วก็ตัดสายไป ถึงแม้
      จะงงอยู่บ้างแต่อลิซก็ทำตาม เธอและเพื่อนๆรีบกลับทันที

      ---***---***---***---***---

      “ มีเรื่องอะไรหรอ พี่ดูรีบร้อนจัง ”
      “ เบ็ตตี้จะเป็นคนบอกเธอเอง รีบไปเร็วอลิซ! เดี๋ยวทางนี้พี่จะบอกเพื่อนๆของ
      เธอ ” อลิซไม่รอให้พูดจบ เธอรีบไปตั้งแต่ที่พี่บอกให้ไป เพราะว่าถ้าพี่รีบขนาดนี้
      ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ

      “ พี่เฟิร์ซ ทำไมรีบร้อนอย่างนี้ล่ะแล้วเกี่ยวอะไรกับเบ็ตตี้ ”
      “ มีเรื่องสำคัญน่ะเซีย เบ็ตตี้จะบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าที่กำลังจะเกิดในไม่ช้านี้
      ให้อลิซรู้…ทั้งหมด…เพื่อเตือน และนั่นแน่นอนว่าเบ็ตตี้ต้องทำผิดกฎ ” น้ำเสียง
      และแววตาส่อถึงความกังวลแล้วก็หันหน้ามาทางทุกคนที่กำลังรอคอย

      “เมื่อกี๊ ทางเมืองอิลลิคซิส ( เมืองแห่งไฟฟ้า ) แจ้งมาว่ามีปีศาจอาละวาด ให้ทาง
      เราส่งคนไปช่วยหน่อย พี่กับพี่เบลก็เลยอาสาและจะพาอลิซไปด้วย เพราะอลิ
      ซคงอยากจะปราบมันด้วยตัวเอง…ส่วนทำไมนั้นเดี๋ยวไปแล้ว พวกเธอก็รู้เอง…
      ใครจะรออยู่ที่นี่ ”ไม่มีใครยกมือขึ้นซักคนเป็นอันว่าไปกันทุกคน ถึงแม้คนเยอะ
      จะเกะกะการทำงาน แต่ภาพสดๆอย่างนี้ใครจะอยากพลาด

      “ พี่เฟิร์ซ ไปเร็ว! ”
      “ อลิซ รู้รึเปล่าว่าทำไมเบ็ตตี้ถึงต้องเตือนเธอ…ตัดสินใจดีแล้วหรอ ”
      “ ดีแล้ว แต่ลิซจะไม่ยอมให้เบ็ตตี้ทำผิดกฎข้อสอง…พี่เลล่า! ” เธอตะโกนเรียก
      นางกำนัลคนหนึ่ง

      “ ลิซอยากให้พี่ไปที่ห้องแล้วก็…จับผีเสื้อในห้องใส่กรงให้ด้วย ขอบคุณค่ะ ไปกัน
      เร็ว! ”ว่าแล้วก็วิ่งนำหน้าทุกคนไปที่รถโดยไม่อธิบายซักคำ เบลนั้นรอทุกคนที่
      รถอยู่แล้ว พอทุกคนขึ้นรถหมด เธอก็ออกสตาร์ททันที และแน่นอน…ว่าพี่น้องก็
      ย่อมคล้ายๆกันเป็นธรรมดาเบลก็ขับรถได้ช้า ( ? ) พอๆกับที่อลิซขับ ^0^

      ---***---***---***---***---

      บรื้นนนนนนนนนนนน เอี๊ยดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

      “ อะไรล่ะพี่เฟิร์ซ! ” เบลถามอย่างหัวเสีย เธอกำลังขับรถด้วยความเร่งรีบ พวกที่
      นั่งหลัง ยกเว้นเซีย แคต วีนและอลิซที่นั่งหน้าคู่กับเฟิร์ซชินซะแล้ว รู้สึกว่าหัวใจ
      ได้เริ่มขึ้นจากตาตุ่มมาทีละน้อย

      “ เบลขับช้า! ( “ ห๊า ” คราวนี้ยกเว้นอลิซ เบล และเฟิร์ซที่ไม่ตะโกนออกมา ) มา
      นี่ พี่ขับเอง ” แล้วไม่ทันที่เบลจะพูดอะไร เฟิร์ซดีดนิ้วครั้งเดียว เค้าและเบลก็
      สลับที่กัน พวกนั่งหลังคราวนี้ทุกคนพากันคิดว่า…จะรอดมั๊ยเนี่ย ส่วนอลิซที่ตอนนี้
      นั่งข้างเบลนั่งเงียบๆ แต่คาดว่าคงจะชินยิ่งกว่าชิน…

      15 นาทีผ่านไป

      เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!

      “ อะไรเล่าอลิซ กำลังรีบไม่ใช่หรอ ” แต่อลิซไม่พูดพลามทำเพลงอะไร เธอปรบ
      มือหนึ่งครั้ง ( เพราะเธอดีดนิ้วแล้วไม่ดัง ) แล้วเธอกับพี่ชายก็สลับที่กัน แล้ว
      คราวนี้ เธอก็กลายเป็นคนขับไปโดยปริยาย…ในบรรดาพี่น้อง 3 คน เบลขับช้า
      ( ? ) ที่สุด เฟิร์ซขับเร็วกว่า แต่เร็วที่สุดก็คือ…อลิซ…เธอสามารถเปลี่ยนการเดิน
      ทางไกลครั้งนี้ให้รวดเร็วและอาจกลายเป็น…ทัวร์นรก

      เริ่มแรกด้วยการเชิดขึ้นสูงด้วยความเร็วเต็มที่หักหลบนกไปทางด้านซ้าย
      สุดทำให้ทุกคนไปกองกันอยู่ข้างเดียว ฝีมือการขับรถของอลิซนั่นเยี่ยม ( ? ) จน
      แม้แต่เฟิร์ซกับเบลยังขยาดเวลาเจ้าตัวเอาจริง

      หลังจากนั้นอลิซก็จัดการดิ่งลงสุดๆแล้วขับฉียงขึ้นด้วยความเร็วสูงเหมือน
      รถไฟเหาะในสวนสนุก แต่ก็ทำเอาหัวใจทุกคนหล่นไปกองรวมกันเรียบร้อย
      แล้ว คาดว่าใครที่ลงจากทัวร์นี้ ( ยกเว้นคนขับไว้คน ) แล้วเป็นปกติคงมีคนที่
      เหลือฝากตัวเป็นศิษย์

      อลิซยังคงขับหลบซ้ายขวาผาดโผนไปมาจนคนในรถต่างก็ระบมไปตามๆ
      กัน ถ้าเป็นปกติเจ้าตัวหันไปมองล่ะก็คงจะหัวเราะออกมา แต่เวลาเช่นนี้เธอไม่มี
      เวลาใส่ใจใครทั้งนั้น นอกจากรีบไปให้เร็วที่สุด


      เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!

      ในที่สุดทัวร์นรกครั้งนี้ก็จบลง แต่ละคนโซซัดโซเซออกมาจากรถ ส่วนอลิ
      ซนั้นวิ่งไปตรงกลางที่มีคนมุงดูเรียบร้อยแล้ว

      ทุกๆคนต่างหลีกทางให้เธอ และภาพที่เธอเห็นก็คือ พี่เอริกนอนจมกอง
      เลือดอยู่ตรงนั้น!!!!!!!!

      “ โอ๊ะโอ๋...องค์หญิงเสด็จมาเองเลยหรอเนี่ย ต้องต้อนรับหน่อยแล้ว ” เสียงดังมา
      จากบนท้องฟ้า ปีศาจสาวตัวหนึ่งกำลังแสยะยิ้มในขณะที่หลบลำแสงต่างๆที่พุ่งมา
      จากหลายๆทิศทาง แต่ลำแสงเหล่านั้นก็หยุดลงเมื่อเห็นว่าอลิซมาแล้ว จึงปล่อย
      ให้เป็นหน้าที่ของเธอที่จะจัดการมันเอง

      “ แก... ” เสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างโกรธแค้น เมื่อความ
      โกรธนั้นมีมากกว่าความเสียใจ ไปเวทย์สีดำรอบๆข้างๆจึงเริ่มก่อตัวขึ้น และ
      ประชาชนรอบข้างๆก็เริ่มถอยหนีห่างๆเธอ

      รอบๆตัวอลิซตอนนี้มีแต่หมอกควันสีดำจางๆ ไม่มีใครเห็นเธอเลยซักนิด
      จนกระทั่งหมอกควันจางหายไปจึงได้เห็น เจ้าหญิงแห่งมัลเลนกำลังค่อยๆลอยขึ้น
      เรื่อยๆไปบนท้องฟ้า

      “ หยุดนะอลิซ! ” เบลที่ได้สติมากขึ้นตะโกนเรียกและใช้พลังของเธอ แสงสีม่วง
      รัดรอบข้อเท้าของน้องสาวที่ไม่มีแววตาเหมือนเดิมซักนิด เพราะมันเป็นสีแดง!
      สีที่อลิซไม่เคยจะเปลี่ยนได้

      เจ้าของนัยน์ตาที่แสนเย็นชาคู่นั้นหันมามอง ก่อนที่จะสะบัดข้อเท้าเพียง
      แค่เบาๆลำแสงสีม่วงก็หายไป วินาทีที่เบลมองตาคู่นั้นก็รู้สึกแปลกๆ มันเย็นวาบ
      ไปถึงขั้วหัวใจ ความรู้สึกกลัวพุ่งขึ้น แต่ความเป็นห่วงน้องสาวมันมีมากกว่า...

      “ พี่เฟิร์ซ...ทำไมไม่ห้ามน้อง เกิดไอ้พลังบ้านั่นครอบงำจริงๆจะทำยังไง ”
      “ เธอคิดหรอเบลว่าถ้าทำได้พี่จะไม่ทำ...คงต้องปล่อยให้น้องควบคุมเองบ้าง เรามี
      หน้าที่คอยดูเท่านั้น...ไปเบล...ไปหามุมดีๆนั่งชมกันดีกว่า ” พูดพลางเรียกคน
      อื่นๆไปนั่งเก้าอี้กระจกอีกมุมที่เสกไว้พร้อมโต๊ะและชุดน้ำชา แถมมีขนมให้อีก
      ต่างหาก

      “ เดี๋ยวสิ! แล้วพี่ไม่คิดจะทำอะไรเลยรึไง ”
      “ ทำสิ พี่ทำอยู่นี่ไง ตอนนี้เราทำได้อย่างเดียวเท่านั้นแหละเบล...ทำใจ ” พูดแล้ว
      ไปนั่งพร้อมๆกับคนอื่น เบลจำเป็นต้องไปนั่งเช่นกันเพราะเธอไม่สามารถทำ
      อะไรได้นอกจากนั่งดู และทำตามที่พี่ชายตัวดีบอก

      ทางด้านบนฟ้า ร่างกายของอลิซเริ่มเปล่งแสงออกมาแล้วปีกสีขาวคู่สวยก็งอกออก
      มาที่กลางหลัง! เธอและปีศาจสาวตนนั้นกำลังประจันหน้ากันอยู่ท่ามกลางสายตา
      ของทุกคนที่กำลังจับจ้อง...

      ----------------------------------------------------------------------

      บทที่ 25 บทจบ

      “ งานนี้เจ้าหญิงออกโรงเอง ช่างเป็นเกียรติกับข้าเหลือเกิน... ”
      “ ไม่ต้องมาพูดพล่ามมาก...จงใจอยากให้ฉันออกมาล่ะสิ...ถึงได้เลือกที่จะกิน
      หัวใจของคนๆนั้น... ” น้ำเสียงและแววตายังคงเย็นชา แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึง
      ความโกรธแค้น

      “ แล้วท่านก็ออกมาทั้งๆที่รู้อยู่แล้วอย่างนั้นหรือ... ” ไม่พูดเปล่าแต่เรียกเล็บ
      ปีศาจของตนและเอาดาบออกมาด้วย
      “ คงใช่... ” ฝ่ายอลิซก็เรียกเล็บออกมาเช่นกันแต่เธอมีเล็บเดียวเนื่องจากไม่ใช่
      ปีศาจที่แท้จริง มีแค่พลังของมัน ส่วนอีกฝ่ายมีครบสิบ

      “ คิดจะสู้กับข้าโดยไม่ใช้อาวุธ...ไม่เป็นการประมาทไปหน่อยหรือเจ้าหญิง…ท่าน
      น่าจะรู้ว่านี่ไม่ใช่ดาบธรรมดา มันเป็นดาบที่สร้างจากพลังของผู้ที่ท่านเอาพลังไป
      นั่นแหละ... ”
      “ ก็เลยคิดแก้แค้นสินะ...ฆ่าปู่ทวดฉันยังไม่พออีกรึไง...จะบอกให้ว่าดาบกระจอก
      นั่นทำอะไรไม่ได้นอกจากหั่นหมู... ” น้ำเสียงเย้ยหยันทำให้อีกฝ่ายยิ่งเดือด

      “ งั้นเราก็ต้องมาดูกัน... ” สิ้นคำปีศาจสาวก็ใช้พลังรวมกับพลังของดาบฟาดฟัน
      เป็นวงกว้างส่วนอีกฝ่ายก็ยืนอยู่เฉยๆ โบกมือเพียงแค่ครั้งเดียวพลังที่มากับดาบ
      ก็หายไป และเพียงแค่เธอนั้นตวัดเล็บไปทางดาบ ดาบนั้นก็หักอย่างไม่มีชิ้นดี

      “ ฉันขอถอนคำพูด...มันคงใช้หั่นหมูไม่ได้แล้วล่ะ \" เธอปรบมือเพียงหนึ่งครั้งฝุ่น
      ผงและเศษดาบก็หายไปท่ามกลางความตื่นตะลึง แล้วเจ้าหล่อนก็ว่าต่อ

      \" ทีนี้ก็...ตาฉันบ้าง ” ว่าแล้วร่างทั้งร่างก็หายไป

      ลำแสงจากที่ต่างๆฟาดฟันมาที่ร่างของปีศาจสาวที่ถูกตรึงเอาไว้ เสียงปีศาจ
      กรีดร้องดังก้องไปทั่วจนแต่ละคนต้องอุดหู ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงไม่หยุด แต่ก็
      ปล่อยเพื่อให้สู้ ถึงแม้ว่าดูจากสภาพแล้วจะไม่มีวันสู้ได้ถูกใจก็ตาม...

      “ นี่น่ะหรือ ปีศาจที่มีชื่อ...ทำไมไม่เรียกพวกของแกมาล่ะ คนที่ช่วยกันรุมฆ่าคน
      ของฉันน่ะ เรียกออกมาสิ หรือว่า...องครักษ์ของอดีตราชาปีศาจจะขี้ขลาดถึงขนาด
      หลีกหนี...แน่จริงก็ออกกันมาให้หมดสิ ” สิ้นคำท้าทายปีศาจอีก 4 ตนก็ปรากฏขึ้น
      ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำโกรธแค้น แต่เจ้าหญิงคนสวยยังคงยิ้มได้ แต่เป็นรอยยิ้ม
      เจ้าเล่ห์ถูกใจ ในขณะที่เพื่อนๆและพี่ๆผู้ดูเหตุการณ์ชักกุมขมับ

      “ โผล่หัวออกมาแล้วสินะ...ดี...แต่มันยังไม่หมดแค่นี้...พวกที่เหลือมันก็คงขี้ขลาด
      พอๆกันวิธีตามแบบฉบับปีศาจอย่างพวกแก...ชั่งเถอะ แค่นี้ก็เกินพอ ”

      แล้วการต่อสู้ที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น การต่อสู้ของ เจ้าหญิงแห่งมัลเลน VS องครักษ์
      ปีศาจแห่งเดวิลัส

      ปีศาจเริ่มร่ายเวทย์ ท้องฟ้ายามรัตติกาลดูเหมือนจะเป็นใจต่ออำนาจปีศาจ เมฆ
      หมอกนั้นปกคลุมไปทั่ว เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังระงมและฟาดฟันลงมา ในขณะที่เจ้า
      หญิงคนเก่งยังคงยืนแจกรอยยิ้มเย้ยหยันและแววตาเย็นชาอยู่ตรงนั้นโดยไม่
      ทำอะไรเลย ทำให้พี่ชายผู้นั่งดูเหตุการณ์อยู่รู้สึกเบื่อขึ้นมาถนัดใจจึงตะโกนบอก
      น้องสาวที่ไม่รู้ว่าจะจำตนได้รึเปล่าในขณะนี้

      “ จะสู้ทั้งทีเอาให้มันคุ้มค่าแก่การชมหน่อยสิลิซ อย่าจบน่าเบื่อ แล้วก็ห้ามจบเร็ว
      ด้วย!… ” หลังจากนั้นพี่ชายตัวดีคงไม่มีโอกาสตะโกนบอกเป็นรอบสอง เพราะ
      น้องสาวที่อยู่ข้างๆจัดการปิดปากเรียบร้อยแล้ว แต่แววตาน้องสาวคนเล็กนั้นวาว
      โรจน์รับคำสั่งพี่ชาย...อย่างน้อยก็ยังจำได้ว่าใครเป็นใคร

      “ เลิกเอาพลังกระจอกนั่นมาเล่นกับฉันซักที ...ฉันเล่นกับพวกแกทีละตัวคงสนุก
      กว่าสินะ ” สิ้นคำเจ้าหล่อนก็ปรบมือหนึ่งครั้ง กระจกที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็กักขัง
      ปีศาจทั้ง 4 เหลือเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เป็นอิสระ

      “ ฉันขอจัดการกับแกก่อนแล้วพวกของแกค่อยมาทีหลัง...การจัดการครั้งนี้มอบ
      ให้เป็นของขวัญแด่ประชาชนผู้สูญเสียแห่งอิลิคซิส...ที่ต้องสูญเสียเพราะแก ”
      “ ไม่ต้องพูดมาก จะสู้ก็สู้มา...ข้าพร้อมเสมอ…อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะเก่งจริงอย่างที่
      เค้าลือ หรือจะเก่งแต่ปาก... ” พูดแล้วปีศาจหนุ่มก็เรียกเล็บและปีกปีศาจพร้อม
      ทั้งดาบสีเงินประจำตัวออกมา พลังแห่งความมืดพวยพุ่งอย่างรุนแรง ดวงตาสีแดง
      ก่ำโชนแสงกล้า ถึงจะเป็นปีศาจแต่มันก็เป็นปีศาจที่รัก ( เฉพาะ ) พวกพ้อง ใน
      บรรดาองครักษ์ทั้ง 5 มันมีฝีมือเป็นอันดับ 2 ถ้ามันไม่ชนะ ที่เหลือคงยาก งานนี้
      มันจึงยอม... สู้ตายถวายชีวิต

      “ ต้องอย่างนี้สิถึงจะสมกับที่ฉันลดตัวลงมาสู้หน่อย อย่าให้จบไวนักล่ะ เดี๋ยวมันจะ
      น่าเบื่อ ”
      พูดแล้วก็เรียกดาบออกมาบ้าง แต่วิธีเรียกไม่เหมือนคนอื่น ...เจ้าตัวเอาเล็บ
      ปีศาจนั้นข่วนท้องแขนเล็กน้อย เมื่อเลือดสีแดงสดไหลลงมาก็บริกรรมร่ายคาถา
      เมฆที่จางหายไปนั้นเริ่มปกคลุมใหม่และเสียงฟ้าผ่าก็กลับมาอีกครา...

      เลือดค่อยรวมตัวกันเป็นดาบ ดาบที่มีสีแดงเพราะทำมาจากโลหิตของผู้ถือ แล้ว
      บาดแผลก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กสาวจับดาบมั่น ถึงแม้จะชอบเล่น
      เวทย์มากกว่า แต่เมื่ออีกฝ่ายใช้ดาบผสมด้วย เจ้าตัวก็เมตตา ( ? ) ให้ตามคำขอ
      ( ? )

      ท้องฟ้าไร้เมฆหมอกอีกครั้งและมีสายลมพัดวูบอย่างเป็นใจ ร่างของทั้งสอง
      หายไปแล้ว เหลือไว้แต่เสียงดาบที่ฟาดฟันให้ได้ยิน การต่อสู้รวดเร็วเกินกว่าที่
      สายตาคนธรรมดาที่อยู่ไกลจะเห็นได้ แต่ปีศาจที่ถูกกักขังอยู่และเลิกที่จะ
      พยายามทำลายกระจกอันแข็งแกร่งไปนานแล้วนั้นเห็นได้ชัดในยามรัตติกาล
      เช่นนี้

      ดาบเรียวเล็กสีเลือดนั้นตวัดไปมาเฉือนเลือดสีดำจากปีศาจหนุ่มไปไม่
      น้อย แต่อีกฝ่ายยังคงหลบได้แม้จะหวุดหวิดเต็มทน แล้วก็หันมาเป็นฝ่ายบุกบ้าง
      ดาบสีนิลเข้าปะทะอย่างมิกลัวเกรงอานุภาพเวทย์ที่ผสมเข้ามาในการต่อสู้ครั้งนี้
      ในขณะที่มือของทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็จับดาบมุ่งปะทะ พลังเวทย์ของทั้งสองก็ปะทะ
      กันด้วยเช่นเดียวกันเรียกได้ว่าเป็นศึกที่ผสมระหว่างเวทย์กับดาบได้อย่างลง
      ตัว ผู้คนด้านล่างเห็นรังสีของเวทย์แต่ไม่อาจเห็นตัวคนได้เนื่องจากความไวเริ่ม
      เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแทนที่จะลด

      เคร้งงงงงงงง!!!!!!!!!!

      เสียงดาบปะทะกันในขณะที่เวทย์ก็เข้าจู่โจมกันเบื้องบน การเคลื่อนไหวหยุดลง
      แต่เวทย์ยังคงสู้กัน ดาบของทั้งสองค่อยๆสั่นฝ่ายปีศาจหนุ่มมีแววมุ่งมั่นชิงชัย ใน
      ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มอย่างถูกใจนัก

      เวทย์สีดำสองกลุ่มเข้าปะทะ ดูเหมือนเจ้าหญิงแห่งมัลเลนจะได้เปรียบแต่
      ปีศาจหน้าหล่อก็รู้ตัวจึงได้ตวัดดาบให้ดาบสีเลือดที่บางกว่ากระเด็นแต่ดาบของ
      ตนที่ได้รับผลจากเวทย์ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะที่ดาบโลหิตนั้นกลับมาที่มือของ
      ผู้สร้างอีกครั้ง

      “ งั้นก็เหลือแต่เล่นเวทย์สินะ ” พูดเองเออเองพลางเก็บดาบด้วยการกรีดท้อง
      แขนเอาเลือดกลับอีกครั้งแล้วแผลก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเคย
      หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หันมาประจันหน้ากันอีกครั้งก่อนที่ต่างฝ่ายจะเริ่มร่ายเวทย์ของ
      ตน

      ปีกขนนกสีขาวและดำของทั้งสองฝ่ายกางออกเต็มที่ พลังเวทย์เริ่มก่อตัว
      ล้อมรอบผู้ร่ายคาถา สายฟ้ายังคงผ่าลงมาอย่างบ้าคลั่งผลัดผ่าไปฝ่ายนั้นฝ่ายนี้
      เพราะเวทย์ที่แก้และต่อต้านกันอยู่จนในที่สุดสายฟ้าก็หยุดไปเพราะความ
      รำคาญของคนชอบแส่ที่หลุดพ้นจากน้องสาวคนสวยและเจ้าตัวยังพูดออกมาให้
      ได้ยินทั่วกันว่า “ ค่อยดีหน่อย ...ผ่าอยู่ได้น่ารำคาญคนเค้าจะดู... ” แต่ไม่ทันได้
      พูดต่อ คราวนี้คนเดิมที่มีแนวร่วมก็พากันจับมัดขังกระจกเพราะรำคาญพี่ชายตัว
      ดีที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องยิ่งกว่ารำคาญสายฟ้าที่สร้างบรรยากาศซะอีก

      เมฆที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆเริ่มขุ่นมัวมากกว่าที่ควรจะเป็น แล้วสายฝนก็โปรย
      ปรายลงมาให้ประชาชนเบื้องล่างได้เข้าใจคำว่า ‘ฝนตกไม่ทั่วฟ้า’ เพราะมันเล่น
      ตกที่ฝั่งปีศาจด้านเดียว ในขณะที่เวทย์ปะทะเวทย์ ปีศาจหนุ่มตีหน้าเครียด ใน
      ขณะที่อีกฝ่ายยังคงแจกยิ้มราวกับเป็นงานอดิเรก

      น้ำฝนที่สาดลงมาโดนแค่เฉพาะตัวปีศาจหนุ่มนั้นไม่ลงสู่เบื้องล่างเลยซัก
      หยดเพราะคนเสกจงใจ แล้วฝนเวทย์ก็ออกฤทธิ์... ปีศาจตนนั้นเริ่มร้อง
      โหยหวนครวญครางอย่างทุกทรมานเพราะนี่ไม่ใช่น้ำฝนธรรมดา แต่เป็นฝนพิษ
      ที่แฝงไปด้วยเวทย์จู่โจมและยาพิษของผู้ที่ได้รับฉายาอย่างไม่เป็นทางการเท่าไร
      นักว่า ‘เจ้าหญิงแห่งพิษ’


      การต่อสู้จบลงเพียงแค่นั้น...จบลง...ด้วยความปราชัยของฝ่ายปีศาจหน้า
      หล่อที่ขอเก๊กเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกดูดเข้าไปกักขังในกำไลโกสมิลล์ กำไลกัก
      ขังวิญญาณที่เจ้าหญิงคนเก่งภูมิใจนำเสนอแต่ปีศาจไม่ตั้งใจจะสนอง

      “ ต่อไปเอาตัวไหนดีล่ะ... ” เจ้าตัวพูดเหมือนเลือกของเล่นแต่น้ำเสียงเย้ยหยันดู
      ถูกอย่างเห็น ( ฟัง ) ได้ชัดจนพวกปีศาจเริ่มเดือดขึ้นมาอีกรอบหลังจากไปนั่งกอง
      เพราะเหนื่อยหอบจากการพยายามทำลายกระจกหลังเพื่อนขี้เก๊กถูกกักขังและ
      เมื่ออยู่ในกำไลนั่นก็อาจจะถูกล้างสมองให้ภักดีต่อเจ้าหญิงที่มีอายุรุ่นราวคราว
      หลาน

      “ เอาตัวผมทองหัวตั้งโด่ นั่นแหละน้องรัก เอาเลย หมั่นไส้มันมานานแล้ว
      จัดการ...อึ้ก ” แล้วพี่ชายตัวแสบก็โดนลากไปอีกครั้ง คราวนี้แนวร่วมมีมากขึ้น
      กว่าเดิมเท่าตัวและมีการจัดเฝ้ายามเพื่อไม่ให้หลุดไปอีก ในขณะที่เอ๊ดนั่งดูแล้ว
      ก็หัวเราะนิดๆก่อนจะรีบเบือนไปอีกทางเพราะกลัวสายตาอ้อนวอนจากพี่ชายของ
      เพื่อนตัวดีที่แสบพอๆกัน

      “ แกสินะที่พี่ฉันหมั่นไส้...เดี่ยวดูโทษของแกก่อน...\" เจ้าหญิงคนสวยทำท่าคิด
      ในขณะที่แววตาสีแดงนั้นยังคงเย็นชาและน้ำเสียงไม่ส่อแววล้อเล่นแต่เป็น
      มเกรียม ทั้งแววตาและน้ำเสียงทำให้ทุกคนรับรู้สัจธรรมอีกข้อคือ ...ความโกรธ
      สามารถเปลี่ยนคนได้จากหน้ามือเป็นหลังเท้า

      \" ...อืม.…เกือบลืมแน่ะ แกอาละวาดที่เฟรทวัลตอนพี่ชายฉันจีบสาวแล้วหนีไปได้
      ทำให้พี่ฉันขายหน้าพี่ออน \" แล้วทุกคนก็ได้รับรู้ว่าเพราะอะไรเจ้าชายแห่งมัล
      เลนถึงหมั่นไส้ปีศาจหัวตั้ง เพราะรู้นี่แหละถึงทำเอาคนชอบแส่เปลี่ยนจากหน้า
      หนาเป็นหน้าบางโดยฉับพลัน

      \" เอาล่ะ ตามคำขอของพี่ชายผู้น่ารัก... ฉันจะเล่นกับแก... ” อลิซปรบมือหนึ่งครั้ง
      แล้วกระจกก็หายวับไป


      เมื่อปีศาจตัวนั้นหลุดจากกระจกที่กักขัง สิ่งแรกที่มันทำคือกวาดสายตาลง
      ล่างและจ้องเจ้าชายแห่งมัลเลนที่กำลังก้มหน้าหนีสายตาประชาชีที่มองมาอย่าง
      ขำๆทำมาดหายวับที่เป็นคนบอกบอกให้น้องสาวเลือกมัน มันมองด้วยสายตา
      อาฆาตแบบว่า ‘เลือกทำไมฟะ?’




      “ ไม่ต้องจ้องมาก พี่ฉันไม่พิศวาสปีศาจอย่างแกหรอก...( มันหันขวับกลับมา
      ทันที )...จะใช้เวทย์หรือใช้ดาบ …อันดับสามอย่างแกจะเลือกอะไรมาเล่นกับฉันก็
      รีบเลือก ” ดวงตาสีแดงของทั้งคู่สบกันราวกับจะฆ่ากันให้ตายอยู่ตรงนั้นถ้าไม่ใช่
      ว่าปีศาจหัวตั้งมันเอ่ยขึ้นมาก่อน


      “ ใช้ดาบ… ” ตอบไปทั้งๆที่ตัวเองถนัดใช้เวทย์มากกว่า แต่คิดว่าคงใช้ดีสู้คนตรง
      หน้าไม่ได้
      “ ได้ตามคำขอ... ”

      ดาบสีม่วงเข้มและเรียบไร้ความงดงามปรากฎขึ้นในมือของปีศาจหัวตั้ง
      ส่วนเจ้าหญิงชั่งยิ้มก็เรียกดาบเรียวเล็กของตนขึ้นมา...ดาบที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่น
      ย่า...ดาบของอลิซซาเบธ ครูเว่น นักดาบผู้มีชื่อเสียงก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิง
      นิทรา...

      ทั้งสองจับดาบตั้งมั่นและเก็บปีกเพราะคงทำให้ไม่สะดวกแต่ทั้งคู่ก็ยังลอย
      อยู่ได้บนท้องฟ้า...นัยน์ตาสีแดงสดของทั้งคู่สบกันแบบจ้องอาฆาต ความมุ่งมั่น
      ปรารถนาที่จะชิงชัย และความหวังพวยพุ่งอย่างรุนแรงก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าปะทะ
      กัน...

      เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! ขวับ! เคร้ง! ขวับ! ปึ้ก! โครม! โอ๊ยยยยยยยย!!!!!!!!!!

      เสียงดาบผสมเสียงฝีเท้าลอยมาเข้าโสตประสาทแต่ไกล ปีศาจหัวตั้งไม่มีโอกาส
      เป็นฝ่ายรุกทั้งที่พละกำลังและดาบใหญ่กว่า ซ้ำยังโดนเตะผ่าหมากเป็นเหตุให้
      ร้องลั่นไปทั่ว...ขณะที่มั่นกำลังร่วงลงเจ้าหญิงที่กำลังทำหน้าเซ็งก็เวทนา ( ? ) จึง
      ดูดมันเข้าไปในกำไลที่ปีศาจอีกตัวยัดถูกไว้ในลูกแก้วลูกเดียวกับตัวก่อนเพราะ
      กลัวเปลืองเนื้อที่กำไลซึ่งมีลูกแก้วร้อยเป็นสายอยู่ไม่กี่ลูกแต่ทรงอานุภาพยิ่ง
      นัก...แต่การต่อสู้ครั้งนี้จบเร็วจนเจ้าหล่อนชักเบื่อ...จึงได้ปล่อยอันดับ 4 และ 6
      ให้สู้พร้อมกันแก้เซ็ง

      “ อย่าให้จบเร็วเหมือนตัวเมื่อกี๊ล่ะ เจ้าปีศาจหน้าแย้กับปีศาจโลว์คลาส ” ตั้ง
      ฉายาให้เสร็จสรรพเรียกอารมณ์คู่ต่อสู้ให้คุกรุ่นสมใจเจ้าหล่อนโดยเฉพาะปีศาจ
      อันดับ 6 ที่ถูกว่าว่า ‘โลว์คลาส’ ถูกแทงใจดำเพราะมันเก่งน้อยสุดหรือเรียกง่ายๆ
      ว่าเป็นที่โหล่ ส่วนอีกตัวก็มีปมด้อยเรื่องหน้าตา เมื่อศรแห่งน้ำคำปักใจดำความ
      แค้นจึงบังเกิด...ทุกอย่างเป็นไปตามที่เจ้าหญิงแห่งมัลเลนคาดการณ์และวาง
      แผนไว้...เธอจงใจยั่วให้ปีศาจทุกตัวโกรธก่อนจะสู้...

      “ ใช้เวทย์หรืออาวุธ ” น้ำเสียงยังเจือกระแสเย้ยหยันดูถูกเช่นเคยทำให้ความ
      เดือดยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย ปีศาจหน้าแย้เลือกที่จะใช้เวทย์ดูได้
      จากการที่มันเริ่มร่ายก่อนเพื่อให้ได้เปรียบ ส่วนปีศาจโลว์คลาสเรียกหอกอัน
      เป็นอาวุธคู่ใจที่ทำให้ได้เป็น 1 ใน 6 องครักษ์ปีศาจ เมื่อหลายปีมาแล้ว...และมัน
      ก็เป็นที่มาของฉายาที่เพื่อนฝูงพากันเรียกอย่างลับๆว่า ‘ไอ้หอก’

      “ เล่นโกงสมเป็นปีศาจจริงๆ...ชั่งเถอะ ถือว่าฉันต่อให้...ร่ายก่อนก็ร่ายไป แต่
      อย่ามาเสียใจทีหลังละกัน ” เจ้าตัวพูดเรียบๆแล้วยืนหาวมองปีศาจสองตัวที่ตัว
      หนึ่งกำลังร่ายเวทย์ส่วนอีกตัวกำลังบุกฝ่าเข้ามา แต่ไม่สามารถทำลายกระจกคุ้ม
      ครองที่หล่อนสร้างขึ้นได้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงกระจกธรรมดาก็ตาม แต่กระจก
      นี่ต้องใช้เวทย์เท่านั้นจึงจะทำลายได้

      เปรี้ยงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!! เพล้งงงงงงงงงงงง!!!!!!

      เสียงสายฟ้าฟาดมาทำให้กระจกธรรมดาที่ผู้เสกไม่ใส่ใจแตกเป็นเสี่ยงๆแต่ก็
      หายวับไปไม่ตกลงสู่เบื้องล่าง...ตอนนี้ปีศาจโลว์คลาสจึงฉวยโอกาสเข้าต่อสู้ ซึ่ง
      เจ้าหญิงผู้เริ่มเบื่อก็มีนัยน์ตาวาวโรจน์เข้ามาแทนที่ทันควัน เธอเรียกดาบอีก
      เล่มออกมาทำให้คนมองตาค้างเพราะมันเป็นดาบไม่ธรรมดา...ด้ามจับสองแฉกสี
      ชมพูฝังเพชรเม็ดโตสวยงามมากกว่าที่จะใช้สู้แต่ที่ไม่ธรรมดาคือเหล็กที่ใช้ทำ
      แทนที่จะตีให้เรียวยาวกลับกลายเป็น...รูปกระต่าย!?!

      ปีศาจทั้งสองไม่มีเวลาจะตะลึงกับรูปร่างดาบที่เธอใช้แต่กำลังเร่งต่อสู้ด้วยความ
      เร็ว สายฟ้าฟาดลงมาที่เธอเป็นระยะๆแต่ก็โดนกระจกสะท้อนกลับไปจนปีศาจ
      หน้าแย้เกือบถูกช็อตทุกครั้งจึงเปลี่ยนวิธี ส่วนปีศาจโลว์คลาสก็ยังคงใช้หอกเข้า
      แทงหมายจะเข่นฆ่าแต่ใบหน้าของเธอยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม...

      เคร้งงง!!!! ฟู่!!!!!!!!

      เสียงหอกปะทะดาบกระต่ายที่ใช่ส่วนซอกระหว่างหูทั้งสองรับ ส่วนปีศาจหน้าแย้ก็
      ปล่อยเวทย์ไฟมาโชคดีที่อลิซใช้เวทย์เสกน้ำให้วนรอบทันทำให้ฝ่ายที่ใช้หอก
      นั้นโดนไหม้อยู่ตัวเดียว เพราะเพื่อนของมันลืมเล็งไม่ดี...ปีศาจหน้าแย้คงต้อง
      เปลี่ยนเป็นหน้าซีดเมื่อเพื่อนนั้นโดนลวกแต่ก็รีบแก้โดยการเสกน้ำให้ แต่นั่น
      ก็ทำให้เพื่อนของมันเปียกอยู่ดีนั่นแหละ...

      ฝ่ายที่ถือดาบกระต่ายรับอยู่ก็หัวเราะเยาะเย้ยใส่ด้วยเสียงหัวเราะแหลมสูงแบบ
      พวกปีศาจที่ทำให้ผู้ฟังเสียวสันหลังวาบ ก่อนที่จะหยุดแล้วแจ้งแถลงไขถึงดาบอัน
      น่ารักของเธอ

      “ จะบอกอะไรให้ว่านี่ไม่ใช่ดาบธรรมดา...แต่มันเป็น...กรรไกรยักษ์ ” สิ้นคำเจ้า
      ตัวก็ใช้อีกมือที่ร่ายเวทย์กระจกคุ้มครองตนมาจับด้ามดาบที่แยกเป็นสองแฉก
      แล้วเจ้าของหอกทรงอานุภาพก็ได้ประจักษ์ว่าไอ้หูกระต่ายที่รับหอกของมันนั้น
      เป็นส่วนที่เป็นแบบกรรไกร เพราะเสียงดัง...ฉับ!! ที่กระทบกระเทือนถึงจิตใจ
      เมื่อหอกแสนรักโดนกรรไกรกระต่ายตัดเหลือเพียงครึ่ง

      “ หอกของข้า!!! ” เจ้าตัวร้องอย่างตกใจแล้วหยุดเคลื่อนไหวเพราะช็อกอย่างแรง
      ส่วนปีศาจอันดับ 4 นั้นก็ยิ่งโกรธแค้นเตือนสติเพื่อนแล้วทั้งคู่ก็ร่ายเวทย์กึกก้อง
      พร้อมกัน...คราวนี้ทั้งน้ำ ไฟ สายฟ้า ลมและโคลนต่างพุ่งปะทะเจ้าหญิงที่กำลัง
      หัวเราะร่าด้วยความสะใจ

      “ ต้องอย่างนี้สิ… ” เจ้าตัวพูดอย่างถูกใจโดยไม่สะทกสะท้าน เพราะมันเป็นเกมที่
      เป็นไปตามที่เธอควบคุม เพียงแค่ร่ายเวทย์กระจกกั้นอย่างเคยพลังที่เหล่า
      ปีศาจเต็มใจประเคนให้ก็กระจายไปคนละทิศทำให้สองปีศาจต้องหายตัวหลบกัน
      จ้าละหวั่นก่อนปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง...ทั้งคู่รู้สึกตัวแล้วว่า ตราบใดที่ทำลายกระจก
      นั้นไม่ได้ก็อย่าหวังจะชนะเจ้าหญิงผู้ใช้เวทย์กระจกแห่งมัลเลน และก่อนที่จะได้
      คิดวิธีอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้น

      “ ทีนี้ก็ตาฉันเล่นบ้างล่ะนะ... ” ถ้อยคำที่เหล่าปีศาจไม่อยากได้ยินซักนิด ทันทีที่
      ตั้งสติได้มันก็ร่ายเวทย์ป้องกันตัวบ้างแต่ก็ช้าเกินไป

      “ คิดเรอะว่าจะกันได้ พวกแกต้องชดใช้...ถ้าตอนนั้นย่าทวดฉันไม่ป่วยล่ะก็พวก
      แกก็ไม่มีวันชนะ...วันนี้ฉันจะเป็นคนปิดบัญชี... ” นัยน์ตาสีแดงวาวโรจน์อย่าง
      โกรธแค้นก่อนจะเริ่มร่ายคาถา

      กลุ่มพลังสีดำก่อตัวขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เจ้าหญิงผู้คิดจะปิดบัญชีกำลัง
      เรียกพลังส่วนหนึ่งออกมาเพื่อจะจัดการกับสองปีศาจที่บัดนี้ก็เริ่มเรียกพลังออก
      มาปะทะแทนที่จะรอความตายอยู่ฝ่ายเดียว

      พลังแห่งความมืดสามกลุ่มปะทะกัน กลุ่มพลังแห่งความมืดของเจ้าหญิงแห่งมัล
      เลนที่ยังมีแฝงพลังสีทองแห่งความสว่างเข้าไปแซมนั้นเริ่มกลืนกินพลังที่เล็กกว่า
      ไปเรื่อยๆจึงรวมกันในที่สุด ปีศาจทั้งสองเบิกตากว้าง คิดจะหนีแต่ลำแสงสีทอง
      และดำที่รวมกันเป็นเกลียวนั้นมัดตรึงเอาไว้ให้รอชะตากรรม

      ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

      เสียงดังกึกก้องไปทั่ว ปีศาจสองตัวรับแรงปะทะเต็มที่จนบาดเจ็บสาหัสจนใครๆก็
      คิดว่าที่จริงมันน่าจะตายไปแล้วแต่ก็ต้องยกย่องชมเชยที่ยังอึดขนาดนี้ แล้วโชค
      ร้ายก็มาเยือนเหมือนสนองกรรมของปีศาจทั้งสองที่บัดนี้มีสภาพที่แย่เต็มทีจนไม่
      อาจลุกได้และคงตกไปแล้วถ้าไม่ใช่ว่าลำแสงที่ตรึงไว้จะยึดร่างให้ลอยอยู่อย่าง
      นั้น

      “ โกสมิลล์ ” เสียงเจ้าหญิงผู้กุมชัยชนะประกาศก้องแล้วลูกแก้วลูกหนึ่งของกำไล
      เก็บวิญญาณก็ทำหน้าที่ของมัน ปีศาจทั้งสองถูกดูดเข้าไปอัดกันในนั้น...แล้วก็มา
      ถึง...ปีศาจตัวสุดท้าย ณ ที่นี้!




      “ สำหรับแก...ลงโทษสำหรับที่แกฆ่าปู่ทวดของฉันและพี่เอริก...เจ้าชายแห่งอิลิ
      คซิส ”


      สายลมยังคงพัดแผ่วในขณะที่ทั้งคู่จ้องตากัน ปีศาจที่เป็นอันดับ 1 แห่งองครักษ์
      ปีศาจเลือกที่จะใช้เวทย์มากกว่าอาวุธใดๆ เพราะมันไม่เคยใช้อาวุธ ส่วนเจ้า
      หญิงแห่งมัลเลนก็รู้ข้อมูลมันมาดีพอสมควรจึงรู้สิ่งที่มันจะเลือกใช้ รังสีแห่งความ
      อาฆาตแค้นที่ปลุกให้พลังปีศาจในตัวที่ตื่นขึ้นเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและคงไม่มี
      สิ้นสุด นัยน์ตาเย็นเยียบรอยยิ้มจางหายและริมฝีปากเล็กเรียวสวยนั้นปิดสนิท
      ในขณะที่อีกฝ่ายที่สะบักสะบอมจากการต่อสู้ในครั้งแรกนั้นยิ้มแสยะ

      ปีศาจตัวนี้ฟื้นตัวได้เร็วตามที่เจ้าหญิงแห่งมัลเลนคาดเดา เพราะมันกินหัวใจ
      ของราชนิกูลเข้าไปแบบที่พวกปีศาจมักทำกัน การที่ได้กินหัวใจของพวกสาย
      เลือดสีน้ำเงินนั้นทำให้ปีศาจแข็งแกร่งขึ้น ฟื้นตัวเร็ว และอาจได้พลังเพิ่มขึ้น
      เป็นเหตุให้ราชนิกูลทุกคนต้องระมัดระวังตัวเอง...


      ....................และแล้วการต่อสู้ของผู้ใช้เวทย์ปีศาจทั้งสองก็เริ่ม
      ขึ้น.................................

      เมฆก่อตัวอีกครั้งแต่มีมากกว่าเดิม ท้องฟ้าร้องและฟ้าผ่าอย่างบ้าคลั่ง ฝน
      ตกหนักทำให้ทุกคนหนีฝนกันจ้าละหวั่น มีแต่ผู้ใช้เวทย์กระจกที่พาแขกมาด้วย
      แห่งมัลเลนที่เสกกระจกคลุมและนั่งดูเหตุการณ์ต่ออย่างเงียบๆไม่สะทกสะท้าน
      เสียงร่ายคาถาของผู้ใช้เวทย์ทั้งคู่ยังไม่หยุด พลังแห่งความมืดต่างปะทะกันส่งผล
      ทำให้รัศมีทำลายล้างแผ่ไปทั่ว

      พลังแห่งความมืดมิดกลืนกินสายลมหนาวในยามกลางคืนและเปลี่ยนให้
      เย็นยะเยือก สายฝนนั้นกลายเป็นก้อนน้ำแข็งตกลงมาทำลายหลังคาบ้านเรือน
      ต้นไม้ทั่วอาณาบริเวณนั้นเ่ยวเฉาตายคาที่กระจกในรัศมีแห่งความมืดนั้นแตก
      ละเอียดไม่มีชิ้นดี และดูเหมือนว่ารัศมีทำลายล้างจะยังคงแพร่ต่อไปถ้าไม่ใช่ว่า
      แสงสว่างสีทองเริ่มครอบคลุมและกำหนดเขตชี้ชะตาของทั้งคู่ ...อย่างน้อยเจ้า
      หญิงแห่งมัลเลนก็ยังพอจะมีสติรู้หน้าที่ที่จะพยายามปกป้องให้เกิดความเสียหาย
      น้อยที่สุด

      รัศมีสีทองที่ครอบคลุมทำให้ผู้อยู่ภายนอกไม่สามารถเห็นเหตุการณ์ได้ แต่
      เจ้าหญิงคนพี่ที่เป็นผู้ใช้เวทย์กระจกแห่งมัลเลนนั้นใช้พลังเวทย์รวมกับพี่ชายที่
      ปล่อยออกมาช่วยกันเสกให้กระจกแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะดูการสู้ของน้องสาวต่อ
      ได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อตนและแขกที่พามา...

      ท้องฟ้าเริ่มกลับสู่ปกติ ฝนน้ำแข็งหายไป รวมทั้งลมหนาวด้วยเพราะขณะนี้
      ไม่มีลมพัดผ่าน แต่ก็ทำให้ผู้คนเย็นยะเยือกได้เนื่องจากรังสีที่แผ่ออกมา ผู้ที่
      พยายามดูเหตุการณ์โดยเกาะชิดติดสนาม ( รัศมีสีทองที่ครอบคลุม ) พอเห็น
      ภาพลางๆและเมื่อเข้าใกล้รัศมีสีทองนั้นก็รู้สึกอบอุ่นจึงปักหลักนั่งดูกันอยู่ตรงนั้น
      แหละ





      ทั้งสองตระหนักดีว่า ใช้เวทย์สู้กันคงไม่มันส์และไม่รู้ผลง่ายๆ จึงพร้อมใจ
      กันเอาอาวุธเข้ามาร่วมด้วย สู้กันทั้งเวทย์ทั้งอาวุธผลจะได้ออกมาเร็วทันใจเพราะ
      ตอนนี้อลิซไม่ต้องการยืดเยื้อเวลาเล่นอีกแล้ว กับปีศาจตัวนี้...เธอจะเอาจริง!

      ไม่ต้องเสียเวลาจ้องตากันเลยซักนิด ทั้งคู่พร้อมใจจู่โจมกันโดยมิได้นัด
      หมาย การจู่โจมที่รุนแรงและรวดเร็วจนผู้ชมภายในรัศมีหรือโดมสีทองนี้ต้องพึ่ง
      กล้องที่ปรับสายตาให้ชมทันได้...

      ขวับ! แม้จะหลบดาบเรียวเล็กนั้นได้แต่ก็ไม่สามารถหลบพลังเวทย์ที่จู่โจมมา
      พร้อมดาบได้เลือดสีดำจึงค่อยๆไหลริน แต่ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ดาบเล่มเดิมก็
      จู่โจมมาอีก คราวนี้เจ้าตัวจึงหาช่องว่างจู่โจมกลับแต่ดันไปโดนกระจกที่อีกฝ่าย
      เสกมาคุ้มครองตัวเองได้ทันควัน ด้วยระยะประชิดและช่องโหว่ทำให้เจ้าหญิง
      แห่งมัลเลนมีสิทธิ์ที่จะเสนอดาบแสนสวยเสียบเข้าสีข้างได้จึงต้องกระโดดถอยไป
      ตั้งหลัก...

      เคร้ง! ดาบเรียวเล็กจู่โจมมาไม่ยั้งถ้าไม่เอาดาบเข้ากันไว้ละก็มีสิทธิ์เป็น
      ศพได้ง่ายๆ แม้ดาบจะเล็กกว่าแต่ทรงอานุภาพอย่างเหลือเชื่อด้วยเหล็กอย่างดีที่
      แข็งแกร่งมากบวกกับพลังเวทย์ที่ใช้ทำให้แม้ตนจะร่างกายใหญ่โตกว่าและดาบ
      ใหญ่กว่าก็แทบจะรับไม่ได้ โชคดีที่ใช้เวทย์เข้าช่วยไม่งั้นปีศาจที่ไม่ถนัด
      ดาบอย่างมันคงไม่อาจรับดาบทรงพลานุภาพนี้ได้

      ฟู่!!!!!!!!!!!!

      เวทย์ไฟและน้ำถูกปล่อยมาจากมือบอบบางเพียงข้างเดียวพร้อมๆกันอันเป็น
      ความสามารถพิเศษ ส่วนอีกมือเจ้าตัวยังคงจับดาบไว้มั่นและในขณะเดียวกัน
      นั้นก็สร้างกระจกคุ้มกันตัวเองอีก และไม่ปล่อยขาเรียวงามและเท้าที่ติดกันให้ไร้
      งานทำ เจ้าตัวจัดการเปิดช่องกระจกล่างและถีบออกไป แต่ปีศาจนั้นก็ไวใช่ย่อย
      เสกตัวเองให้หายไปครึ่งตัวแล้วโผล่ด้านหลังหมายจะเตะให้เสียหลัก แต่อีกฝ่าย
      รู้ตัวเสกกระจกป้องกันอีกครั้งส่งผลให้เท้านั้นบวมเป่ง

      ปีศาจผู้มากประสบการณ์รู้ดีว่าไม่สามารถรับดาบของอีกฝ่ายที่ยังมีพลังเวทย์เหลือ
      เฟือด้วยมือข้างเดียวได้ จึงสร้างเกาะคุมกันตัวเองและได้แต่ภาวนาให้มันกัน
      เวทย์น้ำและไฟที่ปล่อยออกมาพร้อมกันนั้นได้ถึงแม้จะยากเต็มทน ตอนนี้มัน
      เอาร่างกายท่อนล่างกลับมาปะติดปะต่อเหมือนเดิมแล้วและยันเกาะคุ้มครองตัว
      เองเป็นการช่วยให้เกาะนั้นยังต้านเวทย์นั้นอยู่ได้

      ดวงหน้างามมีรอยยิ้มประดับอยู่อีกครั้งเมื่อเจ้าตัวคิดวิธีได้ นอกจากจะเล่นเวทย์
      สองสายนั้นแล้วเจ้าตัวก็เค้นพลังอีกส่วนเล่นเวทย์อีกสายคือเวทย์แสงที่มีอยู่
      อย่างเต็มเปี่ยมอยู่แล้วในตัวพุ่งเข้าไปอีก กลายเป็นว่าตอนนี้มือเดียวเล่นเวทย์
      สามสายการป้องกันของปีศาจผู้ตกเป็นรองนั้นมีหรือจะทานไหว...

      บึ้มมมมมม!!!!!!!

      เสียงดังลั่นเนื่องจากการระเบิดของเกาะที่แข็งที่ไม่อาจต้านเวทย์ที่แกร่งกว่าได้
      แต่เจ้าปีศาจนั่นก็ไวสมชื่อ หายตัวทันก่อนที่หายนะจะถึงตัวแต่ก็เสียพลังไปไม่
      น้อยในขณะที่อีกฝ่ายเสียไปเพียงนิดเพราะไม่ได้ใช้พลังตัวเองซักเท่าไหร่ แต่
      ใช้พลังปีศาจที่เคยสะกดในตัวเองที่ถูกความแค้นปลุกให้ตื่นขึ้นนั้นเป็นตัว
      จัดการ รัศมีสีทองที่คลุมอยู่นั้นแม้จะกินพลังแต่เจ้าตัวก็ยังมีพลังอีกเหลือเฟือ...
      การต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับ 2 ต่อ 1 เพราะเจ้าหญิงแห่งมัลเลนไม่ได้ใช้พลัง
      ของตัวเองคนเดียว


      แต่การต่อสู้ยังไม่จบลง...และมันกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

      ปีศาจที่มีอายุรุ่นทวดแต่ใช้สายเลือดความเป็นปีศาจร่างของตัวเองจึงยังอยู่ใน
      สภาพหนุ่ม และสายตาก็ยังคงรับภาพได้ไวในยามรัตติกาลเช่นนี้ มันใช้การหาย
      ตัวได้ให้เป็นประโยชน์ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายใช้ได้แต่ไม่ชอบใช้ แต่เนื่องจากใช้
      บ่อยจึงย่อมมีความถนัดมากกว่า เรื่องอะไรที่ปีศาจอย่างมันจะไม่ฉกฉวยโอกาส
      นี้...

      เปาะ! ขวับ!

      เพียงแค่ดีดนิ้วร่างทั้งร่างก็หายไปอย่างรวดเร็ว อลิซร่ายเวทย์กระจกป้องกันตัว
      รอบทิศไว้ก่อนแล้วค่อยจัดการทีหลัง เพราะถึงแม้จะมีกระจกกั้น เธอก็ยัง
      สามารถใช้เวทย์เล่นงานมันได้ ก่อนนี้ที่ไม่ใช้เพราะความรู้สึกอยากลงมือเอา
      ดาบฟาดฟันด้วยตัวเองนั้นฉุดรั้งความคิด แต่ตอนนี้เธอหันมาเปลี่ยนวิธีบ้าง...จะ
      ได้ไม่เบื่อ... ไม่เปลืองแรง... ไม่เจ็บตัว... และอาจจะรวดเร็วกว่า

      เพียงแค่หลับตาและร่ายเวทย์เพิ่มความแข็งแกร่งให้กระจกเรื่อยๆอีกฝ่าย
      ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ถึงแม้มันจะหายตัวโจมตีเพื่อให้มองไม่เห็น แต่ด้วยพลัง
      ทางตาที่ถูกดึงความสามารถมาโดยพลังแห่งความมืดที่ตื่นขึ้นทำให้เห็นได้ชัด...
      ฝ่ายปีศาจนั้นก็ยังคงเล่นทั้งเวทย์ทั้งดาบทำลายกระจก และเลิกหายตัวไปแล้ว
      เพราะกับเจ้าหญิงคนนี้คงไม่มีประโยชน์

      อลิซไม่ปล่อยให้มันจัดการเพียงฝ่ายเดียว เธอเริ่มร่ายเวทย์รัศมีสีทองที่
      คลุมอยู่อย่างแน่นหนาก็บางลง ส่วนหนึ่งกำลังทำตามคำสั่งเธอ...มันรวมตัวกัน
      เป็นรูปมือสีทองขนาดใหญ่แล้วก็ไล่คว้าตัวปีศาจที่คราวนี้ต้องใช้ความไวให้เป็น
      ประโยชน์อย่างเร่งด่วน มือสีทองไล่คว้าปีศาจที่ไม่สามารถหายตัวออกไปไหนได้
      เพราะมีคลื่นพลังหรือโดมทองนั้นปิดกั้น โดมที่เธออุตส่าห์ใช้พลังสร้างขึ้นเพื่อ
      ประโยชน์นี้ และตลอดเวลาที่สู้มาเจ้าปีศาจผู้มากประสบการณ์ก็ไม่ได้รู้ตัวเลย

      หลังจากไล่จับปีศาจราวกับไม้ไล่ตีแมลงวัน ปีศาจตัวนั้นก็อยู่ในกำมือสี
      ทองอย่างง่ายดาย ง่ายเกินกว่าที่จะเชื่อว่านี่น่ะหรือคือปีศาจอันดับ 1 ใน 6
      องครักษ์ปีศาจที่ขนาดกินหัวใจเข้าไปแล้วยังง่ายขนาดนี้ ถ้าเจ้าหญิงแห่งมัลเลน
      ไม่มัวเล่นอยู่แล้วใช้วิธีนี้แต่แรก มันก็คงไม่ยืดเยื้อขนาดนี้...

      “ การต่อสู้จบแล้วสินะ...แต่เดี๋ยว...มีเกมให้เล่นก่อน...ไม่ต้องรีบร้อน ” น้ำเสียง
      เย้ยหยันทำให้ปีศาจในกำมือนั้นมีโทสะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอก
      จากที่จะเป็นของเล่นของเจ้าหล่อนในตอนนี้ และอีกไม่นานเมื่อถูกเก็บเข้ากำไล
      ก็คงกลายเป็นข้ารับใช้หรือเรียกง่ายๆว่าทาสโดยสมบูรณ์

      เจ้าหญิงแห่งมัลเลนจัดการเสกไพ่ขึ้นมาสองใบแล้วถาม
      “ ในจำนวนสองใบนี้มีใบนึงเขียนว่าตาย อีกใบคือทาส ฉันให้แกเลือกชะตาชีวิต
      ตัวเอง ”
      เป็นการเลือกที่ลำบากใจที่สุดนับตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้ มันยังไม่เคยหนักใจเท่า
      นี้เล้ย...

      “ สอง ” น้ำเสียงตอบแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่แต่ยังไงศักดิ์ศรีในตอนนี้ก็ไม่ได้มี
      มากมาย อย่างน้อยการได้เลือกก็อาจทำให้เป็นอะไรแล้วไม่ต้องโทษใครเพราะ
      เป็นคน ( ตัว ) เลือกเอง

      “ แกโชคดี... ” แล้วเจ้าหญิงคนสวยก็ยิ้มเยาะก่อนจะหันไพ่ใบหนึ่งที่ทำให้ปีศาจ
      ผู้โชคดี ( ? ) แทบสำลักน้ำลายตัวเองและคิดอยากตายขึ้นมาทันควัน เพราะใบ
      นั้นมันเขียนอย่างชัดเจนเลยว่า...ทาส

      “ ทีนี้ก็อย่างสุดท้าย...( ชูไพ่ขึ้นมา 3 ใบ )...เวลา...มีให้เลือกว่าวันนี้...อีก 1 ปี...
      แต่ถ้าโชคดีจะได้คำว่าปล่อย ” คำพูดที่ทำให้ผู้ฟังตาเบิกกว้าง ปีศาจเริ่มมีความ
      หวังขึ้นมาเพราะรู้ว่าเจ้าหญิงแห่งมัลเลนเป็นผู้รักษาสัจจะ ส่วนพี่สาวและเพื่อนที่
      นั่งชมอยู่เบื้องล่างต่างงงว่าเธอจะทำอะไรกันแน่ แต่เฟิร์ซนั้นได้แต่นั่งและยิ้ม
      เพราะมองออกหมดว่าน้องสาวจะทำอะไร

      “ ใบที่...ใบที่...ใบที่สาม ” ตัดสินใจเสี่ยงดวงและภาวนาให้บุญช่วยส่งแม้จะรู้อยู่
      เต็มอกว่าตัวเองไม่เคยทำบุญ

      “ วันนี้ ” คำตอบพร้อมการโชว์ให้ดูเป็นการยืนยันทำให้มันหน้าสลดเสียดาย แต่
      ผู้ตอบไม่หยุดพูดเพียงแค่นั้น

      “ เป็นปีศาจซะเปล่า...ไม่ฉลาด ไม่รอบคอบ เซ่อ... ” คำว่าเป็นชุดแทนที่จะเรียก
      ความโกรธแต่กลับเรียกความงงได้มากกว่า

      “ จะบอกให้นะว่า...ฉันไม่ได้บอกซักคำว่ามันมี 3 ใบ...( โชว์อีก 3 ใบขึ้นมาให้ดู )
      มีปากไม่รู้จักถามเอง...อีกอย่างสามใบที่ชูให้ดูน่ะมีแต่คำว่าวันนี้ทั้งนั้นแหละ...
      เฮ้อ...เป็นปีศาจซะเปล่า นึกว่าจะฉลาดกว่านี้...ปากก็มีไม่รู้จักถามเองนะ ช่วยไม่
      ได้...ฉันคงต้องทำตามระเบียบอุตส่าห์ให้โอกาสเป็นพิเศษแล้วนะเนี่ย ” เจ้าตัว
      แสร้งพูดเสียงอ่อน แต่คำพูดนั้นก็ทำให้ผู้ฟังที่ยกเว้นพี่ชายตัวดีนั้นทำหน้าเอ๋อ
      ไปตามๆกัน...ก็ใครมันจะไปคิดเล่า...แล้วเจ้าตัวก็จัดการเก็บปีศาจลงกำไล...

      “ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นกันหรอก...ดูไม่ออกกันรึไงว่าอลิซจงใจแกล้งให้มัน
      กระอักเล่น สู้กันมามีรึจะปล่อยไปง่ายๆ...น่าสงสารปีศาจตัวนั้น อีกหน่อยคงต้อง
      รับคำสั่งงานง่ายๆจากอลิซ... ” ผู้ฟังกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ความรู้สึก
      เห็นใจปีศาจที่กำลังถูกเก็บตัวนั้นโผล่ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ เพราะต่างรู้ดีๆว่างาน
      ง่ายๆไม่ง่ายอย่างที่เจ้าตัวว่า...

      “ อลิซมีปีศาจเป็นทาสอยู่ในกำไลตั้งมากมาย แต่ทำไมไม่ค่อยใช้... ” เอ๊ดที่หลุด
      จากห้วงแห่งความคิดถามขึ้น เพราะจากประสบการณ์ที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี
      นั้นไม่เคยเห็นเพื่อนตัวดีใช้ปีศาจพวกนี้เลยซักครั้ง

      “ ก็มันมีงานทำกันทุกตัวน่ะสิ...ลิซไม่เคยปล่อยให้ปีศาจพวกนี้ว่างงานหรอก พูด
      ง่ายๆคือเป็นการแก้แค้นไปในตัว...อย่างเช่น บางตัวถูกสั่งให้นับเม็ดทรายใน
      กะละมัง บางตัวก็ถูกสั่งให้ใช้มือตักน้ำไปใส่ในอ่างซึ่งระยะไกลกันมากและห้าม
      ใช้เวทย์ใดๆ มันถึงไม่มีตัวไหนว่างแล้วทำเสร็จก็ต้องมารับงานใหม่อีก...พูด
      ง่ายๆว่าตายไปซะยังดีกว่า... ” น้ำเสียงที่บ่งบอกนึกการนึกสนุกบวกกับการ
      หัวเราะนิดๆแต่ทำเอาผู้ฟังกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ส่วนเบลผู้เป็นพี่สาวของผู้ที่
      ถูกกล่าวถึงนั้นสีหน้าเรียบเฉยเพราะพอรู้มาบ้างถึงการเล่นสนุกของน้องสาว...

      ฟิ้ว!

      เสียงบางอย่างร่วงลงสู่พื้นเรียกความสนใจทำให้นัยน์ตาทุกคู่หันขวับไปมองแล้ว
      ก็พึ่งสังเกตเห็นด้วยว่าโดมทองหายไปแล้ว

      อลิซ!!! ” ทั้งหมดพร้อมใจกันตะโกนออกมาเนื่องจากอลิซที่หมดสติหลังจากการ
      แก้แค้นจบลงกำลังร่วงลงมาสู่เบื้องล่างและไม่มีอะไรรองรับ!………………………

      -----------------------------

      จบภาคแล้วค่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×